หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ต้น-หยก 2010-05 ปักษ์ต้น

รวมคำถาม ต้น-หยก ปักษ์ต้น เดือน พฤษภาคม 2010

 

ดูรายการย้อนหลัง ทั้งหมด คลิกที่ [ขึ้น]


รูปภาพของ YupSinFa

ไหงก็ชอบทุเรียน

                    ทุเรียน นับว่า เป็นราชาผลไม้ของไทย ควบคู่กับ มังคุด เขาว่า ทานทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้ที่เป็น หยาง คือมีความร้อน อยู่ในตัว จึงต้องทาน มังคุด ซึ่งเป็น ยิน คือมีความเย็น อยู่ในตัว ควบคู่กันไปด้วย แต่ที่เชียงใหม่ มีทุเรียนขาย เพียง แค่ หมอนทอง อย่างดี ก้านยาว ชะนี และ หลงลับแล หลงมาขายอยู่บ้าง

                   มาถึงตอนนี้อยากสื่อสารกับ ไท้กาหยิ่น ว่า ณ บัด now  ชุมชนของเรา อบอุ่น ไปด้วย คน หนุ่ม(เหลือน้อย) ที่มีวัยใกล้เคียงกันมาก และทุกท่าน มีความรู้เรื่องจีน และภาษาวัฒนะธรรม ของฮากกา มาก ๆ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ยกตัวอย่างเช่น อาฉีโก คนเก่งของพวกเรา วี่ฟัดโก ผู้รอบรู้ (และน่าจะอาวุโสที่สุดในรุ่น 40 ปลาย ๆ 50 ต้น ๆ) รองลงมาก็คือ โกอาคม ไหงได้มีโอกาสพบเจอกันที่เชียงใหม่มาแล้ว ได้เก็บความประทับใจจากกื๋อมาด้วย อีกทั้งยังมี อาฮยุ๋งโก ที่นับว่า เรื่องภาษาจีนกลาง กับ ฮากกาป้านขัก เก่งมาก ๆ ส่วน อาโก แจวขิ้นสุ่ย ก็จัดอยู่ในกลุ่ม ยังเติร์ก เหมือนกัน เข้าใจว่า เรื่องภาษาและวัฒนธรรม แน่นหนามากเหมือนกัน (แจวขิ้นสุ่ยโก-กับไหง ยับสินฝ่า ยังไม่มีโอกาสเขียน-พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ต่อไป ไหงจะขอแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำความรู้จักนะครับ) ส่วนไหง ภาษาผู่ทง ก็เท่าหางอึ่ง ภาษาฮากกา ฉิ่มขัก ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ไหงยังมีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีนมานาน

                 ดังนั้น จึงสรุปว่า เราเป็นกลุ่มยังเติร์ก ที่ไม่ใช่ ยัง(วัยเยาว์) แท้ ๆ เพราะมีเยาว์กว่าพวกเรา อีกตั้งมากมายหลายท่าน แต่เพื่อความสะดวกในการเรียก จึงขออนุญาตใช้ชื่อนี้ก็แล้วกัน โดยมี ไหง ยับสินงฝ่า อาวุโสน้อยที่สุด เท่าที่สอบถามกันไปมา ยังมี เฉินซิ่วเชง เจ่เจ๋ อีกท่านหนึ่ง ที่นับว่าอยู่ในกลุ่มของพวกเรา และเป็นสุภาพสตรี ที่ทรงความรู้อย่างมากมายด้วย

                ส่วนผู้อาวุโส ต้อง่ยกให้ท่าน สิทธิพร หยกรัตนศักดิ์ แห่ง ปากน้ำโพ และ ท่าน สรภูมิ แห่ง หาดใหญ่เมืองใต้ ที่มีความกรุณา ต่อชุมชนของเรา

                และขอเป็นกำลังใจให้กับ เยาวชนน้อง  ๆ ทั้งหลาย ที่มีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสและเป็นสมาชิกชุมชนของเรา ขอบอกว่า อาโก อาจี้ ที่เอ่ยนามมาแล้วข้างบนนี้ พวกหงี มีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องใด ๆ สามารถ เขียน ถามถึงท่านเหล่านั้นได้ ไม่ผิดหวังแน่นอน

หลิ่ว เหลียน ฉิ่วตุ้ย

  ต้องขอโทษด้วยที่หายไปซะหลายวัน เลยต้องขอขอบคุณ คุณอาคม คุณจ๊องหยิ่นฮยุ๋งและคุณยับสินฝ่า ที่ช่วยเล่นกันจนจบ ไหงเลยหมดโอกาสได้เล่นเลย ฮะฮะ หลิ่วเหลียน หรือถู่เหลียน เป็นผลไม้ที่มากคนที่ชอบ และก็อีกมากคนเช่นกันที่ไม่ชอบ คนชอบก็ว่ากลิ่นมันหอม ที่ไม่ชอบก็ว่าไม่ไหว ดมแล้วเวียนหัว ชื่อ ทุเรียน มาจากคำในภาษามลายู และอินโดนีเซียว่า "ดูเรียน" ซึ่งมาจากคำว่า "ดูริ" ซึ่งแปลว่าหนาม (แปลกันง่ายดีชะมัด) ภาษาอังกฤษก็เรียกกันทับศัพท์ว่า "Durian" ส่วนภาษาของเราก็เรียกกันว่า "หลิ่วเหลียน" "ถู่เหลียน" เป็นคำทับศัพท์เช่นกัน

เมื่อสมัยก่อนที่แถบบ้านไหงที่ ตลิ่งชัน, บางกอกน้อย, บางกรวย, บางใหญ่, และเมืองนนท์ ชาวสวนแถบนี้จะปลูกทุเรียนกันทั้งย่าน ซึ่งขึ้นชื่อว่าทุเรียนเมืองนนท์แล้ว ไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก เพราะรสชาติ เป็นที่ถูกใจ ทั้งหอม หวาน และมันยากที่จะหาทุเรียนที่อื่นเทียบได้โดยเฉพาะ พันธุ์ก้านยาว ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของความอร่อยของทุเรียนเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เป็นอดีตกันไปแล้ว เพราะปัจจุบัน พื้นที่ที่ปลูกทุเรียนดังกล่าวได้ถูกน้ำท่วมเสียจนต้นทุเรียนตายจนสูญสิ้นไปจากแหล่งดังกล่าวเสียจนหมด ไม่ใช่เพราะชาวสวนขายที่หมด แต่ถ้าจะกินกันจริง ๆ แล้วก็เห็นว่ายังจะพอมีให้ได้ชิมกันอีก 2-3 สวน แต่ก็อย่างว่าแหละ ดูราคาแล้วมันก็อยู่ในทำนองว่า "คนกินไม่ต้องซื้อ คนซื้อไม่กล้ากิน" เพราะราคามันแพงเสียจนไม่กล้ากลืนนั่นเอง ก็ได้แต่ซื้อเป็นของฝาก ให้กับผู้ที่เคารพนับถือกันเท่านั้น...

วันนี้มี ต้น หยก มาให้พวกเราได้ทายกันอีกเช่นเคย ลองดูนะครับว่าเป็นอะไร

ข้อแรก
ติง ติง ตัง ไหง ฉ่อ ฉุด ลิด ส่า (ติงติงตังฉันเป็นผู้ออกแรงยิง), 
ตัง ตัง ตืง ไพ หงี ไก้ หงิ่น ฮห่า (ตังตังติงตาคุณบ้าง คนละครั้ง),
ส่า  กวั้อ หลอย กวั้อ คื่อ อื๋อม ตี๊ วุ่ย (ยืงกันไปมาไม่รู้เบื่อ),
ซ่อง ต้อ จุ้ย อื๋อม ตี๊ หงิด อา หย่า (เล่นกันจนมึนไม่รู้กลางวันกลางคืน)...

อีกข้อหนื่ง
ปัด ตู่ หน่ำ หล่อย ไก  ฝูง อง อ๋า (อุ้มทารกแดงๆออกมาจากอ่างดินเผา),
หมอ หมุก หมอ ผี่  หมอ ชี่ หงา (ไม่มีตา ไม่มีจมูก ไม่มีฟัน)
ลี เหน็ด ไก เหน็ด จอ พอก ผี  เสียก (เด็ดดึงมันออกมาทำเป็นแป้งบาง ๆ ),
งิบ อ๊า เหนี่ยน หมาย ค้วน  นิบ จ๊า (ใส่ไส้ บีบเข้าแล้วค่อยๆปั้นขลิบ)
 

 

ใบ้ ต้น หยก

 ข้อแรกเป็นการเล่นชนิดหนึ่งของเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย... ข้อที่สองเป็นการทำขนมของคนจีนครับ
รูปภาพของ อาคม

ติง ติง ตัง red baby

ตัง ตัง ติง อาฉี อาหยิ๋นฮวุง อาก๊อ เขาใบ้แล้วไม่เข้ามาหยกเลย ไหงไม่รอแล้ว ขอตอบข้อแรก เล่นลูกข่าง และหรือ การเล่นตีโกล์ ก็ไกล้เคียง ส่วนข้อที่สอง ฝุงอองอ๋า ก็คือ ฉ้อยปั้น คนจีนนิยมทำขนมให้เป็นสีแดง ฉะนั้นฝุงอองอ๋าที่อาก๊อเปรียบไว้คือแป้งโดวที่ย้อมแดง สีที่เป็นมงคล แต่ไหงทำกินเอง จะไม่ใส่สี ไหงชอบใส้มันแกว ฉ้อยแถว หวู่แถว และหรือ ซาลาเปา ก็เป็นได้

ถูกหรือผิด โปรดพิจารณา

มีถูก มีผิด

ข้อ ติง นัง นัง ไม่ใช่สิ ติง ตัง ตัง ใบ้อีกนิด ใช้มือขวาจับลูก ใช้นิ้วชี้ กับนิ้วกลางมือซ้ายยิงลูก จึงมีเสียงติ๊ก ตั๊ก ติง ตัง โดยยิงคนละที แต่ถ้ายิงถูกก็ยิงไปจนกว่าจะผิด เล่นกันบนลานดินกว้าง ๆ ครับ ส่วนข้อ เรดเบบี้ โอเคครับ ฮะ ฮะ สมันก่อน กว่าจะได้ซิดฝูงปั้น ต้องป๋ง ปั๊ด กันพอสมควร ไหงเคยช่วยอาแม้ไหงทำ เริ่มจากเอาข้าวสารเจ้า ล้างสะอาด แช่น้ำ แล้วเอา ซัก หม่อ เอ๊ (โม่หินโม่)เอาหม้อข้าวอีกใบรองรับไว้ แล้วเอาลงไปกวนในกระทะ บนเตาไฟ ใส่สีผสมอาหารสีแดงในตอนนี้ เมื่อได้แป้งแห้งหมาด ๆ เกาะเป็นก้อนแล้วก็ เอาลงไปชิบในอ่างดินเผาเคลือบ ชิบไป คอยเติมน้ำไปให้เนื้อแน่นเนียน พอดีในการปั้น ดึงมาก้อนหนึ่งผสมแป้งแห้งปั้น แล้งคลึงด้วยสองมือให้บาง กลมแบบหมวก เบเล่ ใส่ไส้ จะเป็น กูไช่,ถั่วเขียวกวนหวาน,เผือก, มันแกว,ไส้ขนมจ้าง,แล้วแต่จะทำ แล้วก็จีบปั้นขลิบ แล้วนำไปนึ่ง เวลาประมาณธูป 1 ดอก มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งครับ ลองทำขนมกินเองดูจะรู้ อร่อยหรือไม่ ฝืมือเราเอง ไม่มีใครติชม นอกจากตัวเราเอง   
รูปภาพของ จ๊องหยิ่นฮยุ๋ง

ดีดลูกหิน

ถูกหรือเปล่าครับ? ขัก ว้อย อึ๋ม ตี๊ ห้ำ หมัก ไก้ ตอนแรกนึกว่าก๊ออาคมจะเหมาตอบถูกหมดเสียแล้ว ทั้งลูกข่าง ลูกหินไหงเล่นไม่เป็นทั้ง 2 อย่าง เพราะเป็นเด็กห้องแถวริมถนนใหญ่ แถวบ้านไม่มีลานดิน.

ถูกแล้วครับ

ดีดลูกหินนี่ ได้ยินงาแม้เรียก ต่า ซัก จื่อ กับ ถัน ซัก จื่อ นี่แหละครับ สมัยเรืยนหนังสือ อยู่ชั้นประถมต้น ร้านค้าที่โรงเรียน นำลูกหินมาขายให้นักเรียนเล่นกัน ที่จริงน่าจะเรียกว่าลูกปูนซีเมนต์มากกว่า เพราะพอแตกออกมาแล้ว เนื้อข้างใน น่าจะเ็ป็นเนื้อปูนซีเมนต์ ไม่ใช่หิน ไม่ใช่ดินเผา ก็เล่นกันสนุกดี โดยเล่นกันไม่เกิน4-5คน มากคน รอนานเกินไป ระฆังดังซะก่อนกว่าจะได้คิวเล่น การเล่นก็โดยการ ขุดเจาะหลุมเล็ก ๆ บนกลางลาน ขีดเส้นให้ห่างจากหลุม ประมาณ4-5เมตรเข้าเส้นหนึ่ง แล้วนำลูกหินของใครของมันมาขื้นต้น ใครใกล้หลุมมากที่สุด จะได้เล่นก่อน โดยหลุมที่1 ผู้เล่นต้องโยนทอยให้ลงหลุมก่อน แล้วจึงจะไปยิงลูกหินได้ เป็นสอง หลุมต่อไปจะยิงต่อ หรือจะลงหลุมก็ได้ ทำเช่นนี้ไปจนกว่าจะครบสิบ ถ้่ายิงผิด เข้าหลุมผิด ก็เป็นตาของคนที่ขึ้นต้นได้ที่2 ที่3ต่อ ๆ ไป เล่นกันจนกว่าจะครบสิบทุกคน ทีนี้ก็จะเหลือผู้เล่นสุดท้ายคนเดียว ที่เล่นไม่ครบสิบ เล่นแพ้อยู่คนเดียว ก็เสร็จละ ลูกหินของตัวที่เล่นนั่นแหละเสร็จ ต้องถูกผู้เล่นทุกคนจับมาเข่น บางทีไม่ทันครบคนก็แตกซะแล้ว ถือว่าจบกันไป ถ้าครบคนแล้วไม่แตกก็เล่นกันใหม่ ถือว่าเป็นกฏกติกาที่พิเรนทร์อยู่ 

จิด จิ๊ด เหงียบ

 วันนี้มี ต้น หยก มาให้ไถ่ ก๊า ได้ร่วมกันหยก อีกนะครับ ลองทายดู...

หยิด  หย่า เตี่ยม ฝ่อ ต่อ เจว สิน (ตอนค่ำติดไฟไปถึงเช้า),
อื๋อม สื่อ ซื่อ หยิว  เซ็ด ฮอง ฉิน (ไม่ต้องใช้น้ำมันให้ขาดทุนเศรษฐกิจ),
ปัก เชี้ยน เลี้ยบ ฝ่อ  จิด จิ๊ด เหงียบ (ร้อยพันดวงไฟกระพริบพราว),
หยี่ ต๊อ หยี่ ก๊วง หยี่ เหล่ว  หงิน (ยิ่งมากเท่าไรยิ่งสว่างไสวยิ่งหลอกให้คนชม)

รูปภาพของ อาคม

ฝ่อเหงียบฉุง

ริบ ริบ ริบ ริบ หรี่ ส่องแสงยามราตรี ซึ่งเป็นแสงที่ไหงชอบมาก เพราะว่าไหงตอนเด็กจะต้องตื่นหลังเที่ยงคืนขี้นมาตัดยาง บางคนเรียกกรีดยาง ก็มีเจ้า หิ่งห้อย นี่แหละเป็นเพื่อนเสมอ แต่ในสวนยางไม่มีต้นลำพู แต่ก็มีหิ่งห้อย แสดงว่ารอบๆสวนยางในสมัยนั้นยังมีป่าอยู่พอสมควร ผ่านมา30 40 ปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าปัจจุบัน จะยังคงมีเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่ ซึ่งไหงจากมา 30 กว่าปีแล้ว ตอนนั้นยางราคากิโลกรัมละ 3.50 บาทเท่านั้น แต่ราคาวันนี้ 100 กว่า ดูซิต่างกันแค่ไหน สมัยก่อนชาวสวนยางลำบากจริงๆ แสนสาหัสสวนก็รก ไหงยังเคยได้ยินเสือคำรามบางคืนที่เรากรีดยางอยู่ จนต้องรีบกลับบ้านปิดประตู เราดั้งด้นไปดูหิ่งห้อยกันถึง อัมพวา แม่กลอง เพราะในกทม หาแทบไม่เจอ จะเจอได้อย่างไรในเมื่อแหล่งอาศัยของมันไม่มี ทั้งๆที่ชื่อ บางลำพู แต่มีต้นลำพู เหลืออยู่เพียงต้นเดียว แถวๆถนนพระอาทิตย์ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในสวนสาธารณะให้ดูได้

ที่ไหนที่มีต้นลำพูขึ้นอุดมสมบูรณ์ ที่นั่นก็จะมี หิ่งห้อย อยู่เป็นจำนวนมาก

ใช่เลยครับ หิ่งห้อย

ฝ่อเหงียบฉุง ฝ่อกิมกู๊ นึกถึงภาพที่หงีอธิบายแล้ว ทำให้ไหงพลอยนึกถึงสภาพเดิม ๆ ที่บ้านไหงด้วย สมัยก่อน ริมคลองสองฝั่งที่บ้านไหง จะมีต้นลำภูขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ ไป น้ำในคลองก็สอาด ใช้ดื่ม อาบได้ หิ่่งห้อยก็ได้อาศัยต้นลำภูเป็นที่อยู่อาศัย กลางคืนออกไปนั่งหัวสพานริมคลอง หรือเข้าไปยืนมองในสวนผัก ก็จะเห็นพวกมัน บินหากินกันไป ที่ก้นของมันก็จะมีไฟริบ ริบ หรี่ ก็ได้วิ่งไปไล่จับพวกมันไปตามประสาเด็ก แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ถ้าจะดูก็ต้องไปถึงอัมพวาแบบหงีว่า...แต่ตอนนี้ได้ข่าวมาว่าทางเขตตลิ่งชัน หลังจากทำเขื่อน เสร็จแล้ว จะปลูกต้นลำภูล่อหิ่งห้อย เพื่อให้คนมาท่องเที่ยวบ้าง ไม่รู้จะสำเร็จหรือไม่ เพราะว่าต้นลำภู มันต้องขึ้นในน้ำริมคลอง เพื่อให้รากอากาศในดินโผล่ขึ้นมาเหนือดิน ถ้าไปปลูกบนเขื่อนคงยากที่จะงอกงามได้ แต่ก็อยากเห็นครับ  

วอง หวอง วัน วั้น

  วันนี้มีต้น หยก มาให้ หยกอีก ลองดูนะครับ...

ถุง ถ่อย เฮี้ยวง ถี่ ซิบ กวั้ว สา(พี่น้องท้องเดียวกันสิบกว่าคน)
เกียวก วั้น เยว วั้น ต้อ เทว หนา(เท้างอเอวงอจนถึงศรีษะ)
ซิ้น ลุ้ง หวอง ซ้ำ จ้อย เซี่ยว เซี่ยว (ร่างกายสรวมเสื้อเหลืองยิ้มแย้มแจ่มใส)
เถว ตุ้ง ปั๊น ถุง ต๊ำ ไก ก๋า(บนศรีษะร่วมกันแบกขื่อไว้ลูกหนึ่ง)

รูปภาพของ จ๊องหยิ่นฮยุ๋ง

จุงเจี๊ยว

ตอบว่า จุงเจี๊ยว (กล้วย) นึกอยู่นาน ที่แท้อยู่แค่ปลายจมูกนี่เอง ไหงกินกล้วยน้ำว้าทุกวัน เป็นผลไม้ทีมีประโยชน์มาก ไหงกินตามคำแนะนำของอาคิ้วซึ่งเป็นเภสัชกร กื๋อกินกล้วยน้ำว้าทุกวันไม่เคยขาด ติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว สุขภาพของกื๋อดีมาก.
รูปภาพของ อาคม

พืชสารพัดประโยชน์

กุงเจียว จุงเจี๊ยว เฮวี้ยงเจียว หมี่เจียว กล้วยมีเป็นร้อยชนิดกินกันทั้งโลก เป็นพืชวิเศษจริงๆ สารพัดประโยชน์กินได้ทั้ง ต้น ผล ดอก และหัว(เหง้าให้แป้ง)ที่ไม่กินก็เอามาใช้เช่น ใบตอง สารพัดห่อทั้งคาวทั้งหวาน ลำต้นทำเชือกกล้วย จะเห็นในพิธีกรรมต่างจะต้องมีกล้วยเป็นตัวประกอบ อย่างในงานแต่งงานมีทั้งต้นกล้วยและกล้วยมาเป็นเครือ เพื่อให้มีลูกหลานมากๆ มีดวามเจริญรุ่งเรือง เหมือนกล้วยทีปลูกขึ้นง่าย แต่ถ้ามีลูกเหมือนกล้วยคงแย่ เลี้ยงไม่ไหว ไหงยังคิดถึงก้วยเตี๋ยวผัดซีอิ้วที่ห่อด้วยใบตอง และมัดด้วยเชือกกล้วยไม่รู้จะหาได้ที่ไหน

อย่างที่หงีหว่า ไหงก็กินกล้วบน้ำว้าบ่อยๆ กล้วยหอมด้วยแต่บางคนกินกล้วยหอมไม่ได้ ท้องจะมีลม คนเป็นโรคหอบไม่ควรกิน อีกอย่างที่ไหงชอบคือกล้วยหักมุข จะเอามาผ่าครึ่งแล้วเอาไปนาบกับกระทะแบนใส่เนยก่อนเมื่อกล้วยพอสุกใช้ตะหลิวกดให้แบน เห็นว่าด้านที่ติดกระทะ

เริ่มจะไหม้ให้กลับด้านทำเหมือนกัน เสร็จแล้วราดด้วยน้ำผึ้ง ลองทำกินแล ร้อยจังฮู้

 

จอก อื๋อ,ตี๋ สอก อ๋อ

  วันนี้มี ต้น หยก มาให้ ไถ่ก๊าได้เล่นกันอีกลองมาช้วยกันทายดูนะครับ

ข้อแรก
ผ่อ จุก เสียวก ไก่ เคี้ยวง เยน เหยน(ผ่าไม้ไผ่เหลาเป็นขอบกลม ๆ)
ติ๊บ ป้อย ไก่ เคี้ยวง หยุ่ง สู่ เถน(ด้านในมีขอบอีกอันทำด้วยหวาย)
ตุง อ๊ง เพี้ยน ไก่ เชี้ยน มุก เหมี่ยวง(ตรงกลางถักเป็นตาข่ายพันตา)
จอก อื๋อง ล้อก ก่อง ซัน เก๊ว เหยน(จับปลาในคลองในท้องร่องสวน)

อีกข้อ
หง่วย ป่อย ยิ้ว งิน ฉ่อ ฉ่อง ก๊อ(ด้านนอกมีคนคอยขับกล่อม)
ตี๊ เล่ ยิ้ว งิน ไถ่ ซั้ง หว่อ(ด้านในมีคนร้องเสียงดัง)
ตี๋ สอก อ๋อ ซัง ปั่น เตี่ยม จุ๊ง(ดึงเชือกไกวสักครึ่งชั่วโมง)
ก๊อ หมอ หว่อ หมอ อ๋อ อา หมอ(เสียงขับก็เงียบ เสียงร้องก็หาย เชือกไกวก็นิ่ง)

รูปภาพของ อาฉี

ฮั้มมักไก่

หลีไก้ ฮั้มมักไก่

แล้วเหล่านี้ละ

ขอบคุณภาพจากกรมประมง

รูปภาพของ อาคม

จับปลา , ดึงเชือกไกว

   ขอตอบข้อแรกว่า เหล่วกี้ เหมือนรูปบนสุดของอาฉีแต่ดูน่าจะเป็น ซาวกี้ หรือตะแกรงมากกว่า รูปบนล่างที่ถักเป็นตาข่ายเรียกว่า เหล่วฟุ้ย ส่วนแถวล่างจากซ้ายไปขวา รูปแรกเรียกว่า หอ คนไทยคือ ไซ ถัดไปเป็นพวก สุ่ม คนจีนว่า เจม ยังมีอุปกรณ์ประมงอีกหลายชิ้นเช่น โพง ทำจากไม้ไผ่ ใช้ฟู้สุ้ย วิดน้ำ เรียกว่า ฟู้แต่ว ยกยอ เรียกว่า เอ้า ตะข้องที่ใส่ปลาเรียกว่า หลุ่ย

   ข้อที่สอง หยาวหลัม ฝรั่งเรียกว่า cradle เป็นคนไทยเวลาไกวเปล ต้องร้องว่า โยกเย้กเอ๋ย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ กอดคอโย้กเย้ก ทำให้ใครบางคนคิดถึงยายบ้างหรือปล่าว

  

สวิง,เปล

  ถูกทั้งสองข้อครับวันนี้ ขอบคุณหงีมากสำหรับชื่อเรียกของอุปกรณ์ทำประมงทุกชิ้น กำลังจะตอบคุณอาฉีไปว่า ฮ่ำต้อเทวหนาหิน อยู่แล้วเทียว หงีมาช่วยทันพอดี มีหลายอย่างไหงไม่รู้จักชื่อเลยเพราะที่หงีเรียกซาวกี้ มันไม่ใช่เหลวกี้แน่ กับไซก็เรียกไม่ถูกเหมือนกัน

  ส่วนข้อสองหยาวหลาม เยวหลาม เปลไกวครับ คุณอาคมมีเพลงไกวภาษาไทยมาฝากด้วย เดี๋ยวไหงจะลองนึกนึกดูว่า น่าจะครบหรือเปล่ากับ เนื้อเพลงไกวภาษาแต้จิ๋ว ไม่เคยถูกร้องไกวหรอก ฟังจากอาซิ่ม อาอื้อมข้างบ้านสมัยก่อน ลองดูครับไม่ว่ากันนะ เพราะมีหลาย VERSION ไหงฟังได้ว่า อ๋องเออ่องกิมก๋อง กิมก๋องจ้อเหล่าเตีย อาบุ๊งอาบู้ไหล่ตาเฮีย ตาเฮียตาผู่พู้ ฉี่ตือตั่วก้วยงู้ ตั่วงู้เซเบ๋เกี่ย เบ๋เกี่ยเซเจงจู เจงจูล่องล่องอี๋ อาเสี่ยถักจือฮ่อกวยคี้ กวยคี้กวยขี่กวย อาโน้วเจงฉั่งฮวย ฉั่งฮวยเซหลีฮื้อ หลีฮื้อเซไท่จื่อ ไท่จื่อโซยโส่ยไอ้หนั่งอ๋อง แล้วก็อ๋องเออ่องกิมก๋องย้อนกลับไปอีก ดูซิว่าระหว่าง ไ่ท่จื้อในเปล กับอ่วงโหวที่ไกว ใครจะหลับก่อนกัน  

กอซั้นเถว,ตั๊นไกหงา

  วันนี้มีต้น หยก มาให้ไถ่ก๊า ช่วยหยกเช่นเคย ลองทายดูว่าน่าจะเป็นอะไรลองดูนะครับ  

 เรื่องแรก
กุด ทุ้น ไก ไถ่ กอ ซั้น เถว(นครปฐมมีเขาสูงใหญ่อยู่หนึ่งลูก)
เจ้ว ซ่อน ช้อก ยื้ว ซี่ ซิบ เหลว(นับแล้วต้องสูงมีสี่สิบชั้นตึก)
ชอ ช้า ซอง ล้อก หม่อง เหี่ยน เหี่ยน(นั่งรถขึ้นล่องมองเห็นเด่นชัด)
เซียม หลอ  ฟุด จู่ กี่ เหนี่ยม เถว(เป็นพุทธอนุสรณ์สถานแห่งแรกในสยาม)
 

 เรื่องที่สอง
ฉุด เส่ หล่อย ซัง ตั๊น ไก ไถ่ หงา(เกิดมามีฟันใหญ่ซี่เดียว)
เทียว ฉอง  มุ้ย ซั้ง ทั่ง ต้อ เทว หนา(มีหางยาวยันถึงหัว)
ซำ ช้อน ฮับ ซิด ฉ่อ ป้อง เหน ถู่(สามมื้อกินหญ้ากับกับก้อนดิน)
ซิด เป้า จั้ง เซี้ยวง ฝู่ ซี่ เคี้ยด ผา(กินอิ่มแล้วจึงได้ช่วยคาดโกย)

รูปภาพของ อาคม

กุดธุ้มไถ่พุดถับ

ไถ่พุดถับ แฮ่ถุดธุ้มจุ้ยจุ้งเย้าไก่กีถี่ พระปฐมเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บ้างก็ว่ามีอายุกว่า2000ปี บางคนก็ว่าพันกว่าปื องค์สถูปเดิมสร้างสมัยขอม ภาษาเขมรคำว่าธม แปลว่าใหญ่ เช่นบองธม แปลว่าพี่ใหญ่ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนี้ แม้ชื่อจังหวัดยังใช้ชื่อเดียวกันเลย

เรื่องที่สอง ตั้นไกไถ่หงา ต้องเป็น ฉอแถว (จอบ) แน่ๆ ชอบเปรียบคนมีฟันสองซี่หน้าใหญ่ว่า ฟันจอบ คนเราถ้าไม่มีเครื่องมือนี้คงดำรงชีพลำบาก

ถูกต้องครับ

ต้น หยก เที่ยวนี้ ถูกทั้งสองข้อครับ ข้อแรกไถ่พุดถับ ไถุ่ฟุดถับ หรือ พระปฐมเจดีย์ เจดีย์แห่งแรก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ความสูง 120 เมตรครับ ส่วนอีกข้อก็ ฉอแถว หรือ เกียวกแถว คือจอบหน้าครับ ชาวสวนชาวนา ชาวไร่ ต้องมีเครื่องมือชนิดนี้ทุกครัวเรือนแน่นอน มันช่วยทำงานให้สดวกสบายขึ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ขุดหลุม ชุดดิน ถากหญ้า คราดดิน คราดหญ้า สารพัดกับงานเกษตร ฮะ ฮะ ฮะ ว่าแต่แล้วจอบของ คุณอาคม เริ่มดำรงชีพลำบากหรือยังครับ
รูปภาพของ กิ่มหมิ่น

ต้นหยก ่ต่อง ่ต้อง ด่อง

ลุก กียอก ต่อง ต้อง ต่อง / มาน ย่า เน้า ฟุ้ง ฟ่อง / ซิด แอ่ ฟุ้ง ฟ่อง จิ่ว / หยิด จ่อง เกี้ยน เงี่ยง หว่อง

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

ลองแปลเล่น ถูกผิดขออภัย

ลุก กียอก ต่อง ต้อง ต่อง          六枝藥噹噹噹
มาน ย่า เน้า ฟุ้ง ฟ่อง              滿夜鬧鳳凰
ซิด แอ่ ฟุ้ง ฟ่อง จิ่ว                 食了鳳凰酒
หยิด จ่อง เกี้ยน เงี่ยง หว่อง       一掌見阎王
 
กินยาแล้วปึ๊งปั๊ง อยู่ซ่องทั้งคืน 
กินเหล้ายี่ห้อหงษ์แล้ว 
กลับมาเจอหนึ่งฉาด 
วิญญาณล่องหาพญายม
รูปภาพของ อิชยา

ตอนที่ไปห

ตอนที่ไปหาข้อมูลวิจัยฮากกาเรื่องเฉี่ยกู๊ผอ ก็ได้ไปเห็น

เครื่องมือจับปลาแบบในรูป เขาเรียกกันว่า "จั่นดักปลา"

ไม่รู้ถ่องหงินเรามีใช้อย่างนี้ด้วยไหม? และสำเนียงขักเรียกว่าอะไร?

รูปภาพของ วี่ฟัด

การตั้งชื่อกระทู้

เป็นไงกันนะไม่ค่อยชอบตั้งชื่อกันเลยปล่อยแบบให้ระบบมันตั้งชื่อตามสองสามคำแรกของข้อเขียนตัดคำเอา พอเป็นแบบนี้ทำให้คนอ่านเขาเข้าใจผิดแล้วชอบมาโวยวายภายหลัง ที่จริงการตั้งชื่อนี่มันเปืนศาสตร์ที่สนุกนะ แบบตั้งชื่อภาพยนต์นี่เป็นอาชีพได้เลยใครตั้งชื่อเก่งๆไม่อดตายแบบที่เวลามีหนังที่อาโนวล์  ชวาชเน็กเกอร์ก็ต้องมีคนเหล็กไว้ก่อนะ หรือแบบเฉิบหลงก็ต้อง " สู้ฟัด " ประเภทนี้ จะเห็นว่าการตั้งชื่อสนุกจะตายไป ทีนี้อย่าลืมตั้งชื่อหัวข้อกระทู้ด้วยนะ ชื่อดีทำให้น่าอ่านน่าติดตามไปด้วย เรามาตั้งชื่อกระทู้แบบมันๆกันเถอะมันจะแสดงให้เห็นถึงกึ๋นถึงความคิดสร้างสรรค์ ( creative ) ด้วย ให้ดูเหมือนเราเป็นครีเอทีฟเลย

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal