หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

.

รูปภาพของ วี่ฟัด

.


รูปภาพของ ฉินเทียน

Rule of Law

ไหง ก็กำลังวางโครงการ ไป มาเลเซีย กับ สิงคโปร์  ครับ

รูปภาพของ สิทธิพร1

ไหง่ก็อยากไป หว้ยกระบอกแห่งเกาะปีนัง

สวัสดีวี่ฟัดกอ                                                                                   ไหง่เคยไปปีนังมาเลเซีย เมื่อ2ปีก่อน เปเที่ยวก็แค่เก็นติ้ง ไม่เคยรู้เลยว่าที่ปีนังมีชาวฮากกาเหมยเยี้อน เย๊อะมาก ไหง่เลยอยากไปอีก ไหง่อยากให้กออาคม กูรูจัดไปเที่ยวที่หว้ยกระบอกปีนัง จัดเมื่อไหร่จองคนแรกเลย วันนี้ไหง่เลยนำ VDO การเดินทางจากเบตง-ไปปีนัง-มาเลเซียมาลงให้ชาวชุมชนฮากกาได้รู้วิธีเดินทางคร่าวๆ                     จาก俞文君

รูปภาพของ วี่ฟัด

ประชุมมิตรสัมพันธ์ที่หาดใหญ่

นี่ไงครับอาโกสุทธิพรประชุมฮากกามิตรสัมพันธ์ปีหน้าที่หาดใหญ่ น่าจะจัดรวมตัวกันไปเที่ยวปีนังเป็นทริปเน้นฮากกาโดยเฉพาะ ไหง่กับโกอาคมก็ได้คุยๆกันเหมือนกันว่า ตอนช่วงประชุมฮากกามิตรสัมพันธ์ที่หาดใหญ่จะไปกันอีก ดีใหมครับอาโก

รูปบนสุดน

รูปบนสุดนับจากคนซ้ายมาคนที่2เสื้อลายขวางขาวดำใช่พี่วี่ฟัดเปล่าครับ

รูปภาพของ วี่ฟัด

ใช่ซิโก

ไหง่เองครั้งไปยี่ยมกู่เทียนฟัดไง

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

ไปด้วยห้วยกระบอกปีนัง

ไหง่เคยไปปีนังสองครั้ง เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ถึงปัจจุบันยังไม่ได้ไปอีกเลย คราวแรกไปกับรถทัวร์นำเที่ยว
ไทย-ปีนัง-อีโปร์-กัวลาลัมเปอร์-เก็นติ้งไฮแลนด์-มะละกา-ยะโฮบารู-สิงคโปร์ โดยออกทางด่านสะเดาวนขวา
ขากลับกลับทางตรังกานู-กลันตันวนซ้ายเข้าทางสุไหงโก-ลก เที่ยวที่สองไปเที่ยวปีนังเป็นการส่วนตัว โดยแท็กซี่หาดใหญ่-ปีนัง ออกทางสะเดา ความทรงจำเก่าๆเลอะเลือนเกือบหมดแล้ว จำได้ว่าสมัยนั้นหนึ่งริงกิตเท่ากับเงินไทยเพียงเจ็ดบาทเท่านั้น
เมื่อคุณสิทธิพรจุดประกายไปเที่ยวห้วยกระบอกปีนัง อีกทั้งคุณวี่ฟัดผู้มากประสบการณ์ บอกน่าจะจัดรวมตัวกัน
ไปเที่ยวปีนังเป็นทริป เน้นฮากกาโดยเฉพาะ ทำให้ไหง่อยากร่วมขบวนไปด้วยทันที จะได้เปิดหูเปิดตา หลังเป็น
กบในกะลาครอบมาตลอดชีวิต อีกทั้งจะได้รู้จักกับเพื่อนๆ เพราะเห็นในรูปถ่าย แต่ละคนล้วนมีใบหน้าเอื้ออารีย์
บ่งบอกถึงความจริงใจต่อกัน ถ้าจัดทริปนี้เมื่อไหร่ ช่วยบอกแต่เนิ่นๆด้วย จะได้ไปทำพาสปอร์ตใหม่ เพระเล่มเก่า
หมดอายุไปนานมากแล้ว
รูปภาพของ อิชยา

ดี ดี ดี

ดี ดี ดี  มีจัดไปแจ้งด้วยนะค่ะ

 

รูปภาพของ สิทธิพร1

很好 ไปด้วยห้วยกระบอกที่ปีนัง ไหง่คิดว่าเหมาะสมมาก

สวัสดีวี่ฟัดกอ                                                                                               จัดตอนงานมิตรสัมพันธ์ที่หาดใหญ่ก็เหมาะมาก เราชาวชุมชนฮากกา จะได้พบปะตัวจริงเสียงจริง อย่างอาจองกว๊านหมิ่นซินซัง ไหง่อยากคาราวะ เหลือเกิน และคนปักษ์ใต้อีกหลายท่าน เหล่าจอมยุทธแถวปักษ์ใต้เก่ง ฮากฟ้า-ผูทงฮว้า อิงวุ่นฮว้า น่ายกย่องหลายๆท่าน         จาก俞文君

รูปภาพของ อิชยา

สวัสดีค่ะ

สวัสดีค่ะอาโก๊วีฝัด

 

เมื่อวานไหงโทรศัพท์ไปหา อ.นภดล  เพื่อบอกเบอร์โทร. ของคนที่แซ่เดียวกันกับอาจารย์ที่อยู่ปีนัง  ตามที่อาโก๊วีฝัดได้ลงไว้ในนี้   อ.นภดลได้โทรไปตามเบอร์ที่บอกนี้  ปรากฏว่าไม่มีใครรับโทรศัพท์  

 

ก็เลย อ.นภดลโทรกลับมาบอกไหง  ว่าติดต่อไม่ได้  อ.นภดลก็เลยฝากเบอร์โทร.ของ อาจารย์เองให้โก๊วีฝัด  ถ้ามีโอกาสหรือพอจะติดต่อได้  ช่วยบอกเบอร์ของ อ.นภดล   ให้กื๊อ (ที่ปีนัง) ด้วย  หรือจะยังไงอาโก๊วีฝัดก็โทรคุยกับ อ.นภดลก่อนก็ได้นะค่ะ  เบอร์โทรของ อ.นภดล  081-372-7942

รูปภาพของ วี่ฟัด

กู้เที้ยนฟัด

เบอร์โทรศัพท์ที่ไหง่ให้อาจเป็นเบอร์บ้านที่ทำเป็นสตูดีโอของกี่ บางที่กี่อาจไม่อยู่บ้าน แต่ไหง่มีเฟชบุ๊คกี่

https://www.facebook.com/kohtenghuat พอไหง่หาเจอปุ๊ป ปรากฏว่าอาจารย์เฉินซิ่วเช็ง เข้าไปแอีดเป็นเฟรนดของอากู้เทียนฟัดไปเรียบร้อยแล้ว เร็วจริงๆเลยอาจรย์นุชของเรา

ยังมีเว๊ปของกี่ http://www.penanghakkavillage.blogspot.com/

E-mail. kohtenghuat@hotmail.com 

รูปภาพของ วี่ฟัด

古天发

พอดีไปได้เบอร์ใหม่ของกู่เทียนฟัด 07-4352202 ลองให้อาจารย์นภดลติดต่อไปใหม่

รูปภาพของ วี่ฟัด

ทราบว่าอาจารย์นภดลติดต่อกับกู้เที้ยนฟัดได้แล้ว

    วันนี้โกอาคมได้โทรไปคุยกับกู้เทียนฟัด เบอร์ 012 - 780 0248 แต่ถ้าโทรไปมาเลเซีย ต้องกด  กด 004 6012 7800248 รหัสโทรทางไกลก็ 004 ( หรือ 009 , 008 ตามแต่ผู้ให้บริการ ) ระหัสประเทศมาเลเซียก็ 60 ส่วนเบอร์มือถือของกู้เทียนฟัด 012 780 0248 โทรต่างประเทศให้ตัด 0 ออก ( เป็นแบบนี้ทุกประเทศ ) จึงต้องกด 004 60 12 780 0248 
     กู้เทียนฟัดบอกกับโกอาคมว่าอาจารย์นภดล " กู้ปักเซิง " ได้โทรติดต่อกันแล้ว งานของใหง่จึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ที่อยากให้ กู้เที้ยนฟัด กับ กู้ปักเซิง ลูกหลานคนเซี้ยงกู้จากอำเภอหมอยแย้น ได้เจอกัน อีกหน่อยไหง่คิดว่าคงมีอะไรดีๆเกี่ยวกับฮากกาของพวกเรา เช่นอาจจะมีการสร้างเครือข่ายฮากกาไทยกับฮากกาปีนังและจนกระทั่งฮากกามาเลเซีย หรืออาจจะมีการเยี่ยมเยียนกันในโอกาศต่ีอๆไป ไม่แน่นะอีกหน่อยการร่วมชุมนุมของพวกเราอาจจะมีกู้เทียนฟัดมาร่วมด้วยก็ได้
รูปภาพของ วี่ฟัด

บาลิคปูเลาห้วยกระบอกแห่งเกาะปีนัง ตอนที่ 2

       ที่จริงจากด่านสะเดาไปเกาะปีนังนั้นไม่ถึงสองร้อยกิโล ระยะทางพอๆกับคนกรุงเทพฯขับรถไปเที่ยวหัวหินยังไงยังงั้นเชียว คนทางใต้แถวๆหาดใหญ่สงขลาจึงไปเที่ยวในมาเลเซียและปีนังเป็นว่าเล่น ชนิดว่าไปเช้าเย็นกลับเหมิือนคนกรุงเทพฯไปเที่ยวหัวหินได้อย่างสบายๆ ถนนหนทางในประเทศมาเลเซียก็ดีมากๆ คนขับรถขับราก็นิสัยดีไม่มีแซงไม่มีปาดเพราะอย่างมากก็วิ่งได้ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในทางปรกติ และ 110 ในทางด่วนแบบมอร์เตอร์เวย์ โกอาคมก็เคยไปมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แค่มีพาสปอร์ตก็เข้าได้เลย พีธีการผ่านด่านทั้งทางไทย และ มาเลเซียก็แสนง่ายไม่เกินสิบห้านาทีก็เข้าไปในมาเลเซียได้แล้ว พอโกอาคมขับรถออกมาจากด่านสะเดาข้ามสะพานไปยังเกาะปีนังใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็ถึงปีนังแล้ว

             พอถึงเกาะปีนังก็ตรงไปยังบ้านของเฉินเกอเกอทันที เฉินเกอเกอพอเห็นไหง่ก้ล้อไหง่ว่า " ไหง่เฮ้ฮากกาหงิ่น " เนื่องจากตอนที่เฉินเกอเกอได้ไปงานฮากการาชบุรี เมื่อปลายเดือนเมษายน 2555 ครั้งที่อาจารย์นภดล ไปปาฎกฐาเรื่อง " ไหง่ ฮากกา " ทำให้เฉินเกอเกอประทับใจในความสมัครสมานสามัคคีของชาวฮากการาชบุรี โดยเฉพาะตอนที่พี่น้องฮากการาชบุรีร่วมกันเปล่งเสียงตามอาจารย์นภดลว่า " ไหง่เฮ้ฮากกาหงิ่น "

              พอมาถึงเฉินเกอเกอก็พาไหง่กับโกอาคมไปชิมอาหารของเกาะปีนังอย่างเอร็ดอร่อย วันนั้นไหง่กับโกอาคมก็พักอยู่ที่บ้านของเฉินเกอเกอ 1 คืนอย่างสบาย ทั้งเฉินเกอเกอก็ขับรถพาไหง่กับโกอาคมไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆในเกาะปีนัง โกอาคมเคยไปปีนังมานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนไหง่เคยไปเพียงครั้งแรก วันแรกจึงนอนหลับพักผ่อนที่บ้านนั้นอย่างสบาย จนเมื่อเราตื่นขึ้นมาในตอนเช้าวันที่ 20 มิถุนายน 2555 เฉินเกอเกอก็บอกว่าจะพาพวกเราไปเที่ยว " ฮากกาชุน " ลองมาติดตามว่าฮากกาชุมอยู่ที่ใหน คืออะไร ในตอนหน้าครับ

สะพานข้ามจากแผ่นดินใหญ่จากฝั่งบัตเตอร์เวิร์ดไปยังเกาะปีนัง มีความยาวร่วม 7 - 8 กิโลเมตร

มาถึงบ้านเลขที่ 9 ของเฉินเกอเกออยู่ไม่ไกลจากวัดไทยในปีนังนัก ดูบ้านคงไม่ต้องบอกหละครับว่าเฉินเกอเกอยิ้วเฉียนแน่ๆ ประตูอัลลอยล์อันนี้แหละครับที่โกอาคมใส่รถขนมาจากเมืองไทยไปติดให้ที่บ้านของเฉินเกอเกอ เพราะในมาเลเซีย ช่างฝีมือไม่ถูกใจเฉินเกอเกอ

อาเซ้าเฉินเกอเกอกับหลานชาย

เฉินเกอเกอเป็นคนเชื้อสายกวางตุ้ง คนกวางตุ้งนี่เขาจะมีประวัติของตระกูลว่าเป็นใครมาจากใหนตั้งอยู่บนโต๊ะบูชาประจำบ้านเลยครับ คล้ายๆกับข้อมูลที่อยู่บนป้ายหลุมศพที่ฟุ้งสุ้ยทั่วๆไป ส่วนภาพนั้นคืออาเมของเฉินเกอเกอผู้ล่วงลับครับ

ก้วยเตี๋ยวผัดแบบฮกเกี้ยนเอร็ดอร่อยไม่แพ้ก้วยเตี๋ยวผัดไทยเลยทีเดียวเชียวหละ

 

สวัสดีแล้วพบกันใหม่

 

 

รูปภาพของ อิชยา

ดีจังเลย

ดีจังเลย  ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวเยี่ยมชมแบบ  พวกอาโก๊เมื่อไหร่นะ   ตาร้อน ๆๆๆๆๆ Cool

รูปภาพของ วี่ฟัด

บาลิคปูเลาห้วยกระบอกแห่งเกาะปีนัง ตอนที่ 3

ตอนเช้าวันที่ 20 มิถุนายน 2555 พอตื่นขึ้นมาเฉินเกอเกอกับอาเซ้าก็ไหง่กับโกอาคมไปทานอาหารเช้ากันที่ร้านแห่งหนึ่งเป็นอาหารแบบติ่มซำที่แสนอร่อย รู้สึกว่าที่ปีนังอะไรๆก็อร่อยไปหมด โกอาคมบอกว่าเคยพาเพื่อนมาที่ปันังแล้วกินอาหารแบบพื้นเมืองแบบแกงกะหรี่แบบมาเลเซียไม่ค่อยจะได้เลย

แต่มาคราวนี้ไหง่กินได้หมด ไหง่ว่าไม่ยากหรอกครับถ้ากินแกงกะหรี่แบบมาเล มาเล ปกติไหง่เป็นคนชอบท่องอาขยานตอนเรียนหนังสือชั้นประถมมัธยม และไหง่ยังจำบทเห่เรือชมเครื่องคาวหวานพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพรพุทธเลิศหล้านภาลัย ไหง่จึงท่องเลยครับว่า " มัสหมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง ...... " เพราะแกงกะหรี่แบบแขกๆมาเลนั้นมันก็แกงมัสหมั่นของเราดีๆนี่เองครับ ไหง่ชอบกินแกงมัสหมั่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะแกงมัสหมั่นไก่ในร้าน 7/11 กินประจำตอนกลับบ้านมืดๆ เพราะร้าน 7/11 มันดันมาตั้งอยู่ตรงข้ามหน้าบ้านไหง่พอดี

อาเซ้า ไหง่กับโกอาคม กำลังนั่กินติ่มซำ โดยมีเฉินเกอเกอเป็นผุ้ถ่ายภาพครับ

พอนั่งกินกันจนอิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว เฉินเกอเกอก็ขับรถฮอนด้า CRV พาพวกเราไปยัง " ฮากกาชุน " ที่เฉินเกอเกอตั้งใจว่าจะพาพวกเราไปทันที โกอาคมมาเองขนาดว่ามาปีนังนับสิบๆครั้งก็ยังไม่เคยไปฮากกาชุนและไม่รู้ด้วยว่าที่ปีนังมันมีฮากกาชุนอยู่ด้วย

เฉินเกอเกอที่เคยมางานฮากการาชบุรีกี่รู้ว่าไหง่กับโกอาคมนี่มันบ้าฮากกาเข้าขั้น เฉินเกอเกอจึงหมายมั่นปั้นมือเพื่อสนองความบ้าฮากกาให้กับไหง่กับโกอาคมซะหน่อย เลยอยากพาพวกเราไปฮากกาชุน

ระยะทางที่จะไป " ฮากกาชุน " ตามที่เฉินเกอเกอบอกไหง่กับโกอาคมนั้นไม่ไกลเท่าไรหรอกครับ เพราะเกาะปีนังเองมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหนาแค่ครึ่งเดียวของเกาะภูเก็ตเองครับ ตามที่ไหง่ไปค้นมาปรากฏว่าเกาะภูเก็ตมีเนื้อที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร ส่วนเกาะปีนังมีเนื้อที่เพยง 285 ตารางกิโลเมตรเองครับ เกาะสมุยมีเนื้อที่ 227 ตารางกิโลเมตร ส่วนเกาะช้างมีเนื้อที่ประมาณ 209 ตารางกิโลเมตร เกาะปีนังจึงมีเนื้อที่แค่ครื่งหนึ่งของเกาะภูเก็ต และใหญ่กว่าเกาะสมุยและเกาะช้างเพียงนิดเดียวเองครับ

เส้นทางที่เฉินเกอเกอพาพวกเราไปฮากกาชุนต้องวิ่งขึ้นเขาและวิ่งเลาะอยู่บนเขาเกือบตลอดทาง ตามสภาพภูมิศาสตร์ เกาะปีนังกับเกาะช้างคล้ายๆกันอยู่อย่างหนึ่งคือตรงกลางเกาะจะมีภูเขาสูงๆอยู่กลางเกาะ ส่วนที่ราบๆก็จะอยู่บริเวณริมเกาะ ภูเขาที่ปีนังคือ " ปีนังฮิล " ตลอดทางที่วิ่งอยู่บนเขามีต้นไม้อยู่เต็มไปหมด มีต้นทุเรียนป่าอันมีชื่อเสียงของเกาะปีนังขึ้นอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีเครื่องเทศเช่นต้นจันทร์ ต้นกานพลู

พอรถวิ่งไปได้สักครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกกันว่า " บาลิค ปูเลา " พอไปถึงเฉินเกอเกอเองซึ่งไม่เคยมาเหมือนกันก็เลยลงไปถามตามร้านค้าชุมชนของบาลิค ปูเลา ว่า ฮากกาชุน อยู่ที่ใหน พวกเราจะไปฮากกาชุนกัน คนที่นั่นเขางงกันใหญ่ เขาก็ไม่รู้ว่าไอ้ที่เขาเรียกว่าฮากกาชุนที่เราจะไปนั่นหนะมันอยู่ที่ใหน แต่คนที่นี่เขาพูดภาษาฮากกากันทั้งนั้นแหละ เฉินเกอเกอกี่ก็คงคิดว่าร้านค้าที่เราไปถามนั้นกี่คงกวนไม่อยากบอกกับเรา จึงตระเวลไปถามหลายๆร้าน ทุกร้านก็บอกแบบเดียวกันว่า " ไม่รู้เหมือนกันว่าฮากกาชุนอยู่ที่ใหน แต่ที่บาลิคปูเลานี่แหละที่เขาพูดภาษาฮา่กกากันทั้งนั้นแหละอาโก


บริเวณนี่แหละครับที่เขาเรียกว่า " บาลิค ปูเลา " ที่เฉินเกอเกอ ไปถามทางไป " ฮากกาชุน " แต่ไม่มีใครรู้สักคนว่าฮากกาชุนมันอยู่ที่ใหน แต่ที่นี่เขาพูดภาษาฮากกากันทุกบ้านหละครับ


นี่แหละครับชุมชนของบาลิค ปูเลา ทั้งสองภาพนี่ไหง่นำมาจากอินเตอรืเน็ตครับ

เอาไว้ต่อตอนที่ 4 ดีกว่าครับแล้วมาคอยลุ้นกันว่าพวกเราจะไป " ฮากกาชุน " กันสำเร็จหรือไม่

รูปภาพของ อิชยา

ตามมาลุ้น

ตามมาลุ้นพวกอาโก๊ทั้งหลายด้วยค่ะ

แต่ขอรบกวนถามหน่อยค่ะ  ว่าฮากกาชุน คืออะไร  และสำเนียงพูดของชาวบ้านที่บาลิค ปูเลา  เป็นสำเนียงทางไหนค่ะ 

รูปภาพของ อาคม

คุณ อิชยา ถามมาว่าฮากกาชุนคืออะไร

ฮากกาชุน แปลว่าหมู่บ้านฮากกา ชุนกัับฮีออง สองคำนี้ความหมายจะคล้ายกัน บางครั้งคนก็จะใช้คู่กัน เช่นถามว่า หงีฉุงหมักไก้ชุนฮีอองหลอยเก้ แปลว่า เธอมาจากหมู่บ้านไหนครับ

ที่มาเลเซียคนฮากกาส่วนใหญ่จะเป็นฟุ้ยจิว ฉะนั้นคนสำเนียงอื่่นก็จะถูกฟุ้ยจิวกลืนไปเป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกที่ก็จะมีหลายสำเนียงรวมกัน เช่นไท่ปู หมอยเย้น ฮ่อผ่อ หยงติ้งเป็นต้น มีเยอะมากที่ไม่ได้พูดสำเนียงของตัวเองเลยจะใช้ฟุ้ยจิวเยอะกว่าตามที่กล่างข้างต้น ไว้หาโอกาสไปเยี่ยมไปเยือนสิครับ ผู่หล่อซานป้อย นี้มีอาหารขึ้นชื่อเลยคือ หลักซ่า หรือขนมจีนมาเลย์ แต่ที่ใส่กระทิก็มีเขาจะเรียกว่าเสี่ยมหลักซ่า หรือหลักซ่าสยามนั่นเอง ขนมจีนไทย แต่ยังไงๆ รสชาดก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว 

รูปภาพของ อิชยา

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะที่กรุณาตอบข้อสงสัย   ก็อยากไปเที่ยวเยือนแบบพวกอาโก๊เหมือนกัน   แต่สงสัยคงต้องอาศัย (เกาะ) พวกโก๊ไป  ให้ไปเองคงไม่ได้เรื่อง   Frown

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

บาลิคปูเลา (浮羅山背 ) ห้วยกระบอกแห่งเกาะปีนัง ตอนที่ 4

หลังจากเดินถาม " ฮากกาชุน " ซึ่งก็หมายถึงหมู่บ้านฮากกานั่นเองครับ ตอนแรกที่ไหง่ได้ยินเฉินเกอเกอบอกว่าจะพาไป " ฮากกาชุน " ไหง่ก็จินตาการว่าจะต้องเป็นหมู่บ้านในชนบทที่ชาวฮากกาอยู่แบบบ้านในเมืองจีนที่ไหง่เคยไปมาแบบหมอยแย้นแน่ๆ เพราะคนเราถ้าอพยพไปอยู่ใหนจะต้องสร้างบรรยากาศให้ใกล้เคียงกับสถานที่เดิมๆของตน เช่นไหง่เคยไปบ้านอานึ๊งไหง่แถวเก๊กเอี๊ยว , เก็กไซ ไหง่เห็นห้องแถว ตึกแถว ที่นั่นมันเหมือนกับ ห้องแถว ตึกแถว ในเมืองไทยยังไงยังงั้นเลย 

หลังจากสอบถามหลายๆร้านแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบ เฉินเกอเกอก็เลยขับรถพาพวกเราเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งไม่ไกลจากบริเวณนั้นนัก หน้าโรงเรียนและโบสถ์คริสแห่งหนึ่ง อาโกอาคมจึงได้ลงเข้าไปสอบถามร้านขายเครื่องเขียนแบบเรียน และยังรับถ่ายเอกสารด้วยซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโบสถ์คริสต์พอดี ปรากฏว่าทีนี้ได้เรื่องเลยครับ อาโกเจ้าของร้านขายเครื่องเขียน และรับถ่ายเอกสาร เขาให้ข้อมูลแก่เราอย่างมาก พอเห็นว่าพวกเรานี่ของจริง อาโกกี่จึงบอกว่า มีคนที่รู้เกี่ยวกับฮากกาถึงขนาดบ้าฮากกาแบบเข้าขั้นมีอยู่คนหนึ่ง อาโกคนนั้นจึงโทรติดต่อให้คนๆหนึ่งมาหาพวกเราที่ร้านของอาโกเซี้ยงบุญในวันนั้นเองครับ

สักพักเดียวไม่ถึง 10 นาที " อากู้เทียนฟัด " คนที่อาโกเซี้ยงบุญบอกว่าบ้าฮากกาแบบเข้าขั้น กี่ก็ขับรถแวนโตโยต้าค่อนข้างเก่าสักหน่อยมาถึงหน้าร้าน ท่ามกลางความดีใจที่มีคนที่สนใจความเป็นฮากกาแบบบ้าเข้าขั้นเหมือนกันมาเยือนที่นี่

คุยกันพักหนึ่งที่ร้านอาโกเจ้าของร้าน ไหง่จึงทราบว่าอาโกคนเจ้าของร้านเป็นคนเซี้ยง " บุญ " ไหง่จึงมีความดีใจมาก เซี้ยงนี้บางท่านก็ออกเสียง " วูน " แบบ " วูนคอยโฟ " อาศุขแห่งฮากาอยุธยา

แต่ไหง่ขอออกเสียงว่า " เซี้ยงบุญ " เพราะเคยได้ยินญาติที่หมอยแย้นก็เรียกแบบนี้ และไหง่ว่าคำว่า " บุญ " มันเป็นมงคลในตัวของมันเองอยู่แล้ว ไหง่จึงชอบเรียกแบบนี้ เซี้ยงบุญนี้เป็นเซี้ยงของอาผ่อของไหง่ที่หมอยแย้น อาผ่อหรือคุณย่ากิมโม้ยของฉัตร ปริยฉัตร หรือ " อบเชย " ( ที่อาปุ้ยบุตรสาวของอาฉีเป็นแฟนพันธู์แท้ ) ก็เซี้ยงบุญ เหมือนกัน  อาผ่อกิมโม้ยของฉัตร ปริยฉัตรจึงมีศักดิ์เป็นหลานของอาผ่อของไหง่ที่หมอยแย้นอีกด้วย

พอรู้ว่าอาโกเซี้ยงบุญ และมีเชื้อสายหมอยแย้น ไหง่ก็ดีใจเหมือนกับเจอญาติคนหนึ่งเลยทีเดียวเลยครับ ไหง่จึงไปบอกกับอาโกว่า " อาผ่อไหง่เซี้ยงบุญ " พร้อมกับจับมือของอาโกเขาเขย่าด้วยความดีใจ  อาเซ้าของเฉินเกอเกอบอกกับไหง่ว่าไหง่พูดไม่ถูก ที่จริงต้องพูดว่า " ไหง่เก้อาผ่อเซี้ยงบุญ " จึงจะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ฮากกา ไหง่มาติดแบบไทยๆจนคุ้นกันจึงพูดผิดๆถูกๆอยู่เสมอเมื่อพูดภาษาจีน 

โบสต์คริสแบบโปแตสแต้นส์ที่อยู่ตรงข้ามกับอาโกเซี้ยงบุญพอดี พอพูดถึงศาสนาคริสต์ แบบโปแตสแต้นส์ เราคิดถึงใครครับที่เกี่ยวกับฮากกา ถ้ายังนึกไม่ออก ไหง่บอกให้ก็ได้ ก็ " หงส์ซิ่วฉวน ไท้ผิงเทียนกั๋ว " ไงครับ  แล้วมาเกี่ยวอะไรกับ บาลิค ปูเลา ไหง่จะได้วิเคราะห์ให้ฟังในตอนต่อไปครับ

โบสต์แบบโปรแตสแตนส์ มีฉากหน้าเป็นไม้กางเขนแปลกตาไปอีกแบบ 

เฉินเกอเกอกับโกอาคมกำลังก้องฮากกับอาโกเซี้ยงบุญ อย่างสนุกสนาน อย่างเป็นกันเอง

อาโกเซี้ยงบุญ เชื้อสายหมอยแย้น ถ่ายกับไหง่เหมือนเจอญาติข้างอาผ่อเซี้ยงบุญของไหง่ที่หมอยแย้น

 

ตอนอยู่ที่ร้านอาโกเซี้ยงบุญ ไหง่ได้มีโอกาศคุยกับพวกคนทำงานถ่ายเอกสารในร้านของบอาโก คนที่ทำงานถ่ายมีอายุสักยี่สิบกว่าๆหลายคน ปรากฏว่าทุกคนต่างบอกว่า " ไหง่เฮ้ฮากกาหงิ่น " กันทั้งนั้นเลยครับ ทุกคนต่างพูดภาษาฮากกากัน เหมือนกับว่าภาษาฮากกาเป็นภาษาที่พวกเขาใช้ในชีวิตประจำวันของเขาอยู่แล้ว และในร้านล้วนแต่เป็นคนที่มีเชื้อสายหมอยแย้นทั้งสิ้น แต่เซี้ยงต่างๆกันออกไป

ไหง่จึงมาถึงบางอ้อเลยว่าที่พวกเรามาตามหา " ฮากกาชุน " ก็ที่่บาลิคปูเลา (浮羅山背) นี่เองครับ เด็กเล็กเด็กน้อยเขาก็พูดภาษาฮากกากันอยู่เลย ถ้าเอากันตรงจุดนี้ไหง่ว่าที่นี่เขาทำได้ดีกว่าห้วยกระบอกเยอะ เพราะห้วยกระบอกรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 50 แทบพูดกันไม่ได้แล้ว

ทำใมถึงเป็นแบบนั้นไหง่พอจะวิเคราะห์ออกไม่ยากหรอกครับ เคยได้ยินใหมครับที่เขาบอกกันว่า " วัฒนธรรมไทยเป็นวัฒนธรรมน้ำ " ถ้าพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยมีน้ำเยอะน้ำท่วมทุกปีนะครับ คำว่า " วัฒนธรรมน้ำ " หมายถึงวัฒนธรรมที่กลมกลืนเข้าไปได้ในทุกๆที่ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่จะมีภาชนะเข้ามาแบบใหนๆถ้าเข้ามาอยู่ในกระแสวัฒนธรรมไทยเข้าแล้ว น้ำมันจะใส่เติมเข้าไปได้ในทุกภาชนะ คนที่ต่างวัฒนธรรมจึงถูกวัฒนธรรมไทยกลืนโดยง่ายและกลมกลืนโดยไม่รู้ตัว พวกเราไม่ว่าฝรั่ง แขก จีน พอมาอยู่กับวัฒนธรรมนี้จึงพูดไทยกันป๋อ หลงลืมภาษาดั้งเดิมของบรรพบุรุษกันจนหมดสิ้น ต้องมาตั้งองค์กรอนุรักษ์ส่งเสริมแบบที่อาจารย์นภดลทำกันจ้าระหวั่น และอิทธิพลที่สำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมไทยเป็นแบบนี้ก็คือ " พระพุทธศาสนา " นั่นเองครับ

แต่ประเทศมาเลเซีย มีวัฒนธรรมแบบมาลายูที่ผูกติดกับศาสนามุสลิม ที่เป็นวัฒนธรรมเฉพาะ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่แข็ง คงจะสร้างความกลมกลืนกับเหล่าบรรดาคนจีนที่มาอยู่ในประเทศมาเลเซียยาก ถ้าถามว่าคนจีนในมาเลเซียพูดภาษามาลายู หรือที่เราชอบเรียกว่า ภาษายาวี ได้หรือไม่ ไหง่ว่าก็คงพอพูดได้ แต่ไหง่ว่าคงพูดเฉพาะการติดต่อกับคนเชื้อสายมาลายูหรือพวกภูมิบุตร ( คนเชื้อสา่ยมาลายู ) แต่คนจีนที่อยู่ในมาเลเซียคงไม่เอาภาษามาลายูมาพูดกันในครอบครัวหรอกครับ ดังนั้นคนจีนในมาเลเซียจึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องพูดภาษาจีนดั้งเดิมตามเชื้อสายของตนอยู่ จึงทำให้คนจีนฮากกาที่บาลิคปูเลา ( 浮羅山背 ) จึงยังพูดภาษาฮากกากันอยู่เลยครับ

วิเคราะห์มาซะยืดยาว ชักเมื่อยๆ หิวข้าวเหมือนกัน แต่ถ้าไม่มีแบบวิเคราะหฺบ้างมันก็ดูเบาโหวงไม่เป็นวิชาการบ้างเลยเดี๋ยวอาจารย์ดอกเตอร์เขาจะว่าเอา เลยต้องมีกับเขาบ้างครับ

เอ้าเอาไว้วิเคราะห์ต่อตอนหน้าครับเพ่.. 

รูปภาพของ อิชยา

อาโก๊วีฝั

อาโก๊วีฝัดว่าวัฒนธรรมไทยเหมือนน้ำ  ไหงว่าในด้านดีอย่างหนึ่งคือทำให้วัฒนธรรมของผู้คนหลาย ๆ แบบอย่าง  มีอิสระภาพในการแสดงออก   รวมทั้งยังได้รับการยอมรับให้สามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของแต่ละชาติ ภาษาโดยเสรีภาพ

การกลืนกันทางวัฒนธรรมเป็นเรื่องธรรมดา   ทุกหนแห่งที่ส่วนน้อยต้องไปตามส่วนมาก   มันอยู่ที่ว่าเราจะทำการสืบทอด  รักษา  และถ่ายทอดให้กับหมู่ชนด้วยกันได้  อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่   นี่เป็นเรื่องไม่ง่าย  เราต้องช่วยกัน

รูปภาพของ วี่ฟัด

บาลิคปูเลาห้วยกระบอกแห่งเกาะปีนัง ตอนที่ 5

เกาะปีนัง จะเห็นว่าที่เงาดำๆนั้นคือภูเขาซึ่งอยู่กลางเกาะ บาลิคปูเลาจะอยู่หลังภูเขาทางด้านทะเลอันดามัน ส่วนเมืองจอร์จทาวน์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐปีนัง จะอยู่ทางด้านติดแผ่นดินใหญ่ เกาเส่วนทางด้านติดด้านแผ่นดินใหญ่จะเป็นด้านหน้าเกาะ ส่วนที่ติดกับทะเลอันดามัน จะเป็นด้านหลังเกาะ บาลิคปูเลาแลว่า หลังเกาะ

คงสงสัยกันนะครับว่าคำว่า  BALIK PULAU นั้นแปลว่าอะไร แต่ไหง่ได้เคยใช้คำว่า เกาะปีนัง โดยวงเล็บไว้ที่หัวเรื่่องแล้วว่า ( PULAU PENANG ) คงจะเดากันได้นะครับว่าคำว่า  " PULAU " แปลว่า " เกาะ " แน่ๆ ส่วนคำว่า  " BALIK " แปลว่า " ด้านหลัง " ดังนั้นคำว่า  " BALIK PULAU " จึงแปลได้ว่า  " หลังเกาะ " นั่นเองครับท่านผู้ชม 

ภาษามาลายู ( BAHASA MALAY ) เป็นภาษาเก่าแก่ของแดนดินแห่งนี้มาตั้งแต่อาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นแดนดินถิ่นนี้ทั้งมาเเลเซีย อินโดสีเซีย หรืออาจรวมไปถึงฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งอาณาจักรศรีวิชัย นับถือศาสนาพุทธแบบมหายาน ซึ่งได้มีการขุดค้นพบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ( คำว่าพระโพธิสัตว์ " สัตว์ "ต้องสะกดด้วย " ว. การันต์ ที่ใช้ ย. การันต์ นั้นไม่น่าถูกต้อง เพราะเดิม คำว่า " สัตว์ " ในภาษาบาลีสันสกฤต " หมายถึง " มนุษย์ " มิได้หมายความถึงสัตว์เดรัจฉานตามที่เราเข้าใจกัน ดังนั้นคำว่า " พระโพธิสัตว์ " จึงหมายถึง " มนุษย์ที่บรรลุถึงปัญญาในระดับโพธิ์ ใกล้จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว )

ดังนั้นภาษามาลายูจึงมีภาษาบาลีสันสกฤตปะปนอยู่มากมาย ยกตัวอย่างง่ายเช่นคำว่า BAHASA ( บาซา ) ที่แปลว่า ภาษา ก็แทบจะเป็นภาษา สันสกฤต ที่ภาษาไทยก็เอามาใช้ด้วย แล้ว หรือคำว่า NAMA ( นามา ) ที่แปลว่า " ชื่อ " ก็แทบจะเป็นภาษาบาลีที่ภาษาไทยก็เอามาใช้ " นาม " 

ตามแผนที่จะเห็นได้ว่าบาลิคปูเลา หรือที่แปลว่าหลังเกาะ นี่ดีนะครับว่า บาลิคปูเลา ตั้งอยู่บนเกาะ ถ้าไม่ได้ตั้งอยู่บนเกาะอาจจะถูกเรียกได้ว่า " หลังเขา " เอาได้ แต่เพราะมันอยู่ทางด้านหลังเกาะซึ่งมีภูเขาลูกใหญ่ๆขวางอยู่ระหว่างทางด้านหน้าเกาะ กับหลังเกาะ ที่บาลิคปูเลาจึงมีสภาพพื้นที่เหมาะแก่การหลบซ่อนตัวเพื่อมิให้ใครตามเจอเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ที่ปีนังเป็นเกาะ กว่าที่ใครจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่เกาะ และเมื่อมาขึ้นเกาะแล้วจะต้องฝ่าฟันเดินข้ามภูเขาสูงมาอีกจึงจะถึง บาลิคปูเลา จึงเป็นการยากลำบากที่จะมาถึงที่นี่ บาลิคปูเลาจึงเหมาะแก่การหลบซ่อนตามที่ไหง่ได้กล่าวมาแล้ว ที่นี่จึงเป็นที่หลบซ่อนของกลุ่มคนที่หนีอาญา หนีการไล่ล่า

ตามประวัติศาสตร์กลุ่มคนฮากกาที่หนีการตามล่าของราชวงศ์ชิงมาอยู่ที่บาลิคปุเลากลุ่มแรกๆจึงเป็นกลุ่มคนฮากกาที่เป็นกองกำลังในกองทัพของหงซิ่วฉวน ไท้ผิงเทียนกั๋ว กลุ่มบุคคลดังกล่าวล้วนแต่ประกาศตัวนับถือคริสต์ศาสนา นิกายโปแตสแตนส์ ตามหงซิ่วฉวน ดังนั้นเมื่ออพยพมาหลบซ่อนยังดินแดนแห่งนี้แล้วจึงต้องสร้างโบสต์คริสต์นิกายโปแตสแตนส์ขึ้น ตามที่ไหง่ถ่ายมาให้ดูนี่แหละครับ โบสต์หลังนี้มีอายุเกือบสองร้อยปีแล้วครับ ดังนั้นพออนุมานได้ว่าคนฮากกาที่บาลิคปูเลาส่วนหนึ่งเป็นลูกหลานของคนฮากกาในกองทัพไท้ผิงเทียนกั๋วของหงซิ่วฉวน

ไหง่ไปถามอาโกทั้งหลายที่บาลิคปูเลาต่างบอกว่าตนเป็นคนฮากการุ่นที่ 4 ที่ 5 กันแล้วครับ ส่วนคนฮากกาในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นแค่รุ่นที่ 2 เองครับ พวกเราที่เป็นสมาชิเว๊ปทั้งหลาย เช่น ไหง่ , โกอาคม , อาฉี , อาจารย์ดอกเตอร์ , ซิ้นสุ้ยก๊อ , มะไฟ หรือเกือบทั้งหมดก็ว่าได้ เป็นคนฮากการุ่นที่ 2 เท่านั้น

จึงเห็นได้ว่าที่บาลิคปูเลานั้น บรรพบุรุษเขามาอยู่กันนานมากแค่ใหน แต่พวกเขาก็ยังพูดภาษาฮากกาได้ดีกันทั้งนั้นเลยครับ พวกเราในประเทศไทยแค่รุ่นที่ 2 ก็แทบจะหาคนพูดภาษาฮากกาได้น้อยมากแล้วครับ ไหง่ว่าแค่รุ่นที่ 3 อาจจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นฮากกาก็ได้

การเหมาะแก่การหลบซ่อนของบาลิคปูเลา ไม่ใช่แค่คนฮากกาในรุ่นไท้ผิงเทียนกั๋ว เท่านั้นนะครับ ในรุ่นต่อๆมา ท่านดอกเตอร์ซุนจงซาน ก็เคยหลบการตามล่าของพวกชิง มาตั้งกองบัญชาการการปฏิวัติชิงให่ที่นี่ จากการได้รับความช่วยเหลือจากคนฮากกาที่นี่ครับ ดอกเตอร์ซุนจงซานเคยเข้ามาขอความสนับสนุนในประเทศไทย แต่ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรเนื่องจากท่านดอกเตอร์ซุนจงซานเป็นคนฮากกา แต่ในประเทศไทยมีแต่คนแต้จิ๋วมากมาย เมื่อดอกเตอร์ซุนจงซาน ไม่ใช่พวกแต้จิ๋วแบบเดียวกับตนจึงไม่เห็นความสำคัญและไม่สนับสนุนเท่าที่ควร

นี่ไงครับสำนักงานในการปฏิบันซินไห่ของดอกเตอร์ซุนจงซาน ที่ตั้งอยู่ที่นี่จากการสนับสนุนของคนฮากกาผู้มีจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติในปีนัง เขายังเก็บไว้เป็นพิพิธฑภัณฑ์แห่งประวัติศาสตร์ ไว้ให้เยี่ยมชม ว่า ที่นี่ก็มีส่วนสำคัญแห่งการปฏิวัติซินไห่เหมือนกันครับ

ตอนนี้พูดถึงความเป็นมาของบาลิคปูเลาจะออกวิชาการมากเลยนะครับ แล้วเอาไว้ต่อตอนหน้าตอนที่ 6 ครับ  ไท้กาหงิ่น

 

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

บาลิคปูเลาห้วยกระบอกแห่งเกาะปีนัง ตอนที่ 6

       เขียนไปเขียนมาปาเข้าไปตอนที่ 6 แล้วครับ เกิ่นๆก็พอจะรู้เรื่องราวความเป็นมาของบาลิคปูเลาแล้ว ที่นี้ก็มาเล่าเรื่องของเราต่อ หลังจากวันนั้นมีอาโก " กู้เทียนฟัด " ได้ขับรถมารับเราแล้ว อาโกู้เทียนฟัดกี่ก็พาพวกเราไปที่บ้านซึ่งทำเป็นสตูฯของกี่ อาโกกู้เทียนฟัดกี่ไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นี่หรอกครับ บ้านที่กี่พักจะอยู่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งวันนั้นกี่ก็พาไปที่บ้านกี่ด้วยได้พบกับเล่าผ่อและลูกชายของอาโกกู้เทียนฟัด

      ที่สตูดิโอของอาโกกู้เทียนฟัดกี่ใช้เป็นที่แสดงรูปของกี่ เพราะกี่มีอาชีพวาดภาพขาย เป็นศิลปินฮากกา นอกจากนี้กี่ยังทำกิจการเกี่ยวกับการทำอุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการของเด็กๆ เช่นอาโกกู้เทียนฟัดกี่ทำเป้นกรดาษแผ่นภาษาจีนเพื่อช่วยในการเรียนภาษาจีน ไหง่ได้ช่วยกี่ซื้อมาสองชุด และได้นำไปมอบให้เฉียนเหล่าซือ อาจารย์สอนภาษาจีน โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ โรงเรียนปรจำจังหวัดหญิง ไปเรียบร้อยแล้ว เฉียนเหล่าซือชอบใจใหญ่ บอกว่าอยากได้มานานแล้ว และของอาโกกู้เทียนฟัดก็ทำออกมาสวยงามมาก ก็กี่เป็นศิลปินนักวาดภาพ งานของกี่จึงออกมาดี

นี่แหละครับบ้านแบบทาวด์เฮ้าส์ที่อาโกกู้เทียนฟัด ทำเป็นสตูดิโอแสดงภาพผลงานของกี่ ชั้นบนกี่ทำเป็นเกสท์เฮ้่าส์ ถ้าใครไปเที่ยวปีนังแล้วอยากทำกิจกรรมเรียนการวาดภาพจากอาโกกู้เที้ยนฟัด กี่ก็จะจัดกิจกรรมให้ครับ

อาโกกู้เทียนฟัด กำลังอธิบายภาพที่กี่วาดในสตูฯของกี่พร้อมกับอาโอาคมกับเฉินเกอเกอ

งานที่อาโกกู้เทียนฟัดกี่ออกแบบ

นอกจากงานด้านเป็นศิลปินนักวาดภาพซึ่งเป็นงานหลักแล้ว อาโกกู้เที้ยนฟัด กี่ยังมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่ีงคือหากมีใครมาเยี่ยมเยียนฮากกาแห่งบาลิคปูเลา กี่ก็จะเป็นคนนำชม มีโทรทัศน์จากใต้หวัน และจากสิงค์โปร์ มาถ่ายอยู่บ่อยๆ ในภาพอาโกกี่กำลังเปิดวีดีโอให้เราดูที่ทีวีสิงค์โปร์มาถ่ายเรื่องราวเกี่ยวกับคนฮากกาบาลิคปูเลาให้พวกเราดู

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

บาเลคปูเลา (浮羅山背 ) ห้วยกระบอกแห่งเกาะปีนัง ตอนที่ 7

มีหลายๆท่านอยากจะรู้ว่ากู้เทียนฟัดเขาพูดภากกาสำเนียงแบบใหน แม้ว่าตัวเขาเองมับรรพบุรุษมาจากหมอยแย้นก็ตาม ตัวไหง่เองบอกตรงๆว่าไม่รู้เรื่องเลยพูดฮากกาก็ยังไม่ค่อยได้ แต่จะให้รู้ว่าฮากกาสำเนียงท้องถิ่นแบบใหน ไหง่จนด้วยเกล้า แต่ไหง่ยังมีทัศนคติที่ดีๆอยู่เสมอว่า " ความแตกต่างคือเสน่ห์ของภาษาของมนุษย์ในโลกนี้ " ไหง่ก็ยังสงสัยนะว่าเสียงเห่าหอนของสุนัข เสียงเรียกร้องเหมียวๆ มันจะแตกต่างกันบ้างหรือไม่ เพราะไหง่ก็ฟังมันไม่รู้เรื่องอีกนั่นแหละครับ ( แล้วมึงรู้อะไรบ้างฟะไอ้วี่ฟัด ) ไหง่เลยอยากเอาเสียงสำเนียงฮากกาของอาโก " กู้เทียนฟัด " มาให้ฟังกัน  ที่กี่เรียกตัวเองว่าเป็นครูหรือ " เหล่าซือกู่ " แต่ที่จริงน่าจะเป็น " กู่เหล่าซือ " นะ ไหง่ว่ากี่คงเรียงคำแบบภาษา มาลายู ซึ่งใช้แบบเดียวกับไทยเป๊ะ คือ " คำขยายอยู่หลังคำที่ถูกขยาย " ไม่เหมือนภาษากลุ่มภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ที่ " คำขยายอยู่หน้าคำถูกขยาย " 

กู้เทียนฟัดกี่เป็นคนมีจิตใจต้องการที่เผยแพร่อนุรักษ์รักษาความเป็นฮากกาที่บาลิคปูเลา เช่นเดียวกับคนเซีั้้ยง " กู้ " ฮากกาในประเทศไทยคือ " กู้ปักเซ็ง " โกอาคมจึงตั้งฉายาอาโกกู้เทียนฟัดว่า " ท่านกู่เค่อแห่งเกาะปีนัง " กี่จึงชอบไปถ่ายวีดีโอเกี่ยวกับฮากกามากมาย และยังมีทีวีช่องต่างๆมาถ่ายกี่พานำเที่ยวอีกหลายช่อง

 

เสียงที่บรรยายนี่แหละครับเป็นเสียงสำเนียงฮากกาของอาโก "กู้เที้ยนฟัด " ลองฟังดูว่าสำเนียงฮากกาแบบใหน

 

อันนี้ก็เหมือนกันครับเสียงบรรยายของ อาโกกู้เทียนฟัด

 

อาโกพูดผู่ทงฮั้วพาเที่ยวฮากกาบาเลคปูเลา

 

กู้เหล่าซือนี่แกดังจริงๆออกทีวีต่างๆเป็นว่าเล่น อันนี้เป็นสารคดีนำเที่ยวบาลิคปูเลา โดยกู้เที้ยนฟัด มีอาหารต่างๆ มีอาหารที่เขาเรียกว่า "ลักซ่า "ชนมจีนมาเล ที่อาโกอาคมพูดถึง แล้วยังมีเมื่ยง และเขาก็เรียกว่าเมื่ยงแบบไทยเลยครับ

รูปภาพของ วี่ฟัด

ขอแก้ไขชื่อจาก " บาลิคปูเลา " เป็น " บาเลคปูเลา "

เมื่อวานนี้ไหง่ได้ไปพบคุณลุงฉัตรธรรม ที่บ้านนครปฐม ลุงฉัตรธรรมเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษามาลายู เคยเขียนหนังสือหลักภาษามาลายู คุณลุงได้ให้หนังสือหลักภาษามาลายูกับไหง่มานานแล้ว ตอนนี้คุณลุงกำลังทำดิกชินนารี่ภาษามาลายู-ไทยอยู่ ตอนนี้ถึงตัว K แล้ว เหลืออีก 15 ตัวอักษรก็จะเสร็จ คุณลุงกะให้เสร็จอีก 3 ปี ตอนเปิดประชาคมอาเชี่ยน เป็นงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตร ตอนนี้คุณลุงอายุ 88 แล้วนะครับ แต่ยังแข็งแรงมาก เพราะทำงานตลอด

ที่คุณลุงฉัตรธรรมรู้ภาษามาลายูดีก็เนื่องจากคุณลุงเคยไปทำงานให้องค์การสหประชาชาติ หน่วยงาน U.N.D.P.ในประเทศมาเลเซียอยู่สิบปี และยังเคยทำงานให้กระทรวงวัฒนธรรมของมาเลเซียอีกหลายปี จึงเป็นคนไทยที่รู้ภาษามาลายูดีมากๆคนหนึ่ง

เมื่อวานไหง่เลยไปถามลุงฉัตรธรรมว่าคำว่า  " BALIK " จริงๆต้องอ่านว่าอย่างไร ลุงฉัตรธรรมบอกว่าต้องอ่านว่า " บาเลค " โดยคุณลุงอธิบายว่า สระตัว " I " ถ้ามีตัวสะกดตามมาจะต้องออกเสียงเป็นสระ " เอะ " จะออกเสียงเป็นเสียงสระ " อิ " ไม่ได้ เช่น ถ้าเป็น " ฺBALI " แบบนี้จะออกเสียงว่า " บาลิ " ได้ แต่ถ้าเป็น " BALIK " จะต้องออกเสียงว่า " บาเลค " ครับ ไหง่จึงขอเปลี่ยนเท่าที่จะสามารถแก้ไขได้ครับ ส่วนที่แก้ไขไม่ได้ก็คงต้องปล่อยไป

และไหง่ยังได้ความรู้มาอีกว่า " BALIK " นอกจากจะแปลว่า หลัง , ด้านหลัง , แล้วยังแปลว่า กลับ ได้อีกด้วย เช่นคำว่า ฺ " BALIK KAMPUNG " บาเลคกำปง แปลว่า กลับบ้าน คำว่า KAMPUNG แปลว่า บ้าน หรือหมู่บ้าน คล้ายๆภาษาเขมรใหมครับ ในภาษาเขมร กำปงก็แปลว่า บ้านหมู่บ้านเหมือนกัน เช่นกำปงโสม กำปงชงัน ซึ่งก็คือหมู่บ้านโสม หมู่บ้านชงันนั้นเองครับ

ซารามัตดาตังครับไท้กาหงิ่น 

รูปภาพของ วี่ฟัด

มองบาเลคปูเลาแล้วย้อนดูตัว

ถ้าจะว่าไปแล้วอาณาเขตนอกเหนือแดนดินถิ่นเหมยโจวที่มีภาษาฮากกาสำเนียงต่างๆเป็นภาษาท้องถิ่นแล้ว ก็มีที่บาลิคปูเลานี่แหละครบไท้กาหงิ่นที่มีภาษาฮากกาเป็นสำเนียงท้องถิ่น ที่พวกเขายังใช้ภาษาฮากกาพูดสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน

ในประเทศไทยคงจะหาแบบบาเลคปูเลานี่ยากมั๊กมั๊ก ที่ห้วยกระบอกเองก็เป็นอดีตไปนานแล้ว หรืออาจจะพูดได้เหมือนเริ่มต้นการเล่านิทานว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่บ้านห้วยกระบอกเคยมีการใช้ภาษาฮากกาเป็นภาษาประจำถิ่น ซึ่งยากจะหวนคืนแม้ว่าจะทำวิจัยสักร้อยครั้งก็ตาม

คนฮากกาในประเทศไทยโดยปรกติก็ไม่เคยเผยอกะลาออกไปสู่โลกกว้างของความเป็นฮากกากันเลย อย่าว่าแต่จะไปค้นหาฮากกาตามที่ต่างๆทั่วโลกเลย แม้แต่ถิ่นฮากกาต้นกำเหนิดในเขตเหมยโจว เกียดหยอง เกียดซี หลายๆคนก็ยังไม่เคยไปเลย ได้แต่นั่งมองหน้ากันไป มองหน้ากันมา เสร็จแล้วก็มาตั้งทฤษฎีแปลกๆ เรียกว่าพอรู้ปุ๊ปฮากันตรึมเลยทีเดียวเชียว

บร๊อกของไหง่นี้ได้ส่งไปให้ทางบาเลคปูเลาแล้วนะครับ แม้แต่เขาอ่านภาษาไทยไม่ออกแต่เขาก็ได้ไปจัดเก็บเป็นข้อมูลที่มีคนเขียนถึงพวกเขา แค่เขาได้เห็นภาพที่ไหง่โพสต์ลงไปพวกบาเลคปูเลาเขาก็ชอบใจแล้ว

ที่บาเลคปูเลาเขามีNGOที่ทำการอนุรักษ์เรื่องราวต่างๆมากมายทั้งโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมฮากกา โครงการณ์อนุรักษ์ธรรมชาติป่าชายเลน ป่าโกงกาง โครงการณ์ห้องเรียนธรรมชาติ ซึ่งโครงารณ์ทั้งหมดล้วนมีอาโกกู้เทียนฟัดเป็นผู้นำที่สำคัญ

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

คุณวี่ฟัดพูดได้ถูกต้อง

คนฮากกาในประเทศไทยโดยปรกติก็ไม่เคยเผยอกะลาออกไปสู่โลกกว้าง
ของความเป็นฮากกากันเลย อย่าว่าแต่จะไปค้นหาฮากกาตามที่ต่างๆทั่ว
โลกเลย แม้แต่ถิ่นฮากกาต้นกำเหนิดในเขตเหมยโจว เกียดหยอง เกียดซี 
หลายๆคนก็ยังไม่เคยไปเลย
 
 
คำพูดของคุณวี่ฟัดเหล่านี้พูดได้ดี พูดได้ถูกต้องที่สุด เพราะมันเป็นแบบ
นั้นจริงๆ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกก็ว่าได้ ที่สามารถกลืนกิน
วัฒนธรรมของชาติพันธุ์ต่างๆได้เกือบสิ้นเชิง แค่ทายาทรุ่นสองบอก
ได้ว่าเรียบร้อยแล้ว ยิ่งรุ่นสามไม่ต้องไปหวัง เป็นคนไทยเกือบร้อยเปอร์
เซนต์ สาเหตุเป็นเพราะไทยปกครองแบบเสรี ใครใคร่นับถือศาสนา
อะไรตามสบาย ไม่มีการขัดขวาง หนำซ้ำยังช่วยส่งเสริมเสียอีก การต่อ
ต้านจึงไม่เกิด เลยอยู่อย่างสบายๆ อาศัยความคล่องตัวของการสื่อสาร
เป็นหลัก แม้ระยะหลังอาจมีการตื่นตัว เริ่มหันมาเรียนภาษาจีนกันบ้าง
แต่ยังเป็นส่วนน้อย คงไม่มีผลอะไร เชื่อว่าลูกๆของพวกเราตอนนี้แทบ
ทุกคน คงพูดฮักกาฟ๊าไม่ได้แล้ว
รูปภาพของ อิชยา

คนฮากกาใน

คนฮากกาในประเทศไทยโดยปรกติก็ไม่เคยเผยอกะลาออกไปสู่โลกกว้าง
ของความเป็นฮากกากันเลย อย่าว่าแต่จะไปค้นหาฮากกาตามที่ต่างๆทั่ว
โลกเลย แม้แต่ถิ่นฮากกาต้นกำเหนิดในเขตเหมยโจว เกียดหยอง เกียดซี 
หลายๆคนก็ยังไม่เคยไปเลย
 
สวัสดีค่ะอาโก๊วีฝัด  คำกล่าวของอาโก๊ที่ไหงเน้นแถบสีนี้  ไหงคิดว่าเป็นจริงไม่ทั้งหมด  โดยเฉพาะคำว่า คนฮากกาในประเทศไทย   คำ ๆนี้เหมือนเหมาว่าทุกคน  ซึ่งมันคงไม่ใช่แน่  คำพูดที่มีความหมายเสี่ยงแบบนี้  ไหงว่าอาจจะทำให้เกิดความหมางใจกันได้นะค่ะ  และถ้าอ่านต่อไปอีกก็เหมือนกับว่าดูหมิ่นกันเอง   ในความเป็นจริงก็มีคนอย่างที่อาโก๊ว่าบ้าง   ไม่ได้เป็นอย่างที่อาโก๊ว่าก็มี   อาโก๊อาจจะเห็นมามากกว่าไหง  แต่การเห็นของอาโก๊ก็คือมุมมองที่อาโก๊เห็น   ในส่วนที่อาโก๊ไม่ได้ไปรู้ไปเห็น   ก็ยังมีอีกมาก   แล้วคนฮากกาส่วนนั้นก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างคำพูดที่กล่าวนี้   ไหงไม่อยากให้กลายเป็นสงครามน้ำลาย   ที่เกิดจากข้อความที่มีความหมายเสี่ยง ๆ แบบนี้
 
การที่ลูกหลานฮากกาในไทย  ในบางคนที่เขาไม่เคยจะได้ไปถิ่นกำเนิดไม่ว่าที่ไหน   ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเหล่านั้นจะลืมกำผืด   ลืมเชื้อสายของตนเอง   สถานะภาพทางการเงิน   รวมทั้งโอกาสของแต่ละคน   ไม่เหมือนกันบางคนมีความเป็นอยู่หาเช้ากินค่ำ   เขาจะอยากเจอพี่น้องร่วมเชื้อสาย  แค่ในเมืองไทยเอง   เขาก็ยังไม่มีโอกาสเลย   นับประสาอะไรกับจะไปถิ่นกำเนิด    นี่ก็ไม่ได้หมายความเขาคนนี้   จะลืมชาติเกิดหรือแม้แต่ว่าเขาพูดฮากกาไม่ได้   ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รักบรรพบุรุษฮากกาของเขา  
 
แม้ไหงเป็นคนไม่มีการศึกษามากนัก   แต่ไหงก็คิดว่าคำพูดเหล่านี้   มันสุ่มเสี่ยงทำลายจิตใจกัน    อย่างน้อยความสามัคคีของเชื้อชาติมันจะลดลง ... 
 
ข้อความเหล่านี้ไหงต้องขอโทษ ณ ที่นี้ด้วย  ไหงไม่มีเจตนาขัดแย้งใด ๆ กับใคร   มีแต่ความนับถืออาโก๊ที่มีเมตตากับไหงตลอดมา    
รูปภาพของ วี่ฟัด

ถึงจะเป็นกบแต่ต้องเป็นกบอย่างทรนง

แหมเมื่อกี้เขียนเรื่อง บาเลคปูเลาตอนที่ 9 ชื่อ " บาเลคปูเลากับตำนานแห่งไท้ผิงเทียนกั๋ว ตอนที่ 9 " เขียนมาซะยืดยาว ปรากฏว่าตอนส่งล่มเสียนิ แต่ไม่เป็นไรมันอยู่ในหัวอยู่แล้ว แล้วค่อยส่งใหม่

นี่แสดงว่า อิสยา เป็นน้องใหม่ เมื่อสองปีก่อนแรงกว่านี้อีก ยังไม่เห็นโกรธกันเลย บางทีความจริงใจไม่ไก่กา ก็ต้องแรงบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ซึ่งมิใช่อคติ จะรักษามะเร็ง คงจะให้ยาธาตุน้ำแดงกินคงไม่ได้ คงจะต้องให้ครีโมบำบัดบ้าง ผลของครีโมบางทีคงจะไปทำลายเซลส์ในร่างกายของเราบ้าง แต่พอเซลส์ร้ายตายไป ร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิม

ที่จริงคำว่า " กบในกะลา " มิใช่คำหยาบคายอะไรเลย แค่ขำๆมากกว่า ยกตัวอย่างเช่นพวกที่ชอบเล่นกล้องถ่ายรูปแบบที่ชาวบ้านชาวช่องทั่วๆไปเขาไม่ใช้กัน เช่นกล้อง OLYMPUS ในวงการคนชอบถ่ายภาพทั่วๆไปเขาก็ก็จะเรียก คนที่ใช้กล้อง OLYMPUS นี้ว่าพวก " กบ " ซึ่งก็หมายถึง " กบอยู่แต่ในกะลา " นั่นเองครับผม ที่ไม่ยอมเผยอกะลาออกมาดูว่าคนภายนอกชาวบ้านชาวช่องทั่วไปเขานิยมชมชอบใช้กล้องถ่ายรูปยี่ห้ออะไรกัน ซึ่งก็คือยี่ห้อ NIKON และ CANON นั่นเองครับ 

ซึ่งพวกเราชาว " กบ ( ในกะลา ) " แบบไหง่ที่ใช้กล้อง OLYMPUS ก็ถือเป็นเรื่องขำๆกันและเราก็เรียกพวกเรากันว่าชาวกบไปโดยปริยาย

แต่ในยุคปัจจุบันกระแสกล้องแบบ MIRRORLESS ( ซึ่งหมายถึงกล้องที่ไม่มีกระจกสะท้อนภาพนั่นเองครับ ) มาแรงเนื่องจากพอไม่มีกระจกสะท้อนภาพจึงสามารถทำให้กล้องเล็กลงได้มาก จึงสะดวกต่อการพกพานำไปเที่ยวด้วย ( ไหง่ซึ่งเป็นนักเที่ยวอยู่แล้วจึงชอบมาก )

และเจ้าของต้นแบบของกล้องถ่ายรูปแบบ MIRRORLESS นี้ก็คือ OLYMPUS นั่นเองครับ แต่ปัจจุบันขอโทษ ไม่ว่า NIKON หรือ CANON หันมาทำกล้องแบบ MIRRORLESS กันหมดแล้ว พูดง่ายๆ กลับเข้าไปอยู่ในกะลากับกบไปเรียบร้อยแล้ว

นี่แหละครับ OM-D E-M 5 กล้องโอลิมปัส แบบมิลเล่อร์เลส ไม่มีกระจก ตัวล่าสุดของไหง่ ที่เอาไปถ่ายภาพหมูบ้าง ( ไหง่เอง )หมู่บ้าง ( ท่านอื่นๆ ) ที่หน้าบ้านหลวงสิทธิ์ ที่แสนจะสวยสดงดงาม

ภาพถ่ายภาพนี้แหละครับที่ถ่ายจากล้องข้างบน สีสัน ไฟล์ภาพ จัดจ้านมาก ภาพนี้ไหง่ตั้งไว้ที่ 16 ล้านพิกเซลส์ ขนาดอาจารย์เฉินซิ่วเช็ง นักถ่ายภาพมือฉกาจย์ยังทึ่ง 

         ดังนั้นไหง่ว่าใหนๆจะเป็นกบ ขอให้เป็นกบอย่างทรนง เดี๋วก็จะมีคนมาอยู่กับเราในกะลาร่วมกันเองครับ 

http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2006/08/O4585822/O4585822.html

http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2006/11/O4840408/O4840408.html

รูปภาพของ วี่ฟัด

บาเลคปูเลาห้วยกระบอกแห่งเกาะปีนัง ตอนที่ 8

            หลังจากอยู่ที่สตูดิโอของอาโกกู้เทียนฟัดสักพักใหญ่ๆ อาโกกู้เทียนฟัดกี่ก็พาพวกเราไปที่บ้านของอาโกกู้เทียนฟัด ซึ่งอยู่ห่างจากสตูดิโอของกี่โดยนั่งรถไปไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง ได้ไปพบเล่าผอ ( เมีย ) และอาไล้ ( อาไล้ ) ของอาโกกู้เทียนฟัด ที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนพอดี แล้วอาโกกู้ก็พาพวกเราไปที่บ้านของอาโกเซี้ยงชั่ง ( แซ่แต้ ) ที่อาโกกู้เทียนฟัดกี่พาเราไปเพราะ ตอนที่นั่งอยู่ที่บ้านกี่เปิดวีดีโอที่ทีวีสิงค์โปร์มาถ่ายทำรายการสารคดีเกี่ยวกับฮากกาที่บาเลคปูเลา แล้วไปถ่ายที่บ้านอาโกเซี้ยงชั่งคนนี้

             อีกสักสิบนาทีอาโกก็พาพวกเรามาที่บ้านของอาโก้เซี้ยงชั่ง อากโเซี้ยงชั่งเป็นฮากกา เชื้อสายฟุ้ยจิว เล่าผอ ของอาโก เป็นคนเซี้ยงคิ้ว คนฟุ้งซุ้น 

นี่คือร้านของอาโกเซี้ยงชั่ง ( แซ่แต้ ) อาโกเขาขายผลิตภัณฑ์จาก " ต้นจันทร " โดยนำเอาผลจันทร มาแปลรู้เป็นผลิตภัณฑ์ ต่างๆมากมาย เช่น น้ำลูกจันทร น้ำมันลูกจันทร์ ( ใช้ทาแก้ปวดแก้เมื่อย วิงเวียนศีรษะ ต่างๆ ) ยาหม่อง ลูกจันทร์ และจังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับลูกจันทร์ อีกมากมาย

นี่แหละครับอาโกเซี้ยงชั่ง กำลังก้องฮากฟ้ากับอาโกอาคม

อาโกกู้เทียนฟัด ผู้พาเรามาที่ร้านของอาโกเซี้ยงชั่ง คนฮากกาฟุ้ยจิวครับ

พอช๊อปกันคนละหนุบละหนับกันพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะกลับเลยถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกกันหน่อยตามธรรมเนียมครับ

             พอพูดถึงเรื่องลูกจันทร์ตอนแรกไหง่เข้าใจว่าเป็นลูกจันทร์ที่สีเหลืองๆ หอมๆชอบเอามาดมกันสมัยไหง่ตอนเด็กๆ ที่ลักษณะผลด้านบนกับด้านล่างแบนๆ ตรงกลางป่องๆ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ลูกจันทร์แบบที่ไหง่เข้าใจ แต่เป็นลูกจันทน์เทศ ซึ่งในภาคกลางไหง่ใม่ค่อยได้เห็น แต่จะมีมากทางใต้จนถึงในประเทศมาเลเซีย

ลูกจันทน์เทศ แบบนี้แหละครับ วัตถุดิบในผลิตภัณฑ์ ของอาโกเซี่ยงชั่ง

 

          สรรพคุณในทางแพทย์แผนจีน  ลูกจันทน์เทศ รสเผ็ด อุ่น มีฤทธิ์สมานลำไส้ ระงับถ่ายท้องร่วง แก้ท้องร่วงเรื้อรัง (เนื่องจากม้ามและไตพร่องและเย็นเกินไป) และมีฤทธิ์ให้ความอบอุ่นแก่กระเพาะอาหาร ทำให้ชี่หมุนเวียนดี แก้ปวดกระเพาะอาหาร เบื่ออาหาร อาเจียน จุกเสียดแน่นท้อง ลูกจันทน์เทศมีน้ำมันในปริมาณสูง ทำให้มีข้อเสียคือ มีฤทธิ์หล่อลื่นและกระตุ้นลำไส้มากเกินไป โดยทั่วไปจึงต้องนำมาแปรรูปโดยใช้วิธีเฉพาะก่อนใช้ การคั่วจะขจัดน้ำมันบางส่วนออกไป ทำให้ฤทธิ์หล่อลื่นและกระตุ้นลำไส้ลดน้อยลง แต่มีฤทธิ์แรงขึ้นในการช่วยให้ลำไส้แข็งแรงและระงับอาการท้องเสีย เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้อง จุกเสียดแน่นท้อง ท้องร่วง อาเจียน อาหารไม่ย่อย 

              สรรพคุณในทางแพทย์แผนไทย  ลูกจันทน์เทศ มีกลิ่นหอม รสเปรี้ยวฝาด ร้อน มีสรรพคุณบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แ ก้ธาตุพิการ ขับลม แก้จุกเสียด แก้กำเดา แก้ท้องร่วง แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ปวดมดลูก บำรุงเลือด

             ไหง่ซื้อน้ำลูกจัทน์เทศของอาโกกลับมาที่บ้าน ไหง่ชอบมากเลย ดื่มแล้วรสชาติอร่อยมาก แล้วยังสบายท้องดี ยังเสียดายว่าในเมืองไทยไม่มีใครทำขาย อยากจะลองทำน้ำลูกจันทน์เทศดูบ้างคงจะหาลูกจันทน์เทศแบบนี้คงยากน่าดู เห็นค้นหาในเว๊ปมีแต่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผลิตภัณฑ์โอท็อป  

           ทีนี้ลองมาฟังภาษาฮากกาสำเนียงฟุ้ยจิวของอาโกเซี้ยงชั่ง ที่กี่ออกรายการฮากกาทีวี ของใต้หวันดูครับ

 

                         คลิปรายการทีวีของใต้หวัน

           เขียนมาถึงตอนที่ 8 แล้ว มีคนเข้ามาดูพันกว่าคลิกแล้ว วันนี้เท่านี้ก่อนครับ ค่อยว่ากันต่อในตอนที่ 9

ความจำเป็นเลิศ

ต้องยกนิ้วให้วี่ฟัดโกจริงๆในเรื่องความจำ เพราะว่าเล่าเรื่องราวได้ต่อเนื่องตลอด แสดงว่ากินแปะก๊วยเยอะแน่ๆเลย 555

เรื่องประสบการณ์จริงแบบนี้ ก็ต้องมีคนสนใจอยากอ่านอยากติดตามอยู่แล้ว อาโกอย่าเพิ่งจบง่ายๆนะ ทริปไปใต้ของอาโกครั้งนี้นับว่าคุ้มค่ามากจริงๆ ไหงก็อยากจะเขียนประสบกาณ์เดินทางแบบนี้แหละ แต่ดูเหมือนว่าแต่ละครั้งจะไม่ค่อยได้สาระสักเท่าไหร่

วี่ฟัดโกเป็นคนที่ชอบหาความรู้รอบตัวอยู่ตลอดเวลา และชอบพูดบ่อยๆว่า ชอบเรื่องภาษา ก็ความจำดีนี่เอง ถึงจำคำทักทายภาษาอื่นๆได้อีกหลายภาษา นักภาษาศาสตร์อย่างไหงต้องชิดซ้ายไปเลย เพราะถามมาหลายภาษาแล้ว แต่พอข้ามวันลืมหมด ขนาดว่าไปทำงานกับคนมลายูทางใต้บ่อยๆ ยังจำได้ไม่เท่าไหร่เลย ได้แค่ "มาแกนาซิ" "ซาลามัด ปากี" ช่วยไม่ได้ ทำยังไงมันก็ไม่เข้าหัวน่ะ 

รูปภาพของ วี่ฟัด

ไม่ค่อยได้กินแปะก๊วยเลยครับ

           ปรกติไหง่ไม่ค่อยได้กินแป๊ก๊วยเลยครับ แต่ที่ไหง่จำเรื่องราวต่างๆที่ได้ไปมาก็เพราะไหง่ชอบถ่ายภาพนั่นเอง เรื่องราวต่างๆที่ได้ไปมาเมื่อได้มานั่งดูรูปก็จะจำได้เลยครับ เพราะเรื่องราวต่างๆมันถูกบันทึกอยู่ในรูปภาพอยู่แล้ว เหมือนที่ฝรั่งเชาชอบพูดอยู่ประโวคหนึ่ง " a picture is worth a thousand words  " ที่แปลได้ว่า " ภาพหนึ่งภาพแทนคำบรรยายได้ถึงหนึ่งพันคำ "

           เวลาไหง่จะเขียนเรื่องราวไหง่ก็เอารูปมาดู ความจำต่างๆมันก็ผุดมาแม้กระทั่งว่าในขณะนั้นเราพูดกันเรื่องอะไรบ้าง ที่ไหง่เขียนทั้งหมดไหง่ก็ไม่เคยร่างไว้ก่อนเลย ลุยกัสดๆร้อนๆเลยครับอาจารย์ แต่บางทีเครียดๆมากๆมันก็เขียนไม่ออกนะ แต่พอมีเหตุปัจจัยพร้อม สบายๆเพลินๆก็ลุยกันเลยครับ

           แปก๊วยไหง่ไม่ค่อยได้กินเลยครับ ไหง่กินแต่แปะก้วย ตามตำหรับของท่านอาโกวีระพนธ์ เชิญยิ้ม ครับท่านอาจารย์ 

 นี่ไงครับ " แปะก้วย " ( แปะกล้วย ) ที่เคยฮากันขี้แตกขี้แตนกันแล้ว

รูปภาพของ นายวีรพนธ์

ซื้งจริงๆ

ยังมีคนคิดถึง อุตส่าห์ออกชื่อ คงสบายใจมาก ช่วงนี้ไม่มีมลพิษ ทำให้รำคาญใจ ซึ้งจริงๆ ซึ้งมากๆ image

image image

รูปภาพของ อาคม

เท่วเค่ว

ลูกจันทน์ ฮากกาเรียกว่า เท่วเค่ว ไหงได้กินเท่วเค่วตั้งแต่เด็กๆ โดยญาติไปปีนังทีใดก็จะซื้อกลับมา เป็นแผ่นๆแบบแช่อิ่ม และก็แบบเชื่อมทำเป็นเส้นแห้ง กินอร่อยกว่าแบบแช่อิ่ม ตอนกินครั้งแรกไม่อร่อยเลยเหมือนกินยา ด้วยที่ไม่ค่อยมีอะไรกินมันหวานด้วยก็พยายามกิน กินไปกินมาก็ชอบ เลยทุกวันนี้เจอที่ไหนก็จะซื้อมากิน ทางใต้ก็จะมีแถวชุมพร โดยเฉพาะแถวสถานีรถไฟหลังสวนมีคนทำมาขาย วันนั้นยังขอเม็ดลูกจันทน์จากอาชั่งโกมาหลายเม็ดกะว่าเอามาต้มเป็ดกับห่ำช้อย ปรกติเขาจะเอาเม็ดตากแห้งขายเป็นเครื่องเทศ ยังมีอีกอย่างที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ เตนฮีออง หรือ กานพลู  

รูปภาพของ นายวีรพนธ์

ลูกจันทน์

ที่ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา มีต้นลูกจันทร์เยอะ ส่วนมากนำไปเชื่อมขาย  ถ้าแวะพังงาอีกจะพาไปดูต้นถึงที่

รูปภาพของ อาคม

ลีมบอกไป

แบบนี้โกวีรพนธ์ ต้องไปดูงานที่ร้านอาชั่งโกแล้ว แฉกาฟุ้ยจิวหงิ่น ของกี่นั้นทำผลิตภัณฑ์ไว้หลายอย่างมากจากลูกจันทน์นี้ ทั้งลูกนี้ไม่มีส่วนไหนทิ้งไปเลย เผื่อหงีทำเป็นเจ้าแรกที่พังงาก็ได้นะ ที่ทำนอกจากเชื่อม อย่าลืมลองเอาเม็ดจันทน์ทุบพอแตกสักเม็ดสองเม็ดก็พอต้มเป็ดกับห่ำช้อย สูตรนี้เป็นสูตรของจีนมาเลย์ ลองทำกินดู ลืมบอกไปว่าผลลูกจันทน์หรือเท่วเค่วนี้ ยังมีตัวผู้ตัวเมียด้วยนะ 

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

บาเลคปูเลากับตำนานแห่งไท้ผิงเทียนกั๋ว ตอนที่ 9

ขณะที่ไหง่อยู่ที่บาเลคปูเลานั้น  ไหง่ไม่เคยได้ข้อมูลเกี่ยวกับ " ไท้ผิงเทียนกั๋ว " ใดๆทั้งสิ้น

แต่พอตอนที่อยู่ตรงโบสถ์คริสต์ และโกอาคมได้ถามอาโกเซี้ยงบุญ และอาโกเซี้ยงบุญบอกว่าเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายโปแตสแต้นส์  ไหง่ในฐานะที่สนใจประวัติศาสตร์ต่างๆมากมาย  จึงมีข้อมูลอยู่ในลิ้นชักประจำตัวอยู่แล้ว

        ไหง่จึงนึกขึ้นมาได้เกือบทันทีและตั้งคำถามอยู่ในใจว่า " เอ๊ะที่นี่จะมีส่วนเกี่ยวพันกับไท่ผิงเทียนกั๋วหรือไม่ " นั่นคือคำถามที่มีอยู่ในใจที่คาใจอยู่  พอกลับมาถึงไหง่จึงรีบค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับบาเลคปูเลาทันทีในเว๊ปต่างๆทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษต่างๆมากมาย

         พอค้นๆไปเรื่อยๆจึงทราบว่า " ไท่ผิงเทียนกั๋ว " มีส่วนเกี่ยวพันทางประวัติศาสตร์กับบาเลคปูเลาจริงๆ ซึ่งตรงกับที่ไหง่คาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด  เรื่องราวของไท่ผิงเทียนกั๋วและหงซิ่วเฉวียน มีคนเขียนในเว๊ปชุมชนคนฮากกานี้มากมายทั้งไหง่เองและอายับสินฝ่า

          อายับสินฝ่าได้เขียนเรื่องราวของจักรพรรดิ์คนฮากกาหงซิ่วเฉวียนอย่างค่อนข้างละเอียดมาก  เรียกว่าถ้าเกิดเป็นคนฮากกาแล้วไม่รู้เรื่องราวของหงซิ่วเฉวียนแล้วอย่าเกิดมาเป็นคนฮากกาดีกว่า ( ดู : หงซิ่วฉวนฮ่องเต้ประชาชน โดย ยับสินฝ่า http://hakkapeople.com/node/119 )

          แต่ที่ไหง่แค้นที่สุดก็คืออีตา DD ที่มาเขียนเรื่องราวของหงซิ่วเฉวียนแบบใส่ไข่ หมิ่นเกียรติ หมิ่นศักดิ์ศรี มากล่าวหาหงซิ่วเฉวียนว่าเอาแต่เข้าหอล่อกามาอย่างนั้นอย่างนี้ แต่กลับไปยกย่องเชิดชูราชวงศ์แมนจู ราวกับว่าตัวเองมีบรรพบุรุษเป็นชาวแมนจู 

          ดังนั้นไหง่จะไม่อ้างถึงไท้ผิงเทียนกั๋วให้มากนัก เพราะเดี๋ยวจะเอามะพร้าวห้าวไปขายสวน แต่จะกล่าวเพียงสรุปๆเท่านั้น

" หงซิ่วเฉวียน " จักรพรรดิ์คนฮากกา แห่งไท้ผิงเทียนกั๋ว หรือในชื่อแบบไทยๆว่า " อาณาจักรสวรรค์สันติ  "

           หงซิ่วเฉวียนถือกำเนิดมาในปี พ.ศ. 2356 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชการที่ 2 ซึ่งถ้าหงซิ่วเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ปีนี้หงซิ่วเฉวียนจะมีอายุครบ 199 ปี และในปีหน้า พ.ศ.2556 หงซิ่วเฉวียนจะมีอายุครบ 200 ปีพอดี

            หรือถ้าเผยอกะลาออกอีกสักหน่อยหงซิ่วเฉวียนจะมีอายุอ่อนกว่า " โมร์สารต์ " ประมาณ 52 ปี เพราะโมร์สาร์ตเพิ่งเฉลิมฉลองครบ 250 ปี ไปเมื่อสองปีที่แล้วนี่เองครับ

             และหงซิ่วเฉวียนมีอายุแก่กว่าไท้ปักของไหง่ 100 ปีพอดี เพราะไท้ปักไหง่เกิด พ.ศ. 2456 ปีหน้าหงซิ่วเฉวียนจะมีอายุครบ 200 ปี ไท้ปักไหง่ก็จะมีอายุครบ 100 ปีพอดี

             เราพอทราบกันดีอยู่แล้วว่าเดิมหงซิ่วเฉวียนก็เหมือนคนฮากกาทั่วๆไปที่ตั้งปณิธานว่าจะต้องสอบรับราชการเป็นซิ่วไฉให้ได้ แต่สอบอยู่หลายปีก็ยังสอบไม่ได้จึงบังเกิดความอับอายไม่กล้าสู้หน้าญาติพี่น้องจึงเดินเร่ร่อนอยู่ในเมืองกวางเจาอยู่เป็นเดือน ต่อมาได้พบกับนักสอนศาสนานิกายโปแตสแต้นส์ นักสอนศาสนาจึงได้มอบคำภีไบเบิลให้ 1 ชุด หงซิ่วเฉวียน จึงได้กลับบ้าน

            ตอนแรกๆก็ไม่ได้สนใจคำภีไบเบิลเท่าไร แต่พอนานๆเข้าจึงได้ลองอ่านดู พออ่านๆไปเกิดนิมิตรไปว่าพระเยซูมีบัญชาให้กู้ชาติจากราชวงศืแมนจู ซึ่งไหง่เคยตั้งข้อสังเกตุว่ามีลักษณะคล้ายๆกันกับโจน ออฟ อาร์ค ( Joan of arc ) หญิงชาวฝรั่งเศษที่เกิดนิมิตรว่าได้รับบัญชาจากพระเจ้าเพื่อต่อสู้กับอังกฤษ ( ดู : หงซิ่วเฉวียนคือชาวคริสเตียนผู้ยิ่งใหญ่ http://hakkapeople.com/node/2400 )

           การต่อสู้กับราชวงศ์แมนจูของหงซิ่วเฉวียนถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่ คนธรรมดาจะสามารถต่อสู้กับรัฐได้ จนสามารถยึดเขตแดนได้ถึงเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศจีน กินตั้งแต่ตอนใต้จนขึ้นไปถึง มณฑลเจียงซี หูเป่ย เจ้อเจียง จนสามารถยึดเมืองนานกิงซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าในอดีตของจีนจนสามารถมาตั้งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรไท้ผิงเทียนกั๋วได้

          อาณาจักรไท้ผิงเทียนกั๋วสมารถอยู่ยั้งยืนยงอยู่ได้ถึงเกือบสิบปีคือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2390 - 2399 หลังจากนั้นอาณาจักรไท้ผิงเทียนกั๋วก็สลายลงเนื่องจากการเสียชีวิตของ หงซิ่วเฉวียน

           และนับตั้งแต่หลังปีพ.ศ. 2399 เป็นต้นไปกองกำลังของไท้ผิงเทียนกั๋วซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวฮากกา ก็ต้องหลบหนีการถูกตามล่าของราชวงแมนจู กันอย่างจ้าระหวั่น ซึ่งการหลบหนีจึงมีความจำเป็นที่จะต้องหลบหนีออกสู่ต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งเป็นการอพยพครั้งที่ 6 ( ดู : ประวัติศาสตร์การอพยพของชาวฮากกาจาก เว๊ปของไป่ตู้ อาหงิ่วโกแปล  http://hakkapeople.com/node/2548 )

ตามที่ไหง่ได้เคยกล่าวถึงมาแล้วว่าชัยภูมิของบาเลคปูเลาเหมาะแก่การหลบซ่อนจากการตามไล่ล่าเนื่องจากอยู่ด้านหลังของเกาะปีนังซึ่งมีภูเขาสูงขวางอยู่ คนฮากกาที่มาอยู่ในบาเลคปูเลารุ่นแรกๆจึงเป็นเหล่าบรรดาบุคคลที่เคยอยู่กองทัพของไท้ผิงเทียนกั๋วที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวฮากกาเป็นหลักหลบหนีมาอยู่ที่นี่เป็นกลุ่มแรกๆ

เหรียญที่ใช้เป็นเงินตราของอาณาจักรไท้ผิงเทียนกั๋ว ที่สามารถขุดพบในบาเลคปูเลา ได้มากมาย จึงเป็นหลักฐานที่สำคัญว่า กองทัพแห่งไท้ผิงเทียนกั๋วเคยมาอยู่ที่บาเลคปูเลานี้ เหรียญนี้ไหง่เคยเห็นของจริงมาแล้วที่พิพิธฑภัณฑ์ เซี้ยงไฮ้ ด้วยความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคนฮากกา

ภาพนี่คือสภาพบาเลคปูเลา ถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 1900 หรือเมื่อประมาณ 112 ปีก่อน

          ดังนั้นจึงพออนุมานได้ว่าคนฮากกาแห่งบาเลคปูเลานี่แหละคือลูกหลานแห่งไท้ผิงเทียนกั๋ว ซึ่งเมื่อได้ไปถามบรรดาคนฮากกาที่นี่ ต่างบอกว่าตัวเองเป็นรุ่นที่ 4 ขึ้นไปแล้วทั้งนั้นเลยครับ

          ไท้ผิงเทียนกั๋ว จึงคือผู้ปลูกฝังอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติให้กับบรรดานักปฏิวัติรุ่นหลังๆ ไม่ว่า ท่านซุนยัตเซ็น ( ซุนจงซาน ) , เหมาเจ๋อตุง ซึ่งดอกเตอร์วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ ได้เคยทำวิจัยไว้และไหง่ได้เคยนำงานวิจัยของอาจารย์มาเผยแพร่ในเว๊ปนี้แล้ว ( ดู :หงซิ่วเฉวียนต้นแบบของนักปฏิวัติจีน ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์  http://hakkapeople.com/node/2556 )

           และอุดมการปฏิวัติแห่งไท้ผิงเทียนกั๋วนี่เองยังได้ปลุกเร้า ท่านซุนจงซานที่ได้มาตั้งสำนักงานแห่งการปฏิว้ติซินไห่ที่นี่ ( โปรดติดตามตอนต่อไป ) และอุดมการปฏิวัติแห่งไท้ผิงเทียนกั๋ว ยังได้จุดแรงบรรดาลใจให้เกิด กองกำลังปฏิวัติจีนมาลายา ที่ต่อสู้กับรัฐบาลมาเลเซียก็เกิดขึ้นที่นี่เหมือนกันครับ

เขียนๆไปสนุกมากเลยครับ มีคนเข้ามาดูเกือบสองพันคลิกแล้ว วันนี้แค่นี้ก่อนครับ แล้วติดตามตอนต่อไป ยังมีอีกหลายตอนเพราะยิ่งค้นยิ่งสนุกมากเลยครับ ตอนต่อไปน่าจะเขียนถึงการปฏิวัติซินไห่กับปีนัง ครับ

 

รูปภาพของ แกว้น

"BALIK PULAU" บาเลค ปูลอ

      ก้ำเซี้ยอาวี่ฟัดที่นำประสบการณ์ดีๆมาเล่าสู่กันฟัง....

      "บาเลค" ในภาษามาเลย์ หรือ "บาเละ" ในภาษามาลายู แปลว่า "ด้าน หรือ ทิศ หรือ พลิก หรือกลับ"

      "BALIK PULAU" บาเลค ปูลอ หรือบาเละ ปูลอ ในภาษามาลายูจึงควรหมายถึงด้านเดียวกันกับเกาะ หรือทิศเดียวกันกับเกาะ

      "ฺBAHASA" อ่านว่า บาฮาซา ถ้า...

      "บาซา หรือ ปาซา" แปลว่า ตลาด

      ข้อสังเกตุส่วนตัวคำในภาษามาเลย์จำนวนมากก็คือภาษามาลายูสำเนียงจีนที่สะกดด้วยอักษรโรมันเช่น

      "บาเละ" ชาวจีนจะไม่สามารถออกเสียงได้ และจะออกเสียงเป็น "บาเลค"

      คำควบกล้ำชาวจีนจะไม่สามารถออกเสียงได้เช่น ภาษามาลายู "BRAPA" บราปอ แปลว่าเท่าไรเมื่อเป็นภาษามาเลย์จึงกลายเป็น "BERAPA" เบอราปา เป็นต้น

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

ไปเยี่ยมเยือนชาวฮากกาที่ปีนังช่วงประชุมมิตรสัมพันธ์ที่หาดใหญ่

 
         เมื่อวานไหง่ได้มีโอกาศคุยกับกู้เทียนฟัดแห่งบาเละปูเลา ปีนังทางเฟชบุ๊ค ไหง่บอกกู้เทียนฟัดไปว่าในช่วงวันที่ 27 - 28 ตุลาคม 2556 จะมีการประชุมฮากกามิตรสัมพันธ์ จากชาวฮากกาทั่วประเทศไทย มาประชุมกันที่หาดใหญ่  กู้เทียนฟัดดีใจมากที่มีการประชุมกันที่หาดใหญ่ซึ่งไม่ไกลจากปีนัง และกู้เทียนฟัดกี่ก็เคยเดินทางมาเที่ยวหาดใหญ่อยู่บ่อยๆ  กู้เทียนฟัดบอกว่าอาจจะมาหาดใหญ่ในช่วงเวลาที่มีการประชุมที่หาดใหญ่เพื่อชวนเชิญไปเที่ยวเยี่ยมเยือนฮากกาที่ปีนัง ไหง่ว่าน่าสนใจดีนะครับ ถ้าชาวชุมชนคนฮากการวมตัวกันไปยิ่งดีเลยครับ
รูปภาพของ ฉินเทียน

ดีมากครับ สำหรับการพบ กู้เทียนฟัดโก๊

ในปีนัง มีชาวฮากกา จาก เฟ่ยโจว อยู่มาก และใกล้ช่วง ไหว้พระจันทร์ อันเป็นประเพณี มีการร้องเพลงซั้นโก๊ หรือ ซานโก๊  ได้รับความสุขสนุกแน่นอน หาดใหญ่ เป็น ถิ่น คนฮากกา จาก เจี่ยวเลี่ยง ด้วย ครับ รับประกันได้ว่า สนุก และ จะได้พบ หลากหลายที่ไหงเคยไปหาดใหญ่มา ชุมชนวัฒนธรรมจีนที่หาดใหญ่ ไปแล้วประทับใจ ในความเป็นญาติอย่างอบอุ่น และชื่นใจครับ อาหารก็ ฮ่อซิด อร่อย 

รูปภาพของ ฉินเทียน

客家山寨

Penang Channel  客家山寨 ค่ายขุนเขา(ขักกา) ฮากกา

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal