หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

สมาคมปันซันขัก แห่งประเทศไทย

รูปภาพของ webmaster

ไปเว็บตรง => http://www.bansanke.nanacity.com

VVVVVVVVVVVVVVVVVV  สำเนาในเว็บนี้ VVVVVVVVVVVVVVVVVV

ยินดีต้อนรับสู่ บล๊อกของปั้นซันขัก

สวัสดีครับ คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา พี่ๆ น้องๆ หลานๆชาวปั้นซันขัก และท่านผู้มีเกียรติที่แวะเข้ามาสู่เว็บปั้นซันขักที่เคารพทุกท่าน เราผู้จัดทำเว็บปั้นซันขักประเทศไทย ยินดีต้อนรับและเชิญชวนทุกท่านเข้ามาสู่เว็บนี้ เพื่อพบปะสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ต่างๆ ตลอดจนถึงภาษาจีนปั้นซันขัก ที่ทุกท่านสามารถแสดงออกในการแลกเปลี่ยน เพื่อประดับความรู้ ความเข้าใจ ความบันเทิง และเป็นวิทยาทาน ผู้จัดทำเว็บขอมอบเว็บนี้เป็นสาธารณะสมบัติของทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมาร่วมแรงร่วมใจ ช่วนกันสร้างสรรสิ่งดีๆ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านสืบไป

ขอขอบพระคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ครับ


บันทึกคนปั้นซั้นขักประเทศไทย

คนปั้นซั้นขัก คือชนชาวจีนสำเนียงพูดภาษาหนึ่ง อาศัยอยู่กระจัดกระจายทั่วไป และโดยเฉพาะอยู่ระหว่างชาวฮากกาและชาวแต้จิ๋วในประเทศจีน มีเอกลักษณ์ภาษาถิ่นของตนเอง

ปั้นซั้นขักฝ่า ในประเทศไทย คนปั้นซั้นขักอาศัยอยู่กระจัดกระจายทุกจังหวัดทั่วทุกภาค

จุดเริ่มต้น สมาคมปั้นซันขักประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ. 2519 โดยมี คนปั้นซั้นขัก กลุ่มหนึ่งนัดพบปะสังสรรค์ ณ.ภัตตาคารไฮไหว้เทียน หาดใหญ่ และได้เห็นพ้องต้องกันเพื่อการพบปะสังสรรค์ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ในหมู่ คนปั้นซั้นขัก ที่เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน พร้อมกับได้กำหนดนัดพบมวลสมาชิกเพื่อประชุมใหญ่จัดตั้งสมาคมได้อย่างพร้อมเพรียง ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2519 ปีนั้นนั่นเอง สมาชิกทุกท่านได้ร่วมลงมติเป็นเอกฉันท์ จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อจดทะเบียนเป็นสมาคม และได้รวบรวมเงินบริจาคจากมวลสมาชิกจัดซื้อที่ดินจำนวน 2 ไร่เศษ ดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงานสมาคม นับเวลาก่อสร้างถึงวันทำพิธีเปิดป้ายที่ทำการสมาคมใช้เวลาไม่ถึง 4 ปี รวมค่าก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท นับเป็นความร่วมมือร่วมใจของพวกเรา คนปั้นซั้นขักทั่วประเทศไทย

สมาคมได้ใช้อาคารที่ทำการสมาคม จัดงานเลี้ยงสังสรรค์มวลสมาชิกฉลองวันครบรอบปีการก่อตั้งทุกปีเสมอมา อย่างยิ่งใหญ่ โอ่โถง สมศักดิ์ศรี สร้างความยินดีและน่าเชื่อถือในสายตาของสังคม ถึงความรักสามัคคีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันอย่างเหนียวแน่นของพวกเรา...... คนปั้นซั้นขัก (ปั้นซั้นขักงิ๋น)


สมาคมปั้นซันขักประเทศไทย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา


半山客 ปั้นซั้นขัก

บันทึกคนปั้นซั้นขักประเทศไทย  

ซั้นขัก คนปั้น   คือชนชาวจีนสำเนียงพูดภาษาหนึ่ง อาศัยอยู่กระจัดกระจายทั่วไป  และโดยเฉพาะอยู่ระหว่างชาวฮากกาและชาวแต้จิ๋วในประเทศจีน มีเอกลักษณ์ภาษาถิ่นของตนเอง

ปั้นซั้นขักฝ่า ในประเทศไทย คนปั้นซั้นขักอาศัยอยู่กระจัดกระจายทุกจังหวัดทั่วทุกภาค

จุดเริ่มต้น สมาคมปั้นซันขักประเทศไทย   เกิดขึ้นเมื่อต้นปี   พ.ศ. 2519 โดยมี  คนปั้นซั้นขัก  กลุ่มหนึ่งนัดพบปะสังสรรค์ ณ.ภัตตาคารไฮไหว้เทียน หาดใหญ่      และได้เห็นพ้องต้องกันเพื่อการพบปะสังสรรค์ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน  ในหมู่ คนปั้นซั้นขัก ที่เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน  พร้อมกับได้กำหนดนัดพบมวลสมาชิกเพื่อประชุมใหญ่จัดตั้งสมาคมได้อย่างพร้อมเพรียง  ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2519 ปีนั้นนั่นเอง   สมาชิกทุกท่านได้ร่วมลงมติเป็นเอกฉันท์    จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อจดทะเบียนเป็นสมาคม   และได้รวบรวมเงินบริจาคจากมวลสมาชิกจัดซื้อที่ดินจำนวน 2 ไร่เศษ  ดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงานสมาคม    นับเวลาก่อสร้างถึงวันทำพิธีเปิดป้ายที่ทำการสมาคมใช้เวลาไม่ถึง 4 ปี  รวมค่าก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท  นับเป็นความร่วมมือร่วมใจของพวกเรา     คนปั้นซั้นขักทั่วประเทศไทย 

สมาคมได้ใช้อาคารที่ทำการสมาคม    จัดงานเลี้ยงสังสรรค์มวลสมาชิกฉลองวันครบรอบปีการก่อตั้งทุกปีเสมอมา   อย่างยิ่งใหญ่  โอ่โถง  สมศักดิ์ศรี   สร้างความยินดีและน่าเชื่อถือในสายตาของสังคม       ถึงความรักสามัคคีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันอย่างเหนียวแน่นของพวกเรา......     คนปั้นซั้นขัก  (ปั้นซั้นขักงิ๋น)

劉文青  สรภูมิ  โลหเจริญวนิช
รูปภาพของ webmaster

ได้ทำเมนูให้แล้ว

ได้ copy ขึ้นเป็น Blog เพื่อให้ท่านสามารถบันทึก ปรับปรุงเป็นบล๊อกของท่านได้โดยตรง ที่

เพิ่มเมนู ในหมวด สมาคมองค์กร ชื่อ

เข้าถึงโดยตรงได้ที่

 จึงขอประกาศว่าได้ต้อนรับ สมาคม ปันซันขัก ประเทศไทย เข้าสู่ชุมชนแห่งนี้ เพิ่มอีกองค์กร เพื่อให้ท่านสามารถ บันทึกเรื่องราว ข่าวสาร และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องได้สืบไป

รูปภาพของ ฉินเทียน

泰國 半山客 會館

泰国 半山客 会馆 + 泰國 半山客 會館

http://www.bansanke.com/

http://www.chinese-punsunkhak.com/

ปั้นซั้นขัก

 

ปั้นซั้นขักคือปั้นซั้นขัก

 

แปลชัดๆเป็นภาษาไทย คนจีนหรือคนไทยเชื้อสายคนจีน

 

ปั้นซั้นขัก จีนแคะครึ่งเขา จีนแคะปั๊วซัวแขะ(ภาษาแต้จิ๋ว) 

 

จีนแคะฮกล่อขัก(เรียกออกสำเนียงฮกเกี้ยน) 

ชักสงสัย....?

ว่าที่จริงในเวปฮากP แห่งนี้ เป็นแหล่งชุมนุมชาวฮากทุกสายสําเนียง เมื่อเข้ามาแล้วก็มีศักดิ์และสิทธิ์เสมอทัดเทียมกันในการโพสท์ข้อคิดความเห็น แต่จะดีหรือไม่? หรือมีข้อขัดแย้งใด? วิธีการตัดสินที่ดีที่สุด หนีไม่พ้นการสืบค้นหาทางประวัติศาสตร์ มีตั้งแต่ของบุคคล ครอบครัว หมู่บ้าน ตําบล อําเภอ ไปจนถึงระดับมณฑลและข้อบันทึกประวัติศาสตร์ระดับชาติ ซึ่งบุคคลในเวปมีตั้งแต่ชาวบ้านอย่างไหง่ ถึงระดับดอกเตอร์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศบินมาสัมมนาทางวิชาการมาบอกเล่า ส่วนจะเชื่อหรือไม่?หรือเห็นว่าถูกต้องหรือถูกใจหรือไม่? สมาชิกชาวฮากPทุกสายสําเนียงจะตัดสินเอง...

มีตั้งแต่มาโพสท์ออกความเห็นกัน หรือไม่สนใจจนเลิกโพสท์ไปกันเอง และเท่าที่ไหง่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของเวปนี้ ผู้ที่ติดตามอ่านเวปนี้ ถือว่าฉลาดมีวิจารณญาณสูงมาก อะไรที่ไร้สาระ ไม่จริง ไม่มีประโยชน์ ก็ไม่มีการตอบรับ ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

และชาวฮากpเราไม่ว่าสําเนียงเสียงใด ต่างให้เกียรติกันและกัน ไม่ได้มีการดูหมิ่นถิ่นแคลนในเรื่องสายสําเนียงแต่อย่างใด มีเพียงคนผู้หนึ่งมาใช้ความคิดเห็นของตนเหมารวมว่า " เราป้านซานขัก ปักหลักเป็นชาวพื้นเมืองเก็ดหย่องมานับพันปี ไม่ใช่ฮากหงิ่น-ฮากกาที่เร่ร่อนเข้ามา " อะไรประมาณนี้ ลองไปเปิดเวปเขาดู เขายืนยันอย่างนั้น และยังยืนยันในข้อเขียนต่างๆในเวปนี้อีกว่า ภาษาป้านซานฮากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮากหงิ่นสายอื่นๆ แต่เป็นเอกเทศของตนเอง เรียกว่าพูดอย่างสุดโต่ง ทั้งได้ชักชวนให้ผู้รู้หลายคนเชื่อตามตน ในแบบหัวชนฝา...คือถ้าไม่เชื่อก็ไม่ใช่พวกกรูอะไรทํานองนั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะ...

ทําให้เกิดการค้นคว้าหาที่มาที่ไปของฮากหงิ่นในหลายสายสําเนียง พอค้นไปลึกๆ เราคนกันเองทั้งนั้น ดูได้จากที่หงีเคยเหยียบไปหลายถิ่นที่ มิใช่รู้แค่ที่ฟุงซุ้นเท่านั้น ก็ล้วนมีสายป้านซานฮากอยู่ร่วมกับฮากหงิ่นสายอื่นๆ สมมุติฐานที่ว่าฮากหงิ่นมาอยู่ใกล้ชายทะเลกับฮกล่อหงิ่น จึงถูกฮกล่อเรียกว่าป้านซานฮาก เรื่องนี้ดูจะมีข้อย้อนแย้งเสียแล้ว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง สายป้านซานฮากก็ไม่น่ามีกระจายปะปนกับฮากหงิ่นที่กั้นโจวในระดับชุมชนหมู่บ้าน หรือที่เจียงซีก็เช่นกัน ถ้าเป็นอย่างท่านผู้นั้นว่าป้านซานฮากก็ไม่น่ามาอยู่ไกลต่างมณฑลอย่างนั้น แต่น่าจะเป็นเพราะได้อพยพลงมาจากจงหยวนเหมือนกับฮากหงิ่นสายสําเนียงอื่นๆ (มีรายละเอียดอยู่ในหนังสือไหง่เฮ้ฮากกาหงิ่น ที่ดร.อ.ศิริเพ็ญทําเป็นงานวิจัย ก็อยู่ในเวปนี้ แต่ได้แปลมาจากนักประวัติศาสตร์จีนว่าด้วยเรื่องการอพยพของชาวจงหยวน จนมาเป็นคนฮากหงิ่น เหตุนี้ จึงไม่มีชนเผ่าฮากหงิ่น มีแต่ฮากหงิ่นเป็นคําเรียกให้รู้ว่าเป็นชาวจงหยวนหรือฮวาเซี่ยที่อพยพลงใต้)

ส่วนที่หงีกล่าวหาวี่ฟัดโกว่าไม่สนับสนุนอาหารฮากหงิ่นห้วยกระบอกนั้นนับว่าตกข่าว เพราะวี่ฟัดโกเป็นหัวแรงคนหนึ่งในงานอนุรักษ์อาหารฮากหงิ่นห้วยกระบอก กี่ไปร่วมกับคณะอนุรักษ์อาหารแคะที่นั่นไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง แต่ที่ไม่เป็นทางการอีกนับครั้งไม่ถ้วน

และในส่วนที่ว่า ปัญหาของป้านซานฮาก ควรให้ป้านซานฮากตอบ ไหง่เห็นด้วยและขอแนะนําไปที่เวปป้านซานฮาก เพราะชื่อเวปบอกความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว แต่....

เมื่อเข้ามาอยู่ในเวปฮากPอันเป็นที่รวมของสมาชิกสายสําเนียงต่างๆ เขาก็ย่อมมีศักดิ์และสิทธิ์ในการเข้ามาแสดงความคิดเห็น และว่าที่จริงในช่วงยุคของเรา เป็นยุคที่ฮากหงิ่นแสดงความคิดความสามารถโดดเด่น จนได้เป็นผู้นําในด้านต่างๆ ถ้าปิดกั้นทางความคิดเสียแล้ว ก็เหมือนปิดทางตัวเอง ซึ่งคนอื่นคงไม่เอาด้วย ก็...

เราต่างเกิดเป็นคนที่มีสติปัญญหาความคิดติดสมองมาแต่เกิด แล้วจะไม่ให้แสดงความคิดเห็นบ้าง สมองฝ่อกันพอดี

ว่าที่จริงนี่ไหง่ก็เลยวัยเกษียณมาแล้วหลายปีเหมือนกัน ถือเป็นนักการศึกษานอกระบบก็ได้ แต่ไหง่รับรองว่าการมีวุฒิปริญญามีความสําคัญต่อความน่าเชื่อถือยิ่งกว่าประสบการณ์ เพราะเขาศึกษาเจาะลึกอย่างเป็นระบบ ไม่สะเปะสะปะอย่างการใช้ประสบการณ์อย่างเดียว เพราะเมื่อมีปริญญาบัตรแล้วเขาก็ยังคงต้องหาข้อเท็จจริงจากประสบการณ์ให้ได้ข้อมูลลึกลงไปอีก ไม่งั้นเขาไม่จ้างคนมีปริญญาเงินเดือนสูงๆหรอกสู้มาจ้างคนมีประสบการณ์แต่เงินเดือนไม่สูงมิดีกว่าหรือ? แต่...

ในความจริง เพียงคุณไม่มีปริญญาบัตรไปแสดง แต่คุณแสดงความสามารถร้อยแปดเพราะมีประสบการณ์ ไม่ว่าบริษัทเอกชน หรือหน่วยงานของรัฐเขาจะปฏิเสธไม่ยอมรับคําเดียวเท่านั้น ฉะนั้นวุฒิปริญญาบัตรคือกุญแจแห่งความเชื่อถือที่ไม่อาจมองข้ามได้เลย(มีต่อ)

ปริญญาคือกระดาษ

ปริญญาคือกระดาษ

เป็นแค่แสดงว่าจบการศึกษาเท่านั้น

คนได้ปริญญาอาจจะ อ่านซ้ำ อาจจะ

ไม่ฉลาดก็ได้ มีปริญญาไม่ใช่เหนือคนอื่น

คนที่เหนือคนคือคนที่ถ่อมตน

แต่มีความรู้ความสามารถโดยไม่ต้องใช้

ใบปริญญา

คำถามก็คือ ถามว่าใบปริญญาใบแรกมาจากไหน?

จึงขอให้ตระหนักว่า อย่าดูถูกความเป็นคนของคน

 

โดยเอาใบปริญญามาเป็นเครื่องวัด เพราะนั่นคือ คนโง่

 

 

รูปภาพของ Mr.Xiong

ปูเสื่อรอ

อาหงิ่วกอตอบได้น่าฟังครับ   ไหง่และทีมงานยังไม่ได้ไปไหนครับ   ปูเสื่อรออ่านอยู่ครับ   

熊永发

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

ฟันธงไม่กลัวธงหัก

จากที่สืบค้นแหล่งที่มามากมายจนตาแฉะ ขอฟันธงแบบไม่กลัวธงหักว่า ปั้นซันขัก เฮ๊าะเล่าขัก ฉิมขัก ชุ๊นขัก คือส่วนๆหนึ่งของฮากกาหงิ่น ที่อพยพมาจากจงเหยียนหรือตงง้วน แล้วกระจัดกระจายไปตามแหล่งต่างๆของพื้นที่ โดยเฉพาะทางตอนใต้ของจีน แล้วแต่ว่าไปพื้นที่ไหน ไปแถวฮกเกี้ยน เมื่อผสมผสานคลุกคลี ไม่ว่าจะด้วยการแต่งงาน ทำกิจการร่วมกัน พูดฮกเกี้ยนคำแคะคำจนคำพูดปนเป คนรุ่นหลังก็จำเริญรอยตามมาเรื่อย จนกลายเป็นอีกกลุ่มภาษาหนึ่งที่เรียกว่าเฮาะเล่าขัก คือภาษาแคะที่มีภาษาฮกเกี้ยนปน ทำนองเดียวกัน คนแคะที่ไปอยู่ในพื้นที่ของแต้จิ๋วหรือฉาวซ่าน ก็รับเอาภาษาแต้จิ๋วมาใข้ปนเช่นเดียวกัน แล้วเป็นอีกกลุ่มภาษาหนึ่งคือป้านซันขัก ซึ่งเนื้อแท้คนเหล่านี้ก็คือคนแคะเดิมที่เคยอพยพมาด้วยกัน เพียงเพี้ยนภาษาไปตามพื้นที่เท่านั้น ฉะนั้น จะเห็นว่าปั้นซันขัก ยังมีคำว่าขักมาต่อท้าย ถ้าไม่ยอมรับว่าเป็นขักกา ก็อย่ามีคำนี้ต่อท้าย ให้เรียกเป็นว่าป้านซันหงิ่นเสียเลย จะเป็นเอกเทศกว่า
 
คำว่าเจียหรือกา 家 แปลว่าครอบครัว เป็นคำรวมแบบกว้างๆ ที่หมายถึงเป็นพวกเดียวกัน ไม่ว่าด้านภาษาหรือวัฒนธรรมย่อมเหมือนหรือใกล้เคียงกัน เดิมพวกนี้มีพื้นเพอยู่แถบตอนกลางของประเทศจีน ที่เรียกว่าจงเหยียน  中原 เมื่อเกิดภัยพิบัติ ทั้งทางธรรมชาติ สงครามและการจี้ปล้นสดมภ์ จนเดือดร้อนสุดที่จะอยู่ได้ กอปรกับเป็นกลุ่มพวกที่รักความสงบ จึงยอมถอยร่นอพยพหนีภัยลงใต้ครั้งแล้วครั้งเล่า หนีกระจัดกระจายไปตามแหล่งถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะมณฑลกวางตุ้ง ฮกเกี้ยนและบางส่วนของมณฑลเจียงซี เมื่อเป็นพวกอพยพ คนที่อยู่ก่อนก็เรียกพวกนี้ว่าขักหรืออาคันตุกะ หมายถึงผู้มาเยือน เมื่อผู้มาเยือนอยู่ร่วมกับคนถิ่นเดิม หนีไม่พ้นเรื่องภาษาต้องพูดกันปนเปจนเพี้ยนดังกล่าวข้างต้น ส่วนพวกที่ไม่ได้อยู่ด้วยกับคนท้องถิ่น แต่ปลีกตัวเข้าป่าข้ามเขาไปบุกเบิกตายเอาดาบหน้า คนกลุ่มก้อนพวกนี้ ยังคงรักษาภาษาดั้งเดิมของตนเองไว้ได้ ไม่ต้องปนเปกับภาษาอื่น เรียกว่าพวกชุ๊นขัก 純客 เมื่อรวมเรียกพวกคนแคะในทุกกลุ่มก้อนทุกแห่งหนเป็นคำกว้างๆแบบไม่จำเพาะเจาะจงกลุ่ม ในฐานที่เข้าใจคือฮากกาหงิ่น  客家人 ก็ถูกต้องแล้ว ตำหรับตำราประวัติศาสตร์ก็มีระบุไว้มากมาย ตรรกะง่ายๆแค่นี้ ไม่เห็นต้องมาถกเถียงกันแบบเอาเป็นเอาตายไร้สาระ เห็นแล้วเซ็งเป็ด 
 
สรุป :
 
客家人 - กลุ่มคนหรือครอบครัวที่อพยพหนีภัยจากจงเหยียน
 
半山客  學老客  福佬客 - พวกที่อพยพมาอยู่ตามเชิงเขาหรือตีน โดยอยู่ร่วมกับคนถิ่นเดิม อยู่ถิ่นฉาวซ่านคือป้านซันขัก อยู่ถิ่นจางเจาคือเฮาะเล่าขัก
 
純客  深客 - พวกที่อพยพอยู่ตามป่าทึบเขาสูงที่รกร้าง ถากถางสร้างเมืองหลักใหม่คือหม่อยเยี๊ยนคือชุ๊นขักหรือฉิมขัก
 

คุณใส่บทส

คุณใส่บทสรุปซึ่งก็เชื่อตามนั้น ถูกต้องไม่ผิดเลยครับแต่ที่คุณสรุปนั้นมันเป็นเวลานานมาแล้ว

ผมสรุปมั่ง ไม่เถียงกันนะครับในตอนนั้นแผ่นดินกว้างใหญ่คนจีนแคะอาจจะมี ขักหงิน ฮักกางิ๋งไม่ใช่มีเฉพาะฮักกางิ๋ง ที่คุณสรุปว่าเป็นฮักกางิ๋ง หรือ ฮักกางิ๋นเท่านั้น客家人- กลุ่มคนหรือครอบครัวที่อพยพหนีภัยจากจงเหยียนมี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ที่ผมพอใจความว่าอาจเป็น 2 กลุ่มที่คุณสรุปข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มคนจีนแคะ หรือ ขักหงินเฉยๆก็ได้กลุ่มหนึ่งและอีกกลุ่มเป็นกลุ่มคนจีนแคะฮักกางิ๋นเพราะสำเนียงพูดก็ผิดเพี้ยนกันอยู่แล้วบ้างมากบ้างน้อยบ้าง ตามท้องถิ่น

ถ้าผมจะเปรียบสำเนียงเหน่อสุพรรณก็มีเหน่อ เมืองกาญจ์ นครปฐม บ้านโป่งราชบุรี ถามว่าใครเสียงเหน่อถูกต้องคงไม่มีใครตอบได้เอางี้มาปักษ์ใต้บ้าง ภาษาใต้ถามว่าใครเป็นต้นแบบ "ภาษาปักษ์ใต้" เชื่อว่าไม่มีใครตอบได้ คนสงขลาก็ภาษาปักษ์ใต้สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง สตูล ตรังกระบี่ ภูเก็ต ระนอง ชุมพร สุราษฏร์ ต่างก็มีสำเนียงของแต่ละท้องที่ บอกไม่ได้หรอกว่าใครถูกต้องที่สุด

ที่นี้ภาษาจีนแคะบ้างก็คงมีความหมายเหมือนๆกัน ต่างคนต่างมีภาษาถิ่นของตัวเองไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิดต่างฝ่ายต่างยึดท้องถิ่นของตัวกลุ่มฮักกางิ๋น ฮากกางิ๋ง ยึดภาษาถิ่นของตัวเองเป็นฮักกางิ๋น ฮากกางิ๋ง ได้ตามนั้น ส่วนอีกกลุ่มขักหงิน ปั้นซั้นขัก (ไม่ใช่ป้านซานขัก)ก็เป็นขักหงิน(ไม่ใช่ฮักกางิ๋น ไม่ใช่ฮากกางิ๋ง)เป็นคนจีนแคะ ขักหงินเฉยๆ หรือไม่ก็เป็นปั้นซั้นขักหรือฮกล่อขัก หรือปั๊วซัวแขะ (เป็นภาษาแต้จิ๋วไปเลย)ก็พอมองเห็นและสรุปได้ว่าตั้งจุงหยวนก็มีจีนแคะ2 กลุ่มใหญ่มาก่อน คือ 1 กลุ่มฮักกางิ๋น 2 กลุ่มขักหงินดังที่แยกไว้ข้างล่างโดยกลุ่มที่ 2 ขักหงินคือ ปั้นซั้นขัก ฮกล่อขัก 半山客 學老客 福佬客

- พวกที่อพยพมาอยู่ตามเชิงเขาหรือตีนเขา โดยอยู่ร่วมกับคนถิ่นเดิม อยู่ถิ่นฉาวซ่านคือปั้นซั้นขัก อยู่ถิ่นจางเจาคือเฮาะเล่าขักและกลุ่มที่ 1 ฮักกางิ๋น ฮากกางิ๋ง ชุ๊นฮัก ชิ้มฮัก 純客 深客

- พวกที่อพยพอยู่ตามป่าทึบเขาสูงที่รกร้างถากถางสร้างเมืองหลักใหม่คือหม่อยเยี๊ยนคือชุ๊นฮักหรือชิ้มฮัก หรือฉิมขักทั้งสองกลุ่มเป็นคนฮั้นจงหยวนเหมือนกันแต่แยกย้ายกันอยู่คนละท้องถิ่นกัน ได้อพยพหนีภัยแตกกระสานไปคนละทิศคนละทางลงทางใต้อาจมีมาก่อนมาหลังบ้าง แต่ต่างกลุ่มต่างก็ตั้งรกรากกันอยู่กระจัดกระจายไปทั่วจึงบอกได้ว่าทั้งสองกลุ่มมีส่วนละม้ายคล้ายกันแต่ลึกๆแล้วก็เป็นคนละกลุ่มกันอยู่ดี

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

คนฮากกามาจากจงเหยียน

客家人的老祖宗,大多是來自廣東、福建、江西一帶,不過,要是追溯到源頭,就不能不提­到河南省,歷史上,客家經歷了五次大遷徙,西晉末年,客家先民第一次南遷,就是從河南出發,翻開各姓氏的族譜,百家姓中,就有七、八十個姓氏來自河南。
 
บรรพชนของชาวฮากกา ส่วนมากมาจากมณฑลกวางตุ้ง ฮกเกี้ยนและบางส่วนของมณฑลกังใส แต่ถ้าหากย้อนยุคไปถึงต้นตอ จะไม่กล่าวถึงมณฑลเหอหนานคงไม่ได้ ตามประวัติศาสตร์ คนฮากกาได้ทำการอพยพครั้งใหญ่มาแล้วถึงห้าครั้ง นับแต่ปลายราชวงศ์ซีจิ้น คนฮากการุ่นแรกได้อพยพลงมายังทางใต้ เริ่มจากมณฑลเฮอหนานเป็นที่แรก เมื่อเปิดสารบัญแซ่ออกดู ในหนึ่งร้อยแซ่ จะมีเจ็ดถึงแปดสิบแซ่ที่มาจากเหอหนาน 
 
ตามข้อความข้างต้น จะเห็นว่า ก่อนบรรพชนฮากกาจะอพยพมายังมณฑลกวางตุ้ง ฮกเกี้ยนและบางส่วนของกังใส ได้อพยพมาจากเหอหนานก่อนแล้ว ซึ่งมณฑลเหอหนานก็อยู่ที่ตงง้วนหรือจงเหยียน  中原 ตามที่โกวุ้ยหมิ่นซึ่งเป็นคนปั้นซันขักบอกว่า พวกโกเป็นชาวตระกูลยิ่งชวน  穎川陳氐 เมื่อเป็นเช่นนี้ ยิ่งน่าเชื่อถือได้ว่า บรรพบุรุษของโกวุ้ยหมิ่นคงอพยพมาจากเหอหนาน เพราะ  潁川 คือแควน้ำยิ่งชวนที่ใหญ่ที่สุดที่ไหลผ่านด้านตะวันออกของมณฑลเหอหนานลงสู่แม่น้ำหวย 淮河 จากเหตุผลนี้ พออนุมานได้ว่า คนฮากกาก่อนที่จะหนีภัยมายังตอนใต้ของประเทศ มีรกรากอยู่ที่จงเหยียนก่อนแล้วค่อนข้างแน่นอน 
 
ป.ล. หากข้อเขียนใดมีจุดผิดพลาด ต้องขออภัยให้ช่วยแนะนำด้วย
 
 
สมาคมตระกูลยิ่งชวน
 
 
แควน้ำยิ่งชวนทางตะวันออกของมณฑลเหอหนาน
 
แผนที่ที่ตั้งของมณฑลเหอหนาน

2 กลุ่ม

ประวัติศาสตร์ถูกผิดอยู่ที่คนเขียน ถามจริงเหอะ คนเขียนมักเขียนเข้าข้างตัวเอง

ใช่หรือไม่?  ไม่มีหรอกที่จะเขียนส่วนไม่ดีของตัวเอง

ดังนั้น ทั้งหมดทั้งปวงไม่มีใครรู้จริงซักคน แอบอ้างได้แต่ควรฟังคนอื่นบ้าง

ย้ำแล้วย้ำอีกว่าแผ่นดินจงเหยียนกว้างใหญ่ จึงเป็นไปไม่ได้ว่ามีกลุ่มชนเผ่าเดียวเพียวๆ

ดังนั้น กลุ่มนึงฮักกางิ๋น อีกกลุ่มเรียกตัวเองขักหงิน เป็นไปได้ แม้มีส่วนคล้ายคลึง อาจไม่ใช่กลุ่มพวกเดียวกัน แต่เป็นชาวฮั้นในดินแดนจงเหยียนเดียวกัน

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

อย่างไรก็ต้องเรียกฮากกาหงิ่น

หลังจากตั้งใจอ่านอย่างช้าๆสองครั้ง เพิ่งจะถึงบางอ้อ หลังวนเวียนหลงทางอยู่บางซื่อเสียนาน เข้าใจละ ความหมายของคุณคือ เราต่างมาจากภาคกลางตงง้วนด้วยกัน แต่เป็นคนละกลุ่มพวกกัน เมื่อมาทางใต้แล้ว ต่างยึดครองชัยภูมิพื้นที่ใครพื้นที่มัน บางพวกอยู่ที่ราบ บางพวกอยู่ในป่าเขา ภาษาพูดก็ไม่เหมือนเพี้ยนกันไป จึงไม่อาจนับเป็นพวกเดียวกัน โอ้ กระผมหลงเข้าใจผิดอยู่นาน เพิ่งหูตาสว่างก็คราวนี้ ที่ว่าหลงคือ กระผมเข้าใจว่าวลีฮากกาหงิ่น คือชื่อเรียกรวมพวกขักทั้งหลาย ไม่ได้เจาะจง ถ้าเจาะจงต้องบอกว่า ไหง่เห้ฟงซุ้นปั้นซั้นขัก ไหง่เฮ้หม่อยเยี้ยนชิ้มขัก ไหง่เฮ้ถ่อยหวันขัก ทำนองเดียวกันวลีคนภาคใต้ ถ้ามาจากภาคใต้ กระผมคงต้องบอกว่าคนพวกนี้เป็นคนภาคใต้ ไม่อาจระบุเรียกทันทีว่ากลุ่มนี้คือคนใต้สุราษฎร์ฯ กลุ่มนั้นคนใต้พัทลุง กลุ่มโน้นคนใต้สงขลา จนกว่าพวกเขาจะบอกออกมาเองว่าเป็นคนใต้จังหวัดไหน สรุปแล้ว เป็นเรื่องเข้าใจผิด คุณคิดว่าฮากกาหงิ่นคือเรียกเหมารวมปั้นซันขักเป็นชื้มขักไปด้วย จึงต้องย้ำแยกว่าคนปั้นซันขักไม่ใช่คนฮากกาหงิ่น คนปั้นซันขักเป็นขักที่มีเอกลักษณ์เป็นเอกเทศและเป็นหนึ่งเดียว แต่ถึงอย่างไร กระผมก็ต้องเรียกฮากกาหงิ่นอยู่ดี เพราะมันเป็นสากล

ต้องขอขอบคุณทุกๆท่าน...!

และขอคารวะขอบคุณ " เทียน-ทีั-ชิน-กยุน-ซือ "(บรรพชนบนสวรรค์และภาคพื้นพิภพผู้เมตตา) และทุกๆท่านรวมทั้งกว๊านหมิ่นโกผู้อาวุโส และอาหยุ่งโก ที่ไหง่โพสท์เข้ามานี้ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด มีแต่ความใสซื่อต่อสัจธรรม เมื่อความจริงปรากฏ ก็เหมือนแสงสว่างของพระอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่นแก่ทุกชีวิต แลเราทั้งผองต่างเป็นเพื่อนร่วมแผ่นดินด้วยกันทั้งสิ้น...เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

หัวชนฝา

ไม่อยากต่อล้อต่อคำใคร  ไหงบอกว่าไหงเป็นขักหงิน

ตั้งแต่เกิดอาป๊าก็พูดซิดผ่อน และบอกว่าเอ๊นปั้นซั้นขักหงิน ใครจะเรียกไหงเป็นอะไร? ชั่งแม่งง! มัน แต่ไหงขอบอกว่า
ไหงเป็นคนไทยหรือจีนก็ได้ เกิดเมืองไทยเชื้อสายจีนแคะปั้นซั้นขัก

เป็นขักหงิน...ไม่ได้เป็นคนอะไรอื่น.....จบ

ลำคาญที่จะพูดอีก ใครจะเป็นอะไรก็เป็นไป
ไหงไม่ว่า ไหงไม่ห้าม ไหงไม่ขัด ไหงขอเป็นขอไหงแบบนี้
ไม่ต้องมาบังคับให้ไหง ต้องเป็นอย่างอื่น......จบ

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

เจดีย์พระพุทธพันองค์

梅州千佛塔,位於广东省梅州市郊区,面临梅江,群山环抱。由南汉王刘鋹始建于公元965年,距今已有一千多年历史。
 
刘鋹,南汉中宗刘晟长子,原名刘继兴,南汉君主。初封衛王。刘晟去世,刘继兴继位,改名刘鋹。刘鋹在位期间,荒淫无度、统治昏庸,将朝政交予寵愛波斯女巫,政事紊乱。公元971年,南汉为北宋所灭,刘鋹投降,被俘到宋廷,恩赐为恩赦侯。
 
เจดีย์พระพุทธพันองค์ที่เหมยเจา ตั้งอยู่นอกเมืองอำเภอเหมยเจา มณฑลกวางตุ้ง ติดแม่น้ำเหมยเจียง มีขุนเขาล้อมรอบ สร้างในสมัยราชวงศ์ฮั่นใต้ โดยฮ่องเต้หลิวฉ่าง เมื่อปีคริสต์ศักราช 965  ถึงปัจจุบันนับได้พันกว่าปีล่วงมาแล้ว
 
ฮ่องเต้หลิวฉ่าง นามเดิมหลิวซิงจี้ เป็นรัชทายาทบุตรคนโตของฮ่องเต้หลิวเฉิง เมื่อหลิวเฉิงสวรรคต หลิวซิงจี้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นหลิวฉ่าง เมื่อทรงอยู่ในตำแหน่ง ประพฤติตนลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในโลกีย์ ทรงปกครองบ้านอย่างเลอะเทอะโง่เขลา และมอบอำนาจปกครองให้กับนางแม่มด ซึ่งเป็นสนมชาวเปอร์เซีย จนกิจการบ้านเมืองสับสนวุ่นวาย ในปีคริสต์ศักราช 971 จึงถูกราชวงศ์ซ่งเหนือเข้ายึดทำลาย จนหลิวฉ่างยอมแพ้ ถูกจับตัวไปยังราชสำนักซ่ง และต่อมาได้รับมหากรุณาธิคุณให้เป็นขุนนางที่ได้รับการอภัยโทษ
 
จากเรื่องนี้ หากสันนิษฐานว่าเจดีย์พระพุทธพันองค์เกี่ยวข้องกับคนฮากกา ลองพิจารณาว่าเป็นไปได้ไหม ที่คนฮากกาไม่ได้อพยพมาจากที่ไหน แต่อยู่ที่นี่มานานแล้ว ซึ่งเนื้อเรื่องไม่ได้กล่าวถึงคนฮากกาเลยแม้แต่น้อย
 
หมายเหตุ : การแสดงความคิดเห็นและหาข้อมูลมาเปิดเผย ย่อมประเทืองปัญญา เรื่องคิดต่างเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อรักที่จะแสดงความคิดเห็น ต้องเปิดใจให้กว้าง เอาข้อมูลมาหักล้างกัน ให้สาธารณะชนเป็นผู้พิจารณา ไม่ควรเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว ตัดบทแบบน้ำขุ่นๆ ถึงขั้นสบถผรุสวาทวาจา อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อรับไม่ได้ ก็ควรสงบไม่ตอบโจทย์ ไม่เปิดเผยตัว ปล่อยให้คนแสดงความคิดเห็นว่ากันไป อย่างนี้จะดีกว่าไหม ความจริงเรื่องของใครก็ของมัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว ไม่ได้จับหัวกดน้ำให้เชื่อสักนิด
 
 
เจดีย์พระพุทธพันองค์    梅州千佛塔
 
 
หลิวฉ่างฮ่องเต้    刘鋹皇帝

ถึงคุณ XJUNGRAI :我是不速之客

ครั้งแรกที่ผมเขียนข้อความเข้า ก็มีคนบอกว่านั่งเทียนเขียนเหมือนกับคำจีนว่า 白日做梦  癡心妄想  胡思乱想   我想這個人是誰 ?      當我寫ㅡ兩句    他就大發雷霆  操之過急   我才知道這個人是誰?   太驕傲嗎!   人帶一個小帽子  就想他自己很帥嗎!  我看他也不知道  他自已是誰?      這根本是不相干的兩方事,   請別相提並論, 借題發揮好嗎?  

ผมจะไม่แปล ก็แค่ยุติไป  มันพออธิบายได้ว่าอะไรเป็นอะไร  นิสัยผมไม่เคยดูถูกใคร  จะเอ่ยถึงใครก็จะขอโทษก่อน  ผมก็เดินทางไปหลายๆที่ เจอคนจีนด้วยกัน ก็จะแนะนำตัวเอง 我是泰國華僑人  我是客家人  แล้วไม่เคยอวดอ้างอะไร   ผมจะภูมิใจสิ่งที่มีไม่เคยเหยียดลูกน้อง หรือจิกหัวว่า

♣ ประวัติศาสตร์ก็คือคำบอกเล่าต่อๆกันมา  มาจากวรรณกรรม นิทาน พงศาวดาร ภาพวาด สิ่งแกะสลัก   ไม่มีใครตรัสรู้ได้ 100 %  ส่วนหนี่งคือการคาดคะเนของระดับด๊อกเตอร์ ศาสดาจาร์ย    ครับผมไม่ใช่ไม่เชื่อท่านเหล่านี้ แต่ก็ต้องมีเหตุมีผล  ไม่ใช่เชื่ออย่างเดียว  ผมมี 族譜 ชุกผู่  อยู่เล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนมา 30 ปีแล้ว เล่าประวัติแต่ละหมู่บ้านไว้  ผมมีโครงการที่จะสานต่อ ชุกผู่เล่มนี้  เพราะตอนนี้ถึงรุ่นที่ 3-4 ที่เกิดเมืองไทยยังไม่ได้บัญทึกต่อ  เพราะเด็กรุ่นหลังใช้นามสกุลหมดแล้ว  บางคนใช้ชื่อไทยด้วย  ช่วงนี้ผมมีเวลา  ค่อยๆเก็บข้อมูลไว้ในคอม   ไปจีนแต่ละครั้ง  ถ้ามีเวลาก็ไปอย่างน้อย 15-20 วัน  เพื่อคุยกับผู้เฒ่าผู้แก่  บางครั้งประวัติศาสตร์ หรือจะรู้จริงกว่า  การเล่าสืบต่อมาเป็นทอดๆ  และมีเรื่องเลวๆร้ายๆ ประวัติศาสตร์ไม่กล้า่พิมพ์แน่  เชื่อหนังสือได้  แต่อย่างงมงาย

เมื่อมีบางท่านสอบถามมา  พวกท่านมีหน้าที่ตอบ  แต่่ไม่ใช่ฟันธงอย่างไม่แน่ใจ  เมื่อคุณกล้าที่จะเขียน  ก็ต้องกล้าให้คนอื่นวิจารณ์  มันเป็นเรื่องธรรมดา   ผิดหรือถูก  ท้วงติงได้  ไม่มีใครเป็นผู้รู้หรือเป็นเทวดา  จะได้รู้หมด         ผมก็อยากเข้ามาศึกษากับผู้รู้หลายๆท่าน อยากขอคำแนะนำจากผู้รู้ทุกๆท่าน    แต่ที่สุดก็ต้องอภัยซึ่งกันและกัน

ขอทวนคำกล

ขอทวนคำกล่าวของฉินหวุ่ยหมิน "พวกเราเป็นคนเชื้อสายจีน(华人) ไม่ใช่คนประเทศจีน(中國人) เราต้องภูมิใจว่าเราเป็นปั้นซันขัก และมั่นใจที่จะพูดปั้นซันขักโดยไม่ต้องอายใคร"ไหงก็อีกคนเป็นคนจีนหรือคนไทยก็ได้ที่เกิดเมืองไทย ที่เป็นคนจีนเชื้อสายจีนปั้นซั้นขัก และมีความภาคภูมิใจ
ที่เป็นคนปั้นซั้นขักพูดปั้นซั้นขัก
ขอร้องใครอย่ามาบังคับจิตใจให้พวกไหงต้องเป็นอย่างอื่น ให้พวกไหงเป็นของพวกไหงแบบนี้ ส่วนพวกหงีหรือใคร อื่นจะเป็นอะไรก็ได้ตามใจ ต่างฝ่ายต่างเป็นตัวของตัว

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal