หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

七夕乞巧秋望月,天河牛女渡鹊桥。

七夕节 เทศกาลราตรี7 
คืนวันที่ 7 เดือน 7 ในปฏิทินการเกษตรของจีน เป็นคืนที่ท้องฟ้าโปร่งใสดวงดาวสุกสกาว ท่ามกลางหมู่ดาวที่ระยิบระยับมีเส้นสีขาวจางๆอยู่เส้นหนึ่งพาดยาวอยู่ระหว่างทิศเหนือกับทิศใต้เรียกว่า  แม่น้ำเงิน มีดาวสองดวงสั่นระยิบระยับอยู่สองฝั่งของแม่น้ำเงิน ต่างชะเง้อมองซึ่งกันและกัน นั่นคือดาวเทพธิดาทอผ้า และดาวโคบาล ในคืนนี้จะมีวิหค(喜鹊)ต่อตัวเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเงิน ให้ทั้งสองมีโอกาสข้ามแม่น้ำมาพบหน้ากันเพียงปีละครั้ง 
ตามตำนานเล่าว่า ในเมืองหนานหยางมีหนุ่มกำพร้าผู้หนึ่ง อาศัยอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ ทำหน้าที่เลี้ยงโคจึงเรียกว่าหนุ่มโคบาล พี่สะใภ้เป็นคนใจแคบพยายามหาทางกลั่นแกล้งขับไล่อยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งพี่สะใภ้ใช้ให้โคบาล นำโคตัวผู้ 9 ตัวออกไปลี้ยง และให้รอจนกว่ามีโคครบ 10 ตัวเมื่อไหร่จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ โคบาลนำโคทั้ง 9 ตัวออกไปเลี้ยงที่เชิงเขา ในขณะที่รู้สึกหมดอาลัยตายอยากอยู่นั้น ก็พบกับชายชราผู้หนึ่งมาบอกว่า ข้ามเขาลูกนี้ไปมีโคเฒ่าบาดเจ็บอยู่ตัวหนึ่ง ให้รักษาให้หายแล้วเลี้ยงดูให้ดีจะเป็นประโยชน์ในอนาคต โคบาลข้ามเขาไปตามคำแนะนำของชายชราก็พบโคเฒ่าบาดเจ็บตัวหนึ่งจริง จึงทำการรักษาพยาบาลจนโคเฒ่านั้นหายดีแล้ว จึงนำโคทั้ง 10 ตัวกลับบ้าน แต่พี่สะใภ้ก็ยังไม่พอใจหาทางกลั่นแกล้งทำร้ายโคบาลอยู่ตลอดเวลา แต่โคบาลก็รอดพ้นมาได้ด้วยความช่วยเหลือของโคเฒ่าทุกครั้ง ในที่สุดพี่สะใภ้ก็ขับไล่โคบาลออกจากบ้านไปกับโคเฒ่าตัวนั้น จากนี้ไปโคบาลก็เร่ร่อนรับจ้างทำงานหาเลี้ยงชีพโดยมีโคเฒ่าเป็นเพื่อนคู่ชีพ วันหนึ่งบรรดาเทพธิดาจากสรวงสวรรค์หนีลงมาเล่นน้ำที่สระแห่งหนึ่ง โคเฒ่าได้วางแผนให้โคบาลจับตัวเทพธิดาทอผ้าเอาไว้ได้ โคบาลจึงได้เทพธิดาทอผ้ามาเป็นภรรยาคู่ชีวิต โคบาลรับจ้างทำงานอย่างขันแข็ง เทพธิดาทอผ้ารับเย็บถักปักร้อยและนำเอาไหมฟ้าบนสวรรค์มาเพาะเลี้ยงในโลกมนุษย์ สอนชาวบ้านให้เรียนรู้วิธีสาวใยไหมและทอผ้าไหมที่มีสีสันงดงาม ทำให้ทั้งสองมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อยู่กินครองคู่กันอย่างมีความสุขจนมีบุตรชายหญิงด้วยกัน 2 คน ต่อมาโคเฒ่าได้เสียชีวิตลงก่อนจะสิ้นลมได้สั่งให้โคบาลถลกหนังของตนเองทำเป็นรองเท้าหนึ่งคู่ เมื่อถึงคราวหมดสิ้นหนทางให้นึกถึงตนเอาไว้ รองเท้าคู่นี้สามารถช่วยเหลือได้ ในที่สุดเรื่องราวของโคบาลและเทพธิดาทอผ้าก็ล่วงรู้ไปถึงหูของเจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์ จึงส่งทหารมาจับตัวเทพธิดากลับไป โคบาลนึกถึงคำพูดของโคเฒ่าจึงสวมใส่รองเท้าคู่นั้น   อุ้มลูกชายหญิงไว้ในมือเหาะไล่ตามเทพธิดาไป รองเท้าหนังโคเฒ่าพาโคบาลเหาะไล่ตามเข้าสู่เขตแดนสวรรค์ เจ้าแม่แห่งสวรรค์จึงใช้ปิ่นขีดเส้นขวางทางโคบาลเอาไว้ กลายเป็นแม่น้ำเงินที่มีคลื่นลมแรงจนโคบาลไม่สามารถฝ่าคลื่นลมข้ามไปได้ ทั้งสองจึงได้แต่นั่งร้องไห้ด้วยความทุกข์ระทมอยู่สองฝั่งแม่น้ำ จนกระทั่งวิหคสวรรค์เห็นใจในความรักของทั้งสอง   จึงต่อตัวกันเป็นสะพานวิหคให้ทั้งสองข้ามมาพบกันในคืนวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี
นิยายรักเรื่องเทพธิดาโคบาลเป็นหนึ่งในสี่นิยายรักที่แพร่หลายในหมู่ชนชาวจีน   เชื่อกันว่าในคืนวันที่ 7 เดือน 7 จะสามารถมองเห็นดาวทั้งสองปรากฏอยู่บนฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเงิน   และจะเห็นดาวทั้งสองค่อยๆเคลื่อนเข้าหากัน นั่นคือทั้งสองได้ขึ้นสะพานวิหคพบกันกลางแม่น้ำ ว่ากันว่าในวันนี้จะไม่ค่อยเห็นวิหค(鹊喜)บนพื้นโลกเพราะต่างขึ้นไปเป็นสะพานให้กับคนทั้งสอง หนุ่มสาวหากแอบซุ่มอย่างสงบอยู่ใต้ร้านแตงจะได้ยินเสียงพูดคุยของคนทั้งสอง  หนุ่มสาวชาวจีนโดยเฉพาะคู่รักกันจึงนิยมออกมาชมดาวเทพธิดาทอผ้าในคืนวันนี้   โดยเฉพาะหญิงสาวจะถือโอกาสอธิษฐานขอให้ตนเองมีการฝีมือที่เลิศล้ำ   และมีความรักที่งดงามและยั่งยืน   เนื่องจากเทพธิดาทอผ้าเป็นผู้ที่มีการฝีมือ   ได้นำเอาวิธีการเลี้ยงไหม   สาวใยไหม ทอผ้าไหมและการเย็บถักปักร้อยมาเผยแพร่ให้กับมวลมนุษย์  ในวันนี้จึงเรียกว่าวันการฝีมือของสตรี อีกชื่อหนึ่ง(乞巧节)และบรรดาหญิงสาวก็อาจมีการแสดงผลงานที่ประดิษฐ์ขึ้นจากฝีมือของตนเองเช่น   การแกะสลักลูกแตงผลไม้   การทำขนมประดิษฐ์ต่างๆ   ผลงานจากการเย็บถักปักร้อย   หรือผลงานการฝีมืออื่นๆ   รวมทั้งสวมใส่เสื้อผ้าที่เกิดจากการเย็บถักปักร้อยของตนเองติดเครื่องประดับที่เป็นผลงานการฝีมือของตนเองในคืนชมดาวนี้   ในบางแห่งยังมีการประกวดแข่งขันกันอีกด้วย   หญิงสาวในแถบมนฑลซานตง และจี้หนาน   นิยมรวมกลุ่ม 7 คนห่อเกี๊ยวร่วมกันโดยเอาเหรียญทองเหลือง เข็มและพุทรา  ผสมในใส้เกี๊ยว   เวลากินถ้าใครได้เข็มจะถือว่าได้พรการฝีมือ   ใครได้เหรียญทองเหลือง จะมีโชคลาภ   ใครได้ลูกพุทราจะได้พบกับความรัก   แถบมนฑลเจียงซู และเจ๋อเจียง   จะนิยมฆ่าไก่ตัวผู้ในวันนี้   โดยเชื่อกันว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่เทพธิดาโคบาลได้พบกัน   ถ้าหากว่าไม่มีไก่ขันในยามเช้า   ทั้งสองก็จะไม่ต้องแยกจากกัน 

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

วันแห่งความรักของจีน

วันเจ็ดเดือนเจ็ดสองเจ็ดของปี
จักต้องมีวิหคผกหมื่นแสน
ก่อตัวเป็นสะพานพิมานแมน
เป็นดินแดนให้สองต้องพบกัน
 
 
 

ยอดเยี่ยม

ยอดเยี่ยมมากครับ สำหรับบทกวีของคุณจองกว๊านหมิ่น  

ไหงเอาลิ้งค์ภาพยนต์เรื่อง牛郎织女มาแปะครับ

七月七日长生殿,夜半无人私语时;在天愿作比翼鸟,在地愿为连理枝。

http://v.youku.com/v_show/id_XMzcxMTY2NjE2.html

เวอร์ชั่นนี้แสดงโดยคณะ安徽黄梅戏剧团อาจฟังไม่ค่อยคุ้นหูเหมือนของฮ่องกง เรื่องนี้เริ่มสร้างในปีคศ.1963 หลังจากฉายได้เพียงสองรอบก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นวัฒนธรรมของปัญญาชนนายทุนน้อย จนต้องถูกแบนในที่สุด สำหรับ严凤英นักแสดงเอกฝ่ายหญิงต้องยอมลดเงินเดือนตัวเอง และเข้าอบรมการแสดงเป็น 江姐 ตัวเอกในเรื่อง 红岩

หลี่อวี้ก


หลี่อวี้กษัตริย์นักกวีในยุคอู่ไต้

ท่ามกลางความระส่ำระสายในยุค อู่ไต้ 
เมฆร้ายพลันคลี่คลายฟ้าสดใส
ละอองฝนชโลมผืนดินที่แห้งแล้งมานานปี 
สู่ยุคบ้านเมืองสงบสันติสุขยั่งยืนนาน
ผู้คนต่างประดับประดาทั่วทุกแห่งหน  
เสียงมโหรีบรรเลงทุกบ้านช่อง
ใต้ฟ้าสุขสันติ์ไร้เรื่องราว       
ไพร่ฟ้านอนตาหลับไร้กังวล

 บทกลอนข้างบนนี้เป็นบทกลอนที่แต่งโดย นักพรต คังเจี๋ย (เส้าเหยาฟู) ในสมัยจักรพรรดิ ซ่งเสินจง เป็นบทรำพึงรำพันถึงความระส่ำระสายในยุคสิ้นราชวงศ์ถัง ที่ต่อมานักประวัติศาสตร์เรียกว่าสมัย อู่ไต้ แผ่นดินในยุคนั้นเปลี่ยนแปลงราชวงศ์กันแทบทุกเช้าค่ำ รบพุ่งกันไม่เว้นแต่ละวัน แย่งชิงอำนาจกันในห้าสกุลใหญ่คือ จู  หลี่ สือ หลิว กวอ ก่อตั้ง เหลียง ถัง จิ้น ฮั่น โจว ห้าราชวงศ์ มีกษัตริย์ปกครองรวม 15 พระองค์ ตลอดช่วง 50 ปี ไม่เคยมีปีใดที่ประชาชนจะได้อยู่เย็นเป็นสุข   

ข้างต้นนี้เป็นข้อความขึ้นต้นในบทแรกในเรื่อง水浒传ที่บรรยายถึงความระส่ำระสายในสมัยอู่ไต้
 
ในวันที่ 7 เดือน 7 อันเป็นวันแห่งความรักของจีนนั้น ในขณะเดียวกันก็เป็นวันประสูติและวันสิ้นพระชนม์ของ หลี่อวี้ กษัตริย์ของปลายราชวงศ์โห้วถังในยุคอู่ไต้  หลี่อวี้ เป็นโอรสองค์ที่ 6 ของกษัตริย์唐中主ตามลำดับแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นกษัตริย์เลย ทำให้หลี่อวี้ไม่สนใจการบ้านการเมืองตั้งแต่เล็ก  กลับสนใจเรื่องกาพย์กลอนเป็นพิเศษ  แต่คนคำนวณมิเท่าฟ้าลิขิต  พี่ชายทั้ง 5 ของหลี่อวี้ กลับมีอันเป็นไปก่อนวัยอันควรเสียทั้งหมด  ทำให้หลี่อวี้จำต้องสืบทอดตำแหน่งอย่างไม่เต็มใจนัก   ก่อนที่หลี่อวี้จะขึ้นครองตำแหน่ง ราชวงค์โห้วถังเริ่มเสื่อมถอย หลี่อวี้ เป็นกษัตริย์เจ้าสำราญ  ชมชอบการเขียนบทกวีและร้องรำทำเพลงมากกว่าการบริหารบ้านเมือง  ทำให้สถานะการณ์ยิ่งเสื่อมถอย
 虞美人 李煜

春花秋月何时了 
往事知多少 
小楼昨夜又东风 
故国不堪回首月明中 
雕栏玉砌应犹在 
只是朱颜改 
问君能有几多愁 
恰似一江春水向东流     
กวีนิพนธ์บทนี้เป็นบทกวีเอกของ李煜 หลังจากที่ได้ตกเป็นเชลยของเมืองซ่งแล้ว ในวันขึ้น7ค่ำเดือน7ปีคศ.978李煜 ได้นำบทเพลงนี้มาขับร้องฉลองวันเกิดของตนเอง ในบทเพลงได้กล่าวถึงอะไรที่เกี่ยวกับตะวันออกอยู่หลายประโยคเช่น小楼昨夜又东风 หรือ恰似一江春水向东流   ทำให้ซ่งไท่จงไม่พอใจ เนื่องจากเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งคือเมือง 卞梁ในสมัยนั้นเรียกว่า东京 จึงกล่าวหาว่า李煜 มีใจคิดขบถต่อเมืองซ่ง จึงประทานสุราพิษให้ ปลิดชีพในงานวันเกิดนั่นเอง เพลง 虞美人 นี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักของชาวจีนทั่วไปรวมทั้งในไทยด้วย เนื่องจากมีนักร้องชื่อดังชาวไต้หวัน 邓丽君   นำมาขับร้องเผยแพร่ในชื่อเพลงว่า几多愁 
 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal