หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ไหงขอเล่าเรื่องความเป็นมา ของคน Hakka-หักก๋า-ฮากกา อีกครั้ง:

รูปภาพของ YupSinFa

From top to bottom right: Sun Yat-sen,
Deng Xiaoping, Lee Kuan Yew,
Fann Wong, Eric Tsang
จำนานประชากรHakka: 30 - 45 ล้านคนทั่วโลก worldwide
พื้นที่อาศัยที่สำดัญ:
Greater China (Guangdong, Fujian, Jiangxi, Guangxi, Hong Kong, Taiwan), Southeast Asia (Malaysia, Indonesia, Thailand, Singapore)

แคะ หรือ ฮากกา (客家 คำว่า แคะ ในภาษาไทยถูกเรียกตามภาษาแต้จิ๋วว่า แขะแก ในภาษาจีนกลางเรียกว่า เค่อเจีย มีความหมายว่า ครอบครัวผู้มาเยือน ส่วนในภาษาจีนแคะเอง เรียกว่า หักก๊า หรือ ฮากกา) คือ ชนกลุ่มจีนฮั่นกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกล่าวกันว่ามีบรรพบุรุษที่มีต้นกำเนิดบริเวณมณฑลเหอหนานและซานซี ทางตอนเหนือของจีนเมื่อราว 2,700 ปีที่แล้ว บรรพบุรุษของชาวจีนแคะอพยพลงใต้ เนื่องจากความไม่สงบทางสังคม การลุกฮือ และการรุกรานจากผู้ยึดครองต่างชาติตั้งแต่ยุคราชวงศ์จิ้น (265-420) กระแสการอพยพครั้งต่อ ๆ มาเกิดขึ้นเมื่อยุคสิ้นราชวงศ์ถัง เมื่อประเทศจีนแตกออกเป็นส่วน ๆ และช่วงราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่ประชากรทางภาคเหนือลดลง. ช่วงที่สาม ที่ชาวจีนแคะอพยพลงใต้ คือช่วงที่ชาวหนี่ว์เจินสามารถยึดครองเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือไว้ได้. ช่วงที่สี่ เป็นช่วงที่ราชวงศ์ซ่งถูกโค่นล้มโดยชาวมองโกล ในสมัยราชวงศ์หยวน และช่วงสุดท้ายคือสมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งถูกโค่นล้มโดยชาวแมนจูซึ่งก่อตั้งราชวงศ์ชิงในเวลาต่อมา
ที่มาของคำว่า แคะ
คำว่า เค่อ นั้นกล่าวกันว่าเป็นคำเรียกที่ค่อนข้างใหม่ ระหว่างรัชสมัยของพระจักรพรรดิ์คังซี ได้โปรดให้มีการอพยพผู้คนแถบภูมิภาคชายฝั่งเป็นเวลาเกือบทศวรรษ เพื่อลดอิทธิพลที่ยังหลงเหลือของราชสำนักหมิง ซึ่งหลบหนีไปยังดินแดนซึ่งกลายเป็นไต้หวันในปัจจุบัน หลังจากที่กำจัดภัยคุกคามได้แล้ว พระจักรพรรดิ์คังซีได้มีพระบรมราชโองการ โปรดให้มีการอพยพผู้คนเข้าไปในดินแดนนี้อีกครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก มีการมอบเงินให้ครอบครัวแต่ละครอบครัว ไว้สำหรับเริ่มชีวิตใหม่โดยลงทะเบียนว่าเป็น 'ครอบครัวผู้มาเยือน' (客戶 เค่อฮู่) ส่วนชนดั้งเดิมซึ่งอพยพกลับมายังถิ่นเดิม ก็ได้พบกับการเข้ามาของผู้มาอยู่ใหม่ ชนดั้งเดิมก็เกิดความหวงแหนในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์กว่าของพวกเขา จึงผลักดันชนกลุ่มใหม่ออกไปรอบนอก หรือไปตั้งหลักทำมาหากินในเขตที่มีแต่ภูเขา เมื่อเวลาผ่านไปกระแสการต่อต้านในท้องถิ่นก็แผ่ขยาย และกล่าวกันว่าคำว่า แคะ กลายเป็นคำที่ชนดั้งเดิมใช้เรียกผู้มาอยู่ใหม่อย่างดูแคลน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกสิ่งดังกล่าวก็จางลง และมีการยอมรับคำว่าแคะให้ใช้เรียกชาวจีนแคะได้ในที่สุด เป็นที่รู้กันดีว่าชาวนาจีนแคะ ใช้เท้าขณะอยู่ในท่ายืนดึงวัชพืชออกจากนาข้าว ซึ่งเป็นความหยิ่งในวัฒนธรรมของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ยอมคุกเข่า และคลานบนดินแดนที่เป็นของชาวแมนจู

กรณีนี้ก็มีความน่าสนใจประการหนึ่ง เพราะว่าชนที่มาอยู่ใหม่อาจไม่ใช่บรรพบุรุษ ของผู้พูดภาษาจีนเค่อทั้งหมด เนื่องจากคำว่าเค่อเป็นคำที่เหมาคลุม จากการศึกษารากเหง้าสืบสายชาวกวางตุ้งและเค่อ พบว่าแซ่บางแซ่มีบรรพบุรุษเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มชนอื่น ดั้งนั้นบรรพบุรุษของชาวเค่อจึงเป็นชนกลุ่มหนึ่งซึ่งอพยพลงมาทางใต้ เราสามารถพบเห็นชาวเค่อเจียในมณฑลทางใต้ของจีน เช่น กวางตุ้ง ฮกเกี้ยนตะวันตก เจียงซี ตอนใต้ของหูหนาน กว่างซี ตอนใต้ของกุ้ยโจว ตะวันออกเฉียงใต้ของเสฉวน เกาะไหหลำและไต้หวัน

แม้ว่าชาวเค่อเจียหรือหักก๋าจะมีวัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างเฉพาะตัวจากประชากรโดยรอบ แต่ชาวเค่อก็ไม่ถูกจัดว่าเป็นชนกลุ่มน้อย และยังคงถูกจัดว่าเป็นชาวจีนฮั่น และยังถูกถือกันในหมู่นักมานุษยวิทยาจีนว่าชาวเค่อนั้นยังเป็นชาวฮั่นบริสุทธิ์เลยทีเดียวในความขัดแย้งนี้ ชนกลุ่มเดิมถือว่าชาวเค่อไม่ใช่คนจีนอย่างสิ้นเชิง แต่ว่าจากการสืบรากเหง้าซึ่งพบว่ามีบรรพบุรุษสายเดียวกันแถมยังลึกซึ้งกว่าชาวจีนฮั่นกลุ่มอื่น ๆ อีกด้วย ชาวเค่อจึงเป็นชาวจีนเหมือนเพื่อนบ้านของพวกเขา ชาวจีนเค่อหรือฮากกายังมีบทบาทในการกบฎไท่ผิงซึ่งนำโดย หงซิ่วฉวนผู้ที่คิดว่าตนเองคือน้องชายของพระเยซู และเป็นผู้นำสาวกซึ่งก่อตั้งอาณาจักรแห่งสวรรค์ไท่ผิงซึ่งถือกันว่าเป็นกบฏชาวนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติจีน (ไท่ ผิง เทียน กั๋ว)

ชาวฮา่กกาในมณฑลฮกเกี้ยน
ชาวเค่อที่ตั้งถิ่นฐานอยู่มนมณฑลฝูเจี้ยน (หรือคนไทยรู้จักในนามมณฑลฮกเกี้ยน) ได้พัฒนาสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เรียกว่า ถู่โหลว ซึ่งแปลว่าสิ่งก่อสร้างที่ทำจากดิน ด้วยเหตุผลที่ว่าชาวเค่อเป็นผู้ที่มาอยู่ใหม่ ต้องตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตภูเขา และเพื่อป้องกันจากพวกขโมย และปล้นสะดม

ถู่โหลว มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือวงกลม ออกแบบให้เป็นได้ทั้งป้อมค่ายและอาคารคล้ายอพาร์ตเมนต์ในเวลาเดียวกัน มีแต่ประตูทางเข้าออก ไม่มีหน้าต่างในระดับพื้นดิน แต่ละชั้นก็จะมีหน้าที่แตกต่างกัน ชั้นแรกเป็นชั้นไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์ ชั้นสองเอาไว้สำหรับเก็บอาหาร และชั้นสามเป็นที่อยู่อาศัย

แผนที่เขตเหมยโจว มณฑลกวางตุ้ง-ชาวเค่อเจียในมณฑลกวางตุ้ง
ส่วนมากชาวเค่อเจียในมณฑลนี้จะอาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑล โดยเฉพาะในเขตซิ่งหนิง-เหมยเสี้ยน (ตัวเต็ม: 興寧-梅縣, ตัวย่อ: 兴宁-梅县) เช่นเดียวกับญาติของพวกเขาในมณฑลฮกเกี้ยน ที่อยู่ในอำเภอหย่งติ้งที่ติดกับเหมยโจวชาวเค่อก็มีสถาปัตยกรรมเป็นของตน เรียกว่า เหวยหลงวู (ตัวเต็ม: 圍龍屋, ตัวย่อ: 围龙屋, wéilóngwū) และ ซื่อเจี่ยวโหลว (四角楼 sìjǐaolóu)

ชาวเค่อเจียนอกดินแดนสาธารณรัฐประชาชนจีน
ชาวเค่อส่วนมากที่อาศัยอยู่นอกแผ่นดินใหญ่จะอาศัยอยู่ที่มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย สาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) และติมอร์ตะวันออก

นอกจากนี้ชาวเค่อก็ได้อพยพไปที่อื่น ๆ ด้วย เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เบลเยียม เยอรมนี และ เนเธอร์แลนด์ และยังพบชาวเค่อในแอฟริกาใต้ มอริเชียส และหมู่เกาะแคริบเบียนโดยเฉพาะในจาเมก้า ชาวเค่อเจียพลัดถิ่นในสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่มีความเกี่ยวดองกับฮ่องกง และน่าจะอพยพออกมาเมื่อครั้งฮ่องกงยังเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร

ในไต้หวัน ประชากรราวร้อยละ 15 เป็นชาวเค่อเจีย ดังนั้นจึงเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีความสำคัญ ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 เกิดความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธเข้าปะทะกันระหว่างชาวเค่อเจียและชาวฝูเหล่า (福佬) ขึ้นหลายครั้ง บางครั้งเกิดจากสาเหตุทางเศรษฐกิจ บ้างก็จากการเมือง ซึ่งทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันระหว่างชน 2 กลุ่มนี้มาเป็นระยะเวลานาน แต่อย่างไรก็ตามชนทั้ง 2 กลุ่มก็ยังมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและที่สำคัญในปัจจุบันของไต้หวันปรากฏว่าชาวเค่อเจียมีบทบาททางการเมืองสูงมาก อดีตประธานาธิบดีไต้หวันสองคนคือ หลี่เติงฮุย เฉินสุยเปี่ยน และประธานาธิบดีไต้หวันคนปัจจุบันคือ หม่าอิงจิ่ว ก็เป็นชาวเค่อเจียหรือฮากกาด้วยเช่นกัน

บุคคลสำคัญที่เป็นชาวเค่อเจีย
ถึงแม้ประชากรชาวเค่อจะมีจำนวนกระจัดกระจาย แต่ก็มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ของชาวจีนและของชาวจีนโพ้นทะเล โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิวัติและผู้นำทางการเมือง และก็ยังคงเป็นจริงอยู่ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของจีนซึ่งผู้นำจีนที่มีชื่อเสียงหลายคนเป็นชาวเค่อเจีย ระหว่างช่วงทศวรรษที่ 1980-1990 ชาวจีนเค่อเจียที่มีชื่อเสียงถึง 3 ท่านได้ครองอำนาจทางการเมืองพร้อมๆกันใน 3 ประเทศซึ่งมีชาวจีนเป็นชนส่วนใหญ่ อันได้แก่ เติ้งเสี่ยวผิงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หลี่เติงฮุยแห่งสาธารณรัฐจีน และลีกวนยูแห่งสิงคโปร์

นอกจากนี้ ทั้งดร.ซุนยัดเซ็น เติ้งเสี่ยวผิง และลีกวนยู ซึ่งต่างก็เป็นชาวเค่อเจีย และยังเป็น 3 คนในชาวจีน 4 คนซึ่งนิตยสารไทม์ (Time Magazine) จัดอันดับให้เป็นชาวเอเชียที่ทรงอิทธิพลที่สุด 20 อันดับแรกในศตวรรษที่ 20 ส่วนอันดับ 4 คือ เหมาเจ๋อตุง

มหาบุรุษของจีนที่เป็นชาวเค่อเจีย หรือ ฮากกา ในประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ 

จักรพรรดิ์หงซิ่วฉวน-ผู้นำกบฎชาวนาแห่งอาณาจักรไท่ผิงเทียนกว๋อ-ในยุคปลายราชวงศ์ชิงพร้อมทั้งขุนศึกคนสำคัญ ๆ เช่น สือต๊ะไค เฟิงหยุนซาน หยางเสี่ยวผิง หงเหรินกาน(น้องชายหงซิ่วฉวน) หลี่ซิ่วเฉิง

ท่านบิดาประเทศจีนด๊อกเตอร์ซุนจงซาน(ซุนเหวิน-ซุนอี้เซียน-ซุนยัดเซ็น) ท่านซ่งชิ่งหลิงภริยาของท่านซุน ชาร์ลี ซ่ง บิดาของท่านซ่งชิ่งหลิง มหาเศรษฐีผู้สนับสนุนด้านการเงินแก่ด๊อกเตอร์ซุน(ชาร์ลี ซ่ง เป็นฮากกาในอำเภอเหวินชาง เกาะใหหนำ) ซ่งจื่อเหวิน รัฐมนตรีคลังสมัยเจี่ยงเจี้ยสือ น้องชายท่านซ่งชิ่งหลิง ซ่งเหม่ยหลิงภริยาเจี่ยงเจี้ยสือน้องสาวท่านซ่งชิ่งหลิง

ท่านจอมพลจูเต๋อ-ผู้สถาปนาและผู้บัญชาการกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(1 ใน 10 จอมพลแห่งประเทศจีนใหม่) ท่านจอมพลเย่เจี้ยนยิง(ยับเกี้ยมอิง) 1 ใน 10 จอมพลประเทศจีนใหม่-ผู้กำจัดแก๊งสี่คน เติ้งเสี่ยวผิง-ผู้พัฒนาประเทศจีนจนเจริญรุ่งเรืองสุดขีด เลี่ยวจ้งข่าย-ผู้นำพรรคกว๋อหมินต่างเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของท่านซุนจงซาน เลี่ยวเฉิงจื้อ-บุตรชายท่านเลี่ยวจ้งข่ายเป็นแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายพลเย่ถิ่ง ท่านกวอโม่โย่ นักคิดนักเขียนในสมัยสาธารณรัฐและจีนใหม่ 

ชาวเค่อเจียที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย

นายบัญชา ล่ำซำ-ผู้ก่อตั้งธนาคารกสิกรไทย นายบัณฑูร ล่ำซำ-ประธานคณะผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยปัจจุบัน นายเกียรติ วัฒธนเวคิน-ผู้ก่อตั้งธนาคารเกียรตินาคิน-บุคคลสำคัญในสมาคมฮากกาแห่งประเทศไทย นายผิน คิ้วคชา(คิ้วไพศาล)-ผู้ก่อตั้งภูเก็ตแฟนตาซี นางยินดี ลิ่วเฉลิมวงศ์-น้องสาวนายบัญชา ล่ำซำ-สตรีนักธุรกิจและนักสังคมสงเคราะห์ คุณหญิงณัฐิกา วัฒธนเวคิน อังอุบลกุล สตรีนักธุรกิจและนักสังคมสงเคราะห์ นางจรรย์สมร วัฒธนเวคิน นักธุรกิจและนักสังคมสงเคราะห์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรีีไทยคนปัจจุบัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายวิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจและนักคิดนักเขียน เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์เซี่ยหยวนจาง(เจี่ยแยนจอง-ยรรยงค์ จีรนคร)นักวิชาการไทยคดีศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน ท่านเป็นชาวจีนเชื้อสายไทย เกิดที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยคุนหมิง-ผู้เชี่ยวชาญด้านชาวไทยกลุ่มต่าง ๆ ในอุษาคเนย์ อดีตพระอาจารย์ที่ปรึกษาสมเ้ด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ ปัจจุบันท่านเป็นที่ปรึกษานิตยสารแม่น้ำโขง-ท่านพำนักอยู่ในนครคุนหมิง

ชาวเค่อเจียที่เป็นผู้นำประเทศต่าง ๆ ในโลก

หลี่กวงยิ่ว(ลีกวนยู)อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และรัฐบุรุษ นางคอราซอน อาคีโน อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ พลเอกขิ่น ยุ้น อดีตนายกรัฐมนตรีพม่า หลี่เติงฮุย เฉินสุยเปี่ยน หม่ายิงจิ่ว อดีตและประธานาธิบดีไต้หวันคนปัจจุบัน ทักษิิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย อีกท่านหนึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีประเทศกายอานา 

 

คน Hakka  เชื้อสายHakka  ที่สำคัญ
China
Heavenly Kingdom
Hong Xiuquan 洪秀全 (1812-1864; Huaxian, Guangdong), Heavenly King; Leader, Taiping Rebellion
Feng Yunshan 馮雲山/冯云山 (1815-1852; Huaxian, Guangdong), South King
Yang Xiuqing 楊秀清/杨秀清 (1821-1856; Guiping, Guangxi, East King
Shi Dakai 石達開/石达开 (1831-1863; Guiping, Guangxi), Wing King
Li Xiucheng 李秀成 (1823-1864; Tengxian, Guangxi), Loyal King
Chen Yucheng 陳玉成/陈玉成 (1837-1862; Tengxian, Guangxi), Heroic King
Hong Rengan 洪仁玕 (1822-1864; Huaxian, Guangdong), Premier and Shield King; First person in China to advocate Western-styled of government and modernization
Qing Dynasty
Feng Zicai 馮子才/冯子才 (1818-1903; Bobai, Guangxi), Commanding general, Sino-French War (the only war that Qing Dynasty had won against foreign countries), 1884–1885
Liu Yongfu 劉永福/刘永福 (1837-1917; Bobai, Guangxi), Commander, Black Flag Army; President, Republic of Formosa, 1895
Qiu Fengjia 丘逢甲 (1864-1912; Jiaoling, Guangdong; born in Taiwan), Leader, Taiwanese resistance forces, Japanese invasion of Taiwan, 1895; Feng Chia University in Taichung is named in honor of him
Republic of China
Sun Yatsen 孫中山/孙中山 [28] (1886-1925; Zhongshan, Guangdong), Founding father of modern China
Charlie Soong 宋嘉樹/宋嘉树 (1863-1918; Wenchang, Hainan), Financier and staunch supporter in the early days of Kuomintang; Father of the Soong Sisters, who along with their husbands, were the most influential figures of China in the early 20th century
Soong Ai-ling 宋藹齡/宋蔼龄 (1890-1973; Wenchang, Hainan; born in Shanghai), Eldest of the Soong Sisters; Wife of H H Kung
Soong Ching-ling 宋慶齡/宋庆龄 (1893-1981; Wenchang, Hainan; born in Kunshan, Jiangsu), Second of the Soong Sisters; Wife of Sun Yat-sen; Honorary President of the People's Republic of China, 1981
Soong May-ling 宋美齡/宋美龄 (1898-2003; Wenchang, Hainan), Youngest of the Soong Sisters; Wife of Chiang Kai-shek
T. V. Soong 宋子文 (1894-1971; Wenchang, Hainan; born in Shanghai), Premier of the Republic of China, 1930, 1945–1947
Liao Zhongkai 廖仲愷 (1877-1925; Huiyang, Guangdong; born in USA), Leader and financier, Kuomintang; Was one of the three most powerful figures in Kuomintang when Sun Yatsen died
Sun Ke 孫科/孙科 (1891–1973; Zhongshan, Guangdong), Premier of the Republic of China, 1931–1932, 1948–1949
Chen Jitang 陳濟棠/陈济棠 (1890-1954; Fangcheng, Guangxi), General, Nationalist China
Xue Yue 薛岳 (1896-1998; Lechang, Guangdong), Nationalist China most outstanding general during 2nd Sino-Japanese War; Nicknamed "Patton of Asia"
Zhang Fakui 張發奎/张发奎 (1896-1980; Shixing, Guangdong), Commander-in-Chief during Second Sino-Japanese war
Xie Jinyuan 謝晉元/谢晋元 (1905-1941; Jiaoling, Guangdong), Commander, Defence of Sihang Warehouse; Heroism of the defenders of the warehouse, known as the Eight Hundred Heroes 八百壯士, was made into a movie of the same name
Lee Teng-hui 李登辉 [29][30] (1923-; Yongding, Fujian; born in Taiwan), President of the Republic of China, 1988–2000; First freely-elected president in Chinese history
Annette Lu 呂秀蓮/吕秀莲 [31] (1944-; Nanjing, Fujian; born in Taiwan), Vice-President, Republic of China, 2000–2008
Wu Po-hsiung 吳伯雄/吴伯雄 (1939-; Yongding, Fujian; born in Taiwan), Chairman, Kuomintang, 2007-; Mayor, Taipei, 1988–1990
Hsu Hsin-liang 許信良/许信良 (1941-; Raoping, Guangdong; born in Taiwan), Co-founder and chairman, Democratic Progressive Party, 1991–1994, 1996–1998
Tsai Ing-wen 蔡英文 (1956-; born in Taiwan), Present and first female Chairperson, Democratic Progressive Party, 2008-; Vice-premier, Republic of China, 2006–2007
Yeh Chu-lan 葉菊蘭/叶菊兰 (1949-; born in Taiwan), Vice-premier, Republic of China, 2004–2005; Acting mayor, Kaohsiung, 2005–2006
Chen Shui-bian 陳水扁/陈水扁 (1950-; northern parts of Zhao'an - disputed; born in Taiwan), President of the Republic of China, 2000–2008
Lee Ying-yuan 李應元/李应元 (1953; Zhao'an, Fujian; born in Taiwan), Secretary-General, Executive Yuan, 2005; Secretary-General, Democratic Progressive Party, 2008; Ran and lost to Ma Ying-jeou, Taipei Mayor Elections, 2002
Ma Ying-jeou 馬英九 (born July 13, 1950) is the current President of the Republic of China
People's Republic of China
Deng Xiaoping 鄧小平/邓小平(1904-1997; Guang An, Sichuan), a prominent Chinese revolutionary, politician, pragmatist and reformer, as well as the late leader of the Communist Party of China (CPC). Deng never held office as the head of state or the head of government, but served as the de facto leader of the People's Republic of China from 1978 to the early 1990s.
Marshal Ye Jianying 葉劍英/叶剑英 (1897-1986; Meixian, Guangdong), Leader and general; Chairman, National People's Congress, 1978–1983; President, People's Republic of China, 1978–1983; Governor of Guangdong, 1949–1953
Hu Yaobang 胡耀邦 (1915-89; Linyang, Hunan), General Secretary of the Communist Party of China, 1980–1987
Zeng Qinghong 曾慶紅/曾庆红 [32] (1939-; Ji'an, Jiangxi), Vice-President, People's Republic of China, 2003–2008; Was second in ranking after Hu Jintao in the fourth generation leadership
Liao Chengzhi 廖承志 (1908-1983; Huiyang, Guangdong; born in Japan), Well-respected politician; died a week before he was expected to be elected Vice-President, People's Republic of China [33]
Ye Ting 葉挺/叶挺 (1896-1946; Huiyang, Guangdong), Commander-In-Chief, New Fourth Army, one of the two main Chinese communist forces, Second Sino-Japanese War
Yang Chengwu 楊成武/杨成武 (1914-2004; Changting, Fujian), General; Vice-Chairman, Chinese People's Political Consultative Conference, 1983–1988
Ye Xuanping 葉選平/叶选平 (1924-; Meixian, Guangdong), Vice-Chairman, Chinese People's Political Consultative Conference, 1991–2003; Governor of Guangdong, 1985–1991
Xie Fei 謝非/谢非 (1932-1999; Lufeng, Guangdong), Vice-chairman, National People's Congress, 1998–1999
Huang Huahua 黃華華/黄华华 (1946-; Xingning, Guangdong), Present governor of Guangdong, 2003-
Hong Kong
Martin Lee 李柱銘/李柱铭 (1938-; Huiyang, Guangdong; born in Hong Kong), Founding chairman, Democratic Party, 1994–2002; Leading figure of the pro-democracy movement in Hong Kong
Lee Wing Tat 李永達/李永达 (1955-; Huiyang, Guangdong; born in Hong Kong), Chairman, Democratic Party, 2004–2006
Tam Yiu Chung 譚耀宗/谭耀宗 (1949-; Huiyang, Guangdong; born in Hong Kong), Chairman, Democratic Alliance for Betterment of Hong Kong, the largest pro-Beijing political party in Hong Kong, 2007-
Singapore
Lee Kuan Yew 李光耀 (1923-; Dabu, Guangdong; born in Singapore), Founding father of modern Singapore; Prime Minister of Singapore, his mother Chua (蔡), is a Min Nan Nyonya 1959-1990
Lee Hsien Loong 李顯龍/李显龙 (1952-; Dabu, Guangdong; born in Singapore), Present Prime Minister of Singapore, his mother Kwa (柯) have ancestry from Min Nan Tong'an 2004-
Yong Nyuk Lin 楊玉麟/杨玉麟 (1918-, born in Malaysia), Cabinet Minister, 1959–1976
Hon Sui Sen 韓瑞生/韩瑞生 (1916-83; Jiexi, Guangdong, born in Malaysia), Finance Minister, 1970–1983
Howe Yoon Chong 侯永昌 (1923-2007; Meixian, Guangdong; born in China), Cabinet Minister, 1979–1984
Dr Hu Tsu Tau Richard 胡賜道/胡赐道 (1926-; Yongding, Fujian; born in Singapore), Finance Minister, 1985–2001
Elizabeth Choy (Yong Su Moi) 蔡楊素梅/蔡杨素梅 (1910-2006; born in Malaysia), War heroine; First and only woman to be on the Legislative Council of Singapore, 1951
Malaysia
Yap Ah Loy 葉亞來/叶亚来 (1837-1885; Huiyang, Guangdong; born in China), founder of Kuala Lumpur
Chung Keng Quee 鄭景貴/郑景贵 (1827-1901; Zengcheng, Guangdong; born in China), founder of Taiping, Perak; Kapitan China, Penang and Perak
Yap Kwan Seng 葉觀盛/叶观盛 [34] (1846-1902; Chixi, Guangdong; born in China), Last Kapitan China, Kuala Lumpur, 1989-1902; A major road, Jalan Yap Kwan Seng, in Kuala Lumpur was named after him
Chung Thye Phin 鄭大平/郑大平 (1879-1935; Zengcheng, Guangdong; born in Malaysia), Last Kapitan China, Perak
Datuk Seri Lau Pak Khuan 劉伯群/刘伯群 (1894-1971; Zengcheng, Guangdong; born in China), Founding member of Malaysian Chinese Association; First Chinese to be conferred the "Datuk Seri" title by Malaysia Sultan; Led the unsuccessful bid for Chinese equal citizenship rights and official language status during drafting of Malaysia Constitution
Tan Sri Wong Pow Nee 王保尼, (1911-2002; born in Malaysia), Chief Minister of Penang, 1957–1969
Datuk Peter Lo Sui Yin 羅思仁/罗思仁 (Longchuan, Guangdong), Chief Minister of Sabah, 1965–67
Datuk Yong Teck Lee 楊德利/杨德利 (1958-; Longchuan, Guangdong), Chief Minister of Sabah, 1996–1998
Tan Sri Chong Kah Kiat 章家杰 (1948-), Chief Minister of Sabah, 2001–2003
Tan Sri Datuk Amar Stephen Yong Kuet Tze 楊國斯/杨国斯 (1921-2001; Dabu, Guangdong; born in Malaysia), former Minister of Science, Technology & Environment
Peter Chin Fah Kui 陳華貴/陈华贵 (1945-; Bao'an, Guangdong; born in Malaysia), Plantation Industries and Commodities Minister, Malaysia, 2004-
Liow Tiong Lai 廖中莱 (Dabu, Guangdong; born in Malaysia), Health Minister, Malaysia, 2008-
Teresa Kok 郭素沁 (1964-; Huizhou, Guangdong; born in Malaysia), Member of Parliament, 1999-; Won by the highest majority among 200 seats contested in the 2008 General Elections
Cheong Fatt Tze張弼士(1840–1916),a Hakka born in 1840 in Dabu, Guangdong Province. he was appointed the Chinese Consul, based in Penang in 1890. Minister for agriculture, industries, roads and mines for the provinces of Fujian and Guangdong for Qing Dynasty in 1899. He was member of the Legislative Assembly of Republic of China in 1912. A street in Penang, Malaysia was named after him.
Thailand
Thaksin Shinawatra 丘達新/丘达新 [35][36] (1949-; Fengshun, Guangdong; born in Thailand), founder Thai Rak Thai political party; only Prime Minister of Thailand to finish a term of office and be reelected, 2001–2006; exiled, 2008.
Abhisit Vejjajiva (1964-; born in United Kingdom), Leader, Democrat Party (Thailand), 2005-  ; former Opposition Leader; elected Prime Minister of Thailand, 2008.
Sudarat Keyuraphan (1961-; born in Thailand), Cabinet Minister, 2002–2006
Indonesia
Low Lan Pak 羅芳伯/罗芳伯 (1738-1778; Meixian, Guangdong), Founder and President, Hakka Lanfang Republic (present Western Kalimantan, now part of Indonesia), 1777–1884
Hasan Karman 黄少凡 (Meixian; Guangdong; born in Indonesia), Mayor of Singkawang, West Kalimantan; Indonesia's first Chinese mayor
Burma
Khin Nyunt (1939-; Meixian, Guangondg; born in Myanmar), Prime Minister of Burma, 2003–2004
Timor-Leste
Pedro Lay (born in East Timor), Minister of Infrastructure, 2007-
Gil Alves (born in East Timor), Minister of Tourism, Commerce & Industry, 2007-
Mauritius
Sir Moilin Jean Ah-Chuen 朱梅麟 (1909-1991; Meixian, Guangdong; born in Mauritius), First Chinese member, Legislative Council, 1949; Minister of Local Government, 1967–1976; Second Hakka after Sun Yatsen to have his portrait printed on the bills of a country's currency [37]
Noel Lee Cheong Lem 李國華/李国华 (1951-; Meixian, Guangdong; born in Mauritius), Minister of Tourism, 1993–1995
Joseph Tsang Mang Kin 曾繁興/曾繁兴 (1938-; Meixian, Guangdong; born in Mauritius), Minister of Art and Culture, 1995–2000
Emmanuel Jean Leung Shing 陳念汀/陈念汀 (1944-; Meixian, Guangdong; born in Mauritius), Minister of Justice and Human Rights, 2000–2005
Sylvio Tang Wah Hing 鄧學升/邓学升 (Meixian, Guangdong; born in Mauritius), Minister of Youth and Sports, 2005–2007
Australia
Penny Wong 黃英賢/黃英贤 (1968, born in Malaysia), the current Australian Minister for Climate Change and Water, Australia's first Asian Cabinet Minister, 2007-
Alfred Huang 黃國鑫/黄国鑫 [38] (Jiaoling, Guangdong, born in China), Lord Mayor, Adelaide, 2000–2003; Australia's first Chinese Lord Mayor
Henry Tsang 曾筱龍/曾筱龙 (1943-; Wuhua, Guangdong; born in China), Deputy Lord Mayor, Sydney, 1991–1999
Robert Chong 鐘富喜/钟富喜 [39] (Meixian, Guangdong; born in Malaysia), Mayor, Whitehorse, Victoria, 2001–2002, 2004
Guyana
Arthur Raymond Chung 鐘亞瑟/钟亚瑟 (1916-2008; Dabu, Guangdong), First President, Guyana, 1970–80
Trinidad and Tobago
Sir Solomon Hochoy 何才 (1905-1983; born in Jamaica), First and only non-white, non-British Governor, 1960–1962 and Governor General, 1962–1972, Trinidad and Tobago
Government officials
He Ruzhang 何如璋 (1838-1891; Dabu, Guangdong), China's first ambassador to Japan, Qing Dynasty, 1877–1882
Zhang Dingcheng 張鼎丞/张鼎丞 (1898-1981; Yongding, Fujian), Procurator-General, Supreme People's Procuratorate, 1954–1975
Liu Fuzhi 劉復之/刘复之 (1917-; Meixian, Guangdong), Procurator-General, Supreme People's Procuratorate, 1988–1993
Yong Pung How 楊邦孝/杨邦孝 (1926-; Dabu, Guangdong; born in Malaysia), Second Chief Justice, Singapore, 1990–2006
Marie Madeleine Lee nee Ah Chuen 朱志筠 (1927-; Meixian, Guangdong; born in Mauritius), Mauritius' first ambassador to China, 1999–2000
Xiao Yang 肖扬 (1938-; Heyuang, Guangdong), President, Supreme People's Court of the People's Republic of China, 1998–2008
Perng Fai-nan 彭淮南 (1939-; born in Taiwan), Governor, Central Bank of Taiwan, 1988-; Best Central Banker in the world, 2000, 2005. 2006, 2007, Global Finance
Supachai Panitchpakdi, (1946-; born in Thailand), First and only Asian Director-General of World Trade Organization, 1999–2005
Zhang Jiuhuan 張九桓/张九桓 [40][41] (1947-; Bobai, Guangxi), Ambassador of China to Nepal (1995–1998), Singapore (2000–2004), Thailand (2004-); Youngest-ever ambassador, People's Republic of China
Yeung Kam John Yeung Sik Yuen 楊欽俊/杨钦俊 (1950-; Meixian, Guangdong; born in Mauritius), Chief Justice, Mauritius, 2008-
Adrienne Louise Clarkson PC CC CMM COM CD (née Adrienne Louise Poy) 伍冰枝 (1939-; born in Hong Kong), First Canadian-Chinese (and first visible minority) Governor General of Canada (1999–2005)
Entrepreneurs and corporate figures
Cheong Fatt Tze 張弼士/张弼士 (1840-1916; Dabu, Guangdong), Powerful industralist in South-east Asia who contributed to the interests of Overseas Chinese during China's Qing Dynasty and Republican era
Aw Boon Haw 胡文虎 (1882-1954; Yongding, Fujian; born in Burma) and Aw Boon Par 胡文豹 (1888-1944; Yongding, Fujian; born in Burma), Philanthropists of Tiger Balm fame
Yong Koon 楊坤/杨坤, Founder, Royal Selangor, Malaysia
Lee Loy Seng, Kuala Lumpur Kepong (KLK), Malaysia
Raymond Chow 鄒文懷/邹文怀 (1929-; Dabu, Guangdong; born in Hong Kong); Founder, Golden Harvest; Producer who launched the careers of Bruce Lee, Jackie Chan and Tsui Hark
Woon Wing Yip 葉煥榮/叶焕荣 (1940-; Dongguan, China; born in China), Founder, The Wing Yip Supermarkets, United Kingdom; First Chinese tycoon in United Kingdom
Prajogo Pangestu (Phang Jun Phen) 彭雲鵬/彭云鹏 (1944-; born in Indonesia), Timber tycoon, Indonesia
Alan Yau 丘德威 (1962-; born in Hong Kong), Founder, Wagamama restaurant chain, Hakkasan and Yauatcha, United Kingdom
Khun Bantoon Lamsam 伍捷仆 (Meixian, Guangdong), Founder, Kasikorn Bank (Thai Farmers Bank), Thailand
Robert Wan 温惠仁 [42] (Guangdong; born in Tahiti, French Polynesia), Pearl producer (See Robert Wan Pearl Museum)
Tan Sri Jeffrey Cheah 謝富年/谢富年 (Dongguan, Guangdong; born in Malaysia), Founder and chairman of The Sunway Group of Companies, Malaysia
Michael Lee-Chin (born in Jamaica), Chairman and CEO, AIC Limited, one of Canada's largest mutual fund companies
Dave Chong Min Kuin (born in 1956), Founder and Former Managing Director of NEC Infrontia Asia Pacifi
Literary figures, artists, academics and scientists
Huang Zunxian 黃遵憲/黄遵宪 (1848-1905; Meixian, Guangdong), Poet, writer and diplomat
Yong Mun Sen (Yong Yen Lang) 楊曼生/杨曼生 (1896-1962; Dabu, Guangdong; born in Malaysia); Pioneer artist and the father of Malaysian painting
Jimmy Choo 周仰杰 (1961-; born in Malaysia), Renowned designer of shoes and handbags, United Kingdom
Lo Hsiang-lin 羅香林/罗香林 (1906-1978, Xingning, Guangdong), Scholar on Hakka culture and language
Teng Yu-hsien 鄧雨賢/邓雨贤 (1906-1944; born in Taiwan), Taiwanese composer
Li Guohao 李國豪/李国豪 (1913-2005; Meixian, Guangdong), One of the top bridge experts in the world
Ivan A. Taslimson(Meixian, Guangdong; born in Indonesia), Artist, scientist, inventor, US tech tycoon. Founder of Solstice Group
Chung Li-ho 鐘理和/钟理和 (1915-1960; born in Taiwan), Famous Taiwanese novelist
Han Suyin 韓素音/韩素音 (1917-; Xinyang, Henan), Author of books on modern China
Lin Haiyin 林海音 (1918-2001; Jiaoling, Guangdong; born in Japan), Taiwanese novelist whose memoirs, 城南旧事 (My Memories of Old Beijing), was made into a movie of the same name
Shing-Tung Yau 丘成桐 (1949-; Jiaoling, Guangdong), Chinese-American mathematician
Actors, musicians and entertainers
Hong Kong
Chor Yuen 楚原 (1934-; Meixian, Guangdong; born in China), Hong Kong film director
Leslie Cheung 張國榮/张国荣 [43] (1956-2003; Meixian, Guangdong; born in Hong Kong), Famous singer/actor
Chow Yun-fat 周潤發/周润发 [44][45] (1955-; Bao'an, Guangdong; born in Hong Kong), One of the most famous actors in Asia; Lead actor in several Hollywood movies
Leon Lai 黎明 (1966-; Meixian, Guangdong; born in China), Singer/actor; One of the "Four Great Heavenly Kings" of Chinese pop music
Alex Man 萬梓良/万梓良 (1957-; Bao'an, Guangdong; born in Hong Kong), Actor; Best Actor, Golden Horse Awards, 1988
Cherie Chung 鍾楚紅/钟楚紅 (1960-; Boluo, Guangdong; born in Hong Kong), Actress
Jordan Chan 陳小春/陈小春 [46](1967-, Huiyang, Guangdong; born in Hong Kong), Actor/singer
Eric Tsang 曾志偉/曾志伟 (1953-; Wuhua, Guangdong; born in Hong Kong), Actor/comedian
Frances Yip 葉麗儀/叶丽仪 (1947-; Huiyang, Guangdong; born in Hong Kong), Singer
Deanie Ip 葉德嫻/叶德娴 (1947-; Huiyang, Guangdong; born in Dapengcheng), Singer/actress
Teresa Cheung Tak Lan 張德蘭/张德兰 (Dabu, Guangdong; born in Hong Kong), Popular Hong Kong singer in the 1970s-1980s
Chan Wai-Man 陳惠敏/陈惠敏 [47] (1946-; born in Hong Kong); Actor who is well-known for triad chief roles
Shing Fui-On 成奎安 (1955-2009; Xingning, Guangdong; born in Hong Kong), Actor who is well-known for bad guy roles
Angeline Leung 梁韵蕊 (Meixian, Guangdong), Winner, Miss Hong Kong pageant, 1982
Shallin Tse 謝寧/谢宁 (1963-; Meixian, Guangdong; born in China), Winner, Miss Hong Kong pageant, 1985
Shirley Yeung 楊思琦/杨思琦 (1978-; Meixian, Guangdong; born in Hong Kong), Winner, Miss Hong Kong pageant, 2001
Fiona Yuen 袁彩雲 (1976-; born in Germany), Second runner-up, Miss Hong Kong pageant, 1996
Kate Tsui 徐子珊 (1979-; Huizhou, Guangdong; born in Hong Kong), Winner, Miss Hong Kong pageant, 2004
Shermon Tang 鄧上文/邓上文 (1983-; born in Hong Kong), Miss Photogenic, Miss Hong Kong pageant, 2005
Taiwan
Hou Hsiao-Hsien 侯孝賢/侯孝贤 (1947-; Meixian, Guangdong; born in China), Award-winning film director and a leading figure of Taiwan's New Wave cinema movement
Edward Yang 楊德昌/杨德昌 (1947-2007; Meixian, Guangdong; born in China), Film director; Best Director, Cannes Film Festival, 2000
Luo Dayou 羅大佑/罗大佑 (1954-; Meixian, Guangdong; born in Taiwan), Influential singer-songwriter who revolutionized Chinese pop and rock music in the 1980s
Hebe Tien 田馥甄 (1983-; born in Taiwan), Member of S.H.E, Taiwanese female pop group
Ella Chen 陳嘉樺 (1981-; born in Taiwan), Member of S.H.E, Taiwanese female pop group
Joe Zhang Shu Wei 張書偉 (1980-; born in Taiwan), Members of ENERGY, Male pop group
Chen Qiao En 陳喬恩/陈乔恩 (1979-; born in Taiwan), Leading actress of Taiwan idol dramas, co-leader of 7 Flowers, Taiwanese female pop group
Shino Lin 林曉培/林晓培 (born in Taiwan), Singer
Julia Peng 彭佳慧 (1972-; Meixian, Guangdong; born in Taiwan), Singer
Alec Su 蘇有朋/苏有朋 [48] (1973-, born in Taiwan), Actor/singer
Bowie Tsang 曾寶儀/曾宝仪 (1973-; Wuhua, Guangdong), Compere/singer/actress
Chen Chien-Chou 陳建洲/陈建洲 (Blackie 黑人) (1977-; Meixian, Guangdong; born in Taiwan), Compere; Former national basketballer, Chinese Taipei national basketball team
China
Huang Wanqiu 黄婉秋 (1943-; Meixian, Guangdong), Lead actress of the classic movie, "Third Sister Liu" 刘三姐
Li Ai 李艾 (Meixian, Guangdong), Supermodel and one of China's most recognizable media personalities; Host, "China's Next Top Model"
Singapore
Fann Wong 范文芳 (1971-; born in Singapore), Actress/singer/model
Adrian Pang 彭耀順/彭耀顺 (1966-; born in Malaysia), Actor; Best Actor for Comedy Performance, Asian Television Awards, 2002
Xie Shaoguang 謝韶光/谢韶光 (1960-; born in Singapore), Actor; Best Actor, Asian Television Awards, 1998; Five-time winner of Singapore's best television actor award
Felicia Chin 陳靚瑄/陈靓瑄 (1984-; born in Singapore), Actress; Female winner, Star Search, 2003; Member of the Singapore national softball team at the age of 15[citation needed]
Wong Lilin 黃麗玲/黄丽玲 (born in Singapore), Actress
Michelle Chong 莊米雪/庄米雪 (1977-; born in Singapore), Actress/compere
Maggie Teng 鄧妙華/邓妙华 (born in Singapore), Singer; First Singaporean to break into Taiwan pop music industry in the 1980s[citation needed]
Lee Wei Song 李偉菘/李伟菘 (1966-; born in Singapore) and Lee Shih Shiong 李偲菘 (1966-; born in Singapore), Well-known songwriters[citation needed]
Ho Yeow Sun 何耀珊 (born in Singapore), Singer; First and only Asian singer to top the US Billboard Dance Chart and the UK MusicWeek Chart; Performed the Olympic Hymn, which was sung in Mandarin for the first time, accompanied by a choir of Overseas Chinese from 16 different nationalities for 2008 Beijing Olympics
Yew Hong Chow 遊宏釗/游宏钊, Classical musician and harmonica virtuso
Malaysia
Eric Moo 巫啟賢/巫启贤 (1963-; born in Malaysia), Award winning singer/composer/producer
Michael Wong 王光良 (1970-; born in Malaysia) and Victor Wong 黄品冠 (1972-; Jieyang, Guangdong; born in Malaysia), Singer-songwriters of "Guang Liang Pin Guan" 光良品冠 / "Wu Yin Liang Pin" 无印良品 fame
Penny Tai 戴佩妮 (1978-; Haifeng, Guangdong; born in Malaysia), Singer-songwriter; Best Composer, Golden Melody Awards, 2006
Z-Chen 張智成/张智成 (1973-; born in Malaysia), Singer; Known as "The Little Prince of R&B"
Gary Chaw 曹格 (1979-; born in Malaysia), Singer; Winner, Best Male Mandarin Singer, Golden Melody Awards, 2008
Wong Sze Zen (born in Malaysia), Miss Malaysia/World, 2003
Lim Pey Yeng 林佩盈 (born in Malaysia), First Runner Up, Miss Astro Chinese International Pegeant 2000, Famous TV / Event Host
Indonesia
Wendy Setiawan (1973-; born in Indonesia), Cover Girl first winner, 1989, Mode Magazine
Delon Thamrin (1978-; born in Indonesia), Runner-up, Indonesian Idol Season 1, 2004
Sportspersons
China
Lu Qin 呂欽/吕钦 (1962-; Huiyang, Guangdong), Xiangqi grandmaster; Winner, World Xiangqi Individual Championships, 1990, 1995, 1997, 2001 and 2005
Ye Qiaobo 葉喬波/叶乔波 (1964-; Hexian, Guangxi), Winner, World Sprint Speed Skating Championships, 1992, 1993
Xie Yuxin 謝育新/谢育新 (1968-; Xingning, Guangdong), National footballer, 1987–1996; First Chinese to play professional football overseas, 1987; Was the youngest footballer and youngest scorer, China national football team
Sun Caiyun 孫彩雲/孙彩云 (1973-; Shenzhen, Guangdong), World record-holder, Pole Vault, 1992–1995
Yang Jinghui 楊景輝/杨景辉 (1983-; Guangzhou, Guangdong), Gold medalist, Diving, 2004 Athens Olympics
Chen Hong 陳宏/陈宏 (1979-; Changting, Fujian), Number 1 badminton player on the world ranking list from 2002 to 2003.
Lin Dan 林丹 (1983-; Longyan, Fujian), Individual and Team gold medalist, 2008 Beijing Olympics; Winner, World Badminton Championships, 2006, 2007, 2009
Zhang Xiangxiang 張湘祥/张湘祥 (1983-; Longyan, Fujian), Gold medalist, Weightlifting, 2008 Beijing Olympics
He Wenna 何雯娜 (1989-; Longyan, Fujian), Gold medalist, Gymnastics (Trampoline), 2008 Beijing Olympics
Taiwan
Chu Mu-yen 朱木炎 (1982-), Gold medalist, Taekwondo, 2004 Athens Olympics; Champion, World Taekwondo Championships, 2003
Hong Kong
Lee Wai Tong 李惠堂 (1905-1979; ;Wuhua, Guangdong, born in Hong Kong), One of the greatest Asian footballer
[edit] Religion
Gregory Yong 楊瑞元/杨瑞元 (1925-2008; born in Malaysia), Roman Catholic Archbishop Emeritus, Singapore, 1977–2000
John Wu 胡振中樞機 (1925-2002;Wuhua,Guangdong), Roman Catholic Bishop of Hong Kong, 1975-2002
Others
Lam Yiu-Kwai 林耀桂 (1877-1966; Huiyang, Guangdong; born in China), Creator of dragon-styled Chinese martial art, Dragon Kung Fu, which has its origins from Hakka Kuen
Chin Lik Keong 曾力强, Creator of I Liq Chuan 意力拳 Chinese martial art

ที่มา: Wikipedia Encyclopedia


รูปภาพของ วี่ฟัด

ท่านอานันท์มีมารดาเป็นคนฮากกา

ในปาฐกถาของท่านอานันท์ ปันยารชุน เรื่องความสัมพันธ์ ไทย - ลาว เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2537 ณ. โรงแรมล้านช้าง นครเวียงจันทร์ โดยในเนื้อหาส่วนหนึ่งท่านกล่าวว่า " พ่อผมมาจากเชื้อสายมอญอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศไทย ไม่มีอะไรเกี่ยวกับลาว แม่ผมมาจากจีน เชื้อสายจีน จีนแคะ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับลาวอีก ผมไม่มีพี่น้อง ปันยารชุน อยู่ภาคอีสานเลยภาษาลาวก็พูดไม่ได้ "

ซึ่งข้อเท็จจริงอันนี้ไหง่เคยทราบมานานแล้ว โดยอาสุขไพจิตร บุลทวีนันท์ อดีตนายกสมาคมฮากการาชบุรี ได้เล่าให้ไหง่ฟังว่าเคยพบท่านอานันท์ ในงานแห่งหนึ่ง ( ซึ่งอาสุขไพจิตรไปในนามของสมาคมฮากการาชบุรี ) ท่านอานันท์ได้เข้ามาทักทายแล้วถามว่า " มาจากใหน " อาสุขไพจิตร ตอบว่า " มาจากสมาคมฮากการาชบุรี " ท่านอานันท์ จึงตอบว่า " แมผมก็เป็นคนฮากกา "

เนื้อหาคำบรรยายที่ไหง่กล่าวถึง http://www.anand.in.th/th_speech/t090201.html

รูปภาพของ YupSinFa

ต้องรับท่านอานันท์เข้าไว้ในสารบบ

 

              วี่ฟัดโก พูดกับไหงอย่างที่ท่านเขียนไว้ข้างบนนั้นแหละครับว่าทราบจากท่านนายกสมาคมฮากการาชบุรี ว่าท่านอานันท์ ปันยารชุน เดินเข้ามาทักท่านอดีตนายกสมาคมฮากการาชบุรี ท่านอานันท์ตอบว่า "แม่ของผมก็เ็ป็นฮากกา"

               ดังนั้น จึงเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ไหงจะบันทึกชื่อของท่านอานันท์ ปันยารชุนไว้ ในสารบบ ของชาวไทยเชื้อสายฮากกาที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติไทย ต่อไปอย่างไม่ตกหล่น

               และนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เวลาไหงจะอ้างอิงว่ามีชาวไทยฮากกาท่านใดบ้างที่มีชื่อเสียงโ่ด่งดังในประเทศไทย ไหงก็จะเพิ่มชื่อของท่านอานันท์ ปันยารชุน เข้าไปในลำดับต้น ๆ ด้วยความภาคภูมิใจของพวกเราชาวไทยฮากกา

               ขอขอบพระคุณวี่ฟัดโกมากครับ

รูปภาพของ จ๊องหยิ่นฮยุ๋ง

สกุล "โชติกเสถียร" เป็นคนฮากกา?

มารดาของท่านอานันท์ คือ คุณหญิงปรีชานุสาสน์ (ปฤกษ์ โชติกเสถียร) เพราะฉะนั้น สกุล "โชติกเสถียร" ก็ต้องเป็นคนฮากกา ซตพ.

รูปภาพของ มะไฟ

โชติกเสถียร

โชติกเสถียร เป็นตระกูลจีนฮากกาแน่นอน ไหงรู้จักแต่ไม่เคยถามว่าเซี่ยงอะไร ไหงรู้จักคุณเรณู โชติกเสถียร ดีเจ้านายเก่าไหงเองที่กรมประชาสงเคราะห์ พูดจีนไม่ได้แล้ว เพียงแต่รู้รากตัวเองมาจากไหนเท่านั้น แต่ตระกูลนี้ถูกแต้จิ๋วกลืนไปเยอะแล้ว  ปู่เป็นจีนที่มาได้บรรดาศักดิ์เป็นคุณหลวงหรืออย่างไงจำไม่ได้

รูปภาพของ YupSinFa

เกี่ยวกับ "โชติกเสถียร"

ในสังคมคนเก่าคนแก่ไฮโซหรือผู้สูงศักดิ์ของชาวบางกอกหรือกรุงเทพ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ตระกูล "โชติกเสถียร" ในฉากของภาพยนต์จอเงินเรื่อง "พระศรีสุริโยทัย" ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล พระบิดาของคุณหญิงแสนแก่นแก้วแมงมุม นั้น ในตอนหนึ่งของบทภาพยนต์เรื่องนี้นั้น ได้เอ่ยถึง "พระยาโชฎึกราชเศรษฐี" แสดงว่า บรรดาศักดิ์ที่ชั้นเจ้าพระยาในราชทินนามโชฎึก มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

ครั้นมาถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้าพระปิยมหาราช รัชกาลที่ ๕ ของชาวไทย มีพระยาท่านหนึ่งที่ราชทินนามนี้คือ "เจ้าพระยาโชฎึก" ซึ่งเป็นต้นตระกูล "โชติกเสถียร" ตามความน่าจะเป็น ถ้าไม่ใช่ท่านเจ้าคุณพระยาโชฎึก เป็นจีนฮากกาที่มาจากประเทศจีน ก็น่าจะเป็นบิดาของท่าน ท่านน่าจะมาเกิดที่ประเทศไทยมากกว่าที่ท่านจะมาจากถ่องซาน

ตำแหน่งพระยาหรือเจ้าพระยาโชฎึกนี้ ไหงเข้าใจว่าเป็นนามที่เรียกเพี้ยน หรือเป็นราชทินนามจริงก็ยังไม่แน่ใจ แต่คำว่าพระยาโชฎึกในประวัติศาสตร์ชาติไทย มีอยู่หลายท่าน และมักจะเรียกสร้อยตามว่า พระยาโชฎึก-ราชเศรษฐี นับว่าเป็นราชทินนามที่มีให้แก่ชาวจีนที่กินบรรดาศักดิ์ที่พระยา-เจ้าพระยาที่เป็นเจ้าสัวในสมัยก่อน

ส่วนต้นตระกูล "่โชติกเสถียร" ในปัจจุบันนี้ มาจากท่านเจ้าพระยาโชฎึกราชเศรษฐี ในรัชสมัยพระปิยมหาราชของเรานี้เอง

                ส่วนอากุงไท้ของไหง่(ทวด) ท่านก็มีบรรดาศักดิ์กับเขาเหมือนกันนะ แต่เป็นบรรดาศักดิ์หรือชื่อของตำแหน่งไม่แน่ใจ ท่านมีนามว่า "อากรหมา" (ท่านชื่อเกี้้ยว) อาผอของไหง่บอกว่า ท่านเป็นทนายความ ไหงก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ท่านประกอบอาชีพทนายความ ทำไมถึงมีคำนำหน้่าว่า อากร ทั้ง ๆ ที่ นายอากรบ่อนเบี้ย เป็นตำแหน่งที่ทางราชการมักจะนิยมแต่งตั้งให้ชาวไทยเชื้อสายจีนในสมัยก่อน ซึ่งถือว่ามีความเชี่ยวชาญทางเลขทางบัญชีเป็นผู้เก็บส่วยอากรจากบ่อนหรือโรงฝิ่นต่าง ๆ จึงมักจะเรียกว่า นายอากรบ่อนเบี้ย นั่นเอง 

รูปภาพของ มะไฟ

มีโอกาสไหงจะถามให้

มีโอกาสไหงจะถามให้ เพราะเจ้านายเก่าไหงท่านเป็นสาวแก่อายุ อีกสิบกว่าปีร้อยแล้ว รุ่นปู่ก็คงจะประมาณ ร.๔ ร.๕ ประมาณนั้น เพราะแกเกิดปลาย ร.๖ แล้ว ๒๔๖...กว่า ตรงกับปลาย ร.๖ แต่ยังแข็งแรงดี จะเจอกันก็ช่วงสงกรานต์  ปีใหม่ หรือมีงาน หน้าตาแกก็ออกจีนอยู่แล้ว

รูปภาพของ จ๊องหยิ่นฮยุ๋ง

พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (เถียน) เป็นต้นสกุล โชติกเสถียร

พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (เถียน) เป็นบุตรจีนจือ เกิดปีจอ อัฐศก จุลศักราช 1188 (พ.ศ. 2369) ภูมิลำเนาเดิมอยู่ในคลองสวนพลู ซึ่งเป็นคลองเล็ก ๆ แยกจากแม่น้ำแควป่าสักตรงหัวแง่วัดพนัญเชิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา อันเป็นถิ่นที่คนจีนอยู่กันมากในสมัยกรุงศรีอยุธยา 
ภายหลังจีนเถียนได้สมรสกับท่านสุ่น ชาวบ้านลานตากฟ้า นครชัยศรี เมื่อตอนปลายรัชกาลที่ 3 แล้วลงมาตั้งทำการค้าขายในกรุงเทพ ฯ ที่บ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างวัดบพิตรภิมุข มีโรงสินค้าอยู่สองฝั่งคลองผดุงกรุงเกษม (เหนือ) ตอนปากคลอง จนมีฐานะมั่งคั่ง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป 
ครั้นถึงรัชกาลที่ 4 ได้ถวายตัวอยู่ในกรมสมเด็จพระเทพศิรินนทรามาตย์ ได้ช่วยเหลือราชการแผ่นดินด้วยความจงรักภักดีเป็นอันมาก จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นที่ขุนสมุทรโคจร ในกรมท่าซ้าย และเป็นหลวงภาษีวิเศษเมื่อ พ.ศ. 2402 ตำแหน่งเจ้าภาษีนายอากรอยู่ในกรมท่าซ้าย ต่อมาได้รับพระราชทานสัญญาบัตรครั้งแรกเป็นพระพิบูลย์พัฒนากรเมื่อ พ.ศ. 2411 และเป็นพระยานรนาถภัคดีศรีรัชฎากรเมื่อ พ.ศ. 2416 ช่วยราชการคลังในหอรัษฎากรพิพัฒน์ด้านภาษีอากร และเงินรายได้ของแผ่นดิน เมื่อ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ได้เป็นจางวางกรมสรรพภาษี กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ได้เป็นองค์มนตรีที่ปรึกษาราชการในพระองค์ เป็นผู้มีหน้าที่ในการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ ณ ท้องสนามหลวง และจัดตั้งโรงพยาบาล ได้โดยเสด็จพระราชดำเนินในการประพาสต่างประเทศด้วย เป็นผู้ปฏิสังขรณ์วัดนรนาถสุนทริการาม และกิจการอย่างหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในสำเพ็งเป็นครั้งแรกคือ ได้เป็นผู้ทำน้ำประปาจำหน่าย โดยสูบน้ำขึ้นถังแล้วต่อท่อไปตามบ้าน ซึ่งทำให้ผู้ใช้น้ำได้รับความสะดวกเป็นอันมาก 
พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (เถียน) ถึงอนิจกรรมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2437 อายุได้ 69 ปี บุตรของท่านคนหนึ่งได้เป็นพระยาธรรมจรรยานุกุลมนตรี (ทองดี) พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (เถียน) เป็นต้นสกุล โชติกเสถียร
ที่มา: http://www.jotikasthira.com 
รูปภาพของ YupSinFa

พระยาโชฎึกราชเศรษฐีมีหลายท่าน

           เช้านี้บังเิอิญไหงได้อ่านคอลัมน์ "วัน เว้น วัน จันทร์ พุธ ศุกร์" ของอาจารย์ประภัสสร เสวิกุล ที่ไหงเป็นแฟนท่าน ทางหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันศุกร์ ที่ 5 พฤศจิกายน 2553 มีตอนหนึ่งที่เอ่ยถึงพระยาโชฎึกราชเศรษฐีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ถึงแม้ว่าจะเป็นการเอ่ยถึงเพียงบรรทัดเดียว แต่เนื้อหาโดยรวมเป็นประโยชน์และน่ารับรู้ไว้มากจึงขอถ่ายทอดมาลงไว้ ณ ที่นี้

           ยี่กอฮง

           "วันก่อนผมไปชมการแสดง "ข้าวต้มชามแรก" ในงาน "1 ทศวรรษความดี 100 ปี ป่่อเต๊กตึ๊ง" ซึ่งเวทีของการแสดงตั้งอยู่บนถนนพลับพลาไชย บริเวณหน้าโรงพักพลับพลาไชย กับวัดคณิกาผล เลยทำให้อดนึกถึงประวัติของสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ขึ้นมาไม่ได้

           สถานที่ที่เป็นโรงพักพลับพลาไชยในปัจจุบันนี้นั้น แต่เดิมในอดีต เคยเป็นที่ตั้งบ้านของ "ยี่กอฮง" ผู้นำชาวจีนในกรุงเทพฯ สมัยรัชกาลที่ 6 ยี่กอฮง เป็นคนแต้จิ๋ว แซ่แต้ มีชื่อในภาษาจีนว่า หงี่ฮง ว่ากันว่ายี่กอฮงเกิดที่กวางตุ้ง ในปี พ.ศ.2394 (ค.ศ.1851-ง่ายต่อการเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์จีนดี-ยับสินฝ่า) แต่ก็มีบางหลักฐานแสดงว่าท่านเกิดในประเทศไทยแถวหัวมุมสี่กั๊กพระยาศรี ที่ร้านขายผ้าของบิดา เมื่อบิดาเสียชีวิต จึงเดินทางไปประเทศจีนจนอายุได้ 16 ปี จึงได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง โดยขึ้นไปอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และแต่งงานกับบุตรีคหบดีย่านสันป่าข่อย และพำนักอยู่ที่เชียงใหม่เป็นเวลา 14 ปี (จากการที่ได้อ่านเกี่ยวกับประวัติศาสต์เมืองเชียงใหม่ในระยะ100 ปีที่ผ่านมาไหงยังไม่เคยอ่านผ่านตาเกี่ยวกับจีนหงีฮงมาได้ภรรยาที่เชียงใหม่-อนึ่ง คหบดีจีนแถวสันป่าข่อยในสมัยนั้น คือ "หลวงศรีประกาศ" เจ้าของโรงแรมและภัตตาคารจีนชื่อดังมากในสมัยนั้นและมีธุรกิจการเดินรถสายเชียงใหม่-ลำปางและการค้าขายอีกหลายอย่าง นอกจากหลวงศรีประกาศแล้วยังมี หลวงอนุสารสุนทร-คหบดีเจ้าที่ดินย่านไนท์บาซ่าเจ้าของตลาดอนุสาร-ต้นตระกูล ชุติมา และ นิมมานเหมินทร์ ดังนั้น จีนหงี่ฮงหรือยี่กอฮง อาจจะเป็นเขยของสองท่านนี้ท่านใดท่านหนึ่ง-ยับสินฝ่า) จึงย้่ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยผูกแพอยู่้หน้าจวน ท่านเจ้าคุณโชฎึกราชเศรษฐี แถววัดอรุณราชวราราม แล้วขยับขยายมาปลูกตึกอยู่ที่พลับพลาไชย

               หงี่ฮง เคยเข้าร่วมขบวนการต่อต้านราชวงศ์ชิง-กอบกู้ราชวงศ์หมิง(พี้ชิง-ข่งหมิง-ล้มชิงฟื้นหมิง-ยับสินฝ่า) โดยเป็นสมาชิกในสมาคมลับแห่งหนึ่ง แต่ด้วยลักษณะความเป็นผู้นำ ทำให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง "ยี่กอฮง" หรือหัวหน้าคนที่สอง แม้ภายหลังจะมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าใหญ่ของสมาคม ท่านก็พอใจที่จะอยู่ในตำแหน่งยี่กอฮงต่อไปตามเดิม

               เมื่อ ดร.ซุนยัดเซ็น เดินทางมาประเทศไทยก่อนการโค่นล้มราชวงศ์ชิง ได้มีความสนิทสนมกับยี่กอฮงเป็นอย่างมาก และได้ตั้งชื่อให้ยี่กอฮงว่า "ตี๊ย่ง" ซึ่งหมายถึงผู้มีสติปัญญาและความกล้าหาญ

               ยี่กอฮง ประกอบการค้าหลายอย่าง แต่ที่ทำให้สามารถสร้างฐานะจนร่ำรวยได้ คือการเป็นเจ้าภาษีโรงงานสุรา บ่อนเบี้ย โดยเฉพาะ บ่อน "ฮวยหวย" เนื่องจากในตอนนั้น รัฐบาลประสบปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินการคลังจึงมีนโยบายเปิดบ่อนฮวยหวยเพื่อหาเงินเข้าคลัง และยี่กอฮงได้รับเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการบ่อนฮวยหวยออกหวยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น สามารถทำรายได้เข้าท้องพระคลังเป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ยี่กอฮงเป็น "พระอนุวัฒน์ราชนิยม" และัพระราชทานนามสกุลว่า "เตชะวนิช" 

             เมื่อมีการออกพระราชบัญญัติเลิกอากรบ่อนเบี้ยและหวย ยี่กอฮงได้หันไปดำเนินกิจการต่างๆ เช่นการเดินเรือทะเล โรงสีข้าว ส่งสินค้าเข้า-ออก โรงจำนำ หนังสือพิมพ์รายวัน และโรงพิมพ์ มีกิจการในญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ เซียะเหมิน และซัวเถา

             ขณะเดียวกัน ท่านยังช่วยเหลือกิจการสาธารณกุศลอย่างแข็งขัน เช่นร่วมกับเพื่อน ๆ ก่อตั้งโรงเรียนเผยอิง ศาลเจ้าเก่าถนนทรงวาด ก่อสร้างท่าน้ำฮั่วเซี้ยม ก่อตั้งโรงพยาบาลเทียนฟ้า(จำได้ว่าโรงพยาบาลเทียนฟ้าเป็นทรัพย์สินของสมาคมฮากกาแห่งประเทศไทยไม่ใช่เหรอ?-ยับสินฝ่า) รณรงค์หาเงินให้สภากาชาดไทย ก่อตั้งศาลไต้ฮงกง และคณะเก็บศพไต้ฮงกง ซึ่งได้พัฒนามาเป็นมูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง(ฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเชียงตึ๊ง-ยับสินฝ่า)ในเวลาต่อมา

            บั้นปลายของชีวิต ยี่กอฮงประสบปัญหาด้านการเงินจนถูกฟ้องล้มละลาย ทรัพย์สินถูกยึดเป็นของหลวง แต่เนื่องจากท่านได้ทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองไว้เป็นอันมาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยี่กอฮงอาศัยอยู่ในตึกที่พลับพลาไชยต่อไปจนตลอดชีวิต

            ยี่กอฮง เสียชีวิตในปี พ.ศ.2479 (ค.ศ.1936) และ หลวงอดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจในเวลานั้นต้องการใช้บ้านของท่านเป็นโรงพักกลาง แทนโรงพักสามแยกที่ถูกไฟไหม้ จึงได้รื้อตัวตึกเดิมทั้งหมด แล้วสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาแทน อย่างไรก็ตามบนชั้น 4 ของโรงพักพลับพลาไชยแห่งนี้ ยังมี ศาลเจ้ายี่กอฮง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของตำรวจและประชาชนทั่วไปตั้งอยู่ด้วย"

หมายเหตุของยับสินฝ่า-จากการที่เราได้ทราบว่า "พระยาโชฎึกราชเศรษฐี" นั้น มีหลายยุคหลายสมัย และมีอยู่หลายท่าน ที่มีราชทินนามนี้เหมือนกัน ข้อสันนิษฐานของไหง่จึง มีอยู่สองประเด็น คือ ประเด็นแรก พระยาโชฎึกราชเศรษฐีเป็นราชทินนามตกทอดจากพ่อสู่ลูกและหลาน จึงมีราชทินนามเดียวกันและเป็นต้นตระกูล "โชติกเสถียร" ทั้งหมด หรือ ประเด็นที่สอง พระยาโชฎึกราชเศรษฐี มีหลายคน และแต่ละท่านไม่เกี่ยวดองหนองยุ่งเป็นคนละตระกูลคนละครอบครัวกัน ดังนั้น พระยาโชฎึกราชเศรษฐี คนล่าสุดคือท่านที่มีชื่ออยู่ในข้อเขียนของอาจารย์ประภัสสร ซึ่งตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 ที่มีพระราชบัญญัตินามสกุล จึงเป็นต้นตระกูลโชติกเสถียร ตัวจริงน่าจะเป็นอย่างนี้นะครับไท้ก๋าหยิ่น.

รูปภาพของ นายวีรพนธ์

พระยาโชฎึกราชเศรษฐี ต้นสกุลไกรฤกษ์ ก็มี

ฉบับที่ 2411 ปีที่ 47 ประจำวันอังคารที่ 2 มกราคม 2544  

บทความ-สารคดี
โดย  จุลลดา ภักดีภูมินทร์

ต้นสกุลไกรฤกษ์
ที่จะเล่าถึงนั้นไม่ใช่เรื่องของนายนับ หรือหลวงไกรฤกษ์ราชเสวี ผู้ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงมีพระราชกระแสว่า จะเลี้ยงมันไว้เมื่อแก่จะได้ใช้มั่นให้ตำหมากให้กิน แต่จะเล่าถึงพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพไกรฤกษ์) บิดาของนายนับ และเจ้าจอมมารดาชุ่ม ป้าของนายนับ ซึ่งทั้งสองท่านต่างมีเรื่องราวอันน่าสนใจเป็นอันมาก ต้นสกุลไกรฤกษ์ คือ พระยาไกรโกษา (ฤกษ์) ได้มีผู้เล่าประวัติของท่านไว้ในที่หลายแห่งแล้ว จึงจะเว้นเสีย เริ่มแต่เพียงว่า ตั้งแต่ชั้นลูกพระยาไกรโกษา (ฤกษ์) อันเป็นชั้นที่ ๒ มีเจ้าจอมเข้ารับราชการคือ เจ้าจอมยี่สุ่น ท่านหนึ่ง และมีพี่ชายของเจ้าจอมยี่สุ่นรับราชการได้เป็นพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน) ในพจนานุกรมไม่มีคำว่า โชฎึกมีแต่ โชดึกน่าจะเป็นคำเดียวกัน ขยายความว่า มาจาก โชติก=โช-ติ-กะ แปลว่า ผู้มีความรุ่งเรือง ในสมัยพุทธกาล ก็มีเศรษฐีใจบุญนามว่า โชติกเศรษฐี สมัยกร07x0@0 เช่น พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก) ต้นสกุลโชติกะพุกกณะ เป็นต้น ก่อนสมัยรัชกาลที่ ๖ ยังไม่มีพระราชบัญญัตินามสกุล ท่านผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นขุน หลวง พระ พระยา ตลอดจนเจ้าพระยา มักจะมีราชทินนามซ้ำต่อๆ กันลงมาจึงต้องมีชื่อจริงต่อท้ายไว้ในวงเล็บให้ทราบว่าเป็นคนในสมัยไหน พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน ไกรฤกษ์) ได้เป็นพระยาโชฎึกฯ ในรัชกาลที่ ๑ พระยาโชฎึกฯ (ทองจีน) มีธิดาคนใหญ่รับราชการในรัชกาลที่ ๒ ชื่อ เจ้าจอมอิ่ม เจ้าจอมอิ่มมีน้องหญิงชายหลายคน แต่มีอยู่ผู้หนึ่งซึ่งรับราชการได้เป็น พระมงคลรัตนราชมนตรี (ช่วง) เจ้าจอมอิ่มเข้ารับราชการเป็นละครหลวงในรัชกาลที่ ๒ ในรัชกาลที่ ๒ นั้น เป็นสมัยที่การละครฟ้อนรำตลอดจนดนตรีมโหรีปี่พาทย์ การทวีเฟื่องฟูมาก เป็นยุคแห่งศิลปินและวรรณกรรมโดยแท้ตลอดรัชกาล ตัวละครในที่มีรูปโฉมงดงามและรำงามเด่นสะดุดตา มักจะได้เข้ารับราชการเป็นเจ้าจอมพระสนม หากโปรดปรานก็อาจได้เป็นถึงพระสนมเอก เจ้าจอมอิ่ม เมื่อเป็นละครหลวง ได้แสดงบทย่าหรัน (สียะตราเมื่อปลอมตัวตามหาอิเหนา และบุษบา) อันเป็นตัวรองของพระเอก ซึ่งผู้แสดงจะต้องมีร่างเล็กบาง หน้าตาสวยงามคล้ายกับนางเอกคือบุษบา เจ้าจอมอิ่มแสดงบทย่าหรัน จนกระทั่งมีชื่อตัวละครติดตัว เรียกกันว่า คุณอิ่มย่าหรันตลอดมา ในเรื่องราชินิกุล รัชกาลที่ ๕ พระนิพนธ์สมเด็จฯ พระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุขฯ กรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช ทรงเล่าถึง คุณอิ่มย่าหรันไว้ว่า  ท่านอิ่มย่าหรันผู้นี้คล้ายเศรษฐินี เพราะบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติและชื่อเสียง เป็นผู้ ๑ ที่ฝักใฝ่ตัวอยู่ใน สมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูรมาเก่าแก่ช้านาน ภายหลังถึงกับรับเป็นผู้อุปการะใน สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์ด้วย สมเด็จกรมพระยาสุดารัตน์ โปรดปรานอย่างสนิทสนมทรงนับถือว่าเป็นผู้ดีเก่าอันมีมารยาทดี (ท่วงทีก็จริง ผู้เขียนได้คุ้นเคยกันดี และได้เคยเห็นแต่นุ่งจีบห่มแพรอยู่เสมอ จนถึงชั้นหลังๆ ก็ไม่ยอมเลิกจนตลอดชีวิต) ท่านอิ่มย่าหรันผู้นี้เป็นผู้ที่ชักจูงพระมงคลรัตน (ช่วง) ผู้เป็นญาติให้ถวายธิดา คือเจ้าจอมมารดาชุ่มไว้ในพระสำนักสมเด็จกรมพระยาสุดารัตน อันได้ทรงอภิบาลทะนุบำรุงสืบมาจนถึงได้เป็นพระสนมเอกในรัชกาลที่ ๕ นั้น สมเด็จกรมพระยาสุดารัตนฯ ในพระนิพนธ์นี้ เมื่อรัชกาลที่ ๕ ทรงพระอิสริยศักดิ์สูงสุดเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมอัยยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ในรัชกาลที่ ๖ เปลี่ยนเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๓ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ซึ่งก็คงทราบกราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า พระนามเดิมของท่านคือพระองค์เจ้าลม่อมร่วมพระชนกชนนีเดียวกันกับ สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ (พระองค์เจ้าศิริวงศ์) จึงทรงเป็น อาแท้ๆ ของ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี (มิได้ใช้คำว่า ในเพราะทรงพระอิสริยยศ สูง และทรงอาวุโสกว่า สมเด็จพระเทพศิรินทราฯ เมื่อสมัยโบราณนั้น คำว่า ในใช้แต่เฉพาะเมื่อจะเอ่ยถึงบุคคลซึ่งเป็นของพระเจ้าอยู่หัวและบุคคลซึ่งศักดิ์หรืออาวุโสน้อยกว่า เจ้านายที่เป็นเจ้าของ เช่น พระชายาใน สมเด็จเจ้าฟ้า ฯลฯ) สมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตนฯ ทรงเลี้ยงดู สมเด็จพระเทพศิรินทราฯ มาแต่ยังทรงพระเยาว์ ด้วย สมเด็จพระบรมราชมาตาฯ สิ้นพระชนม์ เมื่อพระชันษาเพียง ๒๘ เมื่อสมเด็จพระเทพศิรินทราฯ ทรงได้รับพระราชทานสมมติยาภิเษก เป็น พระราชเทวี พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์แล้ว พระชันษาเพียงเท่าพระชนก ก็สิ้นพระชนม์ สมเด็จฯกรมพระยาสุดารัตนฯ จึงทรงเลี้ยงดูอภิบาลพระโอรสทั้ง ๓ ใน สมเด็จพระเทพศิรินทราฯ ต่อมา คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ตั้งแต่พระชนมายุ และพระชันษา ๘ ๕ ๒ ตามลำดับ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง จึงทรงเคารพรัก และเกรงพระทัย สมเด็จฯกรมพระยาสุดารัตนฯ มาก ตรัสเรียกว่า เสด็จยายดังที่ทราบกันอยู่แล้ว และโปรดให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เรียกว่า ทูลกระหม่อมยาย ดังนั้นบุคคลใดเป็นที่โปรดปรานใน สมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตนฯ จึงพลอยเป็นที่โปรดปรานใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ด้วยดังเช่น พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ ซึ่งโปรดปรานมาก ถึงขนาดตั้งพระทัยไว้ว่จะทรงสนับสนุนให้ได้รับพระราชทานสมมติยาภิเษก เป็นพระราชเทวี ในรัชกาลที่ ๕ เช่นเดียวกับที่ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เคยทรงได้รับมาแล้วในรัชกาลที่ ๔ แม้กระนั้นสมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตนฯก็มิได้ทรงสนับสนุนจนลืมขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณี เพียงแต่คงจะมีพระประสงค์ ให้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงมีพระภรรยาเจ้า เพื่อจะได้ทรงมี สมเด็จเจ้าฟ้าสืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อไปในภายหน้า ทว่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ เมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เสด็จขึ้นครองราชย์ นั้น เจ้านายผู้หญิงในสมัยรัชกาลที่ ๒ และ ๓ ชั้นพระเจ้าลูกเธอส่วนมากทรง มีพระชันษาสูงๆ มีแต่เจ้านายชั้นพระเจ้าหลานเธอ (หม่อมเจ้า) โดยเฉพาะพระเจ้าหลายเธอในรัชกาลที่ ๓ ที่ยังทรงอยู่ในวัยสาว พระเจ้าหลานเธอ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ โปรดปรานมีอยู่สองพระองค์ พระองค์แรกทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระองค์ที่สองคือ หม่อมเจ้าหญิงรำเพย ดังในพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ถึงพระราชกรณียกิจในรัชกาลที่ ๓ ตอนหนึ่งว่า เสด็จขึ้น (คือหลังจากเสด็จออกว่าราชการ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. แล้ว-จุลลดาฯ) เวลาบ่าย ๒ โมง (๑๔ นาฬิกา) หรือบ่าย ๒ โมงครึ่ง แล้วออกพระเฉลียงด้านใต้ (ของพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทำนองระเบียงนั่งเล่นของบ้านคนธรรมดาทั่วไป-จุลลดาฯ) ไม่มีใครเฝ้า เฝ้าแต่กรมหลวงวรเศรษฐ สมเด็จพระเทพสิรินทร สมเด็จพระนางโสมนัส ทรงพระอักษรหรือเล่นกับเจ้านาย ๓ องค์นี้ จนเวลาบ่าย ๔ โมง (๑๖ นาฬิกา) ครึ่ง หรือ ๕ โมง (๑๗ นาฬิกา) จึงเสด็จเข้าที่….”  เข้าที่คือ เข้าที่บรรทมเวลากลางวัน และบรรทมตื่น ๒ ทุ่ม (๒๐ นาฬิกา) เพื่อเสด็จออกท้องพระโรงว่าราชการ จนกระทั่งถึงตี ๒ ตี ๓ หากมีราชการสำคัญ กว่าจะเสด็จขึ้นก็อาจถึงตี ๔ หรือ ๕ และบรรทมตื่นเวลา ๘.๐๐ น. เพื่อทรงบาตรตามเวลาไม่คลาดเคลื่อน เจ้านายสามพระองค์ในพระราชนิพนธ์ ก็คือ พระราชธิดาพระองค์สุดท้าย พระองค์เจ้าบุตรี (ในรัชกาลที่ ๕ โปรดฯ สถาปนาเป็นพระเจ้าอัยยิกาเธอ กรมหลวงวรเสรฐสุดา) เมื่อ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเสด็จสวรรคต พระองค์เจ้าบุตรีพระชันษา ๒๒ สมเด็จพระเทพศิรินทราฯ เมื่อยังดำรงพระยศหม่อมเจ้ารำเพย และ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี เมื่อยังดำรงพระยศ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ทั้งสองพระองค์เมื่อ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เสด็จสวรรคต มีพระชันษา ๑๗ เท่ากัน (ประสูติ พ.ศ.๒๓๗๗ ทั้งสองพระองค์) ขึ้นรัชกาลที่ ๔ บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างมีความเห็นพ้องกันว่า บรรดาผู้ที่จงรักภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ อย่างมั่นคงนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมากเพราะเสด็จครองราชย์อยู่ถึง ๒๗ ปี เพื่อยึดน้ำใจของคนเหล่านั้นจึงเห็นว่าน่าจะโปรดเกล้าฯสถาปนา เชื้อสายใน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯขึ้นเป็นพระอัครราชเทวี พระองค์เจ้าโสมนัสฯ นั้นว่ากันว่าทรงพระโฉมงดงามเป็นที่โปรดปรานอยู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระนางเจ้าพระอัครราชเทวี ต่อมาเมื่อ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสฯ สวรรคตแล้วจึงทรงสถาปนา หม่อมเจ้ารำเพย เมื่อในรัชกาลที่ ๔ เป็นมาเช่นนี้ สมเด็จฯกรมพระยาสุดารัตนฯ จึงทรงมีพระประสงค์จะให้หม่อมเจ้าหญิงปิ๋ว ซึ่งทรงเลี้ยงดูมาเช่นเลี้ยงดูมา สมเด็จพระเทพศิรินทราฯ และเป็นหลาน อาที่โปรดปรานมาก (ทว่ามิใช่หลานแท้ๆ เป็นเพียงหลานพระธิดาในพระเชษฐาต่างพระชนนี) ได้เป็นพระภรรยาเจ้าและพระราชเทวี ทว่าในรัชกาลที่ ๕ นั้นมีพระราชธิดา ในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งทรงศักดิ์เป็น ลูกหลวงและเป็นที่โปรดปรานใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง มีพระชันษาสูงกว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเพียง ๑๐ เดือน คือ พระองค์เจ้าทักษิณชานราธิราชบุตรี พระเกียรติยศสูงกว่า หม่อมเจ้าหญิงปิ๋ว หากทรงเป็นพระภรรยาเจ้าด้วยกัน หาก สมเด็จเจ้าฟ้าประสูติก็จะสมพระเกียรติยศ หน่อพระพุทธเจ้ายิ่งกว่า สมเด็จฯกรมพระยาสุดารัตนฯ จึงทรงเห็นด้วย แสดงให้เห็นว่าน้ำพระทัยนั้นรักขนบธรรมเนียมราชประเพณี ยิ่งกว่าจะทรงเห็นแก่ความรักความชอบส่วนพระองค์ พระองค์เจ้าทักษิณชาฯ ประสูติ สมเด็จเจ้าฟ้าเป็นที่ปีติโสมนัสของทุกพระองค์และทุกคนที่ทรงหวังและหวังเอาไว้ ทว่าพระราชกุมารสิ้นพระชนม์ให้วัยประสูติ ทำให้พระองค์เจ้าทักษิณชาฯ ทรงเศร้าโศกเสียพระทัยจนทรงประชวรไม่อาจทรงรับราชการได้อีกต่อไป หม่อมเจ้าหญิงปิ๋วจึงได้รับราชการเป็นพระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง ทรงสถาปนาเป็นพระอัครชายาเธอ หม่อมเจ้าหญิงปิ๋วประสูติพระราชธิดา แล้วก็ทรงประชวรกระเสาะกระแสะเรื่อยมา มิได้มีพระหน่ออีก ต่อมาจึงทรงรับพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เป็นพระภรรยาเจ้า จริงๆ แล้วจะเล่าถึงเจ้าจอมมารดาชุ่มซึ่งเข้ามาอยู่ในพระสำนัก ของ สมเด็จฯกรมพระยาสุดารัตนฯ แต่ที่เท้าความยาวยืด ก็เพื่อจะให้ทราบถึงพระสำนักนั่นว่ามีท่านผู้ใดบ้าง เจ้าจอมมารดาชุ่ม นั้น อายุเห็นจะน้อยกว่าพระอัครชายาเธอ พระองค์เล็ก พระขนิษฐาพระองค์เล็ก ใน พระอัครชายาเธอ พระองค์กลาง (หม่อมเจ้าหญิงปิ๋ว) เพียงไม่กี่ปี เมื่อเข้ามาอยู่ในพระสำนักของสมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตนฯ คงจะสนิทชิดชอบกับพระอัครชายาเธอ พระองค์เล็กต่อมา พระราชธิดา ๒ พระองค์ในพระอัครชายาเธอพระองค์เล็กและ พระราชธิดา ๒ พระองค์ ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาชุ่มจึงทรงสนิทสนมกันมาก

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทักษิณชา พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๔

ที่มา http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetail.asp?stcolumnid=371&stissueid=2411&stcolcatid=2&stauthorid=13

ขอขอบคุณ

รูปภาพของ นายวีรพนธ์

พระยาโชฎึกราชเศรษฐีเป็นตำแหน่ง

คนจีนมียศ

(1/3) > >>

กระแช่:
ผมอยากรู้ประวัติของพระยาโชฏึกอะครับ
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย หรือ แนะนำหนังสือก็ได้ครับผม

แล้วมีคนจีนคนไหนอีกที่ได้ยศแบบนี้บ้างครับ

ขอบคุณครับ

เทาชมพู:
ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์  พระยาโชฎึกราชเศรษฐีเป็นตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อขุนนางคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ
ขุนนางคนใดได้มากินตำแหน่งเจ้ากรมท่าซ้าย  ซึ่งขึ้นกับพระคลัง ก็จะได้เป็นพระยาโชฎึกราชเศรษฐี
เป็นหัวหน้าคนจีน ควบคุมคนจีนในไทย  เพราะฉะนั้นพระยาโชฎึกฯก็คือคนไทยเชื้อสายจีน
คู่กับพระยาจุฬาราชมนตรี เจ้ากรมท่าขวา หัวหน้าฝ่ายแขกในไทย
พระยาโชฎึกฯมีหลายคน  แต่ที่มีลูกหลานสืบสกุลมาจนทุกวันนี้  เท่าที่ทราบคือ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี(พุก)  ต้นสกุล โชติกะพุกกะนะ
และพระยาโชฎึกฯ (เล่าเถียน) ต้นสกุลโชติกสเถียร
คนจีนที่มาได้ยศขุนนางไทย มีเยอะค่ะ  กรมท่าซ้ายทั้งกรมนั่นแหละ  ไปหาอ่านได้จากจดหมายเหตุสมัยรัชกาลที่ ๒  เป็นต้นมา  หรือจะทำเนียบตำแหน่งขุนนางท้ายหนังสือกฎหมายตราสามดวงก็ได้ค่ะ

กระแช่:
ขอบคุณมากครับผม

วรวิชญ:
พระศรีวิศาลวาจา นี่ก็น่าจะเป็นคนจีนนะครับ ส่วนฝรั่งจะเป็นพระยากัลยาณไมตรี

ไพจิตร:
ทางใต้ก็มีพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ค่ะ

คนจีนมียศ

<< < (2/3) > >>

เทาชมพู:
อีกสกุลหนึ่งที่นึกได้ในตอนนี้คือ ไกรฤกษ์  ต้นสกุลเป็นคนจีนแซ่หลิม

พระยาศรีวิศาลวาจา  ดิฉันทราบแต่ว่าเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ดิฉันไม่ทราบชื่อและนามสกุลของท่าน

ส่วนพระยากัลยาณไมตรี  (เจนส์ ไอเวอร์สัน เวสเตนการ์ด) (Jens Iverson Westengard) เป็น ชาวอเมริกัน ที่ปรึกษาราชการทั่วไป

อ่านได้ที่นี่ค่ะ

http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK4/chapter9/t4-9-l2.htm

ดิฉันเข้าไปค้นนามสกุลพระราชทานที่เว็บนี้

http://www.amed.rta.mi.th/palace/sur_order.htm

จะเห็นว่าต้นสกุลราวๆ ๕๐% เป็นคนเชื้อสายจีน

ขอแถมให้ว่าถ้าใครอยากอ่านเรื่องนามสกุลพระราชทาน ซึ่งมีที่มาน่าสนใจ  เปิดเข้าไปได้ที่นี่

http://www.amed.rta.mi.th/palace/sur_given.htm

น้าชู:
พระยาศรีวิศาลวาจา (เทียนเลี้ยง ฮุนตระกูล) สำเร็จการศึกษาเนติบัณฑิตอังกฤษ รับราชการสมัยรัชกาลที่ 6-7 เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญตามพระราชประสงค์ของ ร.7 แต่มิได้นำออกใช้ ร.7 ทรงเรียกว่า "ตาหุ่น" เพราะเป็นข้าราชบริพารใกล้ชิด แต่ทรงผิดหวังที่ท่านเจ้าคุณไปเข้ากับพวกคณะราษฎร ซึ่งก็ได้เป็นรัฐมนตรีคลังอยู่ระยะหนึ่ง รายละเอียดอ่านได้จากพระนิพนธ์ มจ.พูนพิศมัย ดิศกุล เรื่อง สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น
ส่วนที่ว่าท่านมีเชื้อสายจีน ก็คงจะเห็นได้จากนามเดิมของท่านนั่นเอง

เทาชมพู:
ขอบคุณมากค่ะ คุณน้าชู

ขอต่อด้วยเรื่องสกุลที่มาจากคนจีน

๑)ต้นสกุลไกรฤกษ์ คือนายเริก เป็นเชื้อสายจีน เริ่มรับราชการในสมัยธนบุรี เป็นขุนท่องสื่อ( หมายถึงล่าม) เดินทางไปกับคณะทูตไปจีนเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๔
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๑ ได้เป็นพระยาไกรโกษา
บ้านเดิมอยู่ที่สำเพ็ง  ตรงตรอกที่เรียกภายหลังว่า "ตรอกพระยาไกร"

๒) ต้นสกุลกัลยาณมิตร  คือจีนโต  ค้าสำเภาร่วมกับพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์   เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยมาก   ต่อมาเมื่อขึ้นครองราชย์   จีนโตก็ได้เป็นเจ้าพระยานิกรบดินทร์   ได้สร้างวัดกัลยาณมิตรไว้ที่ฝั่งธน

๓) ต้นสกุลรัตนกุล คือจีนกุน  รู้จักคุ้นเคยกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯตั้งแต่ยังทรงเป็นเจ้าพระยาจักรี
ต่อมาได้เป็นเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน)

CrazyHOrse:
เอาใกล้ๆแต่นึกไม่ถึงก็ หลวงวิจิตรวาทการ ไงครับ

นกข.:
ใช่ ... นามเดิมท่านคือ มหากิมเหลียง วัธนปฤดา ต่อมาเปลี่ยนเป็น วิจิตร วิจิตรวาทการ

ต้นตระกูลสารสิน ท่านก็มีเชื้อจีน ได้รับยศเป็นขุนนางไทยเหมือนกัน รุ่นก่อนท่านอดีตนายกฯ พจน์ สารสินขึ้นไป แต่ผมนึกชื่อท่านและบรรดาศักดิ์ของท่านไม่ออกตอนนี้

ทางตระกูล ณ สงขลา ก็ใช่ครับ

คนจีนมียศ

<< < (3/3)

เทาชมพู:
อีกท่านหนึ่ง ที่น่าจะนึกออกเพราะมีหนังสือท่านอยู่หลายเล่ม
คือ
พระยาอนุมานราชธน   (ยง   เสฐียรโกเศศ )ก็เชื้อสายจีนค่ะ
สารสิน- คุณนกข.  หมายถึงพระยาสารสินสวามิภักดิ์ (ฮี้) หรือเปล่าคะ?

ที่มา http://www.reurnthai.com/index.php?topic=563.0;wap2

ขอขอบคุณ

รูปภาพของ มะไฟ

พี่อานันท

พี่อานันท์ ปันยารชุน เป็นคนเขาช่องพราน อ.โพธาราม ราชบุรี ขอเรียกพี่ เพราะสำนักเดียวกัน เจอกันเรียกพี่ทุกที  ทุกสงกรานต์ก็จะไปไหว้โกฎบรรพบุรุษที่วัดเขาช่องพราน เพาะปู่แกเป็นคนสร้างวัด เป็นวัดคนมอญ แม่ก็คนจีนฮากกาแน่นอน ผมลืมเซี่ยงอะไรจำไม่ได้แล้ว อีกท่านญาติอาเม้ไหงเองครับ ดร.นิพนธ์ ศศิธร ที่เพิ่งเสียชีวิตไป มีศักดิ์เป็นอาคิ๊วกุ๊งไหงเอง อยู่แถววัดแก้ว บ้านไร่ชาวเหนือ รอยต่อโพธารามกับบางแพ ดำเนินสะดวก ดงคนแคะอีกที่หนึ่ง

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal