หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ต้น-หยก 2010-08

รวมคำถาม ต้น-หยก  เดือน สิงหาคม 2010

 

ดูรายการย้อนหลัง ทั้งหมด คลิกที่ [ขึ้น]


เซี่ยวกู๊เหงียว/เลวี่ยงเผียดซี้

มาเพิ่ม ต้นหยก ต่ออีกสองเรื่อง เชิญไถ่ก๊ามาร่วม หยก ต่อเลยนะครับ

 เรื่องแรก

     หยิด ไก้ เซี่ยว กู๊ เหงียง  (สาวน้อยนางหนึ่ง/นางหนึ่งน้อยสาว)
ตับ บุก ปุด สื่อ หวุย เปียก  เฉวียง  (ปลูกบ้านไม่ต้องล้อมกำแพง)
ก้อย เตด ผัง จื้อ พัก หยิ่ว หยู  (มุงห้องเล็ก ๆ สีขาวและสวยงาม)
ทิ้ว เสี้ยน กั๊ง ปู้ จ้อ ยี เซวี้ยง  (ชักด้ายทอผืนทำเสื้อผ้า)

เรื่องที่สอง

     เลวี่ยง เผียด เซี่ยว ฝู จื้อ  (หนวดน้อย ๆ สองด้าน/สองด้านน้อย ๆหนวด)
เจี๊ยม  จ้อย เจี๊ยม หงา ชื่อ  (ปากแหลมฟันแหลม/แหลมปากแหลมฟัน)
เช็ด เถว หยิ่ว เช็ด หน่อ  (หัวขโมย คิดแต่เรื่องขโมย/ขโมยหัว และขโมยสมอง)
จ๊น หมุน จ้อ ไฝ่ ซื่อ  (ตั้งหน้าทำแต่เรื่องเลว/เลวเรื่อง)

รูปภาพของ อาฉี

ใช่ ไหม หว่า

ข้อแรก ใช่ ไหม หว่า

  http://xchange.teenee.com/up01/post-24840-1175063230.gif

ผมหล่อไหม?

 

ข้อ 2 คิดไม่ออก เอารูปงามๆมาฝากก็แล้วกัน

ขอแจมอาฉี

ข้อที่หนึ่ง  สนับสนุนอาฉี ถูกต้องนะครับ

ส่วนข้อที่สอง  ไหงยังคิดไม่ออก แต่มีพรายมากระซิบ

ล่อ ชู่  老鼠  เหลา สู่  เจ้าหนู หรือ Mickeymouse นั่นเอง

นอกจากในหนังการ์ตูนที่ดูสนุกแล้ว

เจ้าหนูนี้แทบไม่มีอะไรดีที่เป็นประโยชน์

นอกจากทำความเสียหาย แถมเกิดเก่งเกิดมาก รกบ้านไปหมด

 

แห่เหล่วหว่า

     จากรูปแทนคำตอบทั้งของคุณอาฉี และ หวุนเชี้ยงก๊อ ในข้อที่หนึ่ง ที่ร่วมกันยืนยันมา ก็ไปขอให้คุณอาคมช่วยค้นคว้า ก็ได้คำตอบว่า ฉาน หรือฉำ คือตัวไหม(หนอนไหม )ซึ่งมันจะผลิตเส้นใย ฉานซี ฉำซี จะมีลักษณะเป็นกระเปาะกลมยาว เราสามารถนำกระเปาะ ที่ได้จากไหมนี้ มาทอเป็นเส้นใย และนำเส้นใยมาทอทำเป็นผืนผ้า เรียกว่าผ้าไหม ซึ่งเป็นผ้า ที่เป็นที่นิยมและราคาสูง
     มีผลพลอยได้จากการผลิตผ้าไหม คือตัวหนอนไหม เมื่อสมัยที่ไหงรับราชการที่ ร.พ.ช ก็ทำงานส่งเสริมการทอผ้าด้วยกี่กระตุก ก็ได้ไปพบแหล่งโปรตีนของชาวบ้านอีกแหล่งหนึ่งก็คือ หนอนไหมทอด ฉีดน้ำเกลือออกเค็ม ๆ รสชาดอร่อยดีครับ

     ส่วนข้อที่สอง หวุนเชี้ยงก๊อ หยกหล่อย เหลี่ยวแห่ตุ้ย เป็น ล่อชู่ เหลาสู่ คือหนู เจ้าสัตว์พาหะ ซึ่งถือว่าเป็น มหันตภัยเงียบแต่ร้ายแรง อีกตัวหนึ่ง ถ้าหากว่า ชาวนาไม่แก้เผ็ด จับมันมาทำเป็นเมนูอาหารแล้ว ก็แทยไม่มีประโยชน์อะไรเลยจริง ๆ เพราะมันจะกัดทำลายทุกอย่างที่มันอยากกัด ขนาดฝาตุ่มน้ำอลูมิเนียม ง้าชุงหมินโอ๊ย (แม่ยายไหง) อยู่ดี ๆ มันยังกัดซะเป็นรูโหว่
     ไหงมีเพื่อนสมัยเรียนกันมา ทำงานส่งเสริมเกษตรที่อ.ห้วยแถลง เดินเท้าเปล่าลงไปในนาเกษตรกร ปรากฎว่า ไปเจอเอาฉี่หนูเข้า เลยติดเชื้อ เล็บโต สไปรโรซีส เสียชีวิตไปอย่างน่าเสียดายมาก ซึ่งนอกจากแต่เดิมที่นำเชื้อกาฬโรคที่รู้กันมา
     มีภาพเจ้าหนูนา ที่กลายมาเป็นเมนู หนูนาย่าง มาให้ได้ชมกันครับ

  

รูปภาพของ อาคม

silkworm 蚕

蚕 (蠶) can2 หนอนไหม , 蚕蛾 can2'e2 ผีเสื้อจากหนอนไหม ,蚕丝can2si1 เส้นไหม

丝 (絲) si1 ไหม , 丝绸 si1chou2 ไหม,ผ้าไหม

เส้นทางสายไหม 丝绸之路 si1chou2zhi1lu4 Silk Road

หยิ่นฮยุ๋ง อาคม ฮยุ้งถี่

ขอขอบคุณ ทั้งสองท่าน สำหรับข้อมูล ที่ดี ๆของคุณจ๊องหยิ่นฮยุ๋ง ในหนูดำ ถึงว่า ที่บ้านถึงมีหนูอยู่ประจำไม่เคยขาด แม้ว่าที่บ้านจะเลี้ยงแมวไว้ไม่เคยขาดเช่นกัน ตอนนี้มีแมวอยู่ 3 ตัว ถ้ามันขยัน เข้าไปในสวนหลังบ้าน เป็นต้องได้หนูออกมาเสมอ ผลิตลูกหลานไวขนาดนี้ แมวถึงได้รบไม่รู้จักชนะมันซะที เหนื่อยแทนแมวละครับ และขอขอบคุณ คุณอาคม กับอักษรทุกคำเกี่ยวกัย "ไหม" คือ
ฉาน/ ฉำ: หนอนไหม  
ฉานหงอ/ ฉ่ำหงอ: ผีเสื้อจากหนอนไหม(น่าจะเป็นตัวนี้กระมัง ที่ไหงเรียกว่าผีเสื้อกระท้อน ฉ่ำหงอ)
ฉานซี้/ ฉำซี้: เส้นไหม
ซี้: ไหม
ซี้ฉู/ ซี้ปู้:  ไหม ผ้าไหม
ซี้ฉูจื๊อหลู่ /ซี้(ปู้)จี๊อหลู่: เส้นทางสายไหม     

รูปภาพของ เฉินซิ่วเชง

ขำที่หู นู๋(หนู)จิ๋วนี่แหละ!

กรี๊ด! ถ่ายภาพ หนูจิ๋ว ได้ครั้งแรก

ข่าว แปลก จากประเทศอังกฤษ เมื่อสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวของ หนู เจอร์บัว ซึ่งเป็น หนู ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกได้

หนูเจอร์บัว

          เมื่อ 10 ธ.ค. บีบีซีรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์สังกัดสมาคมสัตววิทยาลอนดอน ประเทศอังกฤษ (ซีเอสแอล) สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวของ "หนูเจอร์บัว" สัตว์ฟันแทะที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกได้เป็นครั้งแรก

          และตั้งความหวังว่า การนำภาพวิดีโอของตัวเจอร์บัวไปศึกษาอย่างละเอียดจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจพฤติกรรมของสัตว์ตัวจิ๋วสายพันธุ์นี้ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

          ทั้งนี้หนูเจอร์บัวจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ มีถิ่นอาศัยอยู่ในทะเลทรายเขตมองโกเลียและประเทศจีน พบเห็นได้ยาก ชอบอยู่ในรูช่วงกลางวัน กินแมลงเป็นอาหาร และมีจุดเด่นตรงใบหูซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าลำตัวมาก

http://blog.eduzones.com/nuihappy/1573

ขอบคุณอาจารย์เฉินซิ่วเชง

     ขอขอบคุณ อาจารย์เฉินซิ่วเชง มากครับ กับภาพคุณหนูๆ ทั้งหลาย ต้องบอกว่าน่าทึ่งกับเจ้าหนูพิฆเนตร ที่ไม่มีท่าทีสะสท้านกับ เพื่อนเล่นฝูงใหญ่

     ไหงว่าไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ มาก ๆ คน ถ้าได้เจอแบบนี้ คงต้องเผ่นไปตั้งหลักไกลโขแล้ว

     กับอีกความพยายามหาเรื่องของเจ้าหนูอีจู้ที่ เล็ดลอดทั้งปากขวด ทั้งลวดสปริงเพื่อเข้าไปขังตัวเอง

     ขอบคุณมาก ๆ กับภาพที่หายาก ของรูปเจ้าหนูเจอร์บัว ถ้าเห็นแต่หูคงคิดว่าเป็นลูกกระต่ายเสียอีก น่าคิดว่าอยู่ในทะเลทราย ใบหูใหญ่ขนาดนั้นซึ่งผิดขนาดกับตัวมาก มันไว้ใช้ทำประโยชน์อะไร? นี่ถ้ามันไม่ไปเจอบัวเสียก่อน ตัวมันคงจะใหญ่กว่านี้แน่ ฮะฮะฮะ

     แล้วเจ้าหนู ชะตาเกือบขาดนั่น เป็นฝีมือหงีเองหรือเปล่า? หุหุ ท่าคงจะเข็ดไปจนตายแน่อย่างนี้ ไหงได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังอึ๊ก จากหนุ่ม ๆ ชาวชุมชนเราหลายท่านเลยละครับ.

ขอถาม

ไหงขอถาม อากอ อาแจ๋ มั้งครับ

อะไรเอ๋ย  ปิดหน้าเห็น  นม

             ปิดหลังเห็น   ขน

รูปภาพของ นายวีรพนธ์

ขอตอบครับ

ขนม ครับ

ขอถามต่อ

อากอ วีรพนธ์  ตอบถูกครับ  ขอถามต่อเลยนะครับ  (ค่อย ค่อย ยากขึ้นอีกนีด )

ขอถามว่า     มีเงินอยู่  100 บาท   แบ่งให้  พี่ มากกว่า น้อง  1 บาท  พี จะใด้  ? เท่าไร

  น้อง จะใด้ ?  เท่าไร

รูปภาพของ เฉินซิ่วเชง

ภาพหนู..ที่เรา.....?ทึ่ง.!

หนูเพื่อนพิฆเนตร......

หนูไร้ขน ลักษณะและหน้าตาของตัวแฮร์รอท หนูที่มีการผสมข้ามสายพันธุ์จนกลายเป็น

 “หนูไร้ขน” แต่คนไทยนิยมเรียกว่า “หนูฮิปโป” เพราะตัวอ้วนพี แต่ไร้ขน

จนดูเหมือนฮิปโปโปเตมัสจิ๋ว ซึ่งร้าน ขายสัตว์เลี้ยงนำเข้าจากญี่ปุ่น

หวังล่อใจคนนิยมเลี้ยงสัตว์

มีนักออกแบบท่านนึงคือ Roger Arquer คิดว่า ทำหนูเจ็บทำไม จับเฉยๆก็ได้นี่นา

เขามีงานมาให้ดู สี่แบบนะคะ

แบบที่หนึ่งเลย หนูในแก้วเบียร์

แก้วเบียร์คว่ำไว้ ข้างในใส่ขนมปังแท่ง ติดปลายไว้ด้วยสปริง

พอหนูกัดขนมปังจนขากแก้วเบียร์ก็จะครอบที่พื้น หนูก็จะออกมาไม่ได้พอดี

(ปากแก้วอาจะต้องใหญ่นิดนึง จะได้ไม่ทับเท้าหนูในกรณีที่หนูเท้ายาว)



แบบที่หนึ่งเลย หนูในแก้วเบียร์

ชิ้นที่ 2 คือ Mouse in a Light Bulb หนูในหลอดไฟ




เข้าไปแล้ว!!! ปรบมือให้ดังๆ คิดว่างานของนักออกแบบคนนี้น่าเอ็นดู

แกคงเป็นคนอารมณ์ดี ตอนทำการทดลองคงลุ้นกันตัวโก่งตอนหนูเข้าไปได้

อยากไปขอจับมือจัง ฮิฮิ


ชิ้นที่ 3 ค่ะ Mouse in a Bottle ตรงๆตัว หนูในขวด เค้าบอกว่าใช้ขวดซีอิ๊ว

กับลวดติดสปริงแบบรูปกรวย ข้างที่ใหญ่หนูจะมุดเข้าไปได้

แต่เวลากลับออกมาก็หมดหวัง เพราะสปริงเล็กไป

ชิ้นสุดท้าย ชอบที่สุด ดูแล้วง่ายมากๆ แต่ไม่เคยคิดถึง

ชื่อตอน หนูในกระถางดอกไม้ 55 Mouse in a Planting Pot

ง่ายซะจนไม่ต้องอธิบาย ดูภาพกันนะคะ



รูปสุดท้ายหนูถึงกับงง แอบคิดต่อยอดออกไปว่า ถ้าทุก้านใช้ของแบบนี้แล้วนำหนูที่ได้ไปปล่อย ผลที่ตามมาอาจจะทำให้สมองมีการพัฒนาและฉลาดขึ้นก็ได้ ฮา

 

หนูมโนธรรม...?

>

>

>

>

>

>

>อันนี้ไม่เกี่ยวกับคนส่งนะคร่า....หุหุ

 

รูปภาพของ จ๊องหยิ่นฮยุ๋ง

หนู ที่ไม่ใช่ หนูๆ

พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า "หนูเป็นสัตว์ที่ไม่มีดีอะไรเลย" และเชื่อหรือไม่ว่า หนูเป็นสัตว์ที่ไม่มี "ถุงน้ำดี" !

มันสืบพันธุ์เก่งและบ่อย นั่นคือภายในเวลา 6 ชั่วโมง หนูตัวเมียอาจผสมพันธุ์ได้ถึง 500 ครั้ง และใน 1 ปี หนูตัวเมียจะติดสัด 15 ครั้ง ด้วยเหตุนี้หนูตัวผู้ 1 ตัว และหนูตัวเมีย 1 ตัว จึงสามารถมีลูก หลาน เหลน โหลนได้ถึง 2,000 ตัวใน 1 ปี ทั้งนี้เพราะลูกหนูโตเร็วจนสามารถสืบพันธุ์ได้เมื่อมีอายุเพียง 3-4 เดือนเท่านั้นเอง

หนูที่พบแพร่หลายคือหนูดำ (Rattus rattus) สามารถพบเห็นได้ทั่วโลก เพราะมันชอบแอบซ่อนตัวเดินทางไปกับเรือ และเวลาอาหารขาดแคลนหนูจะกินมูลของมันเอง เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการพอสมควร หรือเวลาหิวมากๆ และไม่มีอาหารสด มันมักใช้ฟันกัดแทะทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รายรอบ ไม่ว่าจะเป็นไม้ อิฐ หรือซีเมนต์ ดังนั้น ฟันหนูจะกร่อนตลอดเวลา แต่ก็งอกใหม่ได้เร็ว นอกจากนี้ หนูมีความสามารถพิเศษอีกอย่างคือ ตกตึกสูง 15 เมตรได้โดยไม่เป็นอันตรายใดๆ.

รูปภาพของ กิ่มหมิ่น

ไม่ใช้หนู ใหญ่กว่าหนู

 ยิว เถ่ว ยิว เกวาะ ยิว ป้อย หน่อง  มีหัว มีขา มีสันหลัง
 หยิด หย้า จ้อ กง ปุด เถว กง  ทำงานวันคืนไม่พักผ่อน
 ชุง กง เคียง กง ฟอน เจียบ ซู้  งานหนักงานเบารับไม่เกี่ยง
 หย่า จัก อ่า จื่อ จิน ไท ฟอง  เจ้าใบ้นี้ชั่งใจกว้าง

 

แจ๊มแถว

คิดมาคืนหนึ่ง คิดไปหลายอย่าง ไหงขอ หยกก่อนแล้ว ว่าเป็น แจ๊มแถว(เขียง) แห่หม่อ 

รูปภาพของ กิ่มหมิ่น

ไม่ใช่เเจํมเเถว

เขี่ยวแถวครับ(สะพาน)

คุณกิ่มหมิ่น/เขียวแถว

     ฮะฮะฮะ มีแถวเหมือนกัน แต่ไปกันคนละแถวเลยครับ ของไหวไปแถวไหนไม่รู้? คำเฉลย ของคุณกิ่มหมิ่น้ป็นเคียวแถว สพานครับ มีรูปสพานมาให้ชมกันครับ ลองทายดูว่าสพานที่ไหน?

 

 

ตีผึ้งนางพญา

ต้าพุ้งหวอง

ยิ้วลี่ หยิด หงิด ฮัน หฮัน (มีวันหนึ่งว่าง ๆ)
หัง งิบ ไหย สู่ เหยนเล้า เหลี่ยว (เดินเข้าสวนมะพร้าวเที่ยวเล่น/เดินเข้ามะพร้าวต้นสวนเที่ยวเล่น)
เกี้ยน ต้อ หยิด เทว ไหยจื้อ สู่ (เห็นมะพร้าวต้นหนึ่ง/เห็นหนึ่งต้นมะพร้าวต้น)
สั่ง ซำ เม็ด ก๊อ (ประมาณสามเมตรสูง)
สู่ เกี้ยง ตุ้ง ยิ้ว หยิดก้าย พุ้ง เต้ว (บนคอมะพร้าวมีผึ้งหนึ่งรัง/ต้นคอบนมีหนึ่งผึ้งรัง)
ก้าย เต้ว จ้อ ไก ไหย จี้อ ว้า ต้อ (รังทำไว้ที่ทางมะพร้าว/หนึ่งรังทำมะพร้าวก้านอยู่)
ฉิ่ว เสวี่ยง โอ้ย จอกคี่ กวิ๊ง (เลยคิดจะจับไปเลี้ยง)
ฉิ่ว หัง คี่ แพ้ เถว (เลยเดินไปที่แพ)
เก๊น ม้าย เกี่ย เทียวเหงียม เย้น (หาซื้อยาฉุนหลายมวน/หาซื้อหลายมวนฉุนบุหรี่)
หยิด อั๊บ ฟ่อ เฉียว (ไม้ขีดหนึ่งกล่อง/หนึ่งกล่องไม้ขีด)
เอ้าว หยิด เถียว เนนกัว กี๊ (หักก้านมะละกอหนึ่งก้าน/หักหนึ่งอันมะละกอก้าน)
แถ่ หยิด ก้าย พุ้ง หวองลุ้ง (นำรังใส่ผึ้งนางพญาหนึ่งรัง/นำหนึ่งลูกผึ้งนางพญารัง)
ปัก ซ้อง ไหย สู่ เกี้ยงช้อ (ปีนขี้นนั่งบนคอมะพร้าว/ปีนขึ้นมะพร้าวต้นคอนั่ง)
ช้อ จั้ง ฉิ่ว แหลม เหงียมเย้น (นั่งดีจึงล้วงยาฉุน/)
ฉุด หล่อย เคี้ยก ฟ่อเฉียว เตี้ยม (ออกมาขีดไม้ขีดไฟจุด)
กุ๊ เหงียม เย้น อั๊น (สูบควันยาฉุน/สูบฉุนบุหรี่ควัน)
แถ่ เนน กัว กี๊ ตู๋ ซ้องจ้อย ฟิน ผี (นำก้านมะละกอจ่อกับริมฝีปาก/นำมะละกอก้านจ่อบนปากริมหนัง)
ผุน เหงียม เยน อั๊น (เป่าควันยาฉุน/เป่าฉุนบุหรี่ควัน)
ฮะ ล้อก พุ้ง เต้ว คี่ (รมลงรังผึ้งไป/รมลงผึ้งรังไป)
ซำ ซี่ ลิ้น จ้อน (สามสี่ครั้ง)
เต้น ค่อน หวัน เต้ว พุ้งปุ๊น เหงียม เยน อั๊น (รอดูทั้งรังผึ้งถูกควันยาฉุน/รอดูทั้งรังผึ้งถูกฉุนบุหรี่ควัน)
อื๋ม ตี๊ พุ้ง หว่อย จุ้ยอื๋ม หว่อย จุ้ย (ไม่รู้ผึ้งเมาหรือไม่เมา)
เอ๊น เซี้ยน จุ้ย เหล่ว (เราเมาก่อนแล้ว/เราก่อนเมาแล้ว)
ฮะ ต้อ หว่อย จุ้ยเหล่ว (รมจนเมาแล้ว/)
จั้ง ควน ค้วน น้า ซิ่วหวัก เก๊น พุ้ง หวอง (จึงค่อย ๆ เอามือเกลี่ยหาผึ้งนางพญา)
หว่อย ตี๊ หฮั่น ยิ้วหยิด จัก เซ่ พุ้ง หมัง หว่อย จุ้ย (กว่าจะรู้ว่ายังมีผึ้งงานตัวหนึ่งยังไม่เมา)
ชิด เปี๊ยว ฉุด หล่อย (ตรงพุ่งออกมา)
หยิด เล่ หมุก จู๊ ปุ๊น กี่ เตี๊ยว ต้อ หมุก มี้ เตด (ตาข้างหนึ่งถูกมันต่อยจนตาปิด)
ฮะฮะฮะ เสวี่ยง โอ้ย เฉี่ยนฉิ่ว ม้อย คี่ เกี๊ยง กี่ (ฮะฮะฮะคิดจะซน ก็อย่าไปกลัวมัน)
หมุก มี้ จ้อ หมุก มี้ม้อย คี่ เสว กี หม่อง (ตาปิดก็ตาปิดอย่าไปสนใจมัน)
จ้อ เอน ควน ค้วน เก๊นพุ้ง หวอง (เราค่อย ๆ หาผึ้งนางพญา)
หยิด เต้ว พุ้ง ยิ้ว ตั๊นจัก พุ้ง หวอง ถิ่น (หนึ่งรังผึ้ง มีผึ้งนางพญาเพียงตัวเดียวเท่านั้น/หนึ่งรังผึ้งมีตัวเดียวผึ้งนางพญาเท่านั้น)
เกีย ซิ้น เค่าไถ่ จักกว้อ เพ้ด จัก พุ้ง (ตัวมันจะใหญ่กว่าผึ้งตัวอื่น/มันตัวใหญ่ตัวกว่าอื่นตัวผึ้ง )
หม่อง ต้อ ฉิ่ว ตี๊ม้อย เกี๊ยง กี่ (เห็นปุ๊บก็รู้ อย่าไปกลัวมัน)
ควน ค้วน ค้อย หวอง พุงลุ้ง (ค่อย ๆ เปิดรังนางพญาผึ้ง/ค่อย ๆ เปิดนางพญาผึ้งรัง)
หวัก กี่ งิบ ห้อจั้ง แถ่ จุ๊ด เสด ห้อ (เขี่ยเข้าไปแล้ว ค่อยนำจุกอุด/เขี่ยมันเข้าแล้วค่อยนำจุกอุดให้เรียนร้อย)
ปัก ล้อก สู่ ฮ้า เก๊นก้าย ไหย จื้อ สู่ ว้า เกี้ยง (ปีนลงใต้ต้น หาตะโหนกมะพร้าว/ปีนลงต้นใต้หาอันมะพร้าวก้านตะโหนก)
แถ่ ต๊อ ตอก สั่ง ฉักปั้น ฉอง (นำมีดตัดยาวสักหนึ่งฟุตครึ่ง/นำมีดฟันประมาณฟุตครึ่งยาว)
น้า พุ้ง หวอง ลุ้ง ถอไก สู่ ว้า ไถ่ เทว ต๋อง (นำรังผึ้งนางพญาผูกไว้ที่ทางตะโหนก/นำผึ้งนางพญารังผูกต้นก้านตะโหนก)
เล่ว พุ้ง จื้อ ปุ๊ย ลอยถี (ล่อให้ผึ้งงานบินมาตอม)
ถี ต้อ เลี่ยว ฉิ่ว แถ่ จ้อน บุกค้า หล่อย กวิ๊ง (ตอมจนหมดแล้วจึงนำกลับบ้านมาเลี้ยง)

วุ้ย หมออั้นโก้ย

 

เท้นหงีก้อง  อั้นโก้ย

หงีสิดต้าฟุ้งหวองหล๋อยหมัง

เกี๊ยงหว่าหงี หงีปุ้นฟุ้งจื้อเตี้ยวต๊อ

โม่ยหว่า น่าจ๊นหวุกค้า

จิ๊ก้า อื่มตี้แจ่วกี้โต๊เหย่นขื้อ

หมักไก้ ย้าหมอเต็ดกื้อ คุงซิ้ว คุงลิด

เห่ หมอ  เห่ หมอ  777 5

 

พุ้งหวอง ไม่ใช่ หวองพุ้ง

     ขอไหงอธิบายให้ทุกท่านได้เข้าใจอีกครั้งนะครับ หวุนเชี้ยงก๊อ โดยทั่วไป ผึ้งจะจำแนกได้เป็น 3 ชนิด คือ
     1.ผึ้งหลวง เรียกว่า หวองพุ้ง ตัวผึ้ง จะมีขนาดใหญ่ที่สุด ทำรังบนต้นไม้ใหญ่ สูง ๆ ในป่า รังใหญ่มาก ประมาณถาดนั่นแหละ จะดุมาก ต่อยเอาถึงตาย จะตีเอาน้ำหวาน ต้องมีวิธี
     2.ผึ้งโพรง เป็นผึ้งขนาดเล็กลงมา ไม่ดุมาก อาศัยทำรังในโพรงต้นไม้ อาคารทั่วไป ตามใต้หลังคาบ้าน รังจะมีหลายชั้น จะทำรังอยู่กับที่นาน ๆ หลายปี
     3.ผึ้งมิ้ม เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กที่สุดใน 3 ชนิด ที่กล่าวมา อาศัยทำรังบนกิ่งไม้ทั่วไป มักจะย้ายรังบ่อย ทั่วไปจะไม่ค่อยดุ
     ผึ้งทั้ง 3 ชนิด ล้วนมีนางพญาผึ้ง รังละตัวเดียว ทำหน้าที่ออกไข่ ขยายพันธุ์อย่างเดียว และเป็นจุดรวมให้ผึ้งทุกตัวอาศัยรวมกันอยู่ได้ ถ้าหากขาดผึ้งนางพญาเสียแล้ว ผึ้งทั้งรัง ก็จะหมดสภาพไป
     ที่ไหงเขียนไปว่า ต้าพุ้งหวอง ก็คือผึ้งชนิดนี้ ไม่ใช่ต้าหวองพุ้ง ถ้าต้าหวองพุ้ง ไหงคงถูกมันต่อยตายไปนานแล้วอาก๊อ

   

จอกฝุงซิ้น/เยวกูก๊อ

     สวัสดีครับ หยุดหายไปหลายวัน วันนี้ก็ขอนำ ต้น-หยก มาให้ทุกท่านได้ร่วม หยก กันต่ออีกสองเรื่องครับ

เรื่องแรก

     เชี้ยน ไก้ เจวียง เกวี๊ยน ป๋า เชวี้ยง ชุ่ง (พันนักรบสพายปืน)

     ซิ้น จอก ฝุง มอ เปี๊ยน เพี้ยน หนา ตุ้ง (กายนุ่งแดงผมเปียถักบนหัว/หัวบน)

     ลี่ สา ไถ่ ต้ำ ก้ำ คี่ เงี้ย (มีใครใจถึงกล้าไปแหย่)

     หยิด เตี๊ย หยิด เจ้ว ซี่ หวุด คุ่ง (ทางหนึ่งแตะทางหนึ่งเผ่นจนก้นโด่ง)

เรื่องที่สอง

     เยว กู๊ อา ก๊อ (พี่ชายหลังค่อม/หลังค่อมพี่ชาย)

     ชี่ หงา ซิบ ฟุ้น  ต๊อ (ซี่ฟันมากมาย)

     ทุน มุด ปุด สื่อ เฉี่ยว (กลืนของไม่ต้องเคี้ยว)

     ทุ้น เหลี่ยว  เทียว เถียว ม้อ (กลืนแต่ทุก ๆ เส้นผม)

รูปภาพของ อาฉี

梳子

ข้อแรกนึกไม่ออก  ขอเดาข้อหลังว่า

梳子 ฟูจื่อ หวี

หวีหลายอัน

     ฮะฮะ ข้อ 2 เป็น ฟูจื่อ /ซื้อจื้อ หรือคือหวี?ลองดูนะครับว่าหวีอะไร? ไหงมีมาฝากให้คุณอาฉี 4ข้อ 5 หวีด้วยกัน โดยเฉพาะ หวีสุดท้าย เป็นหวีถุงเซี่ยง กับหงี และเป็นหวีในดวงใจของ อาก๊อจื้อร่วมสมัย คงจะหลาย ๆ ท่าน ณ.ที่นี้ และที่ไหนทีเดียว ลองดูครับว่าหวีอะไร? 1หวี แต่มี 2 อัน?

 

 

ใบ้ให้นิดครับ

ข้อ 1. ทหารกองพันนี้ บ้าจี้ครับ ถ้าลองได้ยิงสักคน อีก 999 คน จะต้องตามยิงมาเป็นพรวนจนครบ ตามมาด้วย ผู้บังคับกองพัน ถล่มด้วยอีกหนึ่งลูกระเบิด.  
รูปภาพของ อาคม

ขอตอบข้อหนึ่ง จี่เพ้า

ชิ้นสุ้ยกอ เฉลยข้อสองว่า หวีอันอัน เห็นรูปแล้วใจหวิวแทนอาฉี ขอตอบข้อหนี่งว่า จี่เพ้า ลูกประทัด มีไว้จุดโหมโรง ฉลองชัย เดี๋ยวนี้ทำเป็นยวง มีร้อยนัด พันนัด หลายพันนัด หมื่นนัดก็น่าจะมี เวลาไหว้ชินหมิ่นจุดกันแทบทุกเจ้า ลูกสุดท้ายเหมือนลูกระเบิด พอระเบิดเสร็จก็จะมีคำอวยพร และใบ้หวยให้ด้วย แต่ที่ไหงเคยเจอที่จุดกันชนิดถนนทั้งสายดูเหมือนปูด้วยพรมแดงก็คืองานกินเจ กิ่วหว่องจาย ที่ภูเก็ต ในคืนวันแห่เจ้าบ้านที่ตั้งโต๊ะบูชาก็จะเตรียมประทัดเป็นพันๆนัดมัดกับลำไม้ไผ่และม้วนจากยอดลงมาถึงโคน เวลาจุดก็ค่อยๆหมุนคลายไปเรื่อยๆ ประทัดระเบิดตรงหัวเจ้า แสงและควันจากประทัดแบบไฟไหม้เมือง แต่คนแบกเจ้าไม่เป็นอะไรเลย

จี่เพ้า/จี่เผ้า

     ก็คือทหารบ้าจี้ืั้ที่ว่ามา มีพันก็ยิงพัน มีหมื่นก็ยิงทั้งหมื่น สุดท้ายก็เป็นหน้าที่ของ ผู้บังคับกองพัน กองพล ที่ว่ามา ประทัดนี่จะเล่นกันอยู่หลายเทศกาลด้วยกัน อันได้แก่ ตรุษจีน,เชี้ยงเหมียง,ตุ๊งเจียด และก็ซิดไจ๊ จะเห็นว่าแต่ละเจียด ใช้ประทัดกัน ไม่ใช่น้อยเลย โดยเฉพาะ กินเจกิ้วเงี้ยดหวองไจ๊ จุดกันจนกระดาษบนท้องถนนหนาเป็นนิ้ว กว่านิ้ว ที่โด่งดังที่สุดคือที่จังหวัดภูเก็ต... สมัยก่อน ตอนไหงยังเด็ก วันไหว้พระจันทร์ จุงชิ้วเจียด ก็มีจุดกัน ทั้งประทัด ตะไล ปลาดุก ปลาช่อน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่ลอยกระทงเดือน 12 มีเล่นเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่าครับ.

 

 

 

 

รูปภาพของ อาฉี

ต้นวันนี้

ต้นวันนี้ ไปเก็บมาจากเว็บThaiInChina.comชุมชนคนไทยในจีน นักเรียนเก่าจีน รูปแบบวิธีทายปัญหา ของเขาไม่เป็นคำกลอนภาษาฮากกาเหมือนเคย ก็ขอนำมาลงให้ดูกัน

什么东西越洗越脏
shénme dōngxī yuè xǐ yuè zāng
อะไรเอ่ย ยิ่งล้างยิ่งสกปรก?

 

什么样的鸡蛋永远也孵不出小鸡
shénmeyàng de jīdàn yǒngyuǎn yě fū bùchū xiǎo jī
ไข่ไก่แบบไหน  ยังไง ยังไง ก็ไม่มีทางฟักออกมาเป็นลูกเจี๊ยบซักที? 

 

真金不怕火, 只怕什么?
zhēn jīn búpà huǒ, zhǐpà shénme
ทองแท้ไม่กลัวไฟ แต่กลัวอะไร?

超人身上的 "S" 标 志是什么
chāorén shēnshàng de "S" biāozhì shì shénme
ตัว "S" บนตัวของซุปเปอร์แมนหมายถึงอะไร? 

ลอง หยก ดู

     ข้อ.1 หยกหว่า ผูผ่อนถั้น ถ่านหุงข้าว ยี่เซ่ ยี่หล่าสับ ยิ่งล้างยิ่งสกปรก

     ข้อ.2 เลียบเลี้ยบล่อนผู่ ไข่ทุกฟองที่ฟักเป็นตัว เป็นลูกของไก่ ไม่ใช่ลูกของเจี๊ยบ แต่ถ้าว่าตามหนังสือจีนที่ถาม คงต้องตอบว่า หมอกุ๊งล่อน คือไข่ไม่มีเชื้อตัวผู้

     ข้อ.3 จิ้นกิ๊ม พ่าเช็ด ทองแท้กลัวขโมยครับ 

     ข้อ.4 ถี่ซิบกิ้วไก้ฝูงม้อฉื่อ  คือภาษาอังกฤษ ตัวที่ 19 ครับ.

     หยกผิด หยกถูก ไม่ว่ากันนะครับ ขอบคุณ คุณอาฉีมากครับ ที่นำต้นมาให้ หยก น่าสนใจดีครับ หากเรานำคำถาม มาถามเป็นภาษาของเรา แล้วมา ตอบเป็นภาษาของเรา ไหงว่า เซ่หงิน น่าจะเรียนรู้ภาษาได้ดีกว่าแบบที่ไหงนำมาผูกประโยค ต้น อย่างที่ทำอยู่นะครับ ถ้าได้ผู้ ต้น ที่รู้ใจร่วม เห่วซั้ง ตั้งแบบคำถาม ยวน ๆ สักนิดละก็ ใช่เลยละครับ.

รูปภาพของ อาคม

superman ใส่เสื้อผิดขนาด

หมึกจีนยี่งล้างยี่งเลอะ ไข่ไก่ที่ไม่มีวันได้ฟักเป็นไก่ ไหงว่าเป็นไข่เค็ม ส่วนทองแท้ กลัวโจรอย่างที่ชินสุ้ยกอหว่า แต่ซุปเปอร์แมนนี่สิ ไหงว่ากื๋อใส่เสื้อผิดsize ใส่size S ดูฟิตแนบตัวชอบกล

จ้อช่อยเหยน(ทำสวนผัก)

     ส่องเหนียน เหลวียงชั้น ซิ้นก้องไกช่อยเหยน (เมื่อก่อน ตลิ่งชัน สวนผักคลองมหาสวัสดิ์/คลองใหม่ สวนผัก)

ลุ้งแห่ถองซั้นไก้อาสุก อาปัก อาสิม อาปักแม้ (ล้วนแต่ ชาวจีน เป็นคุณอา คุณลุง คุณอาสะใภ้ คุณป้าสะใภ้)

ฮ้อยถองซั้นกว้อหล่อยจ้อ (จากเมืองจีนข้ามมาทำ)

ยิ้วไก้เหยนฟั้นเถ่เถียนป๊าหล่อยฟั้นต้า (มีสวนเพิ่งล้มนามาทำ)

ยิ้วไก้ จ้ำเตดซั้นเหยนสู่ (มีบ้างโค่นล้มสวนต้นไม้)

หล่อยต้าจ้อช่อยเหยน (มาทำเป็นสวนผัก)

โอ้ยต้าช่อยเหยน (จะทำสวนผัก)

แทวเถียว ช้อกค่อน เงี้ยดเถวเส่(สิ่งแรกต้องดูทิสทางดวงอาทิตย์/ดวงอาทิตย์ทิศทาง)

เงี้ยดเถวเจ้วตุ๊ง หลอยซี้ (อาทิตย์จากตะวันออกมาตะวันตก)

ช่อยเหยนช้อกต้าหนำเป็ด (สวนผัก ต้องทำร่องแนวเหนือใต้)

ว้อเงี้ยดเถวต้า กาลีหวัง (ต้องขวางดวงอาทิตย์/ต้องดวงอาทิตย์ ขวาง)

ปี้หมอหลี่ ข้อปี้เหยนต้า เหนียมตุ๊ง เหนียมซี้ (ถ้าไม่แล้ว สมมุติทำร่องแนวตะวันออก ตะวันตก)

เหยนลุ่ง ช้อกปุ๊นเงี้ยดเถวจักหวันหงิด (ร่องสวนต้องโดนแสงแดดตากทั้งวัน)

หวันลุ่งเท่ว ๆ หวันลุ้งเจาเจ๊า(ทั้งร่องทั่ว ๆ ทั้งร่องจะแห้งแห้ง)

เหยนลุ่งไก้ช่อย (ผักบนร่อง/ร่องสวน ผัก)

ช้อกเงี้ยดเถวจักทั่งหงิดเชวเฉว (ต้องถูกแดดตากทั้งวันจนเหี่ยวเฉา)

ช้อกฟู่สุ้ยต้อ ฮ่ำอื๋มก้ำเตด (ต้องรดน้ำจนบ่นว่าเข็ด)

โอ้ยล้อกซิ่วจ้อช่อยเหยน (จะลงมือทำสวนผัก)

ช้อกกว้อเหลี่ยวเหนียน (ต้องปีใหม่แล้ว)

หงี่ซำเงี้ยดฉิ่วเถวล้อกซิ่วจ้อ (เดือนยี่ เดือนสามจึ่งลงมือทำ)

ถี่หยิดซำคั้น ช้อกหยุ่งเลวี่ยงจี้ไถ่เถียดจับ (ประการแรกที่สำคัญ ต้องใช้จอบใหญ่สองง่าม/สองง่ามจอบใหญ่)

เหยดไถ่เหนพ้อย เขียก๊อซ้องลอยจักเงียดเถว (ขุดเป็นก้อนใหญ่ ยกขึ้นให้ตากแด)

จักสั่งปั้นไกเงี้ยด (ตากประมาณครึ่งเดือน)

เท้นต้อหว่าเหนฟ้อยหว่อยเจ๊าเหล่ว (กะว่าก้อนดินแห้งแล้ว)

ฉื่วห้อเหยดเหนพ้อยล้อกหล่อย (จึงตีก้อนดินลงมา)

กิ่นเหยดล้อก กิ่นต้าเซ่ (ลากลงตีให้เล็ก)

ต้าต้อหวันลุ่งห้อ (ทำจนเสร็จทั้งร่อง)

เหลียวต้อหวันลุ้งช่อยเหยนหย่อง (ทำจนทั้งหมดเป็นรูปร่อง)

จั้งฟั้นปุ๊นเงี้ยดเถวจักก๊าเกี่ยหงิด (จึงเริ่มให้แดดตากอีกหลายวัน)

หม่องหว่าหว่อยเจ๊าฉื่วหล่า (ดูว่าแห้งจึงพอ)

เกี่ยหงิดกว้อ ฉิ่วเถ่สุ้ยฟู่ ฟู่เกวียกเหนฟ้อย (หลายวันแล้วจึงนำขนาดรดน้ำอัดก้อนดิน)

สั้งซำลิ้นจ้อน เท้นต้อหว่อยเน้ด (รดสักสามรอบ ดูว่าดินอิ่มน้ำ)

ฉิ่วไคฮ้ำขอกพักฟ้อยหล่อยผัดเหน (จึงหาบปูนเปลือกหอยมาสาดชัดดิน/หาบเปลือกหอยปูน)

ผัดห้อจั้งเถ่ซี่จี้ผาหล่อยเคี้ยดผา (สาดเสร็จจึงนำจอบคราดสี่ซี่มาคราดเกลี่ย)

ผาต้อหว่อยเฉา ฉิ่วน้าหวอก้อนชุกจ๊าเชาเฉา (คราดจนทั่ว จึงนำฟางข้าวมาปิด)

จั้งห้อเถ่ช่อยจื้อเหว่ (จึงนำเมล็ดผักหว่าน)

เหว่ห้อจั้งฟั้นเถ่สุ้ยฟู่ ปุ๊ยสุ้ยพอกพ้อก (หว่านเสร็จจึงนำขนาดมาโปรยน้ำบาง ๆ)

ห้อเหล่ว หลีหฮ่าฉิ่วเท่นเต้นช่อยจื้อเป๊าห์หงาถิ่น (เสร็จแล้ว ทีนี้ก็รอให้เมล็ดผักงอกขึ้นมาเท่านั้น)

รูปภาพของ กิ่มหมิ่น

อยากทราบความเป็นมา ช้อย หล่ำ จิ่

อีก2-3อาทิตย์ก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ มีการละเล่นอย่างหนึ่ง เรียกว่า( ช้อย หลำ่ จี่)  สาวตะกร้าผัก สมัยตอนเด็กๆ เห็นพี่ๆเขาเล่นกัน เอาตะกร้าเสียบทับพี แล้วเอาเสื้อสวยๆของผู้สูงอายุคุมไว้ มีไม้ที่สองอันที่ใต้ตะกร้าไว้ถือคนละข้าง เวลาเล่นหนุ่มๆสาวๆ ส่วนมากจะถาวเเต่เรื่องความรัก เช่น มีแฟนแล้วยัง แฟนอายุเท่าไร คำตอบคือจำนวนโยกของตะกร้า ต้องมีช้อยให้แม่สาวตะกร้าเลือก เช่นโยกหนึ่งครั้งไม่มีแฟน ยกสองครั้งมีแฟน ขอทราบความเป็นมาหน่อยครับ

การเล่น ช่อยหลำเจ๋

     จะขอกล่าวถึงการละเล่นเก่าๆ ซึ่งคุณ กิ่มหมิ่นได้ถามมา ไหงก็ไปค้นคว้ามาบ้าง ถามเอาบ้างมา เป็นการเล่นที่เด็กรุ่นเก่าก่อนมักจะนิยมเล่นกันในช่วงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์จนถึงเทศกาลกินเจและมักจะเล่นกันในช่วงดึกๆนัยว่ามันจะขลังดีกว่า การเล่นที่กล่าวถึงก็คือ ช่อยหลำเจ๋ ฟ้าหลำกู๊ หรือเรียกว่า การเล่นผีตะกร้า ซึ่งเชื่อว่าเด็กๆชาวไทยเชื้อสายจีนในยุดโน้นคงจะรู้จักกันดีกล่องข้อความ:

     ขักหงิน เรียกผีตะกร้าว่า”ช่อยหลำเจ๋หรือ ฟ้าหลำกู๊”จะเล่นในช่วงวัน

ไหว้พระจันทร์จนถึงเทศกาลกินเจ
    
    
อุปกรณ์

   1. โต๊ะเตี้ย 1 ตัว

   2.
กระถางธูป หรือแก้วปักธูป และธูป

   3.
น้ำชา 1 ถ้วย ขนมเปี๊ยะ 1 ที่
 
   4.
ตะกร้าจีน ( ลักษณะกลมคล้ายปิ่นโตมีฝา

ปิด ขักหงินเรียกว่า”ฟ้าหลำ” )

   5.
เสื้อผู้หญิงแบบมีกระดุมหน้า 1 ตัว (พอสำหรับสวมใส่ตะกร้าได้และ

เหลือชายไว้สำหรับผูก ปมได้)

   6.
ยอดทับทิม 2-3 ยอด

   7.
กระดาษทอง (กิ๊มจี้)

   8.
ถ้าต้องการให้ตะกร้าเขียนอะไรก็ให้เตรียมปากกาและกระดาษแผ่น

 

ใหญ่

     วิธีการเล่น

     1.สวมเสื้อให้ตะกร้าติดกระดุม ผูกชายเสื้อเป็นปม 2 ข้างสำหรับจับ นำ

ยอดทับทิม 1 ยอดผูกไว้ ที่หูตะกร้าด้านบนสุด(ผูกปากกาไว้ด้วยถ้า

ต้องการให้ผีตะกร้าเขียน)

     2.
นำกระถางธูปใส่ทราย น้ำชา ขนมทับกระดาษทอง(กิ๊มจี้)ไว้ตั้งไว้

บนโต๊ะ และเตรียมน้ำแช่ยอดทับทิมไว้ต่างหาก

     3.
จุดธูป 5 ดอก บอกขออนุญาตเจ้าที่ให้ผีตะกร้าเข้าบ้านได้และหน้า

บ้านซ้ายขวาอย่างละ 1 ดอก 3 ดอกปักที่กระถางธูปและอีก1 ดอก ปัก

หรือผูกไว้ที่ตะกร้าด้านบนสุด ต่อธูปอย่าให้ดับตลอดในพิธีแล้วให้ผู้เล่น

2 คน ยกเชิญที่ริมน้ำ ถ้าไม่มีริมน้ำให้เชิญที่ ท่อน้ำหน้าบ้าน หรือทางน้ำ

ไหลห้ามเชิญในบ้าน ถ้าผีตะกร้ามาแล้ว ตะกร้าจะหนักและโยก ให้

นำเข้าพิธีให้เรียกผีว่า”อากู๊”

     4.
ถึงพิธีแล้วห้ามวางตะกร้า ให้ถือตลอดพิธีจะนั่ง ยืนหรือคุกเข่าก็ได้

(ถ้าเปลี่ยนคนถือให้ถามก่อน จะให้เปลี่ยนหรือไม่ ถ้าให้เปลี่ยนผงกกี่ที

และถ้าไม่เปลี่ยนให้ผงกกี่ที)

     5.
แล้วแต่ผู้เล่นจะถาม แต่ส่วนใหญ่จะถามอายุก่อน คำตอบของ”อากู๊”

ขึ้นอยู่กับการที่เราให้ผงกกี่ที

     6.
เมื่อเล่นเสร็จแล้วจะต้องเชิญ”อากู๊”กลับไปยังจุดที่เชิญมา บอก

เชิญ”อากู๊”กลับ พักผ่อน (รอให้ตะกร้ารู้สึกเบา)เสร็จแล้วถอนธูปยอด

ทับทิม เผากระดาษทอง ทิ้งยังจุดที่เชิญ แล้วนำน้ำแช่ยอดทับทิมพรม

ศีรษะผู้เล่นทุกคน

จะเล่นกี่คนก็ได้ แต่ต้องมีคนถือ 2 คน                                                                        

     เริ่มจากจัดหาอุปกรณ์การเล่น ก็มีตะกร้าใบใหญ่แบบที่มีหูหิ้ว ฝาปิด เรียกว่า”ฟ้าหลำ”(หรือ

เป็นตะกร้าผัก อย่างที่คุณกิ่มหมิ่นกล่าวมาเรียก "ช่อยหลำ")

     เมื่อได้ตะกร้ามาแล้ว ทีนี้ก็จัดแจงหาไม้ไผ่อันเล็กๆ2 อัน มาขัดเป็นรูปกากบาทที่ปากตะกร้า โดยนำ ทัพพี หรือพวงกุญแจใหญ่ๆหรือไม่ก็เป็นกรรไกรอันใหญ่ ๆ ก็ได้ใส่ไปไปที่ก้นตะกร้า จากนั้นก็หาเสื้อผ้าเก่าๆมาใส่ให้ตะกร้า ซึ่งก็จะดูคล้าย ๆเป็นรูปร่างของคนใส่เสื้อเป็นอันเสร็จขั้นตอนเตรียมการ

     เวลาในการเล่น เราจะเริ่มเล่นกันตอนดึกๆประมาณ 3- 4ทุ่มไปแล้ว

     เมื่อเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วผู้ที่จะเล่นโดยมากจะเป็น เด็กๆวัยรุ่นที่มารวมตัวกันประมาณ 4-5 คน(วัยดึก ๆ อย่างไถ่ก๊า ดูเฉยๆ ดีกว่าฮะฮะฮะ) แล้วแต่จำนวน ก็จะพากันหิ้วตะกร้าใบนั้น ออกไปปากท่อระบายน้ำโดยไปยืนออกันที่ปากท่อระบายน้ำเก่า ๆ จากนั้นก็จะมีคนเชิญโดยการถือตะกร้าที่ใส่เสื้อผ้าแล้วนั่งลงตรงท่อระบายน้ำ จากนั้นก็จะจุดธูปขึ้นมา 1 ดอก แล้วก็ท่องคาถาซึ่งเป็นการอัญเชิญดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่แถวนั้นให้เข้ามาอยู่ในในตะกร้(คาถาที่ใช้ในการท่องเป็นสำเนียง แต้จิ๋ว)

คาถาที่ท่องนั้นว่าดังนี้ คือ

 น่าปึ่งโก น่าปึ่งซิ้ง ป่วยซัวก้วยไห้ไล่ทิวติ้ง

 ทิวติ้งปักน่าปึ่ง น่าปึ่งเหล่าเหลาเจี่ยอู่ซิ้ง 

 

          ถ้าว่าเป็นขักก่งเถวได้ดังนี้ 

 

  หนาผ่อนกู๊ หนาผ่อนสิน    ผอยซั้นกว้อห้อยหล่อยทิ่วถิน 

  ทิ่วถินเพ็ดหนาผ่อน           หนาผ่อนล่อล่อ จั้งยิ้วสิน               

     หลังจากที่คนเชิญท่องคาถาเสร็จก็จะนำตะกร้าเข้าไปในบ้านโดยจะมีคนถือตะกร้าข้างละ1 คน วิธีการถือตะกร้าก็โดยเอามือรองที่ก้นตะกร้าเอาไว้ แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เพราะว่าทุกครั้งที่มีการอัญเชิญดวงวิญญาณตะกร้าที่เคยมีน้ำหนักเบาๆหลังการอัญเชิญดวงวิญญาณทุกครั้งจะปรากฏว่าตะกร้าจะมีน้ำหนักมากขึ้นอันเป็นที่รู้กันว่า อากู๊ ได้เข้ามาในตะกร้าใบนี้แล้ว (อาก็ ก็คือคำที่เราใช้เรียกผี หรือดวงวิญญาณ)

ที่ว่าถามนั้นก็คือเราถามอากู๊ที่เราเชิญเข้ามาอยู่ในตะกร้าใบนั้น

    

     คำถามก็มักจะเป็นคำถามง่ายๆ เช่น

 

 อากู๊ หงีเป็นหญิงเป็นชาย ถ้าชายให้คำนับหนึ่งที ถ้าเป็นหญิงให้คำนับสองทีเป็นต้น ทีนี้อากู๊ที่ถาม ก็จะเหวี่ยงตะกร้าลงมาข้างหน้า หนึ่งทีหรือว่าสองทีแล้วแต่ว่าเป็นหญิงหรือชาย บางทีก็จะถามว่า ผู้ที่ถูกเรียกมาอายุเท่าไหร่ตะกร้าก็จะเหวี่ยงลงมาข้างหน้าตามอายุ ผู้ที่เล่นก็จะต้อง คอยนับตามไปเรื่อย ๆส่วนคำถามยอดฮิตก็คือ งวดนี้หวยออกอะไร ซึ่งผู้ที่ชอบ ก็จะคอยนับว่าตะกร้าจะเหวี่ยงไปกี่ทีซึ่งก็เคยถูกกันมาแล้วเหมือนกันจากนั้นเสียงของผู้ที่เล่น ก็จะแซงแซ่แย่งกันสอบถาม คล้ายๆเราเล่นผีถ้วยแก้ว คือกลัวก็กลัวอยากเล่นก็อยากเล่น เรื่องที่ถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องแฟน เรื่องคนรักตามประสาวัยรุ่น

ทีนี้การจะเลิกเล่นเราก็เพียงแต่บอกว่าจะขออัญเชิญให้ออกจากตะกร้าถ้าจะออกก็ให้คำนับหนึ่งทีหรือว่าถ้าไม่อยากออกก็ให้คำนับสองที ทีนี้บางครั้งก็มีปัญหาคือ อากู๊ ชักจะติดใจ เลยไม่อยากออกเชิญอย่างไงก็ไม่ยอมออก ก็อาจต้องใช้วิธีหักดิบเลยคือ ถอดเสื้อออกเอาทัพพี กุญแจหรือกรรไกรออกจากตะกร้าซะงั้นแต่คนโบราณเคยบอกว่ามีเหมือนกัน ที่ไม่ยอมออกตะกร้าจะเขย่าเองอยู่อย่างนั้นทั้งคืนก็มี(ฮะฮะคงต้องมีใครนั่งอยู่ เป็นเพื่อน อากู๊ ซักคนดู)

     ก็มีเรื่องเล่าหนึ่ง มาจากประสบการณ์ ของท่านผู้ที่นำเรื่องมาเสนอ (ไม่ใช่ไหงนา) ดังนี้  “ในวันไหว้พระจันทร์ของปีหนึ่งนั้นผมได้เป็นคนถือตะกร้า คู่กับ สาวนกเมื่ออัญเชิญ อากู๊ มาแล้วก็แย่งกันสอบถามเรื่องราวต่างๆ ตามความคะนอง แต่ผมนั้นไม่ได้สนใจ จะถามอะไรต่อ อากู๊หรอกครับเพราะความสนใจของผม นั้นจับจ้องอยู่แต่กับสาวสวย คนที่ถือตะกร้าตรงข้ามกับผมเพื่อนๆจะถามอะไรกันก็ถามกันไปแต่ผมไม่ถาม..เพราะสายตาผมนั้น จับจ้องอยู่กับสาวนก ผมคอยจังหวะที่เพื่อนๆกำลังสนใจสอบถาม อากู๊ สาวนก ..นั้นก็เผลอ เพราะคอยฟังคำถามของเพื่อนพอได้จังหวะผมก็ค่อยๆยื่นมือไปช้าๆ ไต่ไปตามขอตะกร้า ในใจก็นึกแต่ว่า...อากู๊ครับ..ผมชอบนกครับ แล้วค่อยๆบรรจงจับไปที่ หลังมือน้อยๆนิ่มๆ ของสาวนก พลันที่มือผมไปโดนสาวนกก็สะดุ้งแล้ว หันหน้ามามองผม ด้วยความเอียงอาย พลางพูดเบาๆในลำคอ บ้า นึกว่ามือผีตะกร้า ที่แท้ ......ผีทะเล” ผลจากการเล่นผีตะกร้าในปีนั้น 20 ปีผ่านมาคนผีทะเลของสาวนกก็ยังคงได้อยู่ใกล้ชิดให้สาวนกเรียกว่า “คนผีทะเล”อยู่ทุกเมื่เชื่อวัน"

     จนมีผีทะเลตัวน้อยๆออกมาอีกหลายตัวขอบคุณคับอากู๊ และขอขอบคุณอย่างมากครับ..... ผีตะกร้า.....อิอิ

     ที่คุณกิ่มหมิ่น ถามว่ามีความเป็นมาอย่างไร ไหงว่าสาเหตุก็คงจะมาจากสิ่งต่าง ๆที่กล่าวมาแล้วน่ะครับ คือ สนุกตื่นเต้น รื่นเริงในเทศกาล ถือเป็นประเพณีที่เล่นสืบต่อกันมา ของชาวจีนเรา และหนุ่มสาวก็คงจะ นิยมนำมาเล่นกันอย่างเรื่องที่นำมาเสนอแล้วน่ะครับ.

       หมายเหตุ  เรื่องนี้ ไหงนำจากpermalink:http//www.oknation.net/blog/payapan 

นำมาขัดเกลาใหม่นิดหน่อย ขอขอบคุณ เจ้าของนาม “พญาพาน”มากครับ.

รูปภาพของ กิ่มหมิ่น

ขอบคุณซิ้นสุ้ยกอ

ขอคุณมาก ที่ให้รายละเอียดเกียวกับการเล่น ช้อยหลำ่จื่ ตอเชี้ย ตอเชี้ย

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal