หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ตามรอยพญานาค

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี ผู้คนจะต้องไปที่จังหวัดหนองคาย โดยผ่านจังหวัดหน้าด่านอุดรธานี เพื่อชมบั้งไฟพญานาค มีเงินสะพัดจากนักท่องเที่ยวตามรายงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไม่ต่ำกว่าสองร้อยล้านบาทขึ้นไป ส่วนมากเส้นทางการท่องเที่ยวจะเริ่มต้นที่วังนาคินทร์ ป่าคำชะโนดจังหวัดอุดรธานี ไปจบที่ชมบั้งไฟพญานาค จังหวัดหนองคาย

ป่าคำชะโนด ตั้งอยู่ที่ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและอาถรรพ์ของชาวบ้าน ลักษณะเป็นเกาะ รอบๆเป็นที่ราบทุ่งนาโล่งกว้าง มีเฉพาะเกาะเท่านั้นที่เป็นป่าดงดิบ มีต้นชะโอดเป็นสัญลักษณ์ ลักษณะต้นคล้ายเกล็ดนาคขึ้นตามลำต้น เป็นลูกผสมระหว่างต้นตาล ต้นมะพร้าว และต้นหมากรวมกัน ขึ้นได้ที่นี้เพียงแห่งเดียว ถ้านำไปปลูกที่อื่นจะปลูกไม่ได้ ผู้ปลูกจะต้องพบเหตุเดือดร้อน ฟังดูอาจเป็นเรื่องอุปโลกน์ เพื่อหลอกให้คนกลัว แต่สำหรับชาวบ้านที่อยู่มานานนม กลับเชื่ออย่างสนิทใจ เล่ากันว่า เป็นเกาะลอยอยู่ตลอด ไม่มีจม ไม่มีน้ำท่วม แม้พื้นที่โดยรอบน้ำจะท่วมมากแค่ไหน ก็ไม่ท่วมเกาะ น้ำขึ้นเกาะลอยขึ้นด้วย น้ำลงเกาะก็ลงตาม เป็นที่อัศจรรย์

การเข้าไปยังเกาะชะโนด มีทางเดินเป็นคอนกรีตเชื่อมจากโลกภายนอกกับผืนป่าอันศักดิ์สิทธิ์ ปากทางมีรูปปั้นพญานาค ๒ ตัว ๗ เศียร นอนเลื้อยยาวไปจนสุดทางเดินราว ๓๐๐ เมตร ตรงกลางสะพานจะเป็นพื้นที่แบ่งแดน ระหว่างแดนเทพกับแดนมนุษย์ เวลาน้ำขึ้นลง สองแดนนี้จะลอยขึ้นลงไม่เท่ากัน ณ.กลางดงชะโนดแห่งนี้ มีบ่อน้ำขนาดเล็กที่มีน้ำซึมออกมาตามธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา มีความลึกขนาดไม้ไผ่ยาวสองลำต่อกัน ยังหยั่งไม่ถึงก้นน้ำ เชื่อกันว่าเป็นบ่อน้ำของพญานาค น้ำในบ่อนี้จะไปทะลุที่สะดือแม่น้ำโขงที่มีความลึกถึงหนึ่งร้อยเมตรบริเวณวัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดหนองคาย เป็นประตูสู่วังนาคินทร์ เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เมื่ออธิษฐานตรงหน้าบ่อมักได้ตามประสงค์ บางคนเจ็บป่วยไปดื่มหรืออาบ โรคร้ายก็หายเป็นปลิดทิ้ง เป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ความเชื่อมีมากน้อยแค่ไหน หากไม่เชื่อแถมยังลบหลู่ ตักน้ำจากบ่อแล้วนำมาล้างเท้า แทนที่จะหายป่วยไข้ กลับทุกข์ทรมานหนักกว่าเดิม นอกจากบ่อน้ำ ยังมีฆ้องศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้ที่ศรัทธาลูบอธิษฐาน หากอดีตชาติใครมีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพญานาค ฆ้องก็จะส่งเสียงดัง ถ้าไม่มีเสียงดัง แต่คำอธิษฐานนั้นมักประสบผลสำเร็จดังต้องการ

เกาะลอยชะโนด

ด้านหน้าทางเข้าเกาะลอย

ด้านหลังสิ้นสุดของสะพาน

ตรงกลางสะพานแบ่งแดน

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ดั้งเดิม

ฆ้องศักดิ์สิทธิ์

 

ต้นชะโนด


รูปภาพของ นายวีรพนธ์

ความจริงวังนาคินทร์คำชะโนด





รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

จากคำชะโนดถึงโพนพิสัย

หลังจากเที่ยวดินแดนลี้ลับคำชะโนดแล้ว จุดหมายต่อไปคืออำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เพื่อชมบั้งไฟพญานาค ที่จะสำแดงฤทธิ์ส่งบั้งไฟเป็นดวงๆขึ้นสู่ท้องฟ้าในราตรีขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด ให้ชาวประชาที่มาเยือนได้เฮกันอย่างสนุกสนาน แต่ก่อนเฮสมควรรู้เรื่องที่มาที่ไปของพญานาคกันก่อน

แน่นอนต้องเล่ากันว่า นาคที่เป็นใหญ่อยู่ในแม่น้ำโขงคือพญานาคที่มีชื่อว่าสุทโธนาค ทำไมถึงได้เป็นใหญ่ที่แม่น้ำนี้ ตอบไม่ยากเพราะแม่น้ำสายนี้ท่านเป็นผู้ขุดสร้างเอง สาเหตุที่สร้างเพราะต้องแข่งขันกับนาคอีกตัวที่ชื่อสุวรรณนาค มีกติกาว่าใครที่ขุดแม่น้ำออกทะเลได้ก่อนเป็นผู้ชนะ รางวัลที่ได้คือปลาบึกจากพระอินทร์ ผลการแข่งปรากฏว่าสุทโธนาคเป็นผู้ชนะ ส่วนแม่น้ำของผู้แพ้คือแม่น้ำน่าน ถ้าไม่กล่าวถึงสาเหตุใหญ่ที่นาคทั้งสองต้องแข่งขันกัน เรื่องก็ไม่สมบูรณ์

ที่จริงนาคทั้งสองตนนี้ เดิมทีเป็นเพื่อนกัน อยู่อาณาจักรเดียวกัน หาอาหารแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ฝ่ายหนึ่งไปหา อีกฝ่ายต้องเฝ้าดูแลที่อยู่ อาหารที่หาได้ ต้องนำมาแบ่งเท่าๆกัน ภายหลังเกิดผิดใจกัน เพราะเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเอาเปรียบ แบ่งอาหารให้น้อย จึงเกิดรบราฆ่าฟันกันขนานใหญ่นานถึง ๗ ปี เดือดร้อนสัตว์อื่นๆต้องพลอยตายตามไปด้วย ร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาห้ามศึก โดยออกอุบายให้แข่งขันกันขุดสร้างแม่น้ำดังกล่าว

เนื่องจากพญานาคเป็นสัตว์เมืองบาดาล ไม่สามารถอยู่บนโลกมนุษย์ได้นาน สุทโธนาคจึงขอให้พระอินทร์กำหนดสถานที่อยู่ให้ชัดเจนและมีทางขึ้นลงระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองมนุษย์ ซึ่งพระอินทร์ได้กำหนดจุดที่เป็นประตูเชื่อมต่อไว้ ๓ แห่งด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือที่คำชะโนด จังหวัดอุดรธานี ที่เชื่อกันว่า เป็นศูนย์กลางลงไปสู่เมืองบาดาล

พญานาคเป็นสัตว์กึ่งเทพที่มีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ แต่จะกลับสู่สภาพเดิมใน ๕ สภาวการณ์คือ ตอนแรกเกิด ตอนลอกคราบ ตอนสมสู่ ตอนหลับไม่ได้สติและตอนตาย มีตำนานเล่าว่า เคยมีพญานาคฟังเทศแล้วเกิดความเลื่อมใส จึงจำแลงแปลงกายเป็นชายแอบมาบวช แต่เผลอหลับกลายร่างเดิมขดอยู่ในกุฏิ พระพุทธเจ้าทรงทราบจึงขอให้ลาสิกขา เพราะสัตว์เดรัจฉานจะบวชเป็นภิกษุมิได้ แต่เพราะศรัทธาแรงกล้า เมื่อถึงวันออกพรรษา ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ ของทุกปี เหล่ามวลพญานาคจะร่วมเฉลิมฉลองด้วยการพ่นลูกไฟขึ้นมาจากเมืองบาดาล มีลักษณะเป็นดวงกลมสีแดงอมชมพู พวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขง ไม่มีควัน ไม่มีกลิ่น ที่เราเรียกกันว่า “บั้งไฟพญานาค”

ป.ล ขอบคุณอาจารย์วีรพนธ์ ที่นำคลิปวีดีโอมาเสริมประกอบ


วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษา


บั้งไฟพญานาค


มวลชนเฮลั่นเมื่อเห็นบั้งไฟพญานาค

รูปภาพของ นายวีรพนธ์

แฉ บั้งไฟพญานาค คือ กระสุนส่องแสง

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

ของจริงหรือของปลอม

วันนี้มาต่อเป็นบทสรุปสุดท้ายเรื่องบั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์จริงหรือปลอม อาจารย์วีรพนธ์ไวปานกามนิตหนุ่ม ช่วยลงคลิปวีดีโอให้เรียบร้อย ขอบคุณมากครับผม
 
ปัจจุบันเรื่องบั้งไฟพญานาค มีการถกกันมากว่า เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแหกตา หรือเป็นประเพณีสำคัญของคนฝั่งลาว ที่ต้องฉลองกันด้วยบั้งไฟแบบนี้ มีคนพิสูจน์แล้วว่า มันมาจากการยิงปืนด้วยกระสุนส่องวิถีหรือกระสุนส่องแสง เมื่อยิงจะมีแสงพวยพุ่งออกมาเป็นสีแดงอมชมพู เป็นกระสุนที่ยิงเพื่อบอกเป้าหรือตำแหน่ง แต่ก็ยังมีคนยืนยันแข็งขันว่าเคยเห็นมันขึ้นมาจากน้ำด้วยตาตัวเองจริงๆ อันนี้มีคนแย้งว่า ปืนไรเฟิลอัตโนมัติใต้น้ำของรัสเซีย สามารถใช้ยิงได้ทั้งบนบกและใต้น้ำแบบสะเทินน้ำสะเทินบก จึงไม่แปลกที่มีคนบอกเคยเห็นบั้งไฟขึ้นจากในน้ำ ที่เห็นสันนิษฐานอาจเป็นเพราะมีมนุษย์กบลงไปยิงอยู่ใต้น้ำ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ การยิงปืนใต้น้ำ ผู้ยิงต้องมีทักษะความชำนาญพอสมควร จำนวนบั้งไฟที่เห็นขึ้นจากน้ำจึงมีน้อยมาก เหตุผลคือปืนแบบนี้หายากนั้นเอง หรืออาจไม่เคยมีคนเห็นเลย เป็นเรื่องกุขึ้นทั้งสิ้น  สรุปแล้ว เรื่องบั้งไฟนี้อยู่ที่ปัญญาของวิญญูชนแต่ละคน ที่ต้องวิเคราะห์ความเชื่อเอาเอง
 
  
มนุษย์กบกับปืนไรเฟิลอัตโนมัติใต้น้ำของรัสเซีย
 
กระสุนส่องวิถีหรือกระสุนส่องแสง
รูปภาพของ นายวีรพนธ์

Sci Find เฉลยปริศนาบั้งไฟพญานาค

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal