ชนะแล้วได้อะไร

มาถึงยุคสมัยนี้แล้วไหง่ไม่คิดว่าจะมีใครมาถามว่า " ชนะแล้วได้อะไร " จะเรียกว่าเป็นความคิดล้าหนังตกขอบเดี๋ยวจะหาว่าไหง่ดูถูกเหยียดหยามกันจนเกินงาม แต่ความเป็นจริงในยุคนี้ต้ องขอบอกว่าเชยจริงจริง เอ้าลูกเสือเยลหน่อย เชยจริงจริง!  เชยจริงจริง!  เชยจริงจริง! .........

ยุคสมัยนี้มันต้องคิดชนะชนะแล้วอาศุข หรือที่ภาษาประกิตเขาบอกว่า " Think WIN-WIN " ผูที่นำความคิดนี้มาใช้ทางด้านการจัดการ การบริหารก็คือ " steven Cove " ที่เขาสรุปอุปนิสัยของผู้ประสบความสำเร็จอยู่ 7 ประการ หรือในภาคภาษาอังกฤษว่า " 7 HABIT " ซึ่งอุปนิสัย คิดแบบชนะ ชนะ  อยู่ในอุปนิสัยที่ 7 พอดี

ชนะ-ชนะ " WIN- WIN " คืออะไร ถ้าจะสรุปแบบง่ายๆคือการไม่เอาเปรียบกันกล่าวคือหากเราจะคบค้าสมาคมกับใครถ้าเราเอาเปรียบเขาตะพึดตะพืออีกหน่อยคงไม่มีใครคบด้วย การทำมาค้าขายก็เหมือนกันถ้าเราผู้ขายมีสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ราคายุติธรรมแล้วไซร้ผู้ซื้อก็คงอยากซื้อสินค้าของเรานานนาน คือผู้ขายได้เงินมีกำไร ส่วนผู้ซื้อได้สินค้าที่มีคุณภาพนี่แหละคือ ชนะ-ชนะ ( WIN-WIN ) ชนะมันก็ดีตรงนี้นี่เองด้วยประการทั้งปวง แล้วจะแพ้ไปหาพระแสงด้ามยาวอะไรกันอักหละญาติโยม.......สาธุ

เขียนโพสต์จากสนามบินเป่าอันจีฉาง เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน 

ต้องสู้ ต้องสู้ จึงจะชนะ เราชนะในแบบวิถีธรรมะไงครับพี่น้อง ดังนั้นจึงต้องสู้เพื่อชนะเหล่ามารผจญ ที่กำลังป่วนสังคมมนุษย์อยู่ในขณะนี้ เหมือนที่ในสมัยพุทธกาลที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาชนะเหล่ามารทั้งหลายที่มาขัดขวางการตรัสรู้ ของพระพุทธองค์ เพราะฉะนั้นก็เหมือนแบบที่ วี่ฟัดโกบอกว่า แล้วจะแพ้ไปหาพระแสงด้ามยาว หรือแพ้หาหอกอะไร ชนะแล้ว จะได้ ตัดมูลกิเลสมาร บ่มิหม่น มิหมองมัว ดังบทสวดมนต์ บทที่ 5 บทพระพุทธคุณ ที่เราเคยสวดกันในโรงเรียนสมัยเด็ก ๆ ไงครับ แถมให้อีกบทหนึ่งบทสวดพาหุง  ที่เป็นบทสวดการชนะเหล่าพญามารทั้งหลายที่มาก่อกวนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สุดท้ายธรรมะก็ชนะอธรรม ครับพี่น้อง ตอนนี้รู้แล้วนะครับว่า ชนะแล้วได้อะไร？