พอดี เมื่อเดือน กรกฎาคม อากุง ไงเพิ่ง เซียว ไป ถือว่าเป็นคนจีน รุ่นสุดท้ายที่มาจากเมืองจีน (อากุงไหงขึ้นสำเภามาจากกวางตุ้ง) อาม่าเลยสั่งให้ลูกหลานจัดงานแบบจีนแท้ ๆ ซึ่งไหง เป็นไถ่ซุน(หลานชายคนโต)ของอากุงแท้ ๆ กับไม่ค่อยทราบประเพณีเท่าไรจึงเก็บความสงสัยมาถามท่านสมาชิก HakkaPeople ผู้รู้ เพื่อเป็นวิทยาทานและคิดว่าอาจเป็นประโยชน์กับสมาชิกบางท่าน ดังนี้
1. ทำไมต้องนำผ้าห่มแดงไปคุมที่โรงศพ (ไหงเคยดูรายการกบน้องกะลาตอน พิธีหลังความตายของคนจีน เค้าใช้ผ้าสีน้ำเงินคุมโลง)
2. จะสั่งเหตุว่า ข้างรูปจะมีการนำเสื้อของอากุงไหงมาแขวนไว้กับยอดไฝ่แล้วมีกระดาษเขียนด้วยภาษาจีนแขนไว้ด้วย อยากทราบว่าทำไว้เพื่ออะไร และมีเฉพาะชาวฮากกาเราหรือเปล่าที่ทำแบบนี้
3. ทำไมฉากจีน ถึงเป็นสีน้ำเงิน ไม่เป็นสีขาวดำ หรือว่าใช้ฉากสีอะไรก็ได้
4. อากุงไหงอายุ 89 ปี เวลาพิมพ์การ์ดเชิญแขกอาสุกกุงน้องชายของอากุงไหงบอกว่าให้เขียนอายุในการ์ดเชิญ ไปว่า อายุ 92 อยากทราบว่าชาวฮากกาเรา มีหลักการนับเพิ่มอายุคนตายยังไง
5. อาสุกกุงไหงก็บอกอีกว่า ใหเอาปักกับอาปาไหง เอากระดาษสีเหลืองไปคาดป้ายชื่อร้าน (บ้านไหงเปิดร้านขายของ) ทำไมต้องนำกระดาษเหลืองไปคาดที่ป้านชื่อร้าน
ท่านสมาชิก HakkaPeople ผู้ใดรู้ รบกวนตอบเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ไหงและสมาชิกท่านอื่นด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
(ปล.คนเสื้อขาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าคือไหงเองครับ)
อยากทราบเ
อยากทราบเหตุผลเหมือนกัน
1. ผ้าห่มแดง คลับคล้ายคับคราว่าเคยเห็นผ่านตาหน้าไหนสักแห่ง เมื่อไม่นานเท่าไหร่ จำไม่ได้แล้ว
2. อักษรจีนที่ป้าย ผมอ่านไม่ออกครับ ไม่รู้ว่าเหมือนหน้านี้ไหม http://hakkapeople.com/node/960 ผู้รู้ช่วยบอ กที
3.ฉากหลัง ก็เคนเห็นหลายที่ก็หลายแบบ คงมีหลายสูตรละมั้ง บางแห่งก็วาดเป็นรูปวิว มีท้องฟ้าป่าเขา หรือทิพยวิมาน (เรื่องนี้ผมไม่รู้) และเคยไปบางงานที่ผู้ตาย มีแข็งแรงจนมีอายุเกินร้อย ผู้ร่วมงานใส่ผ้าสีสรร กรรมการใส่ไท้แดง
4.การนับอายุ เขานิยมหาวิธีนับให้ได้มากๆ เพื่อยกย่องผู้ตาย เช่นนับปีที่มีเดือนซ้ำ (เช่นเดือน8สองหน) ทดมารวมๆกัน ครบ12เดือนเพิ่มให้อีกหนึ่งปี แต่ผมไม่รู้นะว่าเป็นแบบฮากกาหรือเปล่า เพราะฮากกาในเมืองไทย เป็นฮากกากลมกลืน แต้จิ๋ว-ไทย ไปแล้ว จนคิดไปว่าเป็นอีกหนึ่งอัตตลักษณ์ของฮากกาไทย
5.กระดาษคาดป้ายร้าน เคยเห็นร้านคนจีนสมัยก่อน นิยมใช้ชื่อตัวเป็นชื่อร้าน หรือไม่ก็รู้จักชื่อร้าน จนเป็นคำเรียกขานแทนชื่อตัว ดังนั้นเมื่อชื่อคนตายยังอยู่เป็นป้ายหน้าร้านเขาก็เอากระดาษมาคาดชื่อผู้ตายไว้มั่งครับ ก็ไม่ทราบว่าท่านใดมีเหตุผลอื่น มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะ
คิดว่าบางเรื่องที่เป็นประเพณีทำต่อๆกันมา บางอย่างก็ตอบได้ว่าทำไม
บางอย่างก็เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังเดาว่าทำไมคนรุ่นแรกต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ และหลายๆอย่างก็ประยุคต์ไปตามวัฒนธรรมท้องถิ่นก็มี
ก็ขออภัยที่เข้าใจแค่นี้ ท่านอื่นที่รู้มาแบบอื่น ช่วยชี้แจงแถลงไข หรือร่วมอภิปรายกันนะ
ดูเพิ่มเติม - พิธีต่างๆ สำหรับผู้ที่เพิ่งเสียชีวิต
ชาวไหหนำ
ผมเป้นคนไหหนำนะครับ ไม่ใช่จีนแคะ แต่ผมใช้ชีวิตอยู่กับผู้อาวุโสที่เป็นชาวแคะมาพอสมควร ขอแชร์ความรู้ที่ได้มาดังนี้นะครับ
1. ผ้าห่มแดง
การนำเอาผ้าห่มมาคลุมโลงศพเพื่อป้องกันฝุ่นนั้น ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง เนื่องจากสมัยโบราณต้องเก็บศพไว้ในโกดังเป็นแรมปี เพื่อหาฤกษ์ยามในการฝังศพ บางศพอาจจะหลายปี แต่ทำไมต้องผ้าห่มแดง ผ้าห่มแดงที่เป็นผืนสี่เหลี่ยมนั้น สีแดง หมายถึงความเป้นมงคล ผ้าสี่เหลี่ยม หมายถึง ความเจริญทั้งสี่ทิศ มีคติความเชื่อว่าเมื่อห่มผ้าโลงศพด้วยห้าห่มแดง จะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ลูกหลาน เมื่อฝังศพแล้วให้ลูกชายคนโตเก็บผ้าห่มไว้ จะเอาไปห่มหรือเก็บก็แล้วแต่ ถือว่าลูกชายคนโตคือหัวหน้าครอบครัว และเป็นผู้สืบสกุลคนต่อไป
2. การนำเสื้อผู้ตายมาแขวนไว้ที่โคม หรือไม่ไผ่ และเขียนชื่อ-แซ่ ผู้ตาย เป็นเสมือนโคมสถิตย์วิญญาณ หรือการเชิญดวงวิญญาณของผู้จายมาอยู่ในโคม หรือเสื้อผ้าของผู้ตาย เพื่อมารับส่วนบุญส่วนกุศล หรือการประกอบพิะีกงเต๊ก และพิธีเซ่นไหว้ต่างๆ
3. ฉากสีน้ำเงิน คนจีนเราเรียกว่าเตี๊ยง หรือปลำตั้งเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งจะมีอยู่ 2 สีที่เคยเห็น คือน้ำเงินกับแดงถ้าเป็นงานทั่วไปที่ผู้ตายอายุไม่ถึงหรือไม่เกิน 90 ปี ก็ใช้สีน้ำเงิน แต่ถ้าเกิน 90 ไปแล้วจะใช้เตี๊ยงสีแดง เนื่องจากชาวจีนเราเชื่อว่าท่านเกิดใหม่แล้ว เป็นผู้ที่มีอายุยืน ข้ามพ้นจากความตายไปแล้ว ลูกหลานและผู้ที่มาร่วมงานก็จะใส่เสื้อผ้าสีชมพูหรือแดง แทนการแต่งกายไว้ทุก ส่วนสาเหตุของการใช้สีน้พเงิน เนื่องจากธรรมเนียมจีนถือว่าสีแดงเป้นสีมงคล งานมงคลต่างๆ จะเน้นสีแดง ส่วนสีขาวคือสีแห่งการทุกโศกและการไว่ทุกข์ สีน้ำเงินเป็นสีแห่งงานอวมงคงหรืองานศพ ซึ่งต่างจากธรรมเนียมไทย แต่เนื่องจากวัฒนธรรมที่ผสมผสานกัน การแต่งกายไปงานศพในปัจจุบันจึงนิยมแต่งขาว-ดำกัน
4. การนับอายุ ความเชื่อตามประเพณีจีนเชื่อกันว่า คนเราเกิดมาจะประกอบด้วย 1 เกิด 2 แก่ 3 เจ็บ 4 ตาย และ 5 ขมขื่น เลข 1 และ 2 จึงเป็นตัวเลขที่เป็นมงคลคือเกิด กับแก่ ส่วน 3-5 เป็นอวมงคล ดังนั้นหากผู้ตายที่มีอายุลงท้ายด้วย 3 4 5 8 9 และ 0 ถือว่าไม่ดี จะส่งผลถึงลูกหลาน จึงต้องมีการบวกอายุเพิ่มเข้าไป ให้ลงท้ายด้วย 1 2 6 และ 7 เป็นต้น เพื่อให้ลูกหลานมีความเจริญรุางเรือและอายุมั่นขวัญยืน อันนี้อธิบายคร่าวๆ นะครับ
5. การนำกระดาษเหลืองไปปิดทาบป้ายร้าน หรือชื่อบ้าน เลขที่บ้าน เป็นการไว้ทุกข์ให้กับผู้ตาย และเป็นการบอกกล่าวให้ญาติมิตรหรือผู้ที่รู้จักกันว่า ที่บ้านนี้มีคนตายหรือมีงานศพ และเป็นการไว้ทุกข์ให้ผู้ตายด้วย
ทั้งหมดนนี้เป็นการอธิบายเพียงคร่าวๆ นะครับ ซึ่งอันที่จริงแล้วรายละเอียดและความหมายของประเพณีเหล่านี้ คนโบราณแฝงไว้ด้วยคติความเชื่อ และความเป็นมงคลไว้ทั้งสิ้นครับ
ขอบคุณ คุณ
ขอบคุณ คุณ maekok มากครับ