|
|
ท่ามกงเยี้ย ยุวเทพที่เป็นชาวฮากกา (2)
เขียนโดย จ๊องหยิ่นฮยุ๋ง เมื่อ จันทร์, 31/05/2010 - 16:18.
วันหนึ่งในช่วงฤดูกาลไหว้บรรพบุรุษ (เช็งเม้ง) เด็กหนุ่มเลี้ยงเป็ดคนหนึ่ง ได้นำเป็ดไปเลี้ยงในลำธาร ริมธารมีกอหญ้ารกทึบ ปรากฏเป็ดน้อยได้หายไปทุกวัน วันละตัวสองตัว จนเป็นที่สงสัย ต่อมาเด็กหนุ่มล่วงรู้สาเหตุ รู้ว่ามีงูขนาดใหญ่ วัดวงรอบเท่าใบตะกร้ามาฉกกินเป็ดเสีย เมื่อความทราบถึงชาวบ้าน ท่านอู๋เต็กพร้อมพวกเพื่อนๆ จึงพากันมาดักจับ เมื่อท่านเข้าใกล้กอหญ้ากอใหญ่นั้น ปรากฏเจ้างูร้ายโผล่ขึ้นมา ท่านจึงใช้มือจับหางของมัน เจ้างูตัวนั้นจึงชูหัวขึ้นสูง อ้าปากกว้างเท่ากะละมัง ท่านจึงเอาก้อนหินก้อนหนึ่งใส่ปากงู งูจึงย่อส่วนเป็นตัวเล็ก ท่านได้จับงูนั้นใส่ในบ้องไม้ไผ่ แล้วนำกลับไปเลี้ยงที่บ้าน เมื่อใกล้สิ้นปี ตรุษจีนกำลังจะมา ท่านอู๋เต็กและเพื่อนๆ กำลังเลี้ยงวัวบนภูเขา ท่านก็นับนิ้วรู้โดยทิพย์ญาณว่าเมืองโปหลอซึ่งห่างจากที่นี่ 100 ลี้กำลังมีงิ้วแสดง ท่านจึงชวนเพื่อนๆ ทั้งหมดไปดูงิ้วซึ่งกำลังแสดงเรื่องสามก๊ก ตอนเล่าปี่ กวนอูและเตียวหุยรบกับลี่กู้ โดยเพื่อนๆ ต่างไม่เชื่อว่าเป็นจริง และด้วยระยะทางที่ไกลไม่น่าจะไปได้ ท่านจึงให้เพื่อนๆ ทั้งหมดเกาะบนบ่าของท่านและให้หลับตา แล้วเหาะลงมาจนถึงหน้าโรงงิ้ว เป็นที่อัศจรรย์ใจของชาวบ้านและคณะงิ้วมาก ขากลับท่านก็กำชับให้ทุกคนปฏิบัติเช่นเดิม แต่ท่านรู้โดยทิพย์ญาณว่าเจ้าโตต้องแอบเปิดตาดู และเป็นจริงตามนั้น ร่างของเจ้าโตจึงร่วงหล่นลงไป เมื่อท่านส่งเพื่อนๆ ที่เหลือกลับไปโดยปลอดภัยแล้ว จึงได้ย้อนกลับมาช่วยเหลือเจ้าโตที่ได้ร่วงหล่นลงมายังบ้านข้าหลวงแห่งเมืองกุยสร้านโดยไม่ได้รับอันตราย ท่านข้าหลวงคิดว่าท่านเป็นเทพผู้เปี่ยมด้วยอิทธิฤทธิ์ จึงยกน้ำชาขึ้นคารวะ 3 จอก ท่านก็รับมา พร้อมสาดขึ้นฟ้าทั้งสามครั้ง ข้าหลวงจึงเอ่ยปากถามว่าท่านมีอะไรบกพร่อง จึงไม่รับน้ำชา ท่านจึงบอกว่าตำบลโปหลอกำลังมีไฟไหม้โกดัง ท่านกำลังช่วยดับไฟ เมื่อข้าหลวงได้ให้ม้าเร็วไปสืบ ก็ทราบว่ามีไฟไหม้โกดังจริง แต่แล้วมีน้ำสีชาตกมาจากฟ้าอย่างแรง ครู่เดียวไฟก็ดับหมด เหตุการณ์นี้เป็นที่เลื่องลือ และบันทึกไว้ในประวัติของเมืองกุยสร้านหรือหุ้ยจิวตราบจนปัจจุบัน เมื่อท่านอายุ 13 ปี ล่วงถึงวัน 5 ค่ำ เดือน 3 จีน ซึ่งเป็นวันสำคัญ ปรากฏรุ้งกินน้ำ แสงสว่างกระจายในวงกว้าง ท่านเดินหน้ามุ่งไปยังก้อนหินเชิงเขา แล้วท่านนั่งสมาธิ พลันปรากฏแสงสว่างเป็นแสงสีม่วงพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า กล่าวว่าท่านได้ละสังขาร สำเร็จธรรมบรรลุเต๋า ณ ที่แห่งนั้น และปรากฏแสง 9 ลำแผ่รัศมีคล้ายดังมังกรเก้าตัว เหล่าสิงสาราสัตว์ร่ำร้องสนั่นฟ้าสะเทือนดิน เต่ายืดคอยาว เสือร้องคำราม งูขนดซ้อนกัน ฝูงมดห้อมล้อมสังขารของท่าน ผีเสื้อบินว่อน ฝูงผึ้งออกจากรัง สุนัขและฝูงไก่ร่ำไห้เศร้าโศกเหลือพรรณนา เจ้าปู่แห่งขุนเขา (เอี๋ยวตั่วแปะกง) พลันปรากฏกาย ท่านถือไม้เท้าหัวมังกรไปบอกข่าวแก่ยายของท่าน จากนั้นกิตติศัพท์ความร่ำลือถึงการสำเร็จมรรคผลของท่านได้แผ่ขจรขจาย ก่อให้เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า จนเมื่อปีพุทธศักราช 1926 ในรัชสมัย หมิงหงอู่ปีที่ 16 จึงมีผู้สร้างศาลาตรงตำแหน่งที่ท่านละสังขาร นามศาลาเต็กเต๋าเต็ง (ศาลาสำเร็จธรรมเต๋า) ดังปรากฏในปัจจุบัน กล่าวว่าภูเขาเก้ามังกร (จิ่วหลงเฟิง) นั้น เมื่อมองจากภายนอก เปรียบเสมือนมังกรเหาะเสือทะยาน ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 1926 ในรัชสมัยหมิงเสี่ยนเต๋อปีที่ 9 ได้มีผู้ศรัทธาสร้างวัดให้ท่าน เรียกว่าวัดเก้ามังกร ไว้เป็นที่สักการะบูชา นับจากบัดนั้นจนถึงปัจจุบัน ระยะเวลาล่วงเลยมากว่า 600 ปี เมื่อคราวมีงานฉลอง ณ วัดแห่งนี้จะคึกคักอย่างยิ่ง ยิ่งใหญ่กว่าบุญบารมีแห่งจักรพรรดิใดๆ ในอดีต ชาวบ้านใกล้ไกลต่างมาขอพรต่อท่าน บ้างก็เสี่ยงเซียมซีหรือขอใบยาจากท่าน กล่าวว่าแม่นยำและศักดิ์สิทธิ์ บันทึกกล่าวว่าเมื่อปีพุทธศักราช 2305 ในรัชสมัยชิงเฉียนหลงปีที่ 26 พระองค์เคยมาบูรณะและสักการบูชากราบไหว้องค์ยุวเทพท่ามกงเยี้ยด้วยพระองค์ เอง และเมื่อปีพุทธศักราช 2366 ในรัชสมัยชิงเต้ากวังปีที่ 3 ได้ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ จนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทางวัดได้ผ่านการทำลายล้างจนไม่เหลือรูปเคารพใดๆ แห่งอดีต ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2525 ทางรัฐบาลจีนพร้อมชาวจีนโพ้นทะเลต่างร่วมแรงร่วมใจปฏิสังขรณ์วัดเก้ามังกร พร้อมศาลาเต๋าเต็กเต็ง และสร้างรูปเคารพของท่านใหม่ดังปรากฏในปัจจุบัน ในต่างแดนโดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเลที่มีถิ่นกำเนิดในท้องถิ่นกวางตุ้งและฮากกา นับถือบูชาองค์ยุวเทพท่ามกงเยี้ยเป็นอันมาก ในฮ่องกงและมาเก๊ามีศาลเจ้าของท่านอยู่มากมาย เช่น ย่านซาวเกยหว่านในฮ่องกง และย่านโหล่วหว่านโต๋วในมาเก๊า ซึ่งเรียกชื่อเดิมท่านว่าท่ามชีว ซึ่งต่างออกไป และนับถือท่านเป็นหนึ่งเทพอารักษ์คุ้งน้ำ(ห่ายเสิน)อีกท่านหนึ่ง นอกเหนือจากรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จนทางราชการได้สนับสนุนงานฉลองคล้ายวันประสูติของท่านเป็นงานระดับชาติให้ ผู้คนไปสักการะท่าน องค์ยุวเทพ ท่ามกงเยี้ยนับว่าเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองตรัง ชาวตรังและชาวจังหวัดใกล้ไกลต่างเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก ชื่อเสียงความศรัทธาของท่านขจรขจายกว้างแผ่ไพศาลจนเหลือคณานับ ในเมืองตรังมีศาลเจ้าที่บูชาท่านเป็นการเฉพาะ ดังนี้ 1.ศาลเจ้าท่ามกงเยี้ย ถ.เพลินพิทักษ์ ต.ทับเที่ยง จังหวัดตรัง 2.ศาลเจ้าท่ามกงเยี้ย ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จังหวัดตรัง นอกจากนั้น ยังมีรูปเคารพท่านในศาลเจ้าอื่นๆ อีก จนกล่าวว่าท่านเป็นหนึ่งครองความศรัทธาของพี่น้องชาวตรัง ไม่ว่าเป็นชาวไทยหรือชาวไทยเชื้อสายจีน โดยไม่คำนึงว่าบรรพบุรุษเหล่านั้นมาจากถิ่นฐานใด ต่างเลื่อมใสศรัทธาท่านทั้งสิ้น ขอขอบคุณ คุณสมเกียรติ แซ่ตั้ง (เฉินเถียะหลิน) ที่ได้คัดลอกประวัติองค์ยุวเทพท่ามกงเยี้ยจากหลักศิลาจารึก ณ วัดเก้ามังกร เรียบเรียงคัดย่อและเพิ่มเติมรายละเอียดโดย บุนเต้หลาง เมื่อ 25 มกราคม 2550 ส่วนองค์ยุวเทพท่ามกงเยี้ยในตำนานอื่นนั้น บ้างก็กล่าวว่าท่านมีนามเดิมว่าท่ามเชียว เกิดในยุคสมัยราชวงค์หงวน ท่านสำเร็จธรรมเต๋าตั้งแต่อายุ 12 ปี พระไท้ส่งโหล่กุนได้รับท่านไว้เป็นศิษย์ ได้ร่ำเรียนวิชาอายุวัฒนะไม่แก่ไม่เฒ่า จนเมื่ออายุ 70-80 ปี ก็ยังคงรูปลักษณ์เป็นเด็กอายุ 12-13 ปีโดยไม่เปลี่ยนแปลง บ้างก็อ้างในทางเต๋าว่าท่านเป็นนักพรต ในนามจื๋อเซียวจินหยิน ฉะนั้น ถ้ายึดถือตามนี้ เทวรูป (กิมซิ้น) ท่านจึงมีรูปลักษณ์ไม่แน่นอน อาจมีลักษณะเป็นผู้เฒ่าแต่งชุดจินหยินตามยศ บ้างก็ว่าท่านเกิดยุคสมัยถัง ซึ่งเกิดต่างยุคต่างสมัย ในถิ่นฮกเกี้ยน ซึ่งเปรียบประหนึ่งเป็นคนละคนกับที่กล่าวมา จึงอาจมีความสับสนได้ สำหรับในเมืองตรังได้สืบทอดประวัติของท่านจากศิลาจารึกในวัดเก้ามังกร ถิ่นเมืองหุ้ยโจวเป็นหลัก ในฐานะยุวเทพผู้ทรงฤทธิ์ คัดมาจาก http://www.tewaracha.com/history-tamKongy.shtml »
|
|
hakka@hakkapeople.com คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม | Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal |
ความคิดเห็นล่าสุด
10 hours 58 min ก่อน
15 hours 51 min ก่อน
19 hours 2 min ก่อน
1 วัน 12 hours ก่อน
3 days 11 hours ก่อน
1 สัปดาห์ 2 days ก่อน
1 สัปดาห์ 3 days ก่อน
1 สัปดาห์ 3 days ก่อน
1 สัปดาห์ 3 days ก่อน
1 สัปดาห์ 4 days ก่อน