จงชิว เทศกาลฉลองฤดูเก็บเกี่ยว
วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ในปฏิทินการเกษตรของจีนเป็นวันเทศกาลจงชิว(中秋节) ที่คนไทยเราเรียกว่าวันไหว้พระจันทร์ เดือน 8 เป็นเดือนที่อยู่กลางฤดูชิว และวันขึ้น 15 ค่ำเป็นวันที่อยู่กลางเดือน 8 จึงเรียกว่าวันจงชิว(中秋) มีบันทึกเรื่องราวของจงชิว ในคัมภีร์โจวหลี่ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว การก่อเกิดของเทศกาลจงชิว สืบเนื่องมาการบูชาธรรมชาติของมนุษย์ กษัตริย์ในสมัยโบราณมีพิธีฤดูชุนบูชาสุริยะเทพ เซี่ยบูชาแม่ธรณี ชิวบูชาดวงจันทร์ และตงจื้อบูชาสวรรค์ ชาวจีนมีประเพณีบูชาดวงจันทร์มาแต่โบราณ มีเรื่องเล่ากันว่าสมัยในโบราณเมืองฉีมีหญิงสาวอัปลักษณ์ผู้หนึ่งชื่อว่า อู๋เหยียน นางบูชาดวงจันทร์ด้วยใจศรัทธาอย่างมั่นคง เมื่อโตขึ้นนางถูกคัดเลือกส่งตัวเข้าวัง แต่ไม่ได้รับการโปรดปราณ ปีหนึ่งในคืนวันขึ้น 15เดือน8 กษัตริย์ได้พบนางโดยบังเอิญใต้แสงจันทร์ รู้สึกว่านางงดงามเป็นพิเศษ จึงได้แต่งตั้งนางเป็นราชินี สืบทอดเป็นประเพณีบูชาดวงจันทร์ในวันนี้ โดยเฉพาะสตรีต่างก็ขอพรขอให้สดใสดั่งเดือนเพ็ญ งดงามดั่งเทพีฉางเอ๋อ
ฤดูชิว คือฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว ชาวจีนโบราณมีคำกล่าวว่า ชุนไถหว่านเซี่ยเพาะปลูกชิวเก็บเกี่ยว นั่นก็คือจากการทำงานอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำมาตลอดทั้งปีในฤดูชุนและเซี่ย จะมาเก็บเกี่ยวดอกผลเอาในฤดูชิว จึงเป็นฤดูกาลที่น่ามีการเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่ง บรรยากาศในฤดูชิว แกนโลกเบนห่างออกจากดวงอาทิตย์ อากาศร้อนในฤดูเซี่ยเริ่มคลายตัวลง ท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆหมอกและดูสูงกว่าฤดูอื่น ดวงจันทร์สุกใสกลมโตเป็นพิเศษ จึงเหมาะแก่การดื่มเหล้าจิบชาชมจันทร์ โดยเฉพาะถ้าปีไหนการเพาะปลูกได้ผลดีเรียกว่า เฟิงโซว(丰收) หรือเฟิงเหนียน(丰年) ยิ่งต้องเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข และเป็นการเตรียมตัวต้อนรับลมหนาวที่จะย่างกรายมาในไม่ช้า จึงเห็นได้ว่าการเฉลิมฉลองในฤดูเก็บเกี่ยวเป็นเทศกาลฉลองในหมู่มวลชนที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณในสังคมการเกษตร ต่อมาได้เผยแพร่ไปถึงเหล่าขุนนางชนชั้นสูงในรั้วในวัง จนกระทั่งในสมัยถัง จงชิว จึงถูกกำหนดเป็นวันเทศกาลประจำปีอย่างทางการ พอถึงสมัยหมิงและชิง เทศกาลจงชิว ได้ถูกกำหนดเป็นหนึ่งในสามเทศกาลใหญ่ประจำปี
ขณะเดียวกันฤดูชิวก็เป็นสัญลักษณ์ของความทุกข์โศกเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะปีไหนที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล การเพาะปลูกไม่ได้ผลเรียกว่าฮวางเหนียน(荒年) ไม่มีข้าวเก็บในยุ้งในฉางมองดูท้องนาเหลือแต่ต้นข้าวที่เฉาแห้ง ต้นไม้ผลัดใบเหลือแต่กิ่ง ใบเหลืองแดงปลิวว่อนตามสายลม คนที่ทุกข์โศกเหม่อมองสายน้ำในลำธารที่ใกล้จะแห้งขอดจนมองทะลุเห็นก้น ไหลเอื่อยๆไปอย่างไร้จุหมาย สายลมที่พัดมาต้องผิวกายยิ่งให้รู้สึกเย็นจับจิต ช่างดูเป็นบรรยากาศที่หงอยเหงาเศร้าสร้อยกระไร จึงมีคำกล่าวว่า ว่างชวนชิวสุ่ย(望穿秋水)
เทพีฉางเอ๋อ จรดวงจันทร์ (嫦娥奔月)
เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลจงชิวมีอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องเทพนิยายฉางเอ๋อ และโฮ่ว-อวี้ ซึ่งเป็นนิยายปรัมปราที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์โบราณว่า ฉางเอ๋อ เป็นภรรยาของโฮ่ว-อวี้ ขโมยกินยาอายุวัฒนะที่โฮ่ว-อวี้ ได้มาจากเจ้าแม่ซีหวางหมู่แห่งเขาคุนลุ้น จึงถูกสาปให้กลายเป็นคางคกฝนยาอยู่ที่วังเย็นบนดวงจันทร์ มีชีวิตอยู่อย่างคับแค้นเดียวดายไปชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่เนื่องจากดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม มีอิทธิพลต่ออารมณ์และจิตใจของคนเราทั้งยามสุขและยามเศร้า คนทุกชาติทุกภาษาในโลกนี้ล้วนมีนิยายรักโรแมนติค มีบทเพลงบทกวีที่เกี่ยวข้องกับดวงจันทร์อยู่มากมาย ทำให้นักเขียนนักนักกวีในยุคต่อมามีความรู้สึกว่าฉางเอ๋อ ถูกสาปกลายเป็นคางคกไปอยู่ที่ดวงจันทร์เป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับความรู้สึกของผู้คนที่เห็นดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม ความนุ่มนวล จึงมีการแก้ไขเทพนิยายเรื่องนี้เป็น ในสมัยของจักรพรรดิ์เหยา บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ปรากฎถึง 10 ดวง แผ่รังสีความร้อนแผดเผาจนพืชผลบนพื้นโลกแห้งตาย พื้นดินแตกระแหงท้องทะเลแห้งเหือด ผู้คนล้มตาย ในขณะนั้นเกิดวีรบุรุษผู้หนึ่งชื่อว่าโฮ่ว-อวี้ (บางฉบับว่าเป็นเทพจุติลงมา) มีความสามารถในการยิงธนูสูงเยี่ยม โฮ่วอวี้ ใช้ธนูยิงดวงอาทิตย์ตกลงมา 9 ดวง เหลือไว้เพียงหนึ่งดวงและกำชับให้ขึ้นทางทิศตะวันออกในเวลาเช้า ตกลงทางทิศตะวันตกในเวลาเย็น เพื่อให้เกิดฤดูกาลที่เหมาะแก่การเพาะปลูก โฮ่ว-อวี้จึงกลายเป็นวีรบุรุษที่ได้รับการยกย่อง มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีคนหลั่งไหลมาเป็นลูกศิษย์ลูกหา และได้แต่งงานกับฉางเอ๋อ ผู้เลอโฉม วันหนึ่งโฮ่ว-อวี้ เดินทางไปพบเจ้าแม่ซีหวางหมู่ ที่เขาคุนลุ้น ได้รับยาอายุวัฒนะมาเม็ดหนึ่ง โฮ่ว-อวี้ เกรงว่าถ้าตัวเองกินยานี้แล้วคงต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่ฉางเอ๋อเสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่ยอมกินฝากให้ฉางเอ๋อ เก็บยานี้เอาไว้ วันหนึ่งโฮ่ว-อวี้ พาลูกศิษย์ออกไปล่าสัตว์ เฟิงเหมิง ลูกศิษย์ทรยศได้บังคับให้ฉางเอ๋อมอบยาอายุวัฒนะให้กับตนเอง ฉางเอ๋อ จึงกลืนกินยานั้นลงไป หลังจากกลืนยาลงไปแล้วฉางเอ๋อ ก็รู้สึกตัวเบาล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ความที่คิดถึงและเป็นห่วงสามีจึงไปอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ เฝ้ามองสามีที่อยู่บนพื้นโลก เมื่อโฮ่ว-อวี้ กลับจากการล่าสัตว์จึงได้จัดการสำเร็จโทษเฟิงเหมิง ลูกศิษย์ทรยศ หลังจากนั้นได้แต่เฝ้ามองดวงจันทร์ด้วยความคิดถึงภรรยา ส่วนชาวบ้านต่างก็จุดธูปบูชาฉางเอ๋อที่อยู่บนดวงจันทร์ นิยายเรื่องนี้มีการปรับแต่งเป็นไปหลายรูปแบบ แต่ล้วนแต่เป็นการยกย่องความดีและความงามของฉางเอ๋อ เมื่อประมาน 40 ปีที่ผ่านมาบริษัท国泰ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดยเจ้าเหลย และเล่อตี้ แต่เรื่องราวกลับเป็นโฮ่ว-อวี้ หลงอำนาจกลายเป็นทรราชแสวงหายาอายุวัฒนะ ส่วนฉางเอ๋อ นั้นเดิมเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ เมื่อว่ากล่าวตักเตือนโฮ่ว-อวี้ ไม่เป็นผลจึงจรลีหนีไปอยู่ที่ดวงจันทร์
จูหยวนจาง ก่อการคืนจงชิว
ในสมัยราชชวงศ์หยวน ชาวจีนต้องทนทุกข์ทรมานกับการปกครองที่โหดร้ายป่าเถื่อนของราชสำนักมองโกลมาช้านาน จนถึงปลายสมัยราชวงศ์หยวน เกิดขบวนการต่อต้านราชสำนักขึ้นทั่วทุกหัวระแหง แต่ไม่สามารถจะติดต่อประสานงานกันได้ เนื่องจากราชสำนักมองโกลทำการปิดกั้นอย่างเข้มงวด ในสมัยนั้นแม้แต่การสุมหัวคุยกันเพียงสองคนก็อาจมีความผิดถึงขั้นประหารชีวิตได้ หลิวป๋อเวิน ที่ปรึกษาทางการทหารของจูหยวนจาง จึงคิดทำขนมเปี้ยะแบบมีใส้ขึ้นมาถือเป็นขนมในเทศกาลจงชิว แจกจ่ายให้กับชาวบ้านทั่วๆไป โดยมีหนังสือข้อความว่า“八月十五夜杀鞑子”ซุกซ่อนอยู่ในขนม ส่งให้กับขุมกำลังที่สำคัญ นัดหมายให้ลุกฮือก่อการขึ้นพร้อมกันในคืนวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 (เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ชาวบ้านต้องมีกิจกรรมตามประเพณีอยู่แล้ว) ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นขับไล่ราชวงศ์มองโกล อย่างพร้อมเพรียงกัน กองทหารของจูหยวนจางรุกเข้ายึดสถานที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว หลังก่อการสำเร็จ จูหยวนจาง สถาปนาราชวงศ์หมิง ขึ้น ตั้งตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์นามจักรพรรดิ์หมิงไท่จู่ ประกาศให้มีการเฉลิมฉลองชัยชนะ เปิดราชวังร่วมสุขกับประชาชนในคืนเทศกาลจงชิว ของทุกปี และเรียกขนมนี้ว่าขนมพระจันทร์ ตั้งแต่นั้นมาขนมพระจันทร์จึงกลายเป็นขนมประจำเทศกาลจงชิว มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมากมายหลายรูปแบบ หลายชนิด วันเทศกาลจงชิวจึงกลายเป็นวันเทศกาลขนมอีกเทศกาลหนึ่ง และเนื่องจากวันจงชิว เป็นวันเทศกาลเก็บเกี่ยว นอกจากการเก็บเกี่ยวข้าวในไร่ในนาแล้ว ผลหมากรากไม้ต่างๆก็สุกพอดีวันนี้จึงเป็นวันเทศกาลผลไม้อีกด้วย
เนื่องจากเดือนเพ็ญมีรูปทรงกลม คำว่ากลมนั้นหมายถึงความกลมเกลียว ดังนั้นสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นขนมหรือภาพประกอบ จึงนิยมทำเป็นรูปกลมๆเพื่อแสดงถึงความกลมเกลียว จากการสืบทอดมาแต่อดีตถึงปัจจุบัน เทศกาลจงชิวกลายเป็นวันเทศกาลใหญ่ประจำปีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เป็นรองเพียงวันตรุษจีนเท่านั้น ทุกครอบครัวถือเอาวันนี้เป็นวันสำคัญของครอบครัว ต้องอยู่พร้อมหน้ากินข้าวมื้อกลมเกลียวร่วมกัน คนที่จากไปทำงานอยู่ไกลบ้านก็ต้องกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จึงถือเป็นวันครอบครัวอีกวันหนึ่ง
周璇 - 月下佳人 194x
冰輪乍升放寒光
月下佳人暗嗟傷
怨恨爹娘狠心腸
把奴終身撇一旁
玉兔半露映清光
月下佳人暗思量
男大當婚女當嫁
二八姑娘沒有郎
蟾華雲間透銀光
月下佳人意淒惶
莫非月老太荒唐
姻緣冊上把奴忘
玉盤高懸射皓光
月下佳人愁恨長
自嘆命薄如秋霜
不知何日配成雙
歌曲來源 : MP3 音樂網
www.51wma.com/sort/2_761_254840.html
月下佳人
月落烏啼 月落烏
幾時能過太平年
อีกเพลงหนึ่งคือเพลง 月落烏啼 ขับร้องโดย 吴莺音 เป็นเพลงที่บรรยายถึงความทุกข์ยาก ของชาวบ้านในปีที่การเพาะปลูกไม่ได้ผล
“端午粽子与中秋月饼” บะจ่างตวนอู่สู่ขนมไหว้พระจันทร์จงชิว
สาวงามใต้แสงจันทร์
"明月千里寄相思" 吳鶑音/ 蔡幸娟
ก้ำเซี้ยกว้านหมิ่นโก สมกับเป็นผู้คร่ำหวอดจริงด้วย... บรรยากาศวันไหว้พระจันทร์กำลังน่าอภิรมณ์เช่นนี้ เพลงเก่าเพลงดังที่มีความไพเราะและเกี่ยวกับพระจันทร์มีอีกหลายเพลง คุณกว้อเค่อได้นำร่องมาให้แล้ว เรียนเชิญกว้านหมิ่นโกให้เสียงภาษาไทยต่อด้วยครับบบบ
吳鶑音-明月千里寄相思
明月千里寄相思 吴莺音
夜色茫茫罩四周
天边新月如钩
回忆往事恍如梦
重寻梦境何处求
人隔千里路悠悠
未曾遥问心已愁
请明月代问候
思念的人儿泪常流
月色朦朦夜未尽
周遭寂寞宁静
桌上寒灯光不明
伴我独坐苦孤零
人隔千里无音讯
欲待遥问终无凭
请明月代传信
寄我片纸儿为离情
( music )
蔡幸娟 - 明月千里寄相思
月落烏啼
月落烏啼
月落烏啼霜滿天 วิหคร้องเดือนลับหมอกโปรยปราย
家家無火對愁眠 ทุกครัวเรือนนอนระทมไร้แสงไฟ
東家沒有米和麵 เรือนบูรพาไม่มีแป้งแลข้าวสาร
南家沒有油和鹽 ครัวทางใต้ไม่มีเกลือแลน้ำมัน
西家的閨女沒褲穿 สาวตะวันตกขาดเหลือเสื้อผ้าผ่อน
北家無柴煙囪不冒煙 บ้านทางเหนือไร้ควันฟืนในห้องครัว
朋友呀請你想一想 ขอมิตรสหายจงตรึกตรอง
大家難度中秋節 ชาวพารายากจะผ่านฤดูชิว
幾時能過太平年 คราใดหนาจึงได้พบวันสุขสงบ
สองประโยคแรกของบทเพลงนี้ เอามาจากบทกวีสมัยถังของ张继 ที่ชื่อว่า
枫桥夜泊
月落乌啼霜满天,江枫渔火对愁眠。
姑苏城外寒山寺,夜半钟声到客船。
วิหคร้องเดือนลับหมอกโปรปราย เรือปลาริมฝั่งนอนระทม
วัดหานซานที่นอกเมืองกูซู เสียงระฆังยามดึกดังแว่วมา
สำหรับบทกวีนี้ 张继เขียนขึ้นเมื่อคราวไปเที่ยวที่วัด 寒山寺นอกเมือง 姑苏 江枫ในประโยคที่สองนั้นคือชื่อสะพานสองแห่งอยู่ใกล้วัด 寒山寺คือ江村桥และ枫桥 ที่เรือหาปลามักมาจอดพักยามค่ำคืน ส่วน渔火คือเรือประมง เวลาออกหาปลาพอถึงกลางคืนจะเปิดไฟส่องเพื่อล่อให้ฝูงปลาเข้ามา 渔火จึงหมายถึงเรือหาปลา สำหรับคนเดินทางที่มามืดค่ำแถวนี้ ก็จะขอพักค้างคืนบนเรือที่จอดเทียบอยู่ จึงเรียกว่า客船 กวีบทนี้ของ 张继ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางนอกจากเพลง 月落乌啼 ของ 吴莺音 แล้ว ยังมีอีกเพลงหนึ่งที่เขียนขึ้นจากบทกวีนี้คือเพลง涛声依旧
ขอขอบคุณ
ขอขอบคุณอาแกว้นโกและจองกว๊านหมิ่นโก ที่ช่วยเสนอเพลงและแปลเพลงให้ครับ
ตอเซี่ย
บัดนี้ มีนักพากย์ ผู้ชำนาญทางภาษา มาพากย์ให้ได้รับชม สำหรับผู้สนใจในการเรียน ภาษาจีน ผ่านบทเพลง ซึ่งจะทำให้มีความรู้ในความหมาย อย่างลึกซึ้งเอ่ย
คิดถึงพันลี้กลางแสงจันทร์
蔡琴 - 明月千里寄相思
蔡伟发
張清真
張清真 -《月光小夜曲》
作詞:周藍萍
月亮在我窗前徜徉 投進了愛的光芒
我低頭靜靜地想一想 猜不透你心腸
好像今晚月亮一樣 忽明忽暗又忽亮
啊...到底是愛還是心慌 啊...月光
月夜情境像夢一樣 那甜梦怎能相忘
細語猶在耳邊蕩漾 怎不教我回想
我怕見那月亮光 抬頭忙把窗廉拉上
啊...我心兒醉心兒慌 啊...月光
ขอเสนอเพลงที่เกี่ยวกับกับดวงจันทร์อีกสักเพลง เพลง 月光小夜曲 เพลงนี้เดิมทีเป็นของ 张清真 ซึ่งร้องได้ไพเราะน่าฟังมาก และมีนักร้องอื่นๆร้องกันอีกหลายคน สำหรับ紫薇 ก็ร้องเพลงนี้ได้ไพเราะไม่แพ้กัน ไม่แน่ใจว่านักร้องยอดนิยมของอาวีฟัดโก蔡琴จะมีร้องด้วยหรือเปล่า สำหรับชื่อเพลงจริงๆก็คือ月光ครั้นจะใช้ 月光歌 ก็ดูพื้นเกินไป ก็เลยใช้月光曲 เพลงเกี่ยวกับ 月光ก็ต้องเป็นเวลากลางคืนจึงเติมตัว 夜อีกตัวหนึ่ง ส่วนตัว小 หรือ小曲 มักจะใช้กับเพลงประเภท 流行歌曲 หรือปัจจุบันในจีนนิยมเรียก通俗歌曲 อย่างเช่นเพลง 绿岛小夜曲เป็นต้น นี่เป็นหลักการ 修辞ของจีน เพื่อให้ได้ประโยคหรือวลีที่สวยงามกระทัดรัด
ในเนื้อเพลงมีประโยคหนึ่งที่น่าสนใจคือ怎不教我回想 ตัว教ในประโยคนี้ไม่ได้แปลว่าสอนสั่ง แต่แปลว่าทำให้ ปกติ教นี้ถ้าอ่านว่า"เจียว" จะเป็นคำกริยา แปลว่าสอนหรือ ถ่ายทอดเช่น 教书,教学 เป็นต้น แต่ถ้าอ่านว่า"เจี้ยว"จะเป็นคำนามเช่น教材,教室,教员เป็นต้น มีอีกความหมายหนึ่งซึ่งใช้ใน古文อ่านว่า"เจี้ยว"เช่นกัน แปลว่า让หรือ使 จะมีใช้ในคำประพันธ์อยู่มาก เพื่อตัดความยุ่งยากใน 普通话 ปัจจุบันจะใช้ร่วมกับคำว่า叫 แต่ถ้าไปอ่านในเอกสารโบราณยังคงใช้ 教
บรรยากาศแสงจันทร์ราชบุรี
月光小夜曲 by 童丽 王浩
---
月光小夜曲 童丽 王浩
--------------------------------
月亮在我窗前荡漾 透进了爱的光芒 我低头静静地想一想 猜不透你心肠
好像今晚月亮一样 忽明忽暗又忽亮 啊...... 到底是爱还是心慌 啊......月光
月亮在我窗前荡漾 透进了爱的光芒 我低头静静地想一想 猜不透你心肠
好像今晚月亮一样 忽明忽暗又忽亮 啊...... 到底是爱还是心慌 啊......月光
到底是爱还是心慌 啊......月光
แปลคืนแห่งแสงจันทร์
"月兒彎彎照九州" 靜婷
月兒彎彎照九州
漁哥哥吹笛妹梳頭
"天上的明月光" 董佩佩&江宏
天上的明月光
天上的明月光 董佩佩&江宏
天上的明月光 照在那大路上 เดือนเพ็ญบนนภาสาดส่องบนทางเดิน
路上的行人只有我们俩 บนทางนั้นมีเพียงสองเรา
不呀不声响 不呀不声响 ต่างไม่ส่งเสียงเอยไม่ส่งเสียง
要把那情歌唱呀唱一唱 เพียงจะร้องบรรเลงเพลงรัก
唱呀唱呀唱一唱 ร้องเอยร้องบรรเลงเพลงรัก
不要辜负那好月亮 哎呦 อย่าละเลยแสงจันทร์ที่งดงาม
天上的明月光 照在桥头上 เดือนเพ็ญบนนภาสาดส่องถึงเชิงสะพาน
桥上的行人南来又北往 บนสะพานมีคนเดินขวักไขว่ไปมา
方向不一样 方向不一样 ต่างไปคนละทิศละทาง คนละทิศละทาง
各奔那前程走呀么走匆忙 เพื่ออนาคตวันข้างหน้าจำเดินอย่างเร่งรีบ
走呀么走匆忙 เร่งรีบเอยจำเดินอย่างเร่งรีบ
月色虽好不呀么不欣赏呀 哎呦 แสงจันทร์แม้งดงามไม่มีใจจะชื่นชม
天上的明月光 照在那水面上 เดือนเพ็ญบนนภาสาดส่องบนผืนน้ำ
水上的人影一晃又一晃 เงาคนบนผืนน้ำแลสั่นไหวไหว
分明是一双 分明呀是一双 เห็นชัดว่าอยู่ดูเคียงคู่ เห็นชัดว่าอยู่ดูเคียงคู่
在我的身旁有呀么有情郎 ข้างกายฉันมีคนรักแอบอยู่เคียง
有情郎呀有情郎 มีคนรักเอยมีคนรัก
有的心事只呀么只管讲 哎呦 มีความในใจอันใดรีบบอกมา
天上的明月光 照在那山头上 เดือนเพ็ญบนนภาสาดส่องต้องขุนเขา
山上和山下一片白茫茫 จากยอดเขาถึงเชิงเขาล้วนหม่นหมอง
夜色太凄凉 夜色太凄凉 ราตรีนี้ช่างแสนเศร้า ช่างแสนเศร้า
总有那心事不呀么不能讲 มีความในใจแต่ไม่อาจกล่าว
不能讲呀不能讲 ไม่อาจกล่าวเอยไม่อาจกล่าว
只得辜负好呀么好月亮呀哎呦 ได้แต่ละเลยแสงจันทร์อันงดงาม
"月亮在哪里" 蔡幸娟
月亮在哪里
它照进了我们的家 它照进了我的窗
照着那白发的爹娘 照着那甜蜜的家乡 *
几时能入我的怀抱 诉一诉思乡的衷肠
MUSIC….
月亮在哪里 月亮在哪乡
它照近了我们的家 它照进了我的窗
照着我思念的情郎 照着他思念的脸庞
เดือนเพ็ญอยู๋แห่งไหน เดือนเพ็ญไปทางใด
แสงเดือนส่องเข้าในบ้านของเรา ส่องถึงห้องนอนของฉัน
ส่องต้องพ่อแม่ที่แก่ชรา สาดส่องบ้านเกิดที่แสนอบอุ่น
คราใดจึงกลับสู่อ้อมอกฉัน พร่ำรำพันความคิดถึงภายในใจ
เดือนเพ็ญอยู๋แห่งไหน เดือนเพ็ญไปทางใด
แสงเดือนส่องเข้าในบ้านของเรา ส่องถึงห้องนอนของฉัน
ส่องต้องคนรักที่ฉันคิดถึง ส่องต้องใบหน้าที่เขาถวิล
เพลงนี้ของ 蔡幸娟 ไหงก็พึ่งจะได้ฟังเหมือนกัน คิดว่าคงเจตนาดัดแปลงให้จบลงเพียงเท่านี้ เพราะต้องการจะให้เป็นเพลงที่สื่อถึงความคิดถึงที่มีต่อบ้านเกิด ต่อพ่อแม่และคนรักเท่านั้น ไม่ต้องการให้เกี่ยวพันถึงเรื่องของการศึกสงครามที่มีในเนื้อเพลงเดิม จึงตัดเนื้อหาท่อนท้ายๆออกหมด เพราะฉนั้นเนื้อเพลงสองวรรคหลังจึงไม่มี ส่วนในเนื้อเพลง它照上了我的床 วรรคนี้เป็นเนื้อเพลงเดิม แต่蔡幸娟 เปลี่ยนเป็น 它照进了我的窗 ถ้า照进 คงต้องเป็น 窗
"月儿像柠檬" 龙飘飘
แปลดวงจันทร์เหมือนเลมม่อน
"月下對口" 姚莉
โต้ตอบบทเพลงใต้เแสงจันทร์
"月下情歌" 姚莉
คุณแกว้น-ร่ายยาวไปเลย
"ความสุขสำราญทุกคน"
"丁香" สวยทั้งรูปจูบก็หอม
โอ้โฮ... "多多感谢!!" ตอวตอวก้ำเซี้ยกว๊านหมิ่นโก สองเพลงหัวท้ายในคลิปมีความไพเราะสนุกสนานมาก ด้วยเนื้อหาที่ต่างจากชื่่อเรื่องของบทความ และด้วยความเกรงใจจึงตั้งใจเก็บไว้โอกาสหน้า... ก้ำเซี้ย...
ก้ำเซี้ย
"丁香" สวยทั้งรูปจูบก็หอม ดอกไม้ที่มีความสวยงามและมีกลิ่นหอมเป็นที่รู้จักของชาวจีนทั่วไป มีคุณค่าเป็นสมุนไพรจีนพื้นฐานที่มีใช้กันมากทั้งในรูปส่วนประกอบของยาและส่วนประกอบของอาหาร
榭谢您
สวยทั้งรูป จูบทั้งหอม
ดอมทั้งดอก ออกทั้งยา
ว่าทั้งจาน ทานทั้งจีน
"丰富 丰富 丰富"