หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

เมื่ออากุ๊งจุดธูปกลางแจ้งสาปแช่ง

เมื่ออากุ๊งจุดธูปกลางแดดสาปแช่งอาป๊า   เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากหลานๆ
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเกือบร้อยปี   อากุ๊งเกิดที่ประเทศไทย  ตั้งแต่เล็กจนโต  อาไท้สอนสั่งปลูกฝังเรื่่องประเทศจีน  รักประเทศจีน เรียนภาษจีน แทนคุณประเทศจีน  จนอากุ๊งฝังใจและลุ่มหลงประเทศจีนมาก
อากุ๊งเป็นคนขยัน  ตอนหนุ่มเป็นหลงจู๊อยู่โรงสีใหญ่   ฝึกงานจนรอบรู้    พอถึงเวลาก็ออกมาทำค้าขายเอง  จนร่ำรวยมีที่ดินหลายร้อยไร่   เป็นเศรษฐี 1 ใน 3 ของจังหวัดนั้น
ความฝังใจเรื่องประเทศจีนอย่างมาก  จนส่งบุตรชายคนที่สองไปที่ประเทศจีน  ให้ไปศึกษาเรียนหนังสือจีน  และสร้างบ้านเรือนที่นั่น    
อากุ๊งมีภรรยาเป็นคนไทย  มีบุตรชายบุตรสาวหลายคน บุตรชายคนโตเหมือนแม่  ผิวคล้ำไม่ขาวแบบคนจีน   อากุ๊งเลี้ยงลูกๆกินดีอยู่ดี  ปลูกบ้านหลังใหญ่มาก ใหญ่ที่สุดในอำเภอนั้น
อากุ๊งเริ่มทยอยขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่  แลกเป็นทองทั้งหมด  ตอนเดินทางต้องเหมาเรือ 2 ลำ เพื่อบรรทุกสมบัติและข้าวของขึ้นเรือใหญ่  ขนลูกๆและครอบรัวทั้งหมดไป  ยกเว้นลูกชายคนโต  ส่วนทรัพย์สินขายเกือบหมด  เหลือที่ดินที่อยู่ลึกและไกลๆ  ที่ขายไม่ออก   ยังเหลืออีกหลายร้อยไร่  ปล่อยทิ้งไว้
เมื่ออากุ๊งอพยพครอบครัวไปประเทศจีน  ทิ้งอาป๊าไว้ครอบครัวเดียว   อาป๊าก็ไม่เคยทำการค้าขาย  ก็เริ่มขายที่ไร่ที่นาบางส่วนมาเป็นทุนค้าขาย
ส่วนอากุ๊งไปถึงเมืองจีน  ขนทองไปมากมายซื้อที่นาที่ไร่  ขยายบ้านใหญ่โต  เพราะไปครอบครัวใหญ่   ช่วงนั้นเป็นปลายราชวงค์ชิง  เกิดกุลียุคมากมาย  ประชาชนไม่มีงานทำและไม่มีเงินใช้จ่าย หมู่บ้านก็แห้งแล้ง  การเกษตรก็ไม่ได้ผล  ข้าวยากหมากแพง   จนมีเพื่อนๆในหมู่บ้าน  รวมหัวกันปล้นบ้านอากุ๊ง  ขนเงินทองไปหมด  หวังพึ่งราชการก็ลำบาก   เมื่อเงินทองโดนปล้นหมด  ก็ต้องขายข้าวของเพื่อดำรงชีวิต   เริ่มแรกก็ทยอยส่งอากู๊(อาผู้หญิง) กลับมาเมืองไทยก่อน   ส่วนอากุ๊งและครอบครัวก็กลับตามมาหลังจากขายที่ทางเป็นค่าเรือ  ทิ้งหงี่สุก(อาคนที่ 2)  ไว้ครอบครองที่ดินส่วนที่เหลือ  และต้องฟุ้งซุ้ยไหว้อาไท้  ที่อากุ๊งเอากระดูกอาไท้กลับมาฝังที่ประเทศจีน
เมื่ออากุ๊งกลับมาประเทศไทยก็มาทวงคืนที่ไร่ที่นาทั้งหมดคืน  พ่อลูกก็ทะเลาะแย่งที่ดินกัน  อากุ๊งว่าเป็นสมบัติของเขา  ส่วนอาป๊าก็อ้างว่าอากุ๊งทิ้งที่ดินหนีไป  ตกลงอากุ๊งยังได้คืนไปสองร้อยกว่าไร่  แต่ก็ได้ "จุดธูปกลางแดด" สาปแช่งไม่ให้ทำมาหากินขึ้น   อากุ๊งเป็นคนตระหนี่  เอาที่ดินให้ลูกไร่เช่าแบ่งเปอร์เซ็นกัน  ไม่กี่ปีก็พอมีฐานะดีขึ้นมา  แต่ไม่เหมือนเมื่อก่อน   และยังแต่งเมียใหม่อีกคน   เรื่องไปประเทศจีน  ไม่ต้องพูดถึง  เข็ดหลาบเลยไม่เคยเอ่ยถึง
ส่วนอาป๊า  ก็ทำมาหากินไม่ขึ้น  ตามที่อากุ๊งสาปแช่งไว้  ที่ดินที่มีอยู่ก็ขายจนหมด  จนไม่มีอะไรเหลือ
จนมาถึงรุ่นหลานๆ  ก็พออยู่ได้   ไม่ประสพความสำเร็จค้าขายและการงาน  จนรุ่นเหลนก็ยังไม่เห็นใครได้ดี   
เมื่อฟังหลานๆเล่ามาอย่างนี้  เขาอยากจะให้ช่วยแก้คำสาปแช่งของอากุ๊ง  เพื่อให้เหลนโหลน  พ้นจากคำสาปแช่ง  จะได้ประสพความสำเร็จบ้างไม่เหมือนรุ่นหลานๆ
ผมได้สอบถามล่อไถ่(老大  ผู้อาวุโส)   ถึงการแก้ไขเรื่องนี้   ท่านบอกว่าให้จัดของไหว้ในวันเช็งเม้ง  ให้หลานชายคนโต เหลนชายคนโต  เป็นผู้กราบไหว้ขอขมาต่ออากุ๊ง  ขอให้ยกโทษที่อาป๊าทำให้อากุ๊งโกรธ  ขอให้อภัยในเรื่องเก่าๆ   แล้วล่อไถ่จะแต่งกลอนขอโทษมาให้อ่าน   ที่สำคัญต้องทำพิธีที่หน้าหลุมฟุ้งซุ้ยของอากุ๊งและกลางแดด  เพื่อให้ฟ้าดินเป็นพยาน

ผมว่ากาลเวลาเปลี่ยนไป  สมัยก่อนการเลี้ยงลูกกับสมัยนี้ต่างกัน  สมัยนี้เลี้ยงลูกเหมือนดั่งเพื่อน  เป็นที่ปรึกษาและนำได้  มีอะไรก็่เล่ากันฟังได้  พ่อแม่จะรับฟังลูกๆเสมอ   และมีเวลาให้ลูกๆเสมอ
สมัยก่อนเมื่อทำอะไรผิดจะไม่กล้าสพตาพ่อแม่ สมัยก่อนคำสั่งของพ่อแม่จะถูกเสมอ  พ่อแม่ส่วนมากจะอ้างว่าไม่มีเวลากับเรื่องไร้สาระของลูกๆ  
จึงได้ยินบ่อยๆ  ว่าพ่อแม่สาปแช่งลูกๆ  ถ้าขัดคำสั่ง     และการจุดธูปกลางแจ้ง  สาปแช่งลูกๆหลานๆ  แล้วปักธูปลงพื้น  เหมือนให้ฟ้าดินเป็นพยาน  มันศักดิ์สิทธิ์มาก  รายไหนรายนั้น  ประสพมาหลายๆรายแล้ว
.
จึงขอร้องพ่อแม่-ปู่ย่า-ตายาย ทุกๆท่าน  โปรดอย่าได้สาปแช่งลูกๆหลานๆเลย  พวกเขาจะต้องสืบสกุลไปอีกหลายชั่วคน  
 เรียนท่านผู้รู้ทุกท่าน  โปรดช่วยแนะนำวิธีแก้การสาปแช่งของกุ๊งท่านนี้ด้วย  เพื่อช่วยครอบครัวนี้  และเพื่อการศึกษาสำหรับชนรุ่นหลังด้วย 
( ได้เรื่่องอย่างไร และทำพิธีอย่างไร  ผมจะมารายงานให้ทราบ) 
   

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal