หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ผมสมาชิกใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัว พร้อมกับฝากเรื่องราวให้กับท่านผู้รู้แนะนำคับ

ผมเองเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรี ทางบ้านพ่อมีเชื้อสายลาว ที่บ้านทางแม่มีเชื้อสายจีนก่อนนี้ตั้งแต่เด็กทุกปีแม่จะพากลับมาไหว้บรรพบุรุษที่บ้านของแม่ซึ่งผมก็ไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอโตขึ้นมาผมก็มีความสนใจในศิลปวัฒนธรรมจีนขึ้นเรื่อยๆ

พอมาเร็วๆนี้ผมก็ค้นเจอเอกสารเก่าซึ่งเป็นใบต่างด้าวของก๋ง (พ่อของยาย แต่บ้านผมก็สอนผมเรียกแค่นี้ แต่ แม่ของยาย น้องของยายบอกให้เรียกว่าอาไท่) ผมก็เลยมารู้อีกว่า เป็นคนจีนแคะ ซึ่งในนั้นระบุไว้ว่า เป็นคนจีนแคะ มาจาก ฟุ้งซุ่น ประเทศจีน ซึ่งหน่วยงานสมั้ยนั้นระบุไว้ (ก็เลยเป็นเหตุที่ทำให้มาเป็นสมาชิกในเวปนี้ อิอิ ) 

แต่เรื่องมีอยู่ว่า  ก๋งของผม (ไม่รู้ว่าที่ถูกต้องควรเรียกว่าอะไร) เดินทางมาจากเมืองจีนกับแม่สมัยยังเด็ก แล้วก็มาโตที่ไทย แต่งงานกับคนไทยแต่ชื่อว่ากิมเช็ง (ซึ่งยังไม่ได็ไปหารายละเอียดว่ามีเชื้อสายจีนด้วยรึป่าว) ก็มาเปิดร้านขายของชำอยู่ที่ลาดหญ้า จ.กาญจน์ฯ จากนั้นมีลูก 5 คน ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 3  คนโตเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นยายของผม ผมจึงได้เชื้อสายมาจากทางแม่ แต่ว่าทุกวันนี้ทางบ้านนี้วัฒนธรรม

ความเป็นอยู่ทุกอย่างเริ่มจะเลือนลางไปหมดแล้ว พี่น้องยายทั้ง 5 คนรวมทั้งยายด้วย ล้มป่วยไปแล้ว 3 คน เป็น ชาย 1 หญิง 2 ด้วยอาการคล้ายกันคือ เส้นเลือดในสมองตีบ หนึ่งในนั้นคือคนที่พอรู้ธรรมเนียมอยู่บ้าง (น้องยายคนที่ 2) แต่ก็ถือว่าเล็กน้อย ทุกวันนี้ที่เหลือ จึงไม่มีใครเลยที่จะรู้หรือจะสนใจในความเป็นมา หรือความเป็นเชื้อสายจีน บางทีแต่ละปีจัดของไหว้ แทบจะไม่เหมือนกัน บ้างปีก็ข้าวกับน้ำชาก็จัด 2 ที่ ,5 ที่บ้าง, 3 ที่บ้าง และขนบธรรมเนียมอีกหลายๆอย่างที่แทบจะเลือนหายไปพร้อมกับบรรพบุรุษ ซึ่งพิธีแบบสุดท้ายที่ผมเห็นในรูปคืองานศพ เพราะยังเห็นลูกหลานใส่ชุดผ้าดิบเคารพศพ และก็แขกผู้มาร่วมงาน หลังจากนั้น นอกจากไหว้ตามเทศกาล ตรุษ สราทแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีเหลือ

เคยมีถึงกับว่า น้องของยาย ( ยาย 3) วึ่ง เป็นคนกตัญญููกับพ่อแม่มากจะขุดก๋งกับยายใหญ่ขึ้นมาเผา แล้วเอามาไว้ในเจดีย์วัดใกล้บ้านเพื่อที่จะสะดวกในการไปไหว้ แต่ผมกับแม่ค้านไว้ เพราะอยากรักษาประเพณี ก็เลยไม่ได้ทำ  ส่วนลูกชายทั้งสองคน ก็ไม่ค่อยถูกกัน คนหนึ่ง กินเหล้าเยอะ เส้นเลือดในสมองแตก ป่วยเป็นอัมพาต อีกคน ก็ทำอะไรไม่ค่อยเป็น หลังจากที่น้องยายคนที่ 2 ซึ่งเป็นคนดูแลบ้านต่อจากก๋งใหญ่ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ความจำเลอะเลือน ต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา ลูกชายคนแรกกลังจากที่ไม่ถูกกับน้องชายแล้วไปอยู่ที่อื่น ก็กลับมาดูแลบ้าน แต่ด้วยความที่แกทำอะไรไม่ค่อยเป็น แกก็จะขายของที่เป็นสมบัติเก่าไปเรื่อยๆ กิจการร้านจากที่เคยรุ่งสมัยก๋งใหญ่ ก็ซบเซาลง แต่ยังมียายคนที่ 2 ก็ยังคงดูแลต่อมาเรื่อยๆ แต่ก็ขนาดเล็กลง บวกกับไม่ได้พัฒนาตามโลกปัจจุบันจึงทำให้เป็นสินค้าแบบโบราณ

มาถึงทุกวันนี้ที่ลูกชายก๋งดูแลอยู่ก็กำลังจะปิดลง พี่น้องที่เหลืออยู่ 2 คน ก็ชอบทะเลาะเบาะแว้งกัน มีความคิดที่จะขายบ้านหรือให้คนอื่นเช่าเพื่อหารายได้เลี้ยงตัว แต่ความคิดผมกับแม่คือไม่อยากให้ขาย เพราะเป็นน้ำพักน้ำแรงของก๋งใหญ่ และที่สำคัญของเรื่องนี้ก็คือ ตระกูลของก๋งใหญ่กำลังจะหมดไปเพราะ ลูกชายทั้ง 2 คนไม่มีลูกไว้สืบสกุล

ดังนั้น ผมจึงมีคำถามเพื่อจะขอถามท่านผู้รู้

ข้อแรก จากเรื่องที่ว่านี้ผมรู้สึกเสียใจกับความตั้งใจที่ก๋งใหญ่ผมทำมาอุตส่าห์หนีความลำบากมาสร้างตัวในประเทศไทยจากไม่มีอะไรเลยจนมีเป็นเจ้าของร้านค้าที่ใหญ่ในสมัยนั้นขึ้นมา แต่ต้องไม่มีคนสืบทอด หรือแม้แต่สืบสกุล ผมก็เลย ไปขอจดทะเบียนกับลูกของก๋งคนพี่ซึ่งยังปกติอยยู่คนเดียวเป็นลูกบุญธรรม แล้วเปลี่ยนนามสกุลจากของพ่อผมเป็นนามสกุลแซ่ของก๋งใหญ่ที่เปลี่ยนมาเป็นภาษาไทย อย่างนี้ผมทำได้มั้ยครับ (แต่ตอนนี้ทำไปแล้ว)

ข้อที่สอง จากการที่ครอบครัวของก๋งผม ลูกเต้าบางคนต้องมาทะเลาะเบาะแว้ง  แล้วก็ป่วยติดๆกัน ในอาการคล้ายกัน ในความคิดผมนอกจากมุมมองทางวิทยาศาสตร์แล้ว ในทางความเชื่อ มีความเป็นไปได้มั้ยครับว่า เกิดจากการดูแลบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วไม่ดี ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม เพราะ ทุกวันนี้ รูปก๋ง กับ ยายใหญ่ ติดอยู่ข้างฝาผนัง ตรงกับทางลงบันไดพอดี แล้วก็อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนแล้วก็เป็นทางผ่านจากประตูหนน้าบ้านไปหลังบ้าน เวลาไหว้ ลูกคนที่เป็นชายก็จะไหว้แบบส่งๆ บางทีก็เอาน้ำเปล่าเป็นขวด เอาขนมมาตั้งไหว้ บางทีเวลาจะไปเช็งเม้ง ยาย 3 ก็จะต้องจ้าง น้องชายไปกวาดทำความสะอาดฮวงซุ้ย ไหว้ไปทะเลาะกันไป ไหว้ยังไม่ทันเสร็จน้องชายก็ไปที่อื่นต่อ (เค้าบอกจะไปไหว้ญาติที่หลุมอื่นต่อ ยาย 3 เลยด่าว่าเตี่ยกับแม่ มร..งไปอยู่ที่นู้นรึถึงต้องไป ด่ากันวุ่นวายไปหมด 555)  

ดังนั้นผมจึงรบกวนขอท่านผู้รู้ชี้แนะผมด้วยครับ ขอบคุณครับ


รูปภาพของ อาฉี

ยินดีที่รู้จักครับ

ขอออกตัวก่อนนะว่าไม่ได้เป็นผู้รู้ เป็นคนรุ่นหลังที่เกิดเมืองไทยเหมือนกัน คิดว่ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นละกัน

อันแรกที่ถามถึงคือ อาก๋ง(ปู่) สำเนียงแต้จิ๋ว ถ้าเรียกสำเนียงฟุงสุ่น ว่าอากุง (ดูเพิ่มเติม คลิก)

สำหรับเรื่องความเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์แบบหลักวิทยาศาสตร์ได้นั้นสุดแต่ความเห็นของแต่ละท่าน ซึ่งปรกติจะให้ความสำคัณกับที่ฝังศพ ว่ามีผลต่อลูกหลานวงค์ตระกูล และสิ่งศักสิทธิที่สักการะคุ้มครองภายในบ้าน มีผลต่อความร่มเย็นของผู้อยู่อาศัยว่ากันประมาณนั้น

ก็มีเรื่องเล่าจากอาปาไหง ซึ่งท่านเคยได้รับการถ่ายทอดเรื่องการดูฟุงซุ้ย(เฟิงสุ่ย/ฮวงจุ้ย) มาบ้าง ท่านบอกว่า ให้รู้ไว้บ้างแต่อย่าไปหลงงมงาย มีหลายสิ่งที่เราไม่รู้มองไม่เห็น บางครั้งก็เหมือนถูกบังคับเลือก เพราะในสถาณะการณ์ตอนนั้น มีเหตุทำให้เลือกไม่ได้ หรือมีช่องทางเดียวให้เลือก (จะเรียกว่าวาสนา ฟ้าลิขิต บุพกรรมหรืออะไรก็แล้วแต่) เช่น คนไม่มีตังค์จะเอาปัญญาที่ไหนไปหาซื้อทำฮวงจุ้ยที่ดี  ส่วนคนรวย วาสนาดีอยู่แล้วจะจ้างสุดยอดซินแซประมูลทำเลชั้นยอดแค่ไหนก็ได้ มีทุนชีวิตให้ลูกหลานที่เหนือกว่าอยู่แล้ว สรุปคนที่มีบุญพาวาสนส่งให้มันต้องรุ่ง ทำอะไรก็สบร่อง ไม่ได้ตั้งใจเลือกที่ ก็มีว่างตรงนั้นมาให้ตอนนั้นพอดี ต่างกับคนดวงจะจู๋ ลงทุนจ้างหมอดู ก็ยังโดนต้ม 

แต่ก็ไม่ให้เชื่องมงายเรื่องดวง ลิขิต (ถ้าดวงดีมีจริง ลองไม่ทำอะไร นอนงอมืองอเท้า จะเอาที่ไหนกิน) เมื่อยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงหรือเปล่า หรือต่อให้มีจริง ภพชาติที่แล้วก็มีจริง ตอนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ กลับไปแก้ไขอะไรก็ไม่ได้  ก็ขอให้อยู่ในปัจจุบัน ตั้งมั่นในความดี มีความกตัญญูรู้คุณ ไม่ทำร้ายเอาเปรียบเบียดเบียน ทำความเดือดร้อน รังแก ดูถูกดูแคลนผู้อื่น ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ ก็ขอให้รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามกำลังสมควร และควรยินดีกับผู้ที่มีคุณความดี ประสบความสำเร็จ ฯลฯ ก็จะเป็นการสะสมเป็นผลทุนความดีที่ได้สร้างขึ้นในชาตินี้ได้เช่นกัน

ไม่ว่าต้นทุนบุพกรรมจะมีมาก มีน้อย หรือมีจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่ได้สร้างในภพชาตินี้ก็ได้กรรมดีเป็นทุน มีผลมันเห็นๆ เช่น เป็นคนดี มีคุณธรรม ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ไม่มีศัตรูคู่อริ ช่วยเหลือเขา เขาก็มีใจให้เราเป็นต้น ส่วนผลเรื่องผลบุญที่สร้างไว้มานั้น  ถ้ามีจริง ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จ หรือเห็นทาง หรือมีผู้ชี้แนะแก้ไขปรับปรุงในทางที่ถูกต้องเมื่อถึงเวลาอันควรได้เอง

ถึงแม้ว่าอาปาจะพอรู้เรื่องฟุงซุ้ยอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ข้อยพิถีพิถันเนื่องนี้สักเท่าไหร่ เลือกได้ก็เลือก เลือกไม่ได้ก็ไม่เรื่องมาก เว้นแต่มันร้ายแรงทำให้ผู้อยู่อาศัยขาดความสงบสุข ก็จะเลี่ยง บางครั้งก็แก้ฟุงซุ้ยไปโดยไม่ได้ตั้งใจ บังเอินผลมันดีขึ้น ยังบอกว่าแปลกเหมือนกันมันเกี่ยวกันได้ไง 555 เช่น อาปามีพี่น้อง 3 คน ลูกหลานประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน (ก็เป็นเรื่องปรกติ) มีอยู่ครั้งกลับไปเยียมฮวงซุ้ยอาม่าที่เมืองจีน เห็นมีรอยทางน้ำกัดเซาะอยู่ด้านหนึ่ง ทำให้ดูไม่สวยงาม เลยแก้ไขปรับหน้าดินให้ดูดี ไม่ให้มีน้ำไหลมากัดเซาะได้อีก ซึงมันก็บังเอินว่าทิศที่ถูกน้ำเซาะนั้น เป็นทิศของบุตรชายคนที่ไม่รุ่งพอดี (ขณะนั้นเสียชีวิตไปแล้ว และลูกหลานก็ไม่ค่อยรุ่งเรือง) หลังจากที่ได้ปรับภูมิทัศน์แล้ว ลูกหลานทางฝ่ายน้้น ก็มีชีวิตที่ดีขึ้น จะเรียกบังเอินหรือเปล่าก็ไม่รู้  

ขอบคุณครับมากนะครับสำหรับคำแนะนำ

ผมเองก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันครับในเรื่องการกระทำ ผมเคยมานั่งคิดว่าหากเราได้แต่ไหว้ขอสิ่งศักดิสิทะฺ์เพื่ออ้อนวอนขอในสิ่งที่เราปรารถนา แม้จะด้วยเครื่องเซ่นบูแชดีสักแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่มีการกระทำมารองรับเลย ยากจะเป็นได้ตามหลักเหตุและผลครับ ดังนั้นการไหว้บรรพบุรุษของผมทุกครั้งจึงตั้งใจทำด้วยความกตัญญู บวกกับ เพื่อเป็นกำลังใจส่วนตัวผมจึงรู้สึกว่า การไหว้ขอพรระหว่างคนจีนกับคนไทย มีนัยยะต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ คนไทยไหว้เพื่อต้องการสิ่งตอบแทน และผลประโยชน์โดยตรงจากการไหว้ ขอให้ถูกหวย รึว่ารวยทางลัด โดยที่หลังงจากไหว้เสร็จก็กลับไปอยู่บ้าน ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เล่นหวยเป็นประจำ อยากทำงานเบาๆแต่ให้ผลตอบแทนสูง ต่างกับคนจีน ที่ไหว้ เพื่อขอพรขอกำลังใจ ในสิ่งที่ตนได้กระทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จและก้าวหน้าขึ้นไป ทั้งๆในขณะที่ไหว้นั้น เค้ามีการกระทำรองรับ และมีความเป็นไปได้ในมืออยู่แล้ว ถึงไหว้รึไม่ไหว้สิ่งที่เค้าทำก็มีผลอยู่ดี ผมจึงคิดว่าชีวิตคนเราต่างกันที่ความคิดและปรัชญาในการดำเนินชีวิตไม่ว่าคนไทยหรือจีนก็เป็นคนเหมือนกัน แต่การเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และปรัชญาชีวิตต่างกันครับ  

ผมเองต้องขอบคุณเรื่องที่คุณแนะนำมากๆนะครับ ผมจะกลับไปแก้ไขและทำให้ดีตามหลักและสิ่งที่สมควรจะทำ ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยูกับการกระทำของตัวเองครับ

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal