เป็นประเพณีที่คนไทยเชื้อสายจีนมีความเชื่อว่า จะทำให้ครอบครัว และอาชีพที่ประกอบการอยู่
มีความเจริญก้าวหน้าและรุ่งเรือง หากได้ร่วมพิธีจะทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์มาก นับนานาประการ
องค์กรจีนในลำปาง จัดประเพณีแห่เจ้าซือจุง-เจ้าปุนเถ้ากง-เจ้าแม่ทับทิม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มูลนิธิลำปางสงเคราะห์ ร่วมกับเทศบาลเขลางค์นครลำปางและองค์กรจีนในลำปาง จัดประเพณีแห่เจ้าซือจุง-เจ้าปุนเถ้ากง-เจ้าแม่ทับทิม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายประเสริฐ รัตนไฟศาลศรี ประธานมูลนิธิลำปางสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ในปี 2552 มูลนิธิลำปางสงเคราะห์ ร่วมกับ เทศบาลนครลำปางและองค์กรจีนต่างๆ ในจังหวัดลำปาง จัดประเพณีแห่เจ้าซือจุง-เจ้าปุนเถ้ากง-เจ้าแม่ทับทิม อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นประเพณีที่คนไทยเชื้อสายจีนมีความเชื่อว่า จะทำให้ครอบครัวและอาชีพที่ประกอบกิจการอยู่ มีความเจริญก้าวหน้าและรุ่งเรือง หากได้ร่วมพิธีด้วยก็จะทำให้ทุกชีวิตรุ่งโรจน์มากนับนานาประการ การแห่เจ้าครั้งที่ 5 (5-6 ธันวาคม ทุกปี) โดยวันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม เวลา09.09น. พิธีปล่อยขบวนแห่เจ้าซือจุง – เจ้าพ่อปุนเถ้ากง – เจ้าแม่ทับทิมลำปาง ณ “ข่วงนคร” เทศบาลนครลำปาง ไปตามถนนสายต่างๆ บริเวณในเมืองตลอดวัน จนเสร็จสิ้น ช่วงกลางคืน มีการแสดง สิงโตดอกเหมยและมหรสพ –รีวิว ณ โรงเรียนประชาวิทย์ลำปาง การแสดงมังกรลอยฟ้า ลอยลงมาระเบิดถ้ำ มังกรเสาพ่นพลุไฟและยิงพลุ ณ บริเวณริมแม่น้ำวัง ตรงข้ามศาลเจ้าแม่ทับทิมลำปาง
และในวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม เวลา 07.30 น. ชมขบวนการแห่เจ้าซือจุน-เจ้าพ่อปุนเถ้ากง-เจ้าแม่ทับทิมลำปาง เริ่มปล่อยขบวน ณ โรงเรียนเทศบาล4 ไปตามถนนสายต่างๆ บริเวณต.สบตุ๋ย ตลอดทั้งวัน เพื่อให้ประชาชนได้ชมขบวนแห่เจ้า และเป็นการสืบทอดประเพณีให้อนุชนรุ่นหลัง ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าว เพื่อรวมพลังพี่น้องไทย-จีน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงพลังองค์กรจีนในจังหวัดลำปาง จัดงานมหากุศลอย่างยิ่งใหญ่ตระกาตา ถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และเพื่อเป็นสิริมงคล ให้แก่ประชาชน
(ข่าวเก่าเล่าใหม่ : ภาพโดย อ.ฟี่โฟโต้/อ.มงคล ใจสุข คณะนิเทศฯ มหาวิทยาลัยโยนก : การข่าว สวท.)
องค์กรจีนลำปาง แห่เจ้าซือจุง-เจ้าปุนเถ้ากง-เจ้าแม่ทับทิม
งานรำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ รถม้า ลำปาง
ข่าวเก่าเล่าใหม่....
กิจกรรม งานรำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ รถม้า ลำปาง ครั้งที่ 11 (1-5 เมย 53) ตอน 2
ท่องเที่ยวทั่วเมืองลำปาง, by prawinrat.
เมื่อพูดถึงเมืองลำปาง สิ่งที่คนมักนึกถึงนั้นก็คือ เมือง รถม้า รถไฟ น้ำตกแจ้ซ้อน
วัดพระธาตุลำปางหลวง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย และก็ยังมีกิจกรรมมากมายในเมืองเล็ก ๆ
แห่งนี้ที่น่าเที่ยวมากมาย แม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่ใหญ่โต แต่ก็ยังคงความมีเสน่ห์และมนต์คลั่งมากมาย
สำหรับเมืองลำปางนี้ ลำปางเริ่มตระหนักในเรื่องของการท่องเที่ยวมากแล้วนับจากอดีต
ที่ไม่ค่อยมุ่งเรื่องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเท่าที่ควร การพลิกเมืองลำปางให้
เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของภาคเหนือนั้นไม่ยาก และไม่ง่ายเลยทีเดียว
และสิ่งที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวน่าจะเป็นกิจกรรมดี ๆ ที่สนุกและน่าสนใจมากกว่า
“คุณมาถึงลำปางหรือยัง” อะไรเป็นตัววัดกันล่ะ ว่าคุณมาถึงลำปาง ถ้าพูดถึงเชียงใหม่ก็ต้องเป็น
พระธาตุดอยสุเทพ ส่วนลำปางเราก็มีเช่นกันนั้น หากคุณมาลำปางแล้วคุณไม่ขึ้นรถม้า
คุณแน่ใจหรือว่าคุณมาถึงลำปางแล้ว ฉนั้นคุณจะพลาดได้อย่างไรการนั่งรถม้าชมเมือง
ยิ่งนั่งรถม้าตอนฤดูหนาวบรรยาการศอย่าบอกใครเชียว!
ประเพณีลำปางกำลังกลับมาโดยเมืองลำปางเริ่มตระหนักถึงการเริ่มต้นอันปนะเพณีที่สวยงาม
การมาเที่ยวลำปางคงไม่ใช่แค่มาเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น
คงมีอีกมากมายที่ทุกคนจะนึกถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปวัฒนธรรม
ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะของพม่ากับเมืองล้านนาที่ลงตัว
กิจกรรม งานรำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ รถม้า ลำปาง ครั้งที่ 11 (1-5 เมย 53) ตอน 2
ดิฉัน(เฉินซิวเชง)ชุดญี่ปุ่นสีน้ำเงินนะเจ้า คนที่สาม ไปเป็นดาราเดินผ่านเวที ด้วยชุดญี่ปุ่นแบบนักท่องเที่ยว
ถูกบังคับเชิงนี้เสียแล้ว ม่วนแต้ๆๆจาวเหนือ วันที่ 1 เมษานี้ อ.ไทย,ญึ่ปุ่นและฝรั่งนานาชาติของโยนก
ได้ประชันฝี่เท้าก้าวย่างบนเวที 30 วินาที เอาเถิดเผื่อได้เกิดบ้างนะ หุหุ
กิจกรรม งานรำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ รถม้า ลำปาง ครั้งที่ 11 (1-5 เมย 53) ตอน 3
ประกอบด้วยสาระดังนี้.....
- ปีฟื้นฟู ส.ค.ส. วันเถลิงศกใหม่สยาม-สงกรานต์ ๑-๑๕ เมษายน ร่วมลายเซ็นหัตถ์
ภูมิหลังของชาวจีนโพ้นทะเลลำปาง
ภูมิหลังของชาวจีนโพ้นทะเลลำปาง
posted on 07 Dec 2008 19:35 by chineses-coming in OverseasChinese
ไทยก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีชาวจีน อพยพมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยเริ่มอพยพเข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่ 500-600 ปี รอนแรมเสี่ยงตายล่องเรือสำเภา หรือที่คนจีนเรียกว่า เพียวหลิง ฮั้วไห่ เหมาเสี่ยน (เพียวหลิง = เรือใบ, เหมาเสี่ยน = เสี่ยงตาย) ชาวจีนได้เริ่มเดินเรือสำเภามาค้าขายในประเทศไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย และสอนชาวไทยทำเครื่องถ้วยชามสังคโลก จนกระทั่งสมัยอยุธยาได้ปรากฏหลักฐานว่ามีชาวจีนมาสร้างบ้านเรื่อน ตั้งรกรากและทำการค้า้เป็นจำนวนมาก
กาดกองต้า ตลาดโบราณ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะ วัฒนธรรม ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง
กลับไปเมื่อกว่า 100 ปี (ราวสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินท ร์) ภาพความคึกคักจอแจ ขวัก ไขว่ เต็มไปด้วยผู้คน จะมีอยู่ตลอดย่านนี้ ด้วยเพราะในยามนั้น กาดกองต้า เป็นศูนย์กลางการค้าที่ สำคัญของ เมืองลำปาง และของภาคเหนือ
นี่คืออาคารฟองหลี สถาปัตย์แบบขนมปังขิงสไตร์ล้านนาลำปาง อาคารหม่องหง่วยสิ่น กาดกองต้า ได้รับรางวัล และได้รับคำชื่นชมจาก น. ณ ปากน้ำ (ประยูร อุลชาฎะ) ว่าเป็น "อาคาร ขนมปังขิงริมถนนที่งดงามที่สุดในประเทศไทย" เมื่อพ.ศ.25 31 ในหนังสือแบบแผนบ้านเรือนในสยาม นอกจากนั้นอาคาร นี้ยังถือเป็นจุดเด่นสำคัญของอาคารเก่าในย่านกาดกองต้านี้ด้วย
มีข่าวแจ้งมาอย่างไม่เป็นทางการว่าใน ปีนี้ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้คัด เลือกอาคารสถาปัตยกรรมในลำปาง จำนวน 3 แห่งให้ได้รับ รางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ดังต่อไปนี้
กลุ่มอาคารบริเวณกาดกองต้า ประเภทชุม ชน อาคารฟองหลี กาดกองต้า ประเภทอาคารพาณิชย์
ชาวจีนในลำปาง
ชีวิตที่หลากหลาย
คนจีน...ภาพจากทายาทตระกูลฟองอาภา
บ้านสินานนท์ สร้างเมื่อพ.ศ.2462 โดย หลวงวานิชกำจร
ทัศนีย์ ขัดสืบ,ชาวจีนลำปาง ใน ฮู้คิง…ฮู้คนลำปาง,ลำปาง
ชาวจีนในลำปาง
ศาลเจ้าแม่ทับทิม
ภาวะคุกคามจากนโยบายระดับประเทศ สมัยรัชกาลที่ 6 จนถึง จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ประชากรชาวจีนในสยามได้ขยายตัวเป็น จำนวนมาก มีบทบาทสูงทางเศรษฐกิจ บางส่วนยังเหตุความวุ่นวายจากการผละงาน การจลาจล จนถึงต้องปราบปรามกันอย่างหนัก ทำให้แม้รัชกาลที่6 เอง ก็ทรงมองอย่างดูแคลน มีอคติและ เรียกชาวจีนว่าเป็น “ยิวแห่งบูรพาทิศ” (ซึ่งพระองค์ทรงได้รับอิทธิพลความหวาดกลัวที่ ชาวตะวันตกมองจีนอีกทีหนึ่ง) ขณะที่สมัยจอมพล แปลกเองก็ สืบทอดความคิดดังกล่าวมาไม่น้อย ไปกว่ากัน เริ่มจากการแทรกแซงทางการค้า ด้วยการตั้งบริษัทในนามของรัฐบาล จนถึงออก กฎหมายกีดกันคนต่างด้าว (โดยเฉพาะชาวจีน) ถึงกับประกาศเขตหวงห้าม มิให้ชาวต่างด้าวเข้า หลังการประกาศ และเริ่มใช้กับภาคเหนือ เมื่อปลายเดือนมกราคม พ.ศ.2486 ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด อันได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย แพร่ อุตรดิตถ์ ชาวจีนนับพันต้องอพยพ เคลื่อนย้ายภายในเดือนเมษายน ความเป็นปึกแผ่นของสถาบันต่างๆ ในนามชาวจีนดังที่กล่าวมาแล้วชาวจีน เข้ามามีบทบาทในเมืองนครลำปาง ระลอกแรก คือบริเวณกาดกองต้า (หรือตลาดจีน) ในระลอกที่สองก็เป็นผลมาจากเส้นทางรถไฟ ตั้งแต่พ.ศ.2459 ขณะที่ชาวจีนมี บทบาทอย่างสูงทางเศรษฐกิจ ก็มีแรงกดดันมิใช่น้อย ฉะนั้นจึงมีการรวมกลุ่มกันขึ้นเพื่อสร้าง อำนาจต่อรอง และสร้างสวัสดิการร่วมกันภายในกลุ่ม (ขณะที่ก็ยังมีการแบ่งแยกในกลุ่มภาษาอีก โดยเฉพาะที่โดดเด่นก็คือ ชาวจีนไหหลำ) ดังปรากฏเป็นโครงสร้างและสถาบันต่างๆดังนี้ศาลเจ้า หรือศาสนสถานของชาวจีน เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ ซึ่งก่อตั้งขึ้น ประจำกลุ่มภาษา ได้แก่ ศาลเจ้าแม่ทับทิม ถ.ทิพย์ช้าง ของชาวไหหลำ สร้างราวๆหลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 (หลังพ.ศ.2488) ศาลปุงเถ้ากง ของชาวแต้จิ๋วและจีนแคะ (มีบริเวณตลาดจีน ถ.ทิพย์ ช้าง สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2436 และบริเวณสบตุ๋ย ถ.ประสานไมตรี สร้างราวหลังสงครามโลก ครั้งที่2 เช่นกัน)
โรงเรียนจีน
กล่าวกันว่าในระยะแรก ลูกคนจีนในลำปางเรียนภาษาจีนที่ จือป้อเสีย ที่บริษัทจังหวัดลำปางก่อน จะมีโรงเรียน ในพ.ศ.2466 ที่พ่อค้าชาวจีนไหหลำ ซื้อที่ดินและบริจาคที่ดินสร้างโรงเรียนจีนแห่งแรกในลำปาง เรียกว่า โรงเรียนยกส่าย (ปัจจุบันคือ โรงเรียนมัธยมวิทยา) บริเวณถนนฉัตรไชย อีก 3 ปีต่อมา ชาวจีนแคะ แต้จิ๋ว และกวางตุ้งก็รวมตัวกันตั้งโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งชื่อ โรงเรียนฮั้วเคี้ยว (แปลว่าจีนโพ้นทะเล) หรือ หนานปางกงสิหวาเฉียว หรือ หวาเฉียว หรือ กงลิยิหวา (ปัจจุบันก็ คือ โรงเรียนประชาวิทย์) เมื่อพ.ศ.2469 ไม่น้อยหน้ากัน ซึ่งได้รับบริจาคที่ดินจาก ประธานชมรม ชาวจีนโพ้นทะเลในลำปางขณะนั้นอย่างไรก็ตามก็มีความพยายามจะรวมทั้งสองโรงเรียนเข้าด้วยกันช่วง ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ในที่สุดโรงเรียนทั้งสอง ก็ถูกสั่งปิดในช่วงสงคราม และโรงเรียนยกส่ายถูกยึดเป็นฐานที่พักพิง จนถึงพ.ศ.2489 พ่อค้าจีนก็ขอเปิดโรงเรียนทั้งสอง โดยรวมเป็นโรงเรียนเดียวกันในนาม โรง เรียนยกฮั้ว หรือโรงเรียนประชาวิทย์ (หรือกงลิยิหวา) เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา ขณะที่ใช้ โรงเรียนยกส่ายเป็นที่ตั้งสโมสรชาวจีน (หวาเฉียวจี้เลาะปู้)ชื่อ สโมสรสหมิตร ในพ.ศ.2495 จึงขอ ใช้พื้นที่โรงเรียนยกส่าย เป็นที่ตั้งโรงเรียน จึงได้ชื่อว่า โรงเรียนมัธยมวิทยา จนในที่สุด ความพยายามดังกล่าวก็ปรากฏเป็นเครือข่ายในนาม มูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาวิทย์- มัธยมวิทยา เมื่อพ.ศ.2519 องค์กรอื่นๆ
โรงเรียนยกส่าย หรือมัธยมวิทยาในปัจจุบัน (โรงเรียนของเฉินซิ่วเชง)
มูลนิธิลำปางสงเคราะห์ เดิมก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ.2503 บริเวณตรงข้ามโรงแรมร่มศรีทองในปัจจุบัน แต่ได้ย้ายไปตั้งบริเวณถนนสุเรนทร์ เมื่อ พ.ศ.2512 ซึ่งเป็นมูลนิธิกลางของชาวจีนลำปางใน ทุกกลุ่มภาษา คือ จีนแคะ กวางตุ้ง แต้จิ๋ว ไหหลำ
เรื่องของสุสานคนจีนลำปางดีงนี้คือสุสานจีน ในลำปางมีอยู่ 3 แห่งแห่งแรก คือ สุสานพระบาท มีอายุมากกว่า 100 ปี สันนิษฐานว่าเป็นเขตป่าสงวน ชาวจีนจึงได้นำ ศพมาฝัง ขณะที่รัฐบาล บ้านเมืองก็ไม่ได้เห็นปัญหา แต่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวจีนอพยพเข้ามามาก จึงขยายพื้นที่ออกไปอย่างมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวไม่มีโฉนด (ได้รับการบอกเล่า ว่ากำลังอยู่ในช่วงดำเนินการขอโฉนดที่ดินอยู่ เมื่อพ.ศ.2548)
สุสานพระบาทของชาวจีน
แห่งที่สอง คือ สุสานจี้หนาน อยู่บริเวณใกล้กับสุสานพระบาท สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2510 เป็นพื้นที่ที่ มีใบโฉนดเรียบร้อยแล้ว ส่วนแห่งที่สาม คือ สุสานจีน ถ.ลำปาง-เด่นชัย สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2517 เป็นพื้นที่ที่มีโฉนดเรียบ ร้อยแล้วเช่นกัน
*เรียบเรียงจากทัศนีย์ ขัดสืบ,ชาวจีนลำปาง ใน ฮู้คิง…ฮู้คนลำปาง,ลำปาง : บรรณกิจการพิมพ์.2548.
กองต้า คือ ตรอกท่าน้ำกาดกองต้า ก็คือ ตลาดบริเวณตรอกท่าน้ำ
จุดเริ่มต้นของชาวจีนโพ้นทะเลจะพักอาศัยที่สถานีรถไฟลำปาง โดยรวมกันตั้งเป็นกาดเก้าจาว เพราะเป็นเส้นทางคมนาคมทางเดียวที่จะเดินทางไปสู่จังหวัดอื่นได้แบบที่นี่เป็นศูนย์กลาง อย่างเมืองเชียงใหม่ แต่โดดเด่นเป็นเมืองท่าค้าขาย ในยุคที่การเดินทางทางบกยังมีความยาก ลำบาก ด้วยอุปสรรคทางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยป่าเขา ถนนหนทางก็ยังไม่มีมากมายสะดวกสบาย ดังเช่นในวันนี้ การคมนาคมจึงต้องใช้ทางน้ำเป็นสำคัญ ทั้งการเดินทางไปมาหาสู่ ทำมามาค้าขาย การลำเลียงสินค้าเส้นทางเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการนำสินค้าจากเหนือลงไป "เมืองใต้" ซึ่งหมายรวมถึงดินแดนที่อยู่ใต้ดินแดนล้านนาลงไปทั้งหมด และการขนถ่ายสินค้า ที่มาจากต่างประเทศผ่านท่า เรือเมืองบางกอก หรือสินค้าจากเมืองใต้ขึ้นมา ล้วนแต่ใช้การล่องเรือมาตามแม่น้ำสายหลัก ล่อง เข้าลำน้ำวังสุดทางที่ เขลางค์นคร หรือ นครลำปาง ท่าน้ำใหญ่เชิงสะพานรัษ กาดกองต้า จึงรับ บทบาทเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ซื้อขายแลกเปลี่ยน และกระจายสินค้าไปตามหัวเมืองต่างๆ โดยวิธีขนส่งทางบก ใช้รถต่าง ม้าต่าง หรืออืนๆต่อไป กาดกองต้า ศูนย์การค้าสำคัญ จึงคับคั่งไปด้วยพ่อค้าวานิชผู้มั่งคั่งหลายหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย พม่า จีน และฝรั่ง การผสมผสานทางวัฒนธรรมจึงเกิดขึ้น และที่แสดงออกเห็นเป็นรูปธรรมที่ ชัดเจนคือสถาปัตยกรรมนานาชาติ ที่แสดงผ่านบ้านเรือนสิ่งก่อสร้าง มีทั้งเรือนแบบไทยภาคกลาง เรือนล้านนา เรือนพม่า และที่สำคัญดูจะโดดเด่นเห็นจะเป็นเรือนแบบจีน และเรือนขนมปังขิงแบบ ฝรั่งตะวันตก ทั้งนี้อาจเพราะในสมัยนั้นประเพณีราชนิยมแบบตะวันตกกำลังได้รับความนิยมสูง สุด ในภาคกลาง ชาวตะวันตกเข้ามามีความสัมพันธ์กับสยามมากมาย จะด้วยบทบาทใดก็ตาม แต่รูป แบบสถาปัตยกรรมงามแปลกตา ที่นำมาเผยแพร่ก็เป็นที่ถูกใจของชาวสยาม นำมาประยุกต์ใช้สร้าง บ้านเรือนเป็นที่สวยงาม ระบาดไปเกือบทุกพื้นที่ของประเทศ รวมทั้งที่กาดกองต้า ก็มีเรือนฝรั่ง ผสมจีนแบบนี้อยู่หลายแห่ง กาดกองต้า ได้ถูกลดบทบาทลงจนไม่เหลือภาพของความมั่งคั่ง จอแจดังในอดีต แต่สิ่งที่ยังดำรงอยู่คือ ชุมชนและวิถีของผู้คนที่วันนี้ได้ถูกเรียกขานว่าเป็น "ชุมชนย่านตลาดเก่า" รวมทั้งอาคาร สิ่งก่อสร้างหลากวัฒนธรรม อันเป็นมรดกล้ำค่า เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ผู้โหยหาอดีตอันคลาสสิก การเดินชมกาดกองต้าในวันนี้ ต้องถือว่าเป็นรายการท่องเที่ยวเมืองลำปางที่ต้องไม่ พลาดชม และมีบรรยากาศหลากหลาย ให้เลือกสัมผัสถ้าต้องการความ สงบเย็นซึมซับบรรยากาศ ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมต้องชมในวันธรรมดาจันทร์-ศุกร์
ถ้าต้องการความคึกคักของผู้คน สนุกสนาน มีตลาดถนนคนเดิน ต้องเดินในวัน เสาร์-อาทิตย์
http://images.google.co.th/
รวบรวมโดยเฉินซิ่วเชง