หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

รวบรวมเรื่องราวของ 謝聖仙娘 ( เจี่ยเทพธิดา )

รูปภาพของ pinglin

ขออนุญาตตั้งเป็นกระทู้แรกของการมาเยือนเว็บไซต์นี้ครับ

กระผมเซี่ยงเจี่ย จากหมู่บ้านเหม่าเหยิน ตำบลทึงแค อำเภอฮงสุน

มีเทพเจ้าสำคัญ คือ 謝聖仙娘 ที่ครอบครัวของผมจะเรียกท่านว่า กู๊ผอไท้

ที่นี่เป็นแห่งเดียวที่พบเรื่องราวของท่าน เป็นภาษาไทย ที่

http://hakkapeople.com/node/4504

และกำลังหาข้อมูลต่อไป โดยเฉพาะที่เป็นภาษาจีน

ซึ่งไม่มีความรู้เพียงพอเลย ยังมีข้อสงสัยอีกมาก ต้องรบกวนทุกท่านช่วยดูกันครับ

ขอบคุณครับ


รูปภาพของ pinglin

VDO พิธีบูชา

ลองเอาชื่อท่านในภาษาจีน ลองไปค้นหาดูครับ

ได้ VDO นี้มา น่าจะเป็นพิธีกรรมแห่และบวงสรวงประจำปี

ไม่แน่ใจว่าศาลนี้อยู่ที่หมู่บ้านใด แต่ฟังเสียงการกล่าวคำบูชา

น่าจะอยู่ในเขตฮงสุน ท่านใดทราบรบกวนบอกรายละเอียด ครับ

รูปภาพของ อิชยา

สวัสดีค่ะ

สวัสดีค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักและอยากบอกว่า  ซั้มคิ้วเม้ของไหง่ ก็เซี่ยงเจี่ย  เหมือนกันค่ะ มาจากเกียดหยอง ค่ะ 

รูปภาพของ pinglin

ยินดีครับ

ยินดีครับ มีญาติๆ เซี่ยงเจี่ย เหมือนกันครับ

รูปภาพของ pinglin

VDO2

น่าจะเป็นอีกกลุ่มที่บูชา เจี่ยเทพธิดา ครับ

视频: 棉洋镇平安上角队庆祝谢圣仙娘千秋宝诞-向红影视

http://v.youku.com/v_show/id_XODAyMDM0MDgw.html

และนี่น่าจะเป็นศาลหินดั้งเดิม

อ่านไม่ออก ว่าสถานที่นี้เรียกว่าอะไร อยู่ที่ไหนครับ

http://hakka.meizhou.cn/hakkanews/1405/02/14050200064.html

ท่านใดอ่านออก รบกวนครับ

ศาลหินดั้งเดิม

และนี่ น่าจะเป็นเว็บที่แสดงมุมมองต่างๆ ก่อนศาลเจ้าหินดั้งเดิม ครับ

http://ww.agri.com.cn/photo/44/44278.htm

เป็นศาลอีกแห่งหนึ่ง

http://www.jiexi.net/forum/thread-8519734-1-1.html

รูปภาพของ pinglin

VDO

VDO นี้จะเป็นพิธีเดินทางไปสักการะที่ศาลหิน ครับ

http://10654.108cun.com/article33122

2012谢圣仙娘游行(下)汤坑游

รูปภาพของ pinglin

ค้นเจอบ้าน

ค้นไปค้นมา ดันไปเจอเว็บไซต์รูปหมู่บ้านเหมาเหยิน

http://10654.108cun.com/photo

รูปภาพของ pinglin

รูปในเว็บ

รูปในเว็บนี้ มีรูปศาล 謝聖仙娘

ของหมู่บ้านเหม่าเหยิน ซึ่ีงเป็นบ้านเกิดของอากุ๊งผมครับ

มีอาสุกของผมอยู่ในรูปนี้ด้วย

ดูดีดี มีรูปอาม่าของผมที่วายชนต์ไปแล้ว 30 กว่าปี ซ้อนอยู่ในรูปเหล่านี้ด้วยครับ

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

谢圣仙娘 เจ้าแม่เซี่ยะฯ

五华高山寨 英烈庙的传说 - เขาสูงที่อู่หัว เรื่องเล่าศาลเจ้าอิงเหลี๊ยะ

在五华县双华镇大陂村的高山寨, 山顶上有一座英烈庙, 是广东省重点文物保护单位。
据传英烈庙建于明代, 是当地民众为祭祀敕封英烈相女谢二妹(谢圣仙娘)而兴建的。

英烈庙的建筑全部采用青色花岗岩石砌筑而成, 前亭后 殿, 用石槽构件紧紧衔接, 平面呈长方形。
长约5.5米、宽约2.82米、高约3.15米。
庙内有石狮、花鸟等动物图案, 工艺精巧, 形制和用材别具一格, 充分表现了五华能工巧匠的智慧。

据说: “谢圣仙娘”很灵, 有求必应, 方圆几十里的乡民均来求拜。
谢圣仙娘还找一个凡间妇女作替身, 土喂叫“童身”代替处理人间事务, 这个童身既是人又是神, 是活的神仙,
代表阿娘这个神为信徒们服务, 平时她是人, 用她资格与你说话, 做起神事来, 就与神地位与你交流, 神事一来, 全身就会发抖,
手舞足蹈, 又会说又会唱, (完全没念过书认过字) 照样诗经朗朗, 念念有词, 你问什么, 她就回答什么,
当时谢洞长期有活替“童身”, 这个童身死后, 又会出现另一位“童身”代替。
一九八七年冬 由谢洞村华侨捐款, 在另处新址油草埔水口处, 重新修建“谢娘宫”。

相传谢二妹是明朝时期人, 居住在原长乐县嵩头大陂下(今五华县双华镇), 年少时随父习武, 练就超人的武艺。
明洪武十二年, 18岁的谢二妹高举反腐义旗, 率领农民屡次抗击腐败的张、毛、李三都司, 后被击败擒拿,
英勇就义 宁死不屈被朝廷砍了脑袋, 当地人为了纪念这样一位巾帼英雄, 所以建宫庙给予纪念, 称之为谢圣仙娘英烈宫。
朝廷感其英勇烈节, 敕封其为英烈相女, 后人为纪念她, 筑石亭于高山寨。

ณ บนเขาสูงของตำบลต้าผี เมืองซวงหัว อำเภออู่หัว บนยอดเขาแห่งนี้มี ศาลเจ้าอยู่หลังหนึ่งชื่อศาลเจ้าอิงเหลี๊ยะ ตามที่ร่ำลือกันมา ศาลเจ้าแห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เป็นสถานที่ที่คนท้องถิ่นสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นที่เซ่นไหว้วีรสตรีชื่อเซี่ยะเอ่อเม้ย (เจ้าแม่เซี่ยะเซิ้งเซียนเหนียง)

การก่อสร้างของศาลเจ้าแห่งนี้ ก่อสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตสีเขียวทั้งหมด ทางด้านหน้าและด้านหลัง ใช้รางหินเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างยึดเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ลักษณะพื้นที่ราบยาว ความยาวประมาณ 5.5 เมตร กว้าง 2.82 เมตร สูง 3.15 เมตร ภายในศาลเจ้ามีสิงโตหิน ภาพวาดลวดลายรูปนกและสัตว์ต่างๆ ผลงานปราณีตงดงาม รูปแบบและวัสดุที่นำมาใช้ก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาที่เฉียบแหลมของฝีมือช่างอู่หัวกับผลงานที่สมบูรณ์แบบ

มีเรื่องเล่าขานกันว่า เทพธิดาเซี่ยะศักดิ์สิทธิ์มาก อธิษฐานขอสิ่งใดมักได้ตามประสงค์ ชาวบ้านที่อยู่ไกลร่วมสิบลี้ ต่างพากันมากราบไหว้ โดยเทพธิดาเซี่ยะจะหาผู้หญิงเป็นตัวแทน เรียกว่าร่างทรง ให้ความช่วยเหลือปรึกษาเรื่องราวแก่คนทั่วไป ร่างทรงนี้เปรียบเสมือนเป็นทั้งคนและเทพ เป็นเทพที่มีชีวิต เป็นตัวแทนของเทพฯเพื่อบริการช่วยเหลือแก่ผู้คนที่เชื่อถือศรัทธา หญิงร่างทรงนี้ มีคุณสมบัติสามารถสื่อสารพูดคุย ทำกิจกรรมให้กับเทพ ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างเทพฯกับผู้มาพบ เมื่อเทพประทับร่างทรง ร่างทรงจะมีอาการสะท้านสั่นเทาทั้งร่าง มือรำเท้าเต้น พูดก็ได้ร้องเพลงก็เป็น (ทั้งที่ไม่เคยเรียนอ่านเขียนหนังสือมาก่อน) แต่สามารถร่ายกลอนได้เป็นฉากๆ คุณถามอะไร เธอก็จะตอบให้อย่างนั้น เมื่อใดที่ร่างทรงคนเก่าตายไป ก็จะมีร่างทรงใหม่ขึ้นมาแทนที่ ในปี ค.ศ 1987 ชาวจีนโพ้นทะเลของที่นี่ ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างตำหนักขึ้นใหม่ ณ สถานที่ธารน้ำอิ๋วฉ่าวปู่

ความเป็นมาของเรื่องราว เล่าสืบกันว่า เซี่ยะเอ้อเม้ยเกิดในสมัยราชวงศ์หมิง บ้านเดิมคืออำเภอฉางเล่อ (ปัจจุบันคือเมืองซวงหัวของอำเภออู่หัว) ตอนเยาว์วัย ได้ฝึกฝนวิทยายุทธกับบิดา จนมีฝีมือแกร่งกล้าเหนือคน มาถึงปีที่สิบสองสมัยหมิงหงอู่ฮ่องเต้ เธออายุสิบแปดปี ได้ลุกขึ้นก่อการต้านอยุติธรรมเพื่อผดุงความเป็นธรรม โดยนำพวกชาวนาทำศึกต่อกรกับแม่ทัพนายกองจาง หมาว หลี่ ภายหลังรบแพ้ ถูกจับตัวได้ ด้วยปณิธานที่แน่วแน่ ยอมตายไม่ยอมสวามิภักดิ์ จึงถูกทางการนำไปตัดหัว เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อระลึกและสดุดีถึงความเป็นวีรสตรีผู้กล้าหาญ คนในท้องถิ่นจึงได้ร่วมกันสร้างตำหนักเพื่อเป็นอนุสรณ์ และยกย่องให้เป็นเจ้าแม่เซี่ยะเสิ้งเซียนเหนียง ทางด้านพระราชวัง เมื่อล่วงรู้ถึงกิตติศัพท์ จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นวีรสตรีผู้กล้าหาญ เพื่อเป็นการระลึก คนรุ่นหลังจึงได้สร้างตำหนักหินบนเขาสูง

รูปภาพของ pinglin

สุดยอดข้อมูล

ขอบคุณที่ช่วยแปลครับ

ไม่แน่ใจว่าสถานที่เหล่านี้อยู่ในมณฑลกว้างตุ้ง ในพื้นที่ของจีนแคะหรือไม่ครับ

 

ข้อมูลนี้น่าสนใจเรื่องการทรงเจ้า

ผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า อากุ๊งของผมเมื่อมาจากฮงสุน

มาอาศัยอยู่แถวสะพานเหลือง ตั้งแต่ยังเป็นหลังคาจาก

ก็ตั้งหิ้งบูชาท่านไว้ที่บ้าน โดยเรียกท่านว่า กู๊ผอ (แต้จิ๋ว คือ โกวบ๊อ)

เมื่อมีใครแถวนั้นทุกข์ร้อน ก็จะอัญเชิญท่านมาประทับทรง

ช่วยเหลือคนจีนแถวๆ นั้น แต่ให้ใครประทับทรงให้ก็ไม่ทราบครับ

รูปภาพของ อิชยา

สำหรับในป

สำหรับในประเทศไทย เท่าที่หาข้อมูลได้มีศาลเจ้าเทพธิดาเจี่ย (เป็นศาลเจ้าของชาวฮากกา) อยู๋ในกรุงเทพฯ ซอยเพชรเกษม 48 ...จากการที่เคยสอบถามผู้ดูแลศาลเจ้าแห่งนี้ (ในกทม.) เป็นอาเจ๊...อายุอานามก็น่าจะ ใกล้ ๆ 60 ปี
อาเจ๊เล่าว่าตัวเองเป็นสะใภ้ (ปั้นซันชัก) ของตระกูลเจี่ย(เฉี่ย) ซึ่งตระกูลเจี่ยเป็นเจ้าของศาลเจ้าแห่งนี้...และในอดีตพ่อสามีเป็นร่างทรงเชี่ยกู๊ผอ ... เป็นการทรงเจ้ารักษาอาการป่วย เป็นโรคต่าง ๆ ให้แก่ผู้คนที่มีรายได้น้อย หรือบางท่านก็ไปรักษากับหมอในโรงพยาบาลแล้วไม่หาย...ก็มาหากู๊ผอให้ช่วยรักษา...ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่หลาย ๆ ท่านก็มีอาการหายจากป่วยไข้

ความรุ่งโรจน์และความเสื่อม

อาเจ๊เล่าว่า "เมื่อก่อนพื้นที่บริเวณศาลเจ้าในปัจจุบันนี้...ปลูกพืชสมุนไพรหลายชนิด...ร่างทรงจะเขียนเทียบสั่งยา...แล้วก็จะมีผู้ช่วยจัดยาสมุนไพรตามเทียบให้แก่ผู้มารับการรักษา...ผู้คนมาหามาไหว้กู๊ผอมากมายทุกวัน...จากเริ่มแรกทำการทรงร่างกู๊ผอทีบ้านตระกูลเฉี่ย...เมื่อมีผู้มารับการรักษาและหายมากขึ้น...ท่านเหล่านั้นก็เริ่มช่วยกันบริจาคซื้อที่และสร้างศาลเจ้าดังเช่นปัจจุบัน...และก็ย้ายมาทำพิธีทรงรักษาโรคกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้...ปัจจุบันเลิกทำการทรงรักษาโรคไปนานมากแล้ว...และคนที่เป็นร่างทรง (พ่อสามี) ก็ลาโลกนี้ไปแล้ว.."

รูปภาพของ pinglin

การทรง

ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ศาลเจี่ยเทพธิดา ที่ถนนเพชรเกษม ที่บ้านไปไหวเป็นประจำ ปีละหลายๆ ครั้งครับ ได้แก่ ช่วงง่วนเซียว อากู๊ผอแซ(ผ่านไปแล้ว ช่วงต้นพฤษภาคม) ช่วงเสี่ยซิ้ง เป็นต้น

สวนสมุนไพรนั้น จำได้ว่าตอนเด็กๆ ช่วงเกือบๆ สิบปีมานี้ น่าจะทันได้เห็น คือ บริเวณที่ปัจจุบันเป็นลานจอดรถ และรอบๆ ศาลเป็นร่องสวนเขียวชอุ่มมาก บริเวณนี้น่าจะเป็นสวนสมุนไพรตามที่กล่าวถึง แต่ปัจจุบันก็ได้หายไปเนื่องจากความเจริญ

สำหรับการทรงนั้นผมไม่ทันได้เห็นเลย แต่ก็ยังเห็นร่องรอยการทรง เช่นเวลามางานใหญ่ ก็จะนำชุดขาวของท่านมาแขวนใกล้กับเก้าอี้สีแดง ซึ่งน่าจะเป็นเก้าอี้สำหรับคนทรง และช่วงง่วนเซี่ยว จะมีผู้อาวุโสนำตราจารึกอักษร 謝聖仙娘 มาปั้มฮู้และเสื้อให้ผู้ศรัทธา ครับ

และได้ถามคุณพ่อเกี่ยวกับการทรงเจี่ยเทพธิดา ที่บ้านเก่าสะพานเหลือง (ปัจจุบัน คือ ถนนบำรุงเมือง ย่านตลาดสวนหลวง หลังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ตั้งแต่สมัยพ่อยังเด็ก พ่อบอกว่าผู้ที่ทรงให้ในครั้งนั้น เป็นญาติของปู่ซึ่งก็เป็นจีนแคะที่มาจากฮงสุน ก็น่าจะผ่านมานานเท่ากับอายุพ่อที่ปัจจุบัน 70 ปีแล้ว

ส่วนท่านที่ทรงที่ศาลเจี่ยเทพธิดา ถ.เพชรเกษม เป็นคนละท่านกับที่ทรงให้ที่บ้านที่สะพานเหลือง ครับ แต่ก็เป็นจีนแคะ ที่น่าจะมาจากฮงสุนเหมือนกัน และก็ได้รับความเคารพเหมือนกัน

คุณพ่อยังเล่าอีกว่า แต่ทั้งสองท่านมีจุดร่วมเวลาทรงที่เหมือนกันก็คือ เวลาที่ 謝聖仙娘 (เจี่ยเทพธิดา) ประทับทรงแล้ว ท่านจะพูดด้วยภาษาแคะ ซึ่งน่าจะเป็นสำเนียงเก่าที่ค่อนข้างฟังยาก จนต้องหาคนที่คุ้นกับสำเนียงนี้มาแปลให้ฟังเวลาท่านพูดอีกที และเกร็ดอีกอย่างหนึ่งที่คุณพ่อมักจะเล่าบ่อยๆ ก็คือ มีคนมาขอโชคลาภ (เลขเด็ด) กับท่านด้วย ท่านก็จะอนุเคราะห์ให้ไปบ้างเหมือนกัน แต่สำหรับลูกหลานเซี่ยงเจี่ย หากไปขอท่านแล้ว ท่านจะไม่ให้ พร้อมกับดุให้ไปตั้งใจทำมาหากิน ครับ

รูปภาพของ อิชยา

ขอรายละเอียดเพิ่ม

คุณ pinglin ขอเรียกว่าอาโก๊นะค่ะ

เท่าที่โก๊เล่ามาเป็นเรื่องราวที่ลึกลงไปอีก  จากที่ไหง่ไปสอบถามมา  ต้องขอบอกว่า "เหนื่อยใจ"  เพราะถามคำตอบคำ  แบบไม่ค่อยอยากคุยด้วย

โก๊ยังพอทราบเรื่องเฉี่ยกู๊ผออีกไหมค่ะ...ถ้ามีก็เขียนเล่าลงในนี้เลยค่ะ...ซึ่งไหง่ยังติดใจเรื่องที่ว่า

.....[1] ตามตำนานเล่าขานนั้นเทพธิดาเจี่ย ... มีความสามารถในด้านการต่อสู้ ... เท่าที่อ่านประวัติ (ในเอกสารวิจัยฯ)  ที่ได้รับมาก็ยังไม่มีกล่าวถึงว่าท่านมีความรู้  หรือเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรักษา...แต่ในไทยเป็นการทรงเพื่อรักษาโรค

.....[2] ประวัติความเป็นมาของเฉี่ยกู๊ผอในไทย...ว่ามีการอัญเชิญหรือนำพิธีการจากเมืองจีนมาไทยอย่างไร ... เมื่อไร ... โดยใคร

.....[3] ยังมีที่ใดที่มีศาลเฉี่ยกู๊ผออีกไหม ... นอกจากที่เพชรเกษมนี้  

รูปภาพของ pinglin

ยินดีครับ

ิยินดีครับ ดูไปดูมา คุณอิชยา เป็นผู้เริ่มต้นลงข้อมูลอาเจี่ยกู๊ผอ นี่เอง

เรียกผมอาก๊อ นี่มิบังอาจครับ ผมเพิ่งสามสิบนิดๆ ต้นๆ เอง อิอิ

คำถามที่คุณอิชยาถามนั้น ผมก็มีความสงสัย ที่อยากจะเจาะลึกในรายละเอียดเช่นกัน มีโอกาสจะค่อยๆ ถามผู้หลักผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ครับ เสียดายว่าอาสุกกุ๊งแท้ๆ ที่เป็นกรรมการของศาล ท่านชราลงไปมาก อายุเกือบจะ 90 ปีแล้ว ล่าสุดไปเยี่ยมท่าน ท่านก็เริ่มจะจำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ปีนี้ก็ยังไม่มีโอกาสไปที่ศาลสักที ตอนนี้ที่ศาลมีการบูรณะเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง ล่าสุดตอนอากู๊ผอแซ มีแต่แม่ที่ไปไหว้ ครับ

ประเด็นที่ 1 พ่อเล่าให้ฟังว่า(น่าจะฟังมาจากปู่อีกที พ่อเกิดเมืองไทยแล้วครับ) สมัยที่อยู่เมืองจีน ที่อาจจะมีเรื่องกันระหว่างหมู่บ้านก็จะทรงท่าน ท่านจะให้เครื่องรางติดตัวไป คือ พัดขาวไปเป็นกำลังใจ เมื่อมาเมืองไทยแล้ว ตอนที่ทรงท่านที่สะพานเหลือง ก็จะใช้วิธีเขียนฮู้เผาใส่น้ำรักษาโรค ครับ เรื่องคุณวิเศษด้านรักษาโรคนั้น น่าจะเป็นพื้นฐานของเจ้าทุกองค์ ในยุคที่การแพทย์ยังไม่พัฒนา อีกทั้งศาลที่บางแคอยู่ในสวน แหล่งสมุนไพรพื้นบ้าน เลยมีชื่อเสียงด้านนี้ด้วย 

ประเด็นที่ 2 พ่อบอกว่า ศาลตั้งตั้งแต่ตอนพ่อเป็นหนุ่มน้อย ตอนนี้พ่อ 74 ครับ จำได้ว่าตรงอาคารสองชั้นหลังศาล จะมีรูปถ่ายหมู่ยาวๆ ขาวดำเก่ามาก น่าจะถ่ายตอนทำพิธีเปิดศาล ซึ่งน่าจะมีเขียนปีที่ถ่ายอยู่ ได้ไปอีกจะไปดูชัดๆ อีกที

ของสำคัญของศาลอีกชิ้น คือ พระรูปของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) วัดพระเชตุพนฯ หรือที่เรียกท่านกันว่า "สมเด็จป๋า" ได้ลงพระนามมอบให้กับศาลตั้งแต่ครั้งท่านดำรงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระวันรัตน์ ปัจจุบันที่แขวนอยู่เป็นรูปใหม่ รูปเก่าน่าจะชำรุด ผมทันได้เห็นอยู่ครับ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า ท่านมาร่วมกิจกรรมที่ศาลบ่อย จนคุณพ่อเองก็คิดว่าท่านน่าจะแซ่เจี่ยเหมือนกัน อันนี้ยังไม่ทราบชัดเจนครับ

ประเด็นที่ 3 น่าจะมีศาลที่นี่ศาลเดียวครับ เพราะญาติๆ ที่อยู่ทางเหนือ ก็ต้องลงมาไหว้ที่นี่ ครับ ชาวจีนแคะแซ่เจี่ยเป็นกลุ่มเล็กๆ สำหรับแซ่เจี่ยส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มภาษาอื่นจะนับถือเทพเจ้าอีกองค์ซึ่งเป็นผู้ชาย ครับ หรือถ้ามีอีก ต้องรบกวนทุกท่านลองสืบหาดูครับ

มีประเด็นใดสงสัย อยากให้ตั้งไว้ก่อนครับ มีโอกาส จะลองถามๆ ดูครับ

รูปภาพของ pinglin

อ.เจริญ

มีเรื่องราวของเจี่ยกู๊ผอ จาก อ.เจริญ ตันมหาพน ครับ

https://www.facebook.com/Charoen1948/posts/655782141138399

ที่จริงที่กล่าวว่าคนน้อยๆ ถ้ามาในวันเทศกาล และวันกินเลี้ยงสมาคม ก็มีคนที่ศรัทธาเยอะอยู่ครับ

รูปภาพของ อิชยา

เหมือนกับของอ.เจริญ

 ประวัติของกู๊ผอตามลิงค์ อ.เจริญ ที่หงีส่งมานี้ ... เหมือนกันกับในเอกสารงานที่ไหง่ไปสอบถามมา ... ประวัติเทพธิดาเจี่ยนี้  ทางศาลเจ้าเขาใส่กรอบไว้ข้างฝาเข้าประตูศาลเจ้าอยู่ทางขวามือ ... 

แม้แต่ อ.เจริญฯ ก็ (อาจจะ)ได้ข้อมูลมาพอ ๆ กัน ... รู้สึกว่าหาประวัติรายละเอียดยากพอควร .. เรื่องรูปอดีตพระสังฆราช  ตอนที่ไปหาข้อมูลนั้นก็มีถ่ายรูปมาเหมือนกัน .. แต่ยังหาไม่เจอว่าไปโฮสต์ไว้ที่เว็บไหน  หรือลบทิ้งไปแล้วก็ไม่แน่ใจ ..อย่างนี้แหละคนแก่ ..  และก็ต้องขอโทษที่เรียกหงีซะแก่เกินวัย Laughing 

 

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

โชคดี

ครับ เป็นเอกสารที่ภายหลังทางศาลมีซีล๊อกแจกผู้ที่สนใจ ผมก็ได้มาเหมือนกัน สัก 2-3 ปีมานี้เอง เสียดายว่าไม่มีเรื่องราวของศาลที่บางแคเลย ก่อนหน้านั้นก็ไม่ทราบเรื่องราวของท่านเลยครับ ได้ยินแต่พ่อเล่าให้ฟังสั้นๆ ว่าท่านเป็นนักรบ บรรพชนก็ไหว้สืบทอดกันมา

และที่เหมือนกับ อ.เจริญ ก็คือ เรื่องการทานเนื้อวัว/กระบือ เรื่องนี้ในครอบครัวถือเคร่งครัดกันมาก พ่อว่าจำความได้ อากุ๊งก็ไม่ให้ทาน และไม่ให้เอาเข้าบ้าน พ่อก็สันนิษฐานเองว่า อาเจี่ยกู๊ผอ ห้ามเอาไว้ ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบครับ

รูปภาพของ วี่ฟัด

เทคนิคการถามให้ได้ความ

เจ้อิสยังขาดเทคนิคในการสอบถามให้ได้ความอยู่มาก งานนี้เป็นอาชีพของไหง่ ก่อนที่เราจะสอบถามกับใครเราอย่าเอาวัตถุประสงค์หลักในการสอบถามมาเป็นประเด็นหลักในการพูดคุยเขาจะเกรงทันที ก่อนอื่นเราต้องชวนคุยประเด็นทั่วๆไปถามสารทุกข์สุกดิบพอทีนี้เราคุยสนุกเป็นกันเองแล้วไซร้เขาจะไว้วางใจเราและให้ความร่วมมือกับเราอย่างดี เรื่องแบบนี้ไหง่ถนัดเพราะเป็นวิชาชีพ และเป็นบุคลิกของไหง่อยู่แล้ว

ความเป็นกันเองจึงสำคัญต่อบุคคลอื่นที่ต้องการความร่วมมือจากคนอื่น ถ้าเราเข้าไปแบบไม่เป็นมิตรไม่เป็นกันเองเขาจะเป็นปฏิปักษ์กับเราทันที ดังนั้นวิชาชีพที่ต้องได้รับความร่วมมือจากคนอื่นๆจึงต้องการความอ่อนน้อมและมีจิตวิทยาในการพูดด้วย ซึ่งประสบการณ์วิชาชีพมันจะสอนเราเองโดยอัตโนมัติ

รูปภาพของ อิชยา

พยายามแล้ว

ขอบคุณค่ะโก๊ที่สอนเทคนิคให้

แต่วันที่ไปนั่นไหง่ได้พยายามทำตามอย่างที่โก๊แนะนำแล้วค่ะ...แต่ไหง่อาจจะโชคไม่ดี  เพราะวันที่ไปนั่นก็พอดีมีฝนตกช่วงบ่าย ... เขาก็เลยไม่อยากจะคุยอะไรด้วย เพราะเขาอยู่คนเดียวและดูท่าทีของเขา...ระวังตัวมากสันนิษฐานว่าอาจจะเคยเกิดเรื่องร้าย ๆ ที่นั่น ... เขาจึงระวังตัวมาก

เทคนิคที่โก๊แนะนำมานี้มันเหมือนดาบสองคม ... คงต้องรับการชี้แนะจากผู้เยี่ยมยุทธอีกมาก .... 

รูปภาพของ pinglin

ฮู้อากู๊ผอ

 

เป็นฮู้ของเจี่ยกู๊ผอ ที่ศาลบางแค ครับ หาฮู้ศาลที่อำเภอฮงสุน ไม่เจอ ตราประทับจะเป็นอีกแบบ ของศาลที่บางแค ตราประทับจะเป็น 4 ตัวอักษร แต่ของที่ฮงสุน จะเป็น 6 ตัวอักษร ไว้หาเจอจะมาโพสครับ

 ฮู้แบบนี้แขวนอยู่หน้าบ้านเห็นมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ชื่อท่านฝังอยู่ในหัวมาตลอด เห็นฮู้นี้ที่ไหน เดาได้เลยว่าบ้านนั้นเซี่ยงเจี่ยและเป็นจีนแคะ

แต่ก็มีแซ่อื่น ภาษาอื่นเหมือนกัน มีลูกค้าที่เป็นแซ่และภาษาอื่นมาซื้อของที่บ้าน มีอยู่วันหนึ่งแกก็เพิ่งจะสังเกตเห็นฮู้นี้ พอแกเห็นก็บอกว่า ตนนับถือท่านเหมือนกัน คราวนี้มาทีไรก็จะถามว่า งานที่ศาลจะมีเมื่อไรเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ถามสักทีว่ารู้จักและนับถือท่านได้อย่างไร ครับ

รูปภาพของ pinglin

ติดต่อ

ว่าแต่อาเจ้ ได้ติดต่อคุณเจี่ยฉินฉอย มีข้อมูลอะไรบ้างครับ อยากฟังๆ ครับ

รูปภาพของ อิชยา

อ่อนใจ

ได้เบอร์โทร. ติดต่อมาจากความช่วยเหลือของโก๊สมบูรณ์ฯ ... และเคยโทร.ไปแล้ว .. ครั้งแรกก็บอกว่าให้ไปหาที่่สมาคมฮงสุ่น (ถ้าจำไม่ผิด) ที่บ่อนไก่ ... ไหง่ไปไม่ถูกแต่ภายหลังก็โทร.ไปอีก  เพื่อจะขอให้เล่าเรื่องผ่านทางโทรศัพท์ ... ด้วยเหตุที่ไหง่ไม่สะดวกเข้าไป ... 

แต่...ครั้งหลังนี้ได้คำตอบมาว่า " ไม่รู้จักท่านในภาพ นสพ. ทั้งสองนั้น ... พูดไปพูดมาก็ว่า ..ท่านทั้งสองไม่อยู่ที่นี่และก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อได้ยังไง ...!!!

สำหรับฮู้ของกู๊ผอที่นำมาลงให้ดูนี่ ... ไหง่เคยเห็นตอนเด็ก ๆ  แต่ไม่รู้ว่าเป็นฮุ้ของกู๊ผอ ...

ว่าแต่คุณ pinglin อยู่แถวไหนค่ะ ... จะไปถามซั้มคิ้วเม้ (เซี่ยงเฉี่ย / เจี่ย) เผื่อว่าจะรู้จัก ... พ่อของซั้มคิ้วเม้เป็นขักหงิน  แต่แต่งงานกับสาวไทย ...  

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

ซั้มคิ้วเม้

ซั้มคิ้วเม้ เป็นคนหมู่บ้านไหนครับ สายบ้านผมเป็นเซี่ยงเจี่ยที่มาจากหมู่บ้านเหม่าเหยิน ท่องคั้ง ฮงสุน ครับ ปัจจุบันอาศัยอยู่แถวท่าพระ ฝั่งธน ครับ

เรื่องฮู้ ต่ะกี้ไปรื้อบ้านรอบที่สองที่หาฮู้เจี่ยกู๊ผอจากเมืองจีน ที่แม่ได้มาสิบปีที่แล้ว ก็ยังหาไม่เจอ แสนเสียดาย

มีโอกาส ถ้าพอจะติดต่อผู้ใหญ่และถามคำถามได้ จะมาเล่าสู่กันฟังครับ

----

----

รูปภาพของ pinglin

ฮู้เจี่ยกู๊ผอที่เมืองจีน

เจอไฟล์ภาพฮู้เจี่ยกู๊ผอที่เมืองจีนแล้ว ถ่ายฮู้ที่ติดอยู่ที่บ้านอาสุก ที่หมู่บ้านเหม่าเหยิน ท่องคั้ง ฮงสุน เสียดายถ่ายมาไม่ชัด เนื่องจากชะล่าใจคิดว่ามีฮู้แบบนี้อยู่ที่บ้าน จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอมาสองครั้งแล้ว

ที่สงสัย คือ ตราประทับ ของศาลที่บางแคจะมีอักษร 4 ตัว คือ 謝聖仙娘 แต่ของศาลที่ฮงสุน ดูแล้วจะมี 6 ตัว ซึ่งก็มี 謝聖仙娘 อยู่เช่นกัน แต่ตัวเจี่ยจะเป็นตัวย่อ แต่อีก 2 ตัวดูไม่ชัดเขียนว่าอะไรครับ

รูปภาพของ ฉินเทียน

謝聖仙娘遊行=谢圣仙娘游行

   新堂村“谢圣仙娘游行” 

梅州网  www.meizhou.cn  2015-03-04 09:12:39  来源:梅州日报  

何望贤 谢亨回  http://hakka.meizhou.cn/hakkanews/1503/04/15030400076.html

每年元宵,丰顺汤坑镇新堂村都要举办拜祭谢二妹的“谢圣仙娘游行”,参加的有500多人,很是壮观。该村谢氏拜祭活动源自五华双华镇。相传谢二妹是明朝时期人,居住在原长乐县嵩头大陂下(今五华县双华镇),年少时随师习武,练就超人的武艺。明洪武十二年,18岁的谢二妹高举反腐义旗,率领农民屡次抗击腐败的张、毛、李三都司,后被击败擒拿,英勇就义。朝廷感其英勇烈节,敕封其为英烈相女,后人为纪念她,相继在各地建有神庙筑有石亭。

活动为期两天:正月十四和十五。在正月初九晚上就要开始打锣鼓,十三那天开始磨剑、装轿、装旗,由“童身”在神庙“谢圣仙娘”神像前确定游行路线和出发时间。

游行的“刀轿”上一共装有十一把锋利的尖刀,两把刀刃朝上,装在轿的两侧当扶手用;三把刀刃朝上,并排装轿底用于踩脚;三把刀尖朝上,装在中间当座位;还有三把刀刃朝背,并排装在“童身”的身后当靠背。担负“童身”这一角色的村民谢贤尚,是由前任“童身”选定的。 “神轿”是用于放神像的,还要装上彩花。

到了正月十四那天清晨,“童身”便要到“谢圣仙娘”金像前“起坛”。当一切准备停当,“童身”或者由“童身”指定的替身便清洗赤脚上轿。

开路锣响了,“谢圣仙娘神牌”便紧随其后,接着是战旗、彩旗、花篮队、锣鼓队、神轿、刀轿,之后又是锣鼓队、花篮队相互交叉……就这样,浩浩荡荡的队伍走向大街小巷、各家各户。穿着白衣的“童身”坐着刀轿,脚踩的、背靠的都是刀锋,他时而站起时而坐到背后的刀尖上,手持宝剑空中挥舞,口中念念有词,祈求风调雨顺、平安祥和。鞭炮声、锣鼓声响成一片,加上彩旗、五颜六色的衣着,气势浩大,场面壮观。为了方便大家拜祭,活动组委会在村里分设几个拜祭点,神轿抵达拜祭点,便由司仪主持大家祭拜。

正月十四那天晚上,游行队伍还得在野外搭棚供神像在这里过夜,有专人负责烧香看管,香火长夜不熄。搭棚过夜的地点一般是村里的篮球场。游行到此,安排好看管场地的人之后,便各自回家吃饭。吃过晚饭,人们又纷纷返回篮球场观看文艺演出,表演的内容大多是宣传忠孝仁义礼智信的大家喜闻乐见的节目,气氛祥和而热烈。

正月十五是游行队伍返回的日子,选择吉时启程,继续按照预定路线游行后,在吉时把神像放回神宫,然后再次祭拜。晚饭后,大家点亮灯烛再次绕村游行,称为“迎灯”。随后,大家把点亮的灯烛带回家(寓意把丁、财带回家里)。

รูปภาพของ pinglin

ตัวย่อ

ขอบคุณครับ เพิ่งสังเกตว่า มีตัวอยู่ 2 ตัวในนามนี้

รูปภาพของ pinglin

ศูนย์รวมจิตใจ

ศาลเจ้า 谢圣仙娘 ที่เหม่าเหยิน

โบสถ์คริสต์ที่เหม่าเหยิน

รูปจาก http://10654.108cun.com/photo

ที่บ้านเกิดอากุ๊งของผม คือ เหม่าเหยิน ท่องคั้ง ฮงสุน (广东梅州丰顺县埔寨镇茅园村) จะมีสองศาสนาอยู่ร่วมกัน คือ ลัทธิดั้งเดิม ซึ่งน่าจะเป็นเต๋าผสมกับพระพุทธศาสนา และศาสนาคริสต์ ที่เผยแพร่เข้ามาใหม่ โดยมีการตั้งโบสถ์คริสต์ในปี ค.ศ. 1887 (ข้อมูลใช้กูเกิลแปลภาษาจาก http://www.kejiay.com/archives/9e5d4ee24d6e48a0ad342c924a37cbff.html) โดยสายตระกูลผมยังคงยึดมั่นในลัทธิดั้งเดิมต่อมาจนถึงปัจจุบัน

แต่ว่ากันว่า ศาล 谢圣仙娘 เป็นศูนย์รวมจิตใจของทั้งสองศาสนา ตลอดจนศาลบรรพชนที่จะต้องมากราบไหว้ร่วมกัน ดูจากการเชงเม้งตามคลิปนี้ http://www.xieshicn.com/xieshiyuanliu/201407062278.html มีการอธิษฐานตามแบบศาสนาคริสต์อยู่ด้วยครับ

รูปภาพของ suthin_sun

ข้อมูลเชิงลึก

ข้อมูลเชิงลึก ลึกมากดีครับ ติดตามอยู่ตลอดครับ ทั้งเรื่องศาลเจ้าที่เมืองจีน และสืบเนื่องมาถึงเมืองไทย บางครั้งข้อมูลแบบนี้ก็เป็นเบาะแส ให้หลายๆคนตามถิ่นบรรพชนเจอ ชอบครับ

รูปภาพของ pinglin

ขอบคุณครับ

ยินดีที่ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์บ้างครับ

ช่วงนี้ลงมาภาคใต้ คงงดการอัพเดทสัก2-3วันครับ

ขอขอบคุณที่ติดตามครับ 

รูปภาพของ pinglin

มีญาติเป็นคริสต์

 

เรื่องเกี่ยวกับความเป็นคริสต์ ตามที่เล่าไว้ว่าที่หมู่บ้านเกิดของปู่ (หมู่บ้านเหม่าเหยิน ทึงแค) มีผู้ถือคริสต์ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ในสายตระกูลของผมยังถือตามความเชื่อดั้งเดิม มาถึงในเมืองไทย จึงนับถือพระพุทธศาสนาสืบต่อมา

สำหรับ ครอบครัวในฝ่ายย่า ที่บ้านเกิดของท่านอยู่ที่หมู่บ้านไถ่ล้อ ทึงแค เซียงหวอง หรือ อึ๊ง (บ้านเกิดเดียวกับอาก้อ suthin_sun) เป็นคริสต์รวมทั้งตระกูลคุณย่าและคุณย่าผมเองเป็นคริสต์ แต่พอมาอยู่เมืองไทยและแต่งงานกับอากุ๊ง ก็น่าจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ แต่ก็ยังมีญาติที่เป็นคริสต์อยู่ ที่บ้านจะมีรูปถ่ายยาวๆ เป็นรูปถ่ายที่ระลึกงานศพ ที่จัดที่วัดแม่พระลูกประคำ (วัดกาลหว่า) ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ในรูปนี้มีคุณย่าและอาสุกของผมอยู่ในรูปนี้นั่งอยู่ด้านล่างไว้ทุกข์ด้วย ในปี ค.ศ.1969

พ่อเล่าว่า ผู้วายชนต์ในงานนี้ เป็นผู้ที่มาจากหมู่บ้านไถ่ล้อ ทึงแค บ้านเดียวกับย่า ได้มาพบกับย่าเข้าที่เมืองไทย ท่านมีความดีใจมากที่พบคนบ้านเดียวกัน ถึงแม้ครอบครัวเราจะเป็นเพียงครอบครัวเล็กๆ แต่ท่านก็ให้ความสนิทสนมไปมาหาสู่ช่วยเหลือครอบครัวของผมดั่งญาติสนิทที่มีต้นกำเนิดเดียวกัน แต่น่าเสียดายว่าพอคุณย่าเสียชีวิตไป (ก่อนผมเกิดอีก) ก็ขาดการติดต่อกับทายาทผู้วายชนต์นี้ไป

จะเห็นว่าความเป็นผู้มาจากแซ่และหมู่บ้านเดียวกัน มีความสำคัญในความสัมพันธ์มาก ครับ

รูปภาพของ suthin_sun

คนบ้านเดียวกัน 55+

คนบ้านเดียวกัน 55+ ทำให้นึกถึงเพลง คนบ้านเดียวกัน เลย ผมว่าเป็นธรรมชาติของคน เมื่อยิ่งจากบ้านมาไกลไม่ต้องบ้านเดียวกันหรอกแค่เราไปเที่ยวต่างแดน เจอคนไทยก็พร้อมจะสนิมสนมกันโดยเร็ว ผมว่าบรรพชนเราเมื่อมาเมืองไทย การทำมาหากิน และปรับตัวคงยากแสนสาหัส ต้องอาศัยญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านจากหมู่บ้านเดียวกันช่วยเหลือ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ พึ่งพาอาศัยกัน เตี่ยผมก็ย้ายถิ่นในไทย 3-4ครั้งกว่าจะปักหลักได้ เสียดายว่าไม่ได้ฟังหรือเรื่องเล่าจากเตี่ย ฟังผ่านแม่ และพี่ๆ

รูปภาพของ pinglin

บ้านเดียวกัน

คงใช่ครับ โดยเฉพาะผู้ที่จากบ้านมาอาศัยต่างแดนมาไกล ได้พบคนบ้านเดียวกัน ถึงแม้จะไม่ใช่พี่น้องกันโดยตรง ก็เป็นความอบอุ่นใจอย่างมากครับ

ยังไม่ญาติฝ่ายอากุ๊ง ที่จะมิใช่มีแซ่เดียวกัน แต่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน ก็ให้ความเคารพเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งชื่อจีนให้ผม ท่านเป็นผู้มีความรู้โหราศาสตร์จีน และตั้งตามหลักธาตุให้ ผมเรียกท่านว่า อาสุกกุ๊ง อยู่แถวตรอกจันทร์ เป็นคนบ้านเดียวกับอากุ๊ง(เหม่าเหยิน ทึงแค ฮงสุน) แต่คนละแซ่กับอากุ๊ง แต่ก็ถือท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ของตระกูล ซึ่งท่านก็เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ตามปกติถ้าอากุ๊งยังไม่เสียชีวิต อากุ๊งจะเป็นผู้ตั้งชื่อจีนให้คนในตระกูลครับ

รูปภาพของ pinglin

謝聖仙娘遊行 จากคำบอกเล่าที่เมืองจีน

ได้ถามพ่อเพิ่มเติม เกี่ยวกับเจี่ยกู๊ผอที่เมืองจีน ว่าจำอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะเรื่องที่อากุ๊งเคยเล่า

 

ก็มีเรื่องการทรงเจี่ยกู๊ผอนี่แหละ ที่เล่าหลายที แต่คราวนี้มีรายละเอียดอีกนิด คือว่า บ้านเกิดอากุ๊ง คือ หมู่บ้านเหม่าเหยิน ทึงแค ฮงสุนในยุคข้าวยากหมากแพง ระหว่างหมู่บ้านก็มีปัญหากระทบทระทั่งกัน เรื่องทีดินทำกินบ้าง เรื่องความไม่ค่อยจะเข้าใจกันบ้าง เรื่องกลั่นแก้งกันระหว่างหมู่บ้านอยูบ่อยครั้ง (ผมเดาว่าอาจจะเป็นยุคปลายราชวงศ์ชิงหรืออาจจะเป็นยุคขุนศึก  บ้านเมืองขาดระเบียบเรียบร้อย  แบ่งพรรคแบ่งพวกกันสุดๆ  แล้วก็ยังมีปัญหาความแห้งแล้งด้วย)เรื่องมีอยู่ว่า  มีชาวบ้านไปเห็นคนหมู่บ้านอื่นเข้ามาทำลายพืชผล

 พ่อเล่าว่าอากุ๊งเรียกว่า "เยิ่นกา" น่าจะหมายถึง คนตีกัน กล่าวคือ คนในหมู่บ้านรวมกลุ่มกันเพื่อไปจัดการปัญหาคนจากหมู่บ้านนั้น  ต้องร้อนถึง อาเจี่ยกู๊ผอ  มีการทรงท่าน ซึ่งคนทรงเป็นคนที่ออกหน้าคนทัั้งหมู่บ้านไปจัดการปัญหานี้ ทำให้ทุกคนพลอยได้กำลังใจเข้มแข็งไปด้วย  ไม่ต้องบอกนะครับว่าผลเป็นอย่างไร  คนในหมู่บ้านก็ยังเคารพรักอากู๊เช่นเดิม

 ทำให้เห็นว่า ก่อนที่อากุ๊งของผมจะมาลงหลักปักฐานที่เมืองไทย  ที่เมืองจีนเองนอกจากความแล้งแค้น  ยังมีความวุ่นวายที่ยากจะจัดการในยุคนั้นเป็นเวลานาน เป็นแรงบีบคั้นที่ทำให้ลูกผู้ชายต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ครับ

รูปภาพของ อิชยา

เรื่องเล่าเฉี่ยกู๊ผอ ที่แฝงไว้หลายมิติ

รออ่านเรื่องเล่าเพิ่มอยู่หลายวัน ... เรื่องเล่าที่แฝงไว้หลายมิติ ... ไหง่ถึงชอบฟังและพยายามเก็บบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ ... เก็บไว้อ่านภายหลังอ่านแบบเรื่อย ๆ ก็เพลินดี ... อ่านเอาเรื่อง (ไม่ใช่อ่านให้มีเรื่องทะเลาะกัน แบบเอาเป็นเอาตายนะ) ก็มีสาระซ่อนอยู่ในเรื่องเล่าแล้วแต่ใครจะค้นหาในมิติไหน

อาเฉี่ยกู๊ผอตามที่เล่ามานี้ท่านอยู่ในมิติเป็น (เทพ)นักรบ ... แต่พอมาอยู่เมืองไทยกลายเป็น (เทพ) เภสัช / แพทย์รักษาโรคไปซะงั้้น ... แล้วความเชื่อเรื่องรักษาอาการป่วยมาเกี่ยวกับกู๊ผอได้ยังไงกัน ... เป็นเฉพาะขักหงินในไทยหรือไม่

อยากรู้ว่าในหมู่บ้านดังกล่าว  เคยมีปัญหาระหว่างคนในหมู่บ้านกันเองหรือเปล่า? ... ในเมื่อมีผู้นับถือศาสนาต่างกันในจำนวน ครึ่งต่อครึ่งอย่างนี้ ... แล้วอากู๊ผอมีบทบาทยังไงบ้างในหมู่บ้านนี้ .... และในขั้นนี้น่าจะสันนิษฐานว่า  "เฉี่ยกู๊ผอ เป็นชนชาวขักหงิน" ได้ไหม ?  

ปล. จะขออนุญาตคุณ Pinglin  ขอนำเรื่องเล่านี้ไปรวมเพิ่มไว้ในเอกสารเรื่อง "เทพธิดาเจี่ย" ... ค่ะ

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

ยินดีครับ

ยินดีครับ แต่สงสัยเรื่่องราวใกล้จะหมดแล้ว

เรื่องราวที่กระทบกระทั่งกันภายในหมู่บ้านนั้น คิดว่าน่าจะไม่มีครับ

นอกจากจะนับถือ เจี่ยกู๊ผอ ร่วมกันแล้ว ยังนับถือศาลบรรพชน เดียวกัน เป็นสายเลือดเดียวกัน

สำหรับอากู๊ผอเป็นจีนแคะ ด้วยหรือไม่นั้น ได้ถามญาติผู้ใหญ่ที่เมืองจีน ท่านก็ยืนยันว่าใช่ครับ แต่ยังไม่แน่ใจว่า ในประวัติที่กล่าวถึงบ้านเกิด และที่ตั้งศาลดั้งเดิมนั้น อยู่ในท้องที่อำเภอและจังหวัดใด ถ้าทราบแน่ชัด ก็อาจยืนยันความเป็นจีนแคะของท่านได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับ

รูปภาพของ อิชยา

แปลกใจ

ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ... การที่คนในหมู่บ้านนับถือต่างศาสนากัน ... แต่กลับนับถือเฉี่ยกู๊ผอร่วมกัน ... เท่าที่ทราบคริสต์เขาห้ามทำการสักการะรูปเคารพ ... หรือว่าสมัยก่อนเขาไม่ข้อห้ามอย่างนี้.?

เรื่องถิ่นกำเนิดของกู๊ผอนั้น  ถ้าตามเอกสารที่ได้มานั้น  กล่าวว่า "บ้านเกิดของกู๊ผออยู่ใต้สันเขาเช่อหลิน  หมู่บ้านตาตู้โย้  อ.ฉางเล่อ" ... ปัจจุบันคือ ใต้สันเขาใหญ่  หมู่บ้านซวงฝ่า  อ.อู่ฝ่า

ส่วนที่ว่าเรื่องราวใกล้จะหมดแล้ว ... ก็ไม่เป็นไรค่ะวันไหนที่อาป๊าของหงี  หรือได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเฉี่ยกู๊ผออีก ... ก็นำมาเขียนบันทึกไว้ได้อ่านกัน ...

...ขอถามเกี่ยวกับอักษรในฮู้ของกู๊ผอค่ะ ทั้งแบบ ๔ อักษร  กับ ๖ อักษร ...ว่าอักษรแต่ละตัวนั้นมีความหมายอย่างไร ?... และทำไมถึงใช้ต่างกัน?

...ยันต์หรือฮู้ของกู๊ผอนี้  ยังมีแบบอื่นอีกไหม ... และฮู้นี้ใช้ยังไงบ้าง 

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

ยังมีฮู้

ยังมีฮู้ และเครื่องรางของท่านอีกหลายแบบครับ ไว้จะถ่ายมาลงให้ชมอีกครับ

ยังค้นหาอยู่ครับ บ้านเกิดของกู๊ผออยู่ใต้สันเขาเช่อหลิน  หมู่บ้านตาตู้โย้  อ.ฉางเล่อ ว่าอยู่ในพื้นที่จังหวัดและมณฑลใดครับ

 

 

รูปภาพของ pinglin

ความยืดหยุ่น

เท่าที่สังเกตดู ความเป็นคริสต์โรมันคาทอลิกของชาวจีนแคะที่เป็นญาติๆ ผมนั้น ผมว่าค่อนข้างยืดหยุ่น จากการที่สามารถไหว้เจ้า ไหว้บรรพชน และประกอบพิธีกงเต็กตามรูปถ่ายด้านบนได้ด้วย เคยเห็นว่ายังเคยมีบัตรเชิญร่วมงานศพจากญาติๆ ที่เป็นจีนแคะนับถือคาทอลิก ในกำหนดการก็มีพิธีกงเต็กด้วย แต่เสียดายว่ายังไม่เคยไปร่วมงานสักที เลยไม่ทราบว่าประกอบพิธีและสวดกันอย่างไร ผู้สนใจอาจไปดูตามโบสถ์ที่มีชาวจีนไปเยอะๆ อย่างวัดเซนหลุยสาทร วัดการหว่า อาจจะมีให้เห็นก็ได้

แต่ที่แปลกก็คือ บ้านเกิดของย่า ที่หมู่บ้านไถ่ล้อ ต.ทึงแค อ.ฮงสุน ที่อยุ่ห่างจากบ้านเกิดปู่ คือ หมู่บ้านเหม่าเหยินไปเพียง 8 กิโลเมตร บ้านนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคาทอลิกเช่นกัน แต่ดูมีศาลเจ้ามากกว่าหมู่บ้านเหม่าเหยินด้วย

ส่วนหนึ่งของศาลเจ้าที่ผมพบที่หมู่บ้านไถ่ล้อ ถ่ายไว้เองครับ

ศาลเจ้าที่ทางเข้าหมู่บ้าน

ศาลตั่วเหล่าเอี้ยะ (ไม่แน่ใจภาษาจีนแคะเรียกว่าอะไร) และโรงเจ ใกล้กับหน้าบ้านเกิดของย่า

ภายในศาล เทพประธานเป็น ตั่วเหล่าเอี้ย ปีกซ้ายน่าจะเป็นปุนเถ่ากง และปีกขวาเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม

แต่พอเข้าไปในที่บูชาประจำบ้าน....

แท่นบูชาภายในบ้านเก่าของอาไท้กุ๊ง/ม่า

แท่นบูชาภายในบ้านใหม่ของอาคิ้ว (น้องชายของย่า) ที่อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเจเท่านั้น!

ซึ่งความเป็นคาทาริก ไม่แน่ใจว่าเริ่มต้นเมื่อใด แต่ อาไท้กุ๊ง/ม่า ก็เป็นคริสต์ ป้ายหน้าสุสานก็มีไม้กางเขน แต่ในขณะเดียวกันก็มีการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ผสมกันไป อย่างตอนเชงเม้ง ลูกหลานที่เปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาจากเมืองไทย และญาติที่นี่ ก็ร่วมไหว้ฟ้าดินและบรรพชนตามแบบประเพณีเดิมซึ่งก็เหมือนทางเมืองไทยร่วมกัน ก็เป็นความแปลกของคาทอลิกแบบจีนที่นี่ครับ

 

รูปภาพของ suthin_sun

น่าสนใจ คาทอลิก

น่าสนใจ คาธอลิก เข้ามายุคสมัยไหน(น่าจะยุคล่าอาณานิคม)แต่ไม่นึกว่าจะเข้ามาเผยแพร่มาลึกในแผ่นดินใหญ่ ไกลปืนเที่ยงเช่น หมู่บ้านไท้หลอ น่าค้นหา น่าติดตาม การเผยแพร่ในจุดยุทธศาสตร์ทางการค้า เช่น ฮ่องกง มาเก๊า กว่างโจว พอเข้าใจได้ถึงการพยามกลืนทางวัฒนธรรม แตาที่ ไท้หลอ อย่างน้อยกลุ่มมิชชั่นเนอรี่ ต้องเป็นกลุ่มที่มีศรัทราแรงกล้าพอสมควรและสามารถโน้มน้าว เพาะเมล็ดพันธุ์ ความเป็นคาธอลิค ไว้ได้ถือว่าน่ายกย่อง

รูปภาพของ pinglin

ครอบครัวอ

ครอบครัวอาก๊อ ก็เคยเป็นคาทอลิก หรือเปล่าครับ

รูปภาพของ วี่ฟัด

มิชชันนารี

              ที่จริงการเดินทางมาเผยแผ่ศาสนาของศาสนาจักรแบบคาทอลิคที่เข้ามาในฟุ้งซุ้นนั้นถือว่าเด็กๆเลย มิชช้นนารีสมัยก่อนเขาไปยันเทือกเขาอัลไตทั้งหนาวและเย็นเขายังไปกัน พอไปเสร็จแล้วกลับมาเขียนทฤษฎีว่าชนชาติไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไตทำให้คนไทยเขวมาหลายสิบปีซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยมีใครเชื่อแล้ว

              ต่อมาภายหลังมีคริสศาสนาแบบโปรแตสแต้นเข้ามาในประเทศจีนจนได้เกิดขบวนการไท้ผิงเทียนกั๋ว จนภายหลังไหงคิดว่าน่าจะมีคนฮากกาที่เคยอยู่ในกองทัพไท้ผิงเทียนกั๋วหันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแต้นมากกว่าครับไท้กา

รูปภาพของ suthin_sun

@pinglin

คำถาม ครอบครัวอาก๊อ ก็เคยเป็นคาทอลิก หรือเปล่าครับ ไม่มีโอกาสได้ถาม แต่คิดว่า เตี่ยน่าจะเป็น พุทธ ผสมเต๋านะครับ เพราะว่าช่วงที่มาปักหลักทำไร่ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ก็เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันตั้งศาลเจ้าพ่อที่ อ.สตึก ปัจจุบันศาลนี้ก็ยังอยู่และเป็นที่เคารพนับถือของคนในพื้นที่ รวมทั้งบ้านเดิมที่ ตลาดทึงแคที่ไปพบเห็นมา ไม่น่าจะมีและไม่เห็นชุมชนชาวคริตส์ เพราะจะเห็นแต่ศาลเจ้า กับวัดพุทธนิกายมหายาน และทางครอบครัวพี่ชายที่นั่นก็ นับถือพุทธและเป็น กรรมการของวัดนี้ด้วย

 

รูปภาพของ suthin_sun

วัดพุทธนิกายมหายาน ตลาดทึงแค

วัดพุทธนิกายมหายาน ตั้งอยู่ในชุมชนตลาดท๊องคัง เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่มากที่เดียว มีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันยุคสมัยปฎิวัติวัฒนธรรม ของเจ้าอาวาสที่โดนถอดและถูกลงโทษให้ไปทำงานในคอมมูนเกษตร(คงไม่ต้องบอกว่า โหดขนาดไหน) ภายหลังยุคเติ้ง ท่านกลับมาบวชและ มรณะภาพในท่านั่งสมาธิ และร่ายกายไม่เน่าเปื่อยเป็นที่ อัศจรรย์ แสดงว่าช่วงที่ถูกสึกจากพระ ใจท่านก็ยังเป็นพระอยู่ตลอดเวลา

รูปภาพของ pinglin

ภายหลังสงครามฝิ่น

จากบทความนี้  http://www.kejiay.com/archives/9e5d4ee24d6e48a0ad342c924a37cbff.html ที่กล่าวว่ามีการตั้งโบสถ์คริสต์ที่หมู่บ้านเหม่าเหยินในปี 1887 ซึ่งเป็นช่วงปลายราชวงศ์ชิง และภายหลังจากสงครามฝิ่น เป็นช่วงที่ทางการอ่อนแอ ประชาชนอยู่กันอย่างไม่สงบสุข อย่าง ที่เล่าถึง "เยิ่นกา" มาแล้วครับ อีกทั้งพื้นที่อำเภอฮงสุน อยู่ใกล้กับเมืองท่าซัวเถา ซึ่งน่าจะอยู่ในอิทธิพลของตะวันตก ดังนั้นการเป็นชาวคริสต์ (ผมไม่แน่ใจว่า ถึงกับเป็นคนในร่มธงต่างชาติเลยหรือเปล่า) น่าจะได้รับการคุ้มครองจากคนต่างชาติด้วยหรือไม่

อิทธิพลของชาวต่างชาติว่าจะเป็นประเทศไหนนั้น จากลักษณะที่เป็นฝ่ายคาทอลิก ซึ่งผู้นำการเผยแพร่ในภูมิภาคนี้ คือ ฝรั่งเศษ กับ ฮอลันดา คงจะไม่ใช่อังกฤษ(ซึ่งเป็นประเทศคู่สงครามฝิ่น) ที่เป็นคริสต์ที่เรียกตนเองว่า "เชิร์ช ออฟ อิงแลนด์" แยกตัวออกจากคาทอลิก ไม่แน่ใจว่ามีความสัมพันธ์กับกบฏไท้ผิง(ทำให้สงสัยว่า มิชชันนะรีที่มอบคัมภีร์ให้หงสิ่วฉวน เป็นชนชาติไหน) ในขณะเดียวกันชาวจีนก็ยังรักษาความเชื่อเดิมซึ่งฝังรากลึกส่วนหนึ่งไว้ได้ อย่างมีเอกลักษณ์ เป็นคริสต์ในแบบจีน ครับ

พม่า เป็นตัวอย่างของประเทศที่อยู่ในอิทธิพลของอังกฤษ กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับคริสตศาสนาในพม่า ก็พบข้อมูลการเผยแพร่เฉพาะในกลุ่มคริสต์ที่เป็นโปรแตสแตนท์ ครับ

http://www.cct.or.th/cctweb/index.php/aboutcct/ccthistory

ลิ้งนี้บอกจำนวนชาวคริสต์ใน AEC

http://www.thaills.org/index.php/2011-09-02-02-47-19/284-2013-07-11-04-07-15

ลิ้งนี้บอกประวัติความเป็นมา ปัญหา และอุปสรรคการเผยแพร่ในพม่า

รูปภาพของ suthin_sun

ศาลเจ้าใน

ศาลเจ้าในชุมชน ในตลาดทึงแค และที่นอกเมืองเชิงเขาด้านทิศใต้ของเมือง ก็มีอาราม จี้กง ลัทธิเต๋าขนาดใหญ่มากมี ประติมากรรมรูปมังกรเลื้อยตามไหล่เขายาวมาก

 

รูปภาพของ pinglin

ศาลนี้เทพเจ้าประธาน

ศาลนี้เทพเจ้าประธาน เป็นอะไรหรือครับ เสียดายไปไม่เห็นครับ

รูปภาพของ pinglin

วัดไถ่ผิงซื่อ

ขอบคุณครับอาก๊อ แสดงว่าหมู่บ้านไถ่ล้อ อาจจะไม่ได้เป็นคริสต์ทั้งหมู่บ้านนะครับ

บ้านคุณพ่อของอาก๊อ แสดงว่าอยู่ใกล้กับวัดไท่ผิงซื่อ ผมก็ได้แวะไปกราบไหว้สังขารของท่านอดีตเจ้าอาวาสอยู่ครับ (ได้ทราบว่าท่านแซ่คู) แสดงว่าเมืองจีนก็ยังมีพระสุปัฏฏิปันโนเช่นเดียวกับเมืองไทย และยังเป็นผู้กล้าหาญ รักษาพระพุทธศาสนาไว้ท่ามกลางความยากลำบากไว้ได้ น่านับถือท่านมากครับ

แต่แอบสงสัยชื่อวัด ไม่แน่ใจว่าสืบทอดเจตนารมณ์การทำบ้านเมืองให้สงบสุข จากหงซิ่วฉวน หรือเปล่าครับ หรือจริงๆ แล้ว วัดมีมาก่อนกบฏไถ่ผิง ก็เป็นได้

 นำรูปวัดและแผ่นป้ายในวัด (น่าจะเล่าถึงอดีตเจ้าอาวาสรูปนี้) และสังขารของท่าน  ดูทีแรกนึกว่าเป็นหุ่นขี้ผึ้ง จนญาติทางนั้นมาบอกว่า เป็นสังขารของท่าน นำท่านมาเขียนสีครองจีวรจริง ครับ

 

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

ความรู้เรื่องเชิรชออฟอิงแลนด์และโปรแตสแตนส์

               ที่จริงคริสต์ศาสนานิกายเชิรช์ ออฟ อิงแลนด์ กับศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแต้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันเลย คนละแฝดคนละฝากันเลย ไหง่จึงใคร่ขอแสดงธรรมเพื่อเป็นเครื่องประดับความรู้ดังนี้ครับ

               ศาสนาคริสต์นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าต้องอยู่ในอังกฤษแน่ สมัยกลางวาติกันมีบทบาทอิทธิพลต่อประเทศต่างๆในยุโรปมากการแต่งตั้งกษ้ตริย์ต้องได้รับความเห็นชอบและได้รับยินยอมจากวาติกันแม้กระทั้งกษัตริย์อยากจะหย่าจากเมียเก่าและไปแต่งงานกับเมียใหม่ สมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่  7 แกมีความประสงค์จะหย่ากับเมียเก่าและแต่งงานกับเมียใหม่ แกเกรงว่าจะไมดรับความเห็นชอบจากวาติกัน แกเลยประกาศนิกายใหม่คือเชิอช์ ออฟอิงแลนด์ ขึ้นมาใหม่และไม่ขึ้นกับวาติกันซึ่งเป็นศูนย์อำนาจของคาทอลิก เชิชออฟอิงแลนด์จึงเกิดขึ้นเพียงเพราะพีะเจ้าเฮนรี่ที่ 7 อยากมีเมียใหม่เท่านั้น เดี๋ยวโปรแตสแต้นค่อยมาว่ากันต่อครับ

รูปภาพของ pinglin

ขอขอบคุณครับ

ขอขอบคุณครับ เดี๋ยวขอแก้ไขแล้วกันครับ

รูปภาพของ suthin_sun

สนทนา วิสาสะ

สนทนา วิสาสะ ยิ่งคุย ยิ่งคุ้ยแคะ 555+ จิ๊กซอว์ประวัติศาสตร์ทั้งประวัติศาสตร์หลักที่จดบันทึก และชายขอบของชาวบ้านๆแบบเราจะค่อยประสานเป็นเนื้อเดียว ภาพที่เห็นไม่มีถูกมีผิด เพราะการมองของแต่ละความเชื่อของบุคคลย่อมมองเหตุการณ์เดียวกันไม่เหมือนได้เป้นเรื่องปรกติ จะตรงกันได้เพียงการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้นที่ตรงกัน เรื่องทัศนะและความเห็นเป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่ที่แน่ๆ คือได้เพิ่มพูนปัญญาแก่กันและกัน ขอบคุณครับ 

รูปภาพของ วี่ฟัด

ความแตกต่างระหว่าง " ข้อเท็จจริง " กับ " แนวความคิด "

ความแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงและแนวความคิดมีนัยสำคัญมากเลยนะครับ

สำหรับในเรื่องข้อเท็จจริงนั้นมันมีแค่หนึ่งเดียวนะครับไม่ว่าจะเป็นอีกร้อยปีหรือชั่วกาลปาวสานต์มันก็มีข้อเท็จจริงเพียงหนึ่งเดียว นอกเสียจากจะมีการเบี่ยนเบนข้อเท็จจริงนั้นๆ ดังนั้นข้อเท็จจริงจึงมีถูกมีผิด แต่อย่าไปซีเรียสเลย ไม่รู้ก็รู้เสียเท่านั้นเองไม่ได้เสื่อมเสียเกียรติยศศักดิ์ศรีแต่ประการใดเลย แบบที่พระพุทธองค์บอกว่า " ทุกขังปริญญายัง " หน้าที่ต่อทุกข์คือรู้เท่านั้นเอง

ส่วนแนวความคิดนั้นไหง่ว่าไม่มีผิดไม่มีถูกหรอกมันมีแต่เพียงว่าความคิดของเรามันมีเหตุผลมารองรับได้ดีแค่ใหน สมเหตุสมผลแค่ใหน ถ้ามีเหตุผลน่าเชื่อแนวความคิดของนั้นก็เป็นแนวความคิดที่ดี แต่ถ้าไม่เหตุผลรองรับไม่น่าเชื่อเขาก็จะบอกว่าแนวความคิดของเราขี้เท่อแค่นั่นเอง ไหง่เคยได้ยินกั้วเค่อพูดว่าไม่กล้าเขียนเว๊ปกลัวผิดนั้นไหง่ไม่เห็นีด้วยอย่างมาก โอเคถ้าเป็นข้อเท็จจริงย่อมต้องค้นหาข้อเท็จจริงก่อนเขียน แต่ถ้าแนวความคิดมันไม่มีผิดมีถูกหรอก มันมีแต่จะขี้เท่อหรือไม่เท่านั้นเอง เพราะหากไอส์ไตย์กลัวผิดไม่ยอมประกาศทฤษฎีเรื่องสัมพัทธภาพในปีทองของไอส์ไตย์คือปี 1905 ซึ่งทฤษฎีนี้เกิดจากปัญญาญาณล้วนๆไม่ได้เกิดจากการทดลองเชิงประจักษ์เลย เพราะสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือมาทดสอบทฤษฎีเหล่านี้ได้ เราคงพลาดวิชาความรู้ทางฟิสิคส์อันยิ่งใหญ่ไปอย่างแน่นอน 

รูปภาพของ pinglin

ขอจบเรื่องความเชื่อครับ

เรื่องความเชื่อเรื่องศาสนานั้น ตามที่ผมได้พยามปูข้อมูลเท่าที่พอจะสันนิษฐานได้ (จับแพะชนแกะ) เนื่องจากได้ฟังจากพ่อ ซึ่งก็น่าจะฟังมาจากอากุ๊งอีกที (ซึ่งผมเกิดไม่ทันท่าน) ท่านเล่าว่า ที่คนในแถบนี้มีความจำเป็นต้องมานับถือศาสนาคริสต์ ส่วนหนึ่งก็มาจากหัวข้อ "ภายหลังสงครามฝิ่น" นี่แหละ แต่ท่านก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรไว้มากมายนัก ก็ต้องมาสันนิษฐานเพิ่มเติมโดยผมเองนี่แหละ พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการเผยแพร่คาทอลิกในดินแดนแถบกวางตุ้ง ที่น่าจะมีความสัมพันธ์กับบ้านเกิดนี้เป็นภาษาไทย ยังไม่มีเลยครับ ถ้าท่านใดมีข้อมูล อยากให้มาเติมเต็มกันครับ

ขอส่งท้ายด้วยรูปถ่ายจากเว็บไซต์บ้านหมู่บ้านเหม่าเหยิน http://10654.108cun.com/photo ซึ่งเป็นบ้านเกิดอากุ๊ง รูปในเว็บนี้คมชัดมาก แต่เสียดายเล็กไปหน่อย ผมได้ไปพบกับรูปนี้แล้ว ปัจจุบันแขวนอยู่ในศาลบรรพชน น่าเสียดายว่ารูปนี้ตอนนี้สีสันเจือจางลงไปมาก  ในภาพระบุว่าถ่ายในปี 1980 และน่าจะถ่ายที่พระประแดง ในการร่วมกันเซ่นไหว้บรรพชนเซี่ยงเจี่ย และน่าจะส่งรูปนี้ไปจากเมืองไทย พยายามหารูปนี้ในเมืองไทยอยู่ครับ

ผมดีใจมากที่รูปนี้ มีรูปอาม่าผมซึ่งวายชนม์ไปแล้ว และยังมีอาสุกกุ๊งซึ่งยังมีชีวิตอยู่ด้วย อาม่าผมเป็นคนบ้านไถ่ล้อ เซียงหวอง(อึ๊ง) ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านอากุ๊งไปประมาณ 8 กิโลเมตร ดังที่กล่าวไปแล้วว่าท่านเป็นคาทอลิกมาก่อนตามอาไท้กุ๊ง/ม่า ได้สอบถามพ่อว่า ตั้งแต่เด็กๆ ยังมีกิจวัตรของชาวคริสต์อะไรเหลืออยู่บ้าง พ่อบอกว่าเท่าที่เห็นก็ไม่มีเหลืออยู่เลย นอกจากการไปมาหาสู่พี่น้องของอาม่าที่ยังเป็นคริสต์อยู่บางท่านเท่านั้น และยังพาพ่อในวัยเด็กไปไหว้เจ้าแบบชาวจีนทั่วไปในเทศกาลสำคัญด้วย เจ้าที่อาม่าพาพ่อไปไหว้เป็นประจำ ได้แก่ ซำปอกงที่วัดกัลยามิตร ไต่ฮงกง และที่สำคัญ คือ ไปไหว้เจี่ยกู๊ผอที่ศาลบางแค ในฐานะที่ท่านแต่งมาในบ้านตระกูลเจี่ย

หนึ่งในพี่น้องของอาม่าที่ยังเหลืออยู่ คือ อาแซ่กู๊ผอ (น้องสาวคนเล็กของอาม่า) ท่านจากบ้านเกิด คือ หมู่บ้านไถ่ล้อ เข้าในเมืองไทยตั้งแต่ยังไม่ถึงสิบขวบ ตอนเด็กๆ ที่มาเมืองไทยก็ยังต้องเข้าโบสถ์อยู่เลย ท่านเพิ่งจะมานับถือพระพุทธศาสนาน่าจะภายหลังที่แต่งงานกับอาเหล่าเตี๋ย(ไม่แน่ใจจีนแคะเรียกว่าอะไร)แล้ว  ซึ่งท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ที่นับถือของครอบครัวในปัจจุบัน ท่านยังเป็นผู้หนักแน่นในพระพุทธศาสนาด้วย ที่พาครอบครัวของผมไปเข้าวัดทำบุญในปัจจุบัน เริ่มต้นก็มาจากท่านผู้นี้แหละครับ

และรูปสุดท้ายแสดงถึงความใกล้กันระหว่าง

บ้านเกิดอากุ๊ง (บ้านเหมาเหยิน) เลี้ยวขวา

บ้านเกิดอาม่า (บ้านไถ่ล้อ) เลี้ยวซ้าย

ตามเส้นทางนี้ คำนวนใน google ห่างกันตามเส้นทาง 8 กิโลเมตร ครับ

ในตอนต่อไป จะนำเสนอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเจี่ยกู๊ผอ ที่ไปพบที่บ้านญาติที่เหมยโจว ครับ

รูปภาพของ suthin_sun

ติดตามๆ

ติดตามๆ ติดตามตลอด

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

ความเป็นมาของคริสต์ศาสนานิกายโปแตสแต้นส์

ไอ้ไหง่นี่รู้ไปทุกเรื่องทุกศาสนาเลยนะ แบบนี้เขาต้องเรียกว่า " พระหูตูบ " ( ไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกนะครับ ) หรือถ้าจะเรียกแบบน่ารักน่าเอ็นดูต้องเรียกว่า " แสนรู้ " แน่เลย ( ช่างเข้ากับคำว่าพระหูตูบจัง )

ที่นี่เรามาว่าถึงเรื่องcontent กันเลยดีกว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามที่เรารู้ๆกันว่าในสมัยกลางวาติกันมีอำนาจบทบาทอิทธิพลมากกษัตริย์ในภาคพื้นยุโรปต้องเชื่อฟังถ้าใครไม่เชื่อฟังเดี๋ยวมีเรื่อง โป๊ปมีอำนาจปลดกษัตริย์ได้เลยนะโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มเติม ม.44 แต่ประการใดเลย โป๊ปมีคำสั่งกษัตริย์ต้องทำตาม  โป๊ปยังสั่งให้ประเทศต่างในยุโรปส่งทหารไปรบกับพวกมุสลิมเพื่อแย่งชิงกรุงเยรูซาเล็มคืนจากพวกมุสลิมที่เรียกว่าสงครามครูเสด รบกันอยู่หลายร้อยปีผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ

มีอยู่ช่วงหนึ่งวาติกันมีความประสงค์จะสร้างวิหารเซ้นต์ปีเตอร์ ( อย่าไปรู้เลยว่าสมัยโป๊ปชื่ออะไรเพราะไหง่ก็จำไม่ได้ ) โครงการณ์นี้ถือว่าเป็นเมกะโปรเจ็คส์ต้องใช้เงินมาก ทางวาติกันเลยออกขายใบบุญโดยเอาสวรรค์มาขายต่างๆนาๆ ( มันเหมือนวัดแถวคลอง 6 ชอบก๊น ) นอกจากจะขายใบบุญแล้วยังไถเงินกษัตริย์อีก เหล่ากษัตริย์ไม่รู้จะทำยังไงเพราะอยู่ในลักษณะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหตุการครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้ชาวบ้านชาวช่องรวมทั้งพระบาทหลวงต่างๆ ( คงบีบให้พระบาทหลวงหาตังให้ด้วย) มีพระคาทอลิกชาวเยอรมันรูปหนึ่งชื่อ มาติน ลูเทอร์ ( Matin Luther ) งานนี้เขาว่ากันว่ามาติน ลูเทอร์ คงได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์เยอรมัน ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนบาดหลวงธรรมดาๆรูปหนึ่งคงไม่ห้าวเป้งขนาดนี้ พอได้เวลาฤกษ์หามยามดีท่านมาติน ลูเทอร์ จึงเอาป้ายประกาศคัดค้านต่อวาติกัน และไม่ขอสังกัดกับสำนักวาติกันอีกต่อไป ไปติดที่หน้าโบสถ์ของตน นี่จึงเป็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์ จึงบังเกิดศาสนาคริสต์นิกายโปแตสแต้นนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ต่อมาชื่อมาติน ลูเทอร์ จึงกลายเป็นชื่อที่ใช้ในการต่อสู้เชิงสัญญลักษณ์ เคยได้ยินชื่อ Dr.Matin Luther King มั้ยหละผู้ต่อสู้เพื่อคนผิวสีในอเมริกาซึ่งต่อมาก็ถูกยิงตาย 

รูปภาพของ pinglin

ขอบคุณครั

ขอบคุณครับ

รูปภาพของ pinglin

จากหนังสือตระกูลเจี่ย

ช่วงเช่งเม้งของปีนี้ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปพักที่บ้านของอาสุก

อยู่ในเขตเมืองเหมยโจว โชคดีท่านจัดให้พักในห้องที่เก็บหนังสือของบ้าน

ไปค้นเจอหนังสือเล่มหนึ่ง จึงถ่ายรูปเก็บไว้ น่าจะเป็นหนังสือประวัติเซี่ยงเจี่ย

ไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มสมาคมใด พร้อมรายนามการติดต่อในกลุ่มสมาชิก

ที่น่าสนใจ คือ การรวบรวมประวัติของบุคคลสำคัญเซี่ยงเจี่ย

หนึ่งในนั้นก็มี อาเจี่ยกู๊ผอไท้อยู่ด้วยครับ

ปกหนังสือเล่มนั้น

สองหน้านี้แสดงต้นตระกูลเจี่ย และสตรีท่านสุดท้าย คือ เจี่ยกู๊ผอไท้

เจี่ยกู๊ผอไท้ บรรพชนผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวฮักหงิน เซี่ยงเจี่ย

รูปนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นภาพวาดแบบเขียนสีของท่านงดงามมาก แสดงถึงความเป็นหญิงที่กล้าหาญ และรูปด้านล่างน่าจะเป็นปฏิมากรรมของท่าน สังเกตเครื่องทรงที่เป็นสีน้ำเงิน (หน่ำซำ)

เรื่องราวของท่านในหนังสือนี้ น่าจะเป็นประวัติ แบบเดียวกับที่มีในเว็บภาษาจีน ครับ

รูปวาดของท่านแบบเต็มๆ ครับ เสียดายว่าต้นฉบับก็ไม่ชัดนักครับ

รูปภาพของ อิชยา

เสียดายและดีใจ

เสียดาย (๑) ที่ไม่ได้ถ่ายภาพข้อความประวัติมาทั้งหมด...

เสียดาย (๒) ที่ยังไม่มีการแปลเป็นภาษาไทยไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษา...

ดีใจ (๑) หญิงฮากกาเป็นยิ่งแกร่ง เข้มแข็งมาตั้งแต่บรรพชน...

ดีใจ (๒) ที่มีผู้เห็นความสำคัญของการเก็บบันทึกวัฒนธรรม แม้จะเป็นเรื่องเล่า เรื่องของความเชื่อ แต่นั่นมีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์ ทั้งนี้ต้องขอบคุณ คุณPinglin ที่นำมาให้บันทึกไว้ ณ ที่นี้

 

 


<*img src="/files/u3585/001.jpg" height="200" />
<*img src="/files/u3585/002.jpg" height="200" />
<*img src="/files/u3585/003.jpg" height="200" />
<*img src="/files/u3585/004.jpg" height="200" />
<*img src="/files/u3585/005.jpg" height="200" />
<*img src="/files/u3585/006.jpg" height="200" />

ขอบคุณ

รูปภาพของ วี่ฟัด

หงซิ่วเฉวีบน - น้องชาย , ฌาน ดาร์ค - น้องสาว

ช่วงนี้ไหง่ต้องเตรียมตัวเดินทางไปหม่อยยั้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 - 2 สิงหาคม 2558 ในโครงการสำรวจการเดินทางสู่อุษาคเนย์ของอู่จี้เยี๊ยะ ไหง่จึงจะต้องทำการบ้านหลายอย่างเช่นต้องนำหนังสือจากบูรพาสู่อุษาคเนย์มาอ่านโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่งและยังต้องทำเอกสารรายละเอียดเรื่องราวความเป็นมาของคนฮากกาเพื่อไปบี๊ป ( brief ) ให้กับชาวคณะนักสำรวจ ( discovery) ได้ฟังในฐานะนักวิชาการฮากก ( เขาว่าอย่างนั้น ) แต่ไม่เป็นไรหรอกชอบอยู่แล้วถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตแม้จะเคยไปมา 6 ครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยเบื่อ ไปแต่ละครั้งๆก็มีมุมมองแตกต่างกันไปเพียงแต่การไปครั้งนี้จะไม่ได้มีโอกาศเข้าไปที่บ้านบรรพบุรุษไม่มีโอกาศไปไหว้อากุงอาผ่อเท่านั้นเอง แต่ไม่เป็นไรหรอกเราอาจทำแบบพี่น้องชาวมุสลิมทำพิธีละหมาดที่ต้องหันหน้าไปทางนครเมกกะ ที่นี้เวลาเราพักอยู่ในหม่อยยั้นเราเพียงแต่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งเป็นทิศที่จะไปไท้เผี่ยง ซ้องกวนถ่อง ภูมิลำเนาบรรพชน แล้วพนมมือรำลึกถึงคุณงามความดีของกุงผ่อที่ทำให้เผ่าพันธ์ได้ดำรงค์คงอยู่ไปยังแดนไกลถึงประเทศสยาม ถึงจะก้องฮากฟ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก ฮากฟ้าก็แค่ภาษาปาก แต่ภาษาใจที่สื่อถึงกันสำคัญกว่าเป็นใหนๆ ภาษาใจไม่ต้องไปลงทะเบียนเรียนที่ใหนมันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติสำหรับคนที่มีหัวใจ ภาษาใจมันเป็นภาษาเดียวกันทั้งโลกมันแค่สื่อที่ตาและไปรับรู้ที่ใจเท่านั้นเอง ( โอ้โหโรแมนติกก็เป็นนะวี่ฟัด ) ดังนั้นการที่เราส่งใจไปอีกแค่ยี่สิบกว่ากิโลจากตัวเมืองหม่อยยั้นไปรำลึกถึงอากุงอาผ่อถือว่าไม่ไกลเลย

ทีนี้มาว่าเรื่องหงซิ่วเฉวียนกันบ้าง ตามประวัติท่านว่าคนที่มอบคำภีย์ไบเบิลให้กับหงซิ่วเฉวียกลางกรุงกวางเจาเป็นชาวอังกฤษ ที่มาสอนศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนเลส ในขณะที่หงซิ่วเฉวียนกำลังเสียใจสุดๆที่ไม่สามารถสอบซิ่วไฉได้ ( สอบตกเป็นครั้งที่ 4 ) จนล้มป่วยไข้ได้สติถึง 40 วัน ในระหว่างนอนป่วยเกิดนิมิตว่าไปพบพระเจ้า พระเจ้าได้มอบดาบอาญาสิทธิ์ให้มากู้ชาติจากราชวง์ชิง พอหายป่วยก็ทำการสอนแนวทางคำสอนคริสต์ศาสนานิกายโปรแตสแต้นและแสดงตัวว่าตนคือน้องชายพระเยซูคริสต์ 

ที่นี้เรามาพูดถึงฌาน ดาร์คบ้าง  ฌาน ดาร์คเป็นภาษาฝรั่งเศษถ้าเรียกเป็นภาษาอังกฤษก็เรียกว่า โจนส์ ออฟ อาร์ค ( Joan of arc ) เรื่องราวของโจนส์ ออฟ อาร์ค เกิดในฝรั่งเศษ ในสมัยที่ฝรั่งเศษถูกการยึดครองจากอังกฤษ โจนส์ ออฟ อาร์ค เกิดนิมิตเหมือนกันว่าเป็นน้องสาวของพระเยซูคริสต์ ลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในการกู้ชาติจากอังกฤษ ต่อมาถูกอังกฤษจับได้เลยถูกเผาทั้งเป็น ต่อมาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญ ( saint ) กรณีของโจนส์ ออฟ อาร์คเป็นคาทอลิคนะครับเพราะสมัยนั้นโปรแตสแต้นยังไม่เกิด

ในกรณีทั้งหงซิ่วเฉวียนกับโจนส์ ออฟ อาร์ค  ทั้งสองกรณีนี้คล้ายกันมาก ทั้งคู่แสดงตัวว่าถูกอาณัติจากพระเจ้าให้มากู้ชาติ และทั้งคู่ประกาศตนว่าเป็นญาติกับพระเจ้ากล่าวคือ หงซิ่วเฉวียนอ้างตนว่าเป็นน้องชายของพระเยซูคริสต์ ส่วนโจนส์ ออฟ อาร์คอ้างตนว่าเป็นน้องสาวของพระเยซูคริสต์ แต่เรื่องราวของโจนส์ ออฟ อาร์คเกิดก่อนหงซิ่วเฉวียนประมาณสี่ร้อยกว่าปี เป็นไปได้มั้ยว่าหงซิ่วเฉวียนอาจรับรู้เรื่องราวของโจนส์ ออฟ อาร์ค แล้วอินนำรูปแบบของโจนส์ ออฟ อาร์ค มาทำบ้าง ไหง่อยากท้าทายให้คิดครับเพราะการศึกษาที่ดีต้องส่งเสริมให้คนคิดเป็น ไม่ใช่เชื่อศรัทธาตะพรึดตะพรือ

รูปภาพของ pinglin

@อาวี่ฟัดก๊อ

ขอให้อาวี่ฟัดก๊อ เดินทางโดยสวัสดิภาพ และมีเรื่องราวสนุกๆและรูปถ่ายมาให้ชมกันนะครับ

เหมยวโจวเป็นดินแดนที่งดงาม และเป็นความภาคภูมิใจของฮักหงินจริงๆ ช่วงเทศกาลเชงเม้งที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปอาศัยอย่างไม่คาดฝัน เลยเตรียมศึกษาข้อมูลไปน้อย มีโอกาสอยากท่องเที่ยวไปจุดต่างๆ ให้มากขึ้นครับ

และขอบคุณครับเกี่ยวกับประวัติหงซิ่วฉวน ในจุดที่ผมสงสัยครับ ผมเองยังไม่เคยศึกษาประวัติภูมิหลังของท่านผู้นี้ ได้ถามอาสุกที่อยู่เหมยโจวว่า ความเป็นคริสต์ของหมู่บ้านได้รับอิทธิพลจากหงซิ่วฉวน หรือเปล่า ท่านว่าไม่น่าจะใช่ ท่านว่าดินแดนบ้านเราอยู่นอกอิทธิพลของท่านผู้นี้ แต่เริ่มเป็นคริสต์เมื่อใดมาจากไหน ท่านก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่จากที่อาก๊อยกมาแสดงว่าอาจจะไม่ใช่มิชชันนารีชาวอังกฤษโปรแตสแตนท์ที่เข้ามาในแถบนี้ เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นคาทอลิก คงต้องหาคำตอบกันต่อไปครับ

รูปภาพของ วี่ฟัด

อาพินอิน

ไหง่เห็นรูปที่อาพินอินใข้เป็นภาพประจำตัวด้วยแค่หางตาไหง่ก็รู้แล้วว่าอาพินอินไปถ่ายที่เค่อเจียป๋ออู๋ก่วน เมืองหม่อยแย้นเพราะไหง่เคยมาที่นี่แล้วไม่ต่ำกว่า 4 - 5 ครั้ง ทั้งที่ไหง่เคยไปหม่อยยั้ยมาแล้ว 6 ครั้ง แต่ที่ไปครั้งสองครั้งแรกมันยังไม่ได้สร้าง

รับรองว่าต้องกลับมาเขียนเล่าแน่นอนเพราะการเขียนเว๊ปถือว่าเป็นการฝึกฝนการเขียน การเป็นนักเขียนเป็นสิ่งที่ไหง่ไฝ่ฝันอยู่แล้วคนรุ่นก่อนๆจะฝึกฝนการเขียนนี่ไม่ใช่ง่ายนะ ไม่มีเวทีให้ฝึกแต่สมัยนี้สบายมีเว๊ปให้เขียนมากมาย มีให้ฝึกได้ทุกวัน เขียนเสร็จลองฟังดูซิว่าคนที่เขาอ่านเรื่องของเราเขาว่าอย่างไรบ้าง เราก็เขียนตามธรรมชาติของเรา สำนวนของเรา เราไม่จำเป็นที่ไปเขียนตามสไตย์ของคนอื่น สไตย์ใครสไตย์มันดีที่สุด แต่ที่สำคัญการเขียนคือการเล่าเรื่อง เขียนแล้วคนอ่านเขาจะอ่านรู้เรื่องหรือเปล่าหรือถ้าเขียนภาษาแบบเป็นทางการมากเกินมันก็น่าเบื่อ สิ่งที่ไหง่ไฝ่ฝันอีกอย่างหนึ่งคือการกำกับภาพยนต์เนื่องจากการหลงใหลกูโรซาว่า ที่จริงสิ่งที่ไหง่ไฝ่ฝันมันล้วนแต่เป็นการเล่าเรื่องทั้งสิ้น แม้แต่การว่าความก็คือการเล่าเรื่อง

คู่ความทั้งสองฝั่งทั้งโจทก์ทั้งจำเลย อาจมีเรื่องมาเล่าให้ศาลฟังคนละเรื่องกัน ( เป็นไปได้เหมือนกันนะ ) แล้วแต่ว่าศาลจะใช้วิชาตรรกชั่งน้ำหนักดูซิว่าจะเชื่อใครดี หลายๆวิชาชีพจึงมักสาระวนอยู่กับการเล่าเรื่อง นี่หนอมนุษย์ที่เขาบอกว่า " มีลม (หายใจ)มีเรื่อง หมดลม (หายใจ) หมดเรื่อง" 

ดังนั้นอาพินอินไม่ต้องกลัวถ้าตราบใดยังมีลม ( หายใจ ) ต้องมีเรื่องสนุกมาเล่าอย่างแน่นอนอาพินอิน ยังไม่หมดเรื่องง่ายๆหรอกอาพินอิน

รูปภาพของ pinglin

@อาวี่ฟัดก๊อ

ยินดีครับ  ในรูปถ่ายกับพ่อแม่ กับอาสุกและอาสุกแม๊ที่เหมยโจว. ท่านบอกเลยว่ามาที่นี่ต้องมาถ่ายกันตรงนี้  แล้วก็ไปดูบ่อน้ำข้างหลังด้วยความซาบซึ้ง

วันนี้อาสุกก็โทรมาครับ เสียดายคุยกับท่านไม่ค่อยได้  ต้องให้แม่คุย. ไม่อย่างนั้นคงมีข้อมูลดีดีมาเล่าให้ฟังเช่นกันครับ อาสุกท่านนี้เทิดทูลภูมิใจในท่านนายพลยิบฯมาก. ท่านรับราชการทหารด้วย. ไม่แน่ใจว่าท่านเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาท่านนายพลหรือไม่  ปัจจุบันก็  72 ปีแล้วครับ

อาก๊อเรียกผมอาเปี๋ยงลิ้มแล้วกันครับ(ปลายสายจากอาสุกฟังชัดท่านสำเนียงนี้)longinใช้ชื่อปิงหลิน ครับ. เป็นชื่อที่อาสุกกุ๊งตั้งให้  ยินดีน้อมรับคำแนะนำจากอาวี่ฟัดก๊อครับ

 

รูปภาพของ pinglin

เสียดายเหมือนกัน

@อิชยา

เสียดายเหมือนกันครับ แต่ก็ถ่ายเก็บไว้นิดหน่อย เพราะเนื้อหาค่อยข้างเยอะ แล้วก็อ่านไม่ออกครับ เลยไม่แน่ใจว่าตรงไหนสำคัญ และก็ไม่กล้าขอยืมกลับมาเมืองไทย

และมีอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ประวัติและสาแหรกเซี่ยงเจี่ย เล่มนี้อาสุกบอกว่า อาแซ่สุกกุ๊งที่อยู่ที่เมืองไทยก็มี เลยนึกดีใจว่าจะมาขอให้ทางเมืองไทยช่วยอ่านและอธิบายเป็นภาษาไทยให้ฟัง เลยไม่ได้ถ่ายไว้มาก  พอมาเมืองไทยไปพบอาแซ่สุกกุ๊งถามหาเล่มนี้  ปรากฏว่าหาไม่เจอเสียแล้ว  อาจจะหายช่วงที่ท่านย้ายบ้าน  ท่านเองก็อายุเกือบๆ 90 ปีแล้ว เรื่องราวบางอย่างเริ่มจะเลือนๆ เหมือนกัน  ก็ภาวนาให้ลูกๆ หลานๆ ท่านหาเจอ มีอีกทางหนึ่ง คือ อาสุกที่เหมยโจว ได้อธิบายเกี่ยวกับสาแหรกตระกูลไว้โดยอัดเสียงไว้ด้วย  คงต้องมาค่อยๆ ฟังอีกที  เสียดายว่าผมเองภาษาบรรพชนก็อ่อนนัก....

รูปที่พอถ่ายไว้ทันครับ

ปกหนังสือเล่มที่กล่าวถึงในครั้งหลังนี้ครับ เป็นประวัติตระกูลเจี่ย และที่สำคัญ คือ สาแหรกการสืบสายเซี่ยงเจี่ย

ตรงนี้น่าจะเป็นประวัติ

และที่สำคัญของเล่มนี้ คือ สาแหรกตระกูล ซึ่งมีชื่อและรุ่นของเซี่ยงเจี่ยแห่งหมู่บ้านเหม่าเหยิน ที่เกี่ยวข้องกับผมที่สุด คือ อากุ๊งเป็นรุ่นที่ 14 และอาป๊าเป็นรุ่นที่ 15 ซึ่งเมื่อมาเจอตรงนี้ ทำให้ผมทึ่งในความช่างจดบันทึกของบรรพชนจริงๆ ทำให้เข้าใจ(เอาเอง)เลยว่า ทำไมต้องเคารพบรรพชน เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้รักภาคภูมิใจในวงตระกูลและต้องรักษาชื่อเสียงไว้ต่อไป และอาสุกซึ่งเป็นผู้อาวุโสสุดที่นั้น ทำหน้าที่นายทะเบียนตระกูล ก็ได้บันทึกชื่อของผมลงในสาแหรกตระกูลเป็นรุ่นที่ 16 ต่อมาครับ และทราบว่าตอนนี้มีถึงรุ่นที่ 18 แล้ว!

รูปภาพของ อิชยา

แปลปกใน

คุณ pinglin พอจะแปลภาษาจีนได้ไหมค่ะ

อยากรู้ว่าจะมีกล่าวถึงกู๊ผอบ้างไหม 

 

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

@อิชยา

ไม่เป็นเลยครับ. ถ้าเป็นไฟล์ตัวพิมพ์  ผมเข้ากูเกิลแปลภาษาแบบคร่าวมากๆ ครับ

รูปภาพของ pinglin

รูปถ่ายโบราณที่ศาลบางแค

พอดีไปนั่งค้นๆ ไฟล์รูปเก่าๆ ก็ไปเจอรูปที่ถ่ายที่ศาลเจี่ยกู๊ผอไท้ ที่บางแค อยู่ในบริเวณที่ทำการของศาล(อาคาร2ชั้น)บริเวณชั้น1ด้านซ้ายมือของห้องโถงใหญ่ ผมถ่ายเมื่อปี 2546 ช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน (ง่วนเซี่ยว) ในงานกินเลี้ยงสมาคมพานทองตระกูลเจี่ยฯ แทบลืมไปแล้วว่าถ่ายไว้

ในรูปน่าจะเป็นพิธีใดพิธีหนึ่งของศาลแต่ครั้งก่อน ไม่แน่ใจว่าจะเป็นพิธีการเปิดฉลองศาลหรือไม่ จะเห็นว่าสถาปัตยกรรมของอาคารศาลหลัก ก็เป็นแบบในปัจจุบัน แต่ยังไม่ต่อเติมอาคารด้านหลังสองชั้น ตลอดจนศาลาด้านขวามือซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหม่ที่สุด ด้านหลังยังเห็นสภาพสวน "วิมานมะพร้าว" ดูน่ารื่นรมย์ คงเป็นพื้นที่ปลูกสมุนไพรในการรักษาโรคของศาลที่กล่าวขวัญถึง

และที่ภาพระบุว่าถ่ายในปี พ.ศ. 2508 ส่วนเดือนและวันไม่แน่ใจครับ น่าจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของศาล 謝聖仙娘(ศาลเจี่ยเทพธิดา) ที่บางแค ได้ครับ ภายหลังจากน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ไม่แน่ใจว่าภาพนี้ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมหรือไม่ เนื่องจากศาลนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมหาอุทกภัย เช่นกัน

รูปภาพของ อิชยา

ภาพทรงคุณค่า

ภาพถ่ายนี้ระบุปี พ.ศ. ๒๕๐๘ นับมาถึงปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๘

อย่างน้อย ๆ ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งมาร่วมครึ่งร้อยปีเข้าไปแล้ว...และก่อนที่จะมีการสร้างศาล ณ ที่ปัจจุบัน..ก็มีการทรงกู๊ผอเพื่อรักษาโรคอยู่ก่อนแล้ว ... เป็นไปได้ไหม? ว่า เทพเฉี่ยกู๊ผอมีในประเทศไทย ประมาณเกือบ ๑๐๐ ปี ...

สมัยก่อนการคมนาคม การสื่อสารต่าง ๆ มันยังไม่ได้รวดเร็วเหมือนปัจจุบัน ... การที่เรื่องราวหนึ่ง ๆ หรืออะไรก็ตาม .. กว่าจะเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างขึ้น ต้องใช้เวลานับหลายปี และก็ต้องมีการดำเนินเรื่องนั้น ๆ อย่างต่อเนื่องมาตลอด ... ที่พึ่งยามป่วยไข้ของขักหงิน และอาจจะเป็นเทพองค์เดียวที่มีประวัติที่มาเป็นขักหงิน (ฮากกา) ในไทยหรือไม่?

 


ภาพจากเฟสบุ๊ค อ.เจริญ ตันมหาพราน ... นำมาเปรียบเทียบภาพถ่ายเก่า (ชี้ที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)

 

https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xap1/v/t1.0-9/10177265_655778087805471_5624447794206981631_n.jpg?oh=3cc8c0113b82fda49ef88293d1b2ceea&oe=55F1C05C&__gda__=1445786496_eb67384279df95000fa84721d55155eb
https://scontent-sin1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xtf1/v/t1.0-9/1924682_655779267805353_3111229681759078156_n.jpg?oh=b0312b03ab4dde5773f4bd95ad54b147&oe=562DF0F3 https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xfp1/v/t1.0-9/1555276_655777157805564_5362427015244690918_n.jpg?oh=a1f20c146a8249c2e4c8f5ccb5334767&oe=5626EBA5&__gda__=1442370366_906d25e455864c0371dd4593cb6d7454

อาเจ๊คนยืนท้าวประตู เสื้อลายแดง-ขาว คนนี้แหละที่เป็นผู้ให้ข้อมูลในวันที่ไปเยี่ยมชมศาล

ภาพวาดโป๊ยเซียนภายในศาลเจ้า...คลิ๊กดูภาพขยาย ดับเบิลคลิ๊กปกติ

รูปภาพของ pinglin

@คุณอิชยา

ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับระยะเวลาที่ความเชื่อใน เจี่ยกู๊ผอ เข้ามาในเมืองไทยน่าสนใจครับ เพราะกว่าในเมืองไทยจะมีศรัทธา จนสามารถมีที่ทางและสร้างศาลถาวรได้ น่าจะใช้ระยะเวลาก่อนหน้านั้น อย่างน้อยพ่อผมก็อายุ 70 กว่าแล้วก็เห็นการทรงเจี่ยกู๊ผอ ในเมืองไทย ที่บ้านเก่าสะพานอ่อน มาตั้งแต่เด็ก

น่าสนใจเกี่ยวกับผู้ทรง เพราะอย่างการทรงเจ้าในเมืองไทย จะต้องได้รับการประสิทธิ์ประสาทครอบครูจากผู้ที่ทรงมาก่อน การทรงเจี่ยกู๊ผอ ก็เช่นกัน ไม่แน่ใจว่าผู้ทรงได้รับการสืบทอดจากทางเมืองจีนหรือไม่ เพราะอย่างที่พ่อเคยเห็นตอนเด็กๆ ก็จะทรงโดยคนๆ นี้เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่เคยเห็นใครทรงเจี่ยกู๊ผออีกเลย หลังจากคนทรงที่ศาลที่บางแคได้เสียชีวิตไป แต่ทางเมืองจีนยังมีอยู่

สำหรับอาเจ้ที่กล่าวถึง ผมก็เคยเห็นอยู่ครับ แต่ที่ผมเคยคุยด้วย คือ อาเจ้ชุดขาวเสื้อลายจุด คนนี้ใจดีครับ ท่านยังให้สำเนาประวัติอาเจี่ยกู๋ผอ ภาษาไทยมาด้๊วย ส่วนอาสุกกุ๊งที่นั่งรับแขกอยู่ เวลาที่ศาลมีงานช่วงตรุษจีน ท่านจะเป็นผู้ประทับตราฮู้ 謝聖仙娘 ให้กับผู้ที่ต้องการนำสิ่งของ เช่น ผ้ายันต์ เสื้อ มาประทับเป็นศิริมงคล ครับ

รูปภาพของ วี่ฟัด

รำคาญเสียงนก

รำคาญจริงๆ

รูปภาพของ pinglin

ศาลในปี พ.ศ.2546

เป็นรูปอาคารศาลหลักที่บางแค ถ่ายในปี พ.ศ.2546


อาคารศาลหลัก ก่อนการบูรณะมังกรบนหลังคา ในช่วงไม่กี่ปีมานี้

ภายในศาล

องค์เจี่ยกู๋ผอ

และรูปที่ผมประทับใจมาตั้งแต่เด็ก น่าจะเป็นสองสามีภรรยา ที่สามีเป็นบัณฑิตยากจน เมื่อจากบ้านไปสอบได้ตำแหน่งแล้ว ก็กลับมารับภรรยาไปแต่งงาน แสดงให้เห็นความอดทนของผู้หญิง และความมั่นคงของผู้ชาย ไม่แน่ใจว่าหมายถึงผู้หญิงฮักหงินหรือไม่?

รูปภาพของ pinglin

เทพเจ้าที่อาคารสองชั่นด้านหลัง

นอกจากองค์ 谢圣仙娘 ที่อาคารหลักแล้ว ยังมีเทพเจ้าอยู่ที่ชั่น 2 ของอาคารสองชั้นด้านหลังอาคารหลัก พื้นที่บูชาตรงนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มากราบไหว้
谢圣仙娘 เป็นประจำยังไม่ทราบเลยว่ามีตรงนี้ด้วย ซึ่งบริเวณชั้น 1 เป็นที่ทำการของศาลและมูลนิธิเทพธิดาพิทักษ์


องค์เทพทั้ง 3

องค์กิ่วอ้วงฮุดโจ้ว ทีแรกเข้าใจว่าเป็นไต่ฮงกง แต่พอดูป้ายกำกับถึงทราบว่าเป็นองค์นี้ ปกติจะเห็นเป็นเทพเก้าองค์ มีลักษณะแบบผู้วิเศษตามลัทธิเต๋า แต่องค์นี้เป็นแบบนักบวชพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน

องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ เทพเจ้าประธานของที่บูชานี้

เหล่าปุงเถ่ากง

ต้องขออภัยที่ชื่อเทพเจ้าเหล่านี้ออกนามตามภาษาแต้จิ๋ว รบกวนขอนามในภาษาฮากกา ครับ

รูปภาพของ pinglin

บทความของคุณจิตรา ก่อนันทเกียรติ

ทำเนียบศาลเจ้าจีนแคะทั่วไทย (7) - ศาลเจ้าแม่เทพธิดาเจี่ย

แต่ต้องเป็นสมาชิก แล้ว login ถึงจะอ่านได้ครับ ในตอนต้นน่าจะกล่าวถึงความเป็นมาของศาลที่เริ่มต้นมาจากการทรง และการเอ่ยนามที่เรียกท่านว่า "เจ้าแม่เจี่ย" จำได้ว่าเวลาคุยกับคนในซอยเพชรเกษม 48 ว่าจะไป "ศาลเจี่ยกู๊ผอ" หรือ "ศาลเจี่ยเทพธิดา" จะไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ถ้าบอก "ศาลเจ้าแม่เจี่ย" คนในซอยจะร้องอ๋อ รู้จักกันเป็นอย่างดี ครับ

รูปภาพของ อิชยา

     

Smile 

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

ศาล 谢圣仙娘 ที่เหม่าเหยิน ทึงแค

ช่วงที่ไป หมู่บ้านเหม่าเหยิน ต.ทึงแค อ.ฮงสุน บ้านเกิดของอากุ๊งเป็นครั้งแรกเมื่อต้นปี ได้ไปกราบศาล 谢圣仙娘 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณส่วนหน้าริมถนนในหมู่บ้าน และเป็นศาลประจำของหมู่บ้าน ศาลนี้อากุ๊งน่าจะได้กราบไหว้มาตั้งแต่กำเนิดและก่อนเดินทางมาเมืองไทย วิถีชีวิตของครอบครัวจะผูกพันกับชื่อของท่านอย่างมากตลอดชีวิต อาสุกที่ยังอยู่ทางนั้นเล่าว่าศาลนี้เป็นศาลโบราณประจำหมู่บ้านมาแต่เดิม แต่ที่เห็นในปัจจุบันเป็นการบูรณะขยายศาลให้มีความแข็งแรงมั่นคง และกว้างขวางขึ้น โดยมีลูกหลานของบ้านเหม่าเหยินที่ไปจากเมืองไทย โดยเฉพาะทางจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการออกทุนบูรณะ

ท่านเหมือนเป็นผู้เชื่อมความสัมพันสองแผ่นดิน นอกจากเราจะมาจากบรรพชนเดียวกันแล้ว ยังกราบไหว้และได้รับความคุ้มครองจากเทพเจ้าผู้เมตตาองค์เดียวกัน มีศาลที่สถิตของท่านทั้งบนแผ่นดินบรรพชน และแผ่นดินที่ให้โอกาสก่อร่างสร้างตัว เป็นสายใยในสายเลือดของฮักหงินเซี่ยงเจี่ย แห่งหมู่บ้านเหม่าเหยิน ทึงแค ครับ

 

ตัวศาลเจ้า  谢圣仙娘 ที่หมู่บ้านเหม่าเหยิน ทึงแค

ศาลนี้มี 谢圣仙娘 เป็นเทพประธานองค์เดียว แต่ที่เห็นมีกระถางธูปสองกระถาง จำได้ว่าอาสุกบอกว่า เป็นกระถางของโป๊ยเซียน (ไม่แน่ใจจำมาถูกหรือไม่) ซึ่งคล้ายกับที่ศาลบางแค ก็มีกระถางบูชาโป๊ยเซียน แต่ไม่มีปฏิมากรรมของท่าน หนึ่งในฮู้สำคัญของศาลที่บางแค จะมีฮู้รูปโป๊ยเซียนด้วย เป็นฮู้ที่สวยงามมาก แต่ที่บ้านไม่ได้บูชามาติดไว้ รูปเลยหายากสักหน่อย

องค์เทพ 谢圣仙娘 ของที่เหม่าเหยิน ท่านจะประทับนั่งถือหยู่อี่อยู่ในมือขวา มือซ้ายถืออะไรนั้น ดูไม่ถนัดครับ ศาลอื่นๆ ในเมืองจีนเท่าที่หารูปเจอก็จะถือสิ่งมงคลแตกต่างกันไป อย่างศาลเก่าที่เป็นหินบนเขาสูง ท่านจะประทับนั่งถือดาบแล้วยังมีองค์ประทับยืนเครื่องทรงนักรบด้วย ส่วนศาลที่บางแค ท่านจะถือพัดที่มือขวา ทำให้ศาลนี้มีของศักดิ์สิทธิ์อีกประการ คือ พัดขาว ไม่แน่ใจว่าการถือสิ่งมงคลเหล่านั้นเป็นวัตถุประสงค์ของผู้สร้าง ในการขอความคุ้มครองเป็นพิเศษในบางประการตามของมงคลนั้นหรือไม่ครับ

ต่อไปเป็นป้ายจารึกต่างๆ ในศาล ครับ

เข้าใจว่า ป้ายหินน่าจะจารึกเกี่ยวกับการบูรณะศาล ซึ่งมีนามของผู้บริจาคปรากฏอยู่ (มีชื่ออาป๊าของผมด้วย) นอกจากนั้นก็เดาไม่ออกครับว่าเป็นอะไร ท่านใดทราบช่วยบอกด้วยครับ

และศาลเจ้าที่ด้านขวามือของศาล ครับ อาสุกเล่าว่า โบราณดั้งเดิมศาล 谢圣仙娘 ที่เหม่าเหยิน นี้เป็นศาลเล็กๆ เพิ่งจะมีบูรณะขยายตามรูปแบบที่เห็นในปัจจุบันเมื่อไม่นานมานี้ ไม่แน่ใจว่าศาลดั้งเดิม จะมีขนาดใกล้เคียงกับศาลเจ้าที่นี้หรือไม่ครับ

รูปภาพของ pinglin

VDOพิธีกรรมบูชาที่ศาลหินเก่า

ไปค้นเจอครับ ทำให้เห็นรายละเอียดและองค์ประกอบ ของศาลหินเก่ามากขึ้น

http://www.jiexi.net/forum/thread-6978229-1-1.html

รูปภาพของ อิชยา

วิดีโอเกี่ยวกับ เทพ ซั้ม ซั๊น เกี๊ยด หวอง

ตามเข้าไปดูวิดีโอที่คุณ pinglin แชร์ไว้  พบเรื่องเกี่ยวกับเทพสามภูเขา (ซั้ม ซั๊น เกี๊ยด หวอง)  ที่ห้วยกระบอกก็ได้มีการอัญเชิญองค์จำลองมาประดิษฐานที่ศาลเจ้า   ในตลาดห้วยกระบอก

ซึ่งเทพซั้ม ซั๊น เกี๊ยด หวอง  เป็นเทพอีกองค์หนึ่งที่ขักหงินเรา  ให้ความเคารพและบูชามาตั้งแต่โบราณกาล   ไถ่ก๊าท่านใดพอจะแปลเรื่องราวในวิดีโอไว้ให้คนไม่รู้ภาษาจีน  ได้อ่านได้ศึกษาบ้างก็ขอเชิญและโมทนาด้วยค่ะ  

 

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

@อิชยา น่าสนใจครับ

ใกล้ๆ บ้านก็มีศาลซำซานเกี๊ยดหวอง อยู่ริมคลองบางหลวง ตรงข้ามคนละฝั่งคลองกับศาลกวนอู ตลาดพลู แต่ก็ยังไม่มีโอกาสข้ามคลองไปเยี่ยมเยียนสักที

ลองหาข้อมูลเล่นๆ เจอข้อมูลเกี่ยวกับศาลนี้ในจังหวัดตรัง ครับ

http://www.trangzone.com/webboard_show.php?page=21&ID=4152

 

รูปภาพของ อิชยา

ขอความกรุณาแปลภาษาจีน

 @ pinglin  จะขอความกรุณาแปลภาษาจีนในส่วนประวัติเจี่ยกู๊ผอ ฉบับภาษาจีนที่หงีนำรูปมาลงไว้ ... ถ้าพอแปลได้บ้างแบบรวม ๆ โดยย่อ ๆ พอได้รู้เรื่อง  เพื่อเปรียบกับประวัติที่ได้มาจากศาลที่บางแค

และฮู้ของเจี่ยกู๊ผอ กับวิธีการใช้ฮู้  พอจะทราบบ้างไหมค่ะ  ถ้าพอทราบก็ขอความกรุณาลงไว้  จะทำการรวบรวมนำเข้าต่อในงานเอกสารที่ทำไว้ ... ไว้มีอะไรมาเพิ่มเติมใหม่ก็มาเก็บรวบรวมกันอีก ... 

 

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

@อิชยา เรื่องการแปลภาษาจีน

อยากทราบเหมือนกันครับ แต่ไม่มีความรู้เรื่องการแปลเลย ถ้าหากเป็นตัวอักษร ยังพอเข้า google แปลภาษา แต่ก็เป็นการแปลคำต่อคำ ให้ได้เนื้อหายากมากครับ

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

หน้าหนังสือละลานตา

เห็นหน้าหนังสือนี้แล้วละลานตา มันคืออะไรนะ ลองค้นคว้า ที่แท้เป็นคำภีร์บทสวดสอนคน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
บทสวดนี้บ่งบอกไว้ว่า โชคชะตาชีวิตเป็นเรื่องที่เราต้องลิขิตเอง ประพฤติดีละชั่ว ทำอย่างไรจึงจะบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม เพราะชีวิตหมุนวนเป็นวัฏจักรไม่มีที่สิ้นสุด ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เพราะมนุษย์เราที่เกิดมา ล้วนเป็นกรรมเก่าที่ทำไว้ในอดีตชาติ บางคนอดีตชาติเป็นเทพเป็นเซียน เป็นมนุษย์ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรตอสุรกาย และฯลฯ แต่ไม่ว่าความเป็นมาในอดีตชาติเป็นอย่างไร ก็ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ เหตุที่เป็นดังนี้ เพราะก่อนจะมาเกิดเป็นมนุษย์ จะต้องผ่านการดื่มน้ำลืมชาติก่อน เพื่อให้ลืมเรื่องราวทุกสิ่งในอดีตให้หมดสิ้น แต่ก็มีเด็กบางคนสามารถระลึกชาติแต่หนหลังได้เหมือนกัน ที่เป็นเช่นนี้ เพราะการเวียนเกิดของมนุษย์มีจำนวนมากมายมหาสาล อาจมีเล็ดรอดดื่มน้ำลืมอดีตได้ แต่เป็นส่วนน้อยนิด บ้างก็ว่า ยมบาลเล็งเห็นว่า มนุษย์มักไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ทำบาปอยู่บ่อยๆ จึงยอมให้มนุษย์ที่จะเกิดบางส่วนไม่ต้องผ่านการดื่ม แล้วให้ไปเกิดยังดินแดนต่างๆทั่วโลก เพื่อให้มนุษย์เชื่อและสำนึกว่า นรกมีจริง ชาติหน้ามีจริง หากมีจิตใจชั่วร้ายทำบาปทำกรรม ชาติหน้าเกิดมาอาจเป็นเดรัจฉานหมูหมาก็เป็นได้ ฉะนั้น คำภีร์บทสวดซานซื่ออินกว่อจิง 《三世因果經》 จึงสอนไว้ว่า: ขอแปลสักสี่บรรทัด
善男信女聽言因,聽念三世因果經。
หญิงชายจิตเลื่อมใส ฟังคำสอนบทสวดคำภีร์ซานซื่ออินกว่อ
三世因果非小可,佛言真語莫非輕。 
อย่าได้ดูแคลนบทสวดซานซื่อินกว่อ คำสอนของพระห้ามละเลย
今世做官為何因,三世黃金妝佛身。
ชาตินี้ทำไมถึงได้เป็นข้าราชการ เป็นเพราะชาติก่อนอยู่อย่างมัธยัสถ์ มีเงินมีทองสร้างองค์พระ
三世修來今世受,紫袍玉帶佛前求。 
ชาติก่อนมุ่งมั่นสะสมบุญ สร้างแต่กุศลกรรมดี ชาตินี้ผลกรรมดีจึงสนองได้เสวยบุญนั้น ชีวิตพบแต่ความสุขสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ พลานามัยแข็งแรงปราศโรคภัย หาใช่ไปวัดไปวาบนบานศาลกล่าวได้มาไม่
 
รูปภาพของ pinglin

@จองกว๊านหมิ่น

น่าสนใจมาก ขอขอบคุณครับอาก๊อ

รูปภาพของ pinglin

VDOแนะนำหมู่บ้าน 茅园 (เหม่าเหยิน)

ไปค้นๆ เว็บของหมู่บ้าน 茅园 (เหม่าเหยิน) ฟุ้งสุ่น บ้านเกิดอากุ๊ง

มี VDO น่าจะแนะนำหมู่บ้าน ถ่ายรายละเอียดดีมาก แต่ไม่รู้ว่าอธิบายอะไร

เรียนท่านผู้รู้ช่วยบอกหน่อยครับ และน่าจะเป็นพิธีกราบไหว้บรรพชน

http://v.youku.com/v_show/id_XMzUxMjAyNTMy.html

รูปภาพของ อิชยา

link error จ๊า

สงสัย ลิงค์ที่คุณ pinglin ให้ไว้จะerror คลิกแล้วไปขึ้นหน้าบอร์ดฮากกาพีเพิล .. หรือเป็นเฉพาะคอมของไหง่เอง ??
แต่ยังไงก็ไปก๊อปโค๊ดไฟล์วิดีโอมาลงให้แทนนะคะ...

รูปภาพของ pinglin

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ

นั่งดูอย่างละเอียดอีกที มีทั้งอาสุก อาสุกแม๊ อาก๊อ ด้วย

ตอนไปที่หมู่บ้านช่วงต้นเมษายน ดูเงียบเหงา

แต่พอดูในวีดีโอนี้คึกคักมาก

รูปภาพของ pinglin

การรวบรวมสาแหรกเซี่ยงเจี่ย

แล้วยังมีการรวบรวมประวัติและสาแหรกแซ่เจี่ย ด้วย

http://10654.108cun.com/article37513

http://10654.108cun.com/article37812

http://10654.108cun.com/article37250

ก็ยังเดาไม่ออกเหมือนกันครับ ว่าเป็นอย่างไร

แต่ตอนที่ไปพบอาสุกที่อยู่เหมยโจว มีหนังสือเล่มนี้อยู่ ท่านก็อธิบายในสายที่เกี่ยวข้องกับบรรพชนของผมแบบคร่าวๆ เสียดายว่าสื่อสารกันไม่ค่อยถนัด เลยได้ความรู้มาไม่มากนักครับ

ของผมก็เซี๋ยงเฉี่ยครับ

  1. อากุง อาสุกกุง มาจากหม่อยเยี้ยน มาอยู่ที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
รูปภาพของ pinglin

@samsen26

ยินดีครับ นานจะได้พบเซี่ยงเจี่ยที่เป็นฮักหงินเหมือนกัน

ทางนั้นมีเซี่ยงเจี่ยอยู่เยอะหรือไม่ครับ

แล้วเคยมี เจี่ยกู๊ผอ หรือไม่ครับ

รูปภาพของ pinglin

王孫大使 (謝府元帥)

สืบค้นเล่นๆ ไปเจอเรื่องราวของ 王孫大使 (謝府元帥)

เป็นเทพเจ้าแซ่เจี่ย คนไทยเชื้อสายจีนทางภาคใต้นิยมบูชาท่านกันมาก

ขอบันทึกเก็บไว้ก่อนครับ

ดูเรื่องราวของท่านได้ที่

http://www.phuketvegetarian.com/borad/data/4/0095-1.html

รูปภาพของ pinglin

ฮู๊เจี่ยกู๋ผอไท้

ไปค้นเจอรูปฮู้เจี่ยกู๊ผอไท้ ถ่ายตอนไปไหว้ท่านช่วงก่อนตรุษจีนหลายปีมาแล้ว

ทางศาลจะนำฮู๊ของท่านมาให้บูชา ปีละครั้ง เพื่อให้ผู้ศรัทธานำไปติดที่บ้านหลังจากเปลี่ยนฮู๊ใหม่หลังจากวันตรุษจีน จะเห็นว่ามีวัตถุมงคลหลายแบบ ทั้งธง พัด ถุงข้าวมงคล และฮู้ สำหรับฮู้ที่บ้านบูชาทุกปี คือ แบบฮู้สีเขียวมีรูปเจี่ยกู๊ผอประทับม้า มาใส่กรอบติดที่หน้าบ้าน เป็นฮู้ที่ไหง่เห็นมาแต่เกิด สำหรับฮู้แต่ละอย่างมีวิธีการใช้อย่างไรนั้น ไม่ทราบเหมือนกันครับ บ้านใดที่มีฮู๊แบบนี้ติดอยู่ เดาได้เลยว่า 99% บ้านนั้นเซี่ยงเจี่ย และเป็นขักหงิน ที่ถุงข้าวจะมีคำมงคลเป็นอักษรจีนแตกต่างกัน แล้วแต่ครอบครัวไหนต้องการพรพิเศษอะไร ก็เลือกแบบนั้นไป ครับ

อีกอย่างหนึ่ง คือ ผู้ศรัทธาแต่ละคน จะนำเสื้อของคนในครอบครัว ไปให้ผู้อาวุโสของศาล ปั๊มตรา 謝聖仙娘 ที่คอเสื้อ เป็นข้อปฏิบัติที่สืบมาของคนในตระกูล ครับ

 

รูปภาพของ อิชยา

รบกวนถาม

คุณ@pinglin ..

ขอรบกวนถาม  ไหง่อ่านไปเจอเรื่องเจี่ยกู๊ผอในนิตยสารที่ได้รับแจกมาฉบับหนึ่ง ..

เรื่องราวคล้ายของหงีมาก .. ผู้เขียนเรื่องนี้ ใช้ชื่อว่า "ประสงค์" ..

จึงขอถามว่าใช่หงี่เองหรือเปล่า? 

ขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

ตอบ

ใช่ครับ ยังฝึกหัดการเขียน มีอะไรรบกวนชี้แนะนะครับ

รูปภาพของ pinglin

ค้นเจออีก

ค้นเจออีกกลุ่มหนึ่งที่บูชาเจี่ยกู๊ผอที่เมืองจีน ซึ่งฟังคร่าวๆ ก็น่าจะเป็นคักหงิน สังเกตว่า แต่ละกลุ่มจะมีพิธีแห่รูปเคารพของท่านกัน
โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างกันบ้าง เช่น มีคนทรงร่วมขบวน สถานที่อัญเชิญท่านมาประดิษฐานชั่วคราว

ค้นเจอ VDO พิธีของกลุ่มนี้ ที่ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่มีคนทรงร่วมพิธี ใช้ศาลบรรพชนเป็นสถานที่ประดิษฐานชั่วคราว และยังมีเทพเจ้าอีกองค์ที่มีสีกายสีแดงประดิษฐานคู่กัน ดูไม่ออกว่าเป็นเทพอะไรครับ

http://www.zhuatieba.com/video/XNTI1MTE1MTU2 

รูปภาพของ pinglin

ไม่แน่ใจเป็นอิทธิพลจากความคริสต์ด้วยหรือไม่

วันก่อนคุยกัยแม่ที่เป็นแต่จิ๊ว แต่งเข้ามาในบ้านพ่อซึ่งเป็นฮักหงิน แม่สังเกตว่าครอบครัวของพ่อซึ่งตอนนั้นยังมีอากุ๊งอาผ่ออยู่ ที่น่าจะเคร่งครัดเรื่องการไหว้เจ้าตามเทศกาลตามความนิยมของคนจีนในเมืองไทย แต่ปรากฏว่าครอบครัวของพ่อก็ไม่ได้ไหว้ทั้งหมด อย่างไหว้พระจันทร์ ซึ่งแม่ก็คุ้นเคยมานาน แต่ครอบครัวใหม่ก็ไม่ได้จัดไหว้ ก็ต้องกลับไปไหว้ที่บ้านอากงอาม่าแทน การไหว้ก็ไม่เคร่งครัดพิธีรีตองมากนัก ศาลเจ้าที่ต้องไปไหว้เป็นประจำก็มีไม่มากเท่ากับครอบครัวฝ่ายแม่ต้องไปไหว้ ได้แก่ เจี่ยกู๊ผอ, ซำปอกง วัดกัลยามิตร เป็นต้น

วิเคราะห์กับแม่ ก็เดาเอาว่าอาจจะเพราะความยากจนที่ไม่สามารถจัดไหว้ได้ทุกเทศกาล หรือความที่อาผอเคยเป็นคริสต์มาก่อนหรือไม่ เลยไม่สันทัดในการจัดไหว้ และไหว้ตามความศรัทธาของอากุ๊งหรือตนเอง ครับ 

รูปภาพของ อิชยา

มันเป็นอนิจจัง

จำได้ว่าอาเม้ของไหง่เคยบอกว่า  "ในปี ๆ หนึ่ง เทศกาลไหว้เจ้า  หรือพิธีรีตองในการไหว้เจ้าไหว้เทพ  ของขักหงินมีน้อยกว่าแต้จิ๋ว"

สำหรับไหง่ในความน้อยกว่า (เทศกาล)  ก็ต้องลดถอน  หรือหยุดไป  เนื่องจากเศรษฐกิจของครอบครัวบ้าง    เนื่องจากบรรดาอากุ๊ง  อาผอ ท่านก็ทยอยกันจากลูกหลานไปบ้าง  สภาพสังคมที่เป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไป   สิ่งเหล่านี้ทำให้วัฒนธรรม / ประเพณีของขักหงินเรา .. ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย  อย่างน้อยก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือพิธีการ .. อย่างมากก็เลิกไหว้กันไป Surprised

รูปภาพของ pinglin

กำหนดการเสี่ยซิ้ง เจี่ยกู๊ผอ พ.ศ.2559

 เห็นหลายๆ ท่านไปเยือนศาลแห่งนี้ในช่วงเวลาปกติ ก็อาจจะดูเงียบเหงาไป แต่ถ้าหากมาในช่วงงานประจำ ก็จะคึกคักหน่อย มีผู้อาวุโสหลายๆ ท่านมารวมกันกราบไหว้ โดยเฉพาะเป็นอีกหนึ่งวันที่ทางบ้านผมจะได้พบญาติผู้ใหญ่ ทั้งในสายเลือดเดียวกัน และมาจากหมู่บ้านบรรพชนเดียวกัน ครับ

รูปภาพของ pinglin

เมื่อคืนวานเข้าไปที่ศาลเจี่ยกู๋ผอ

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 15 มกราคม เป็นงานในเทศกาลเสี่ยซิ้งเป็นวันสุดท้ายของศาลเจี่ยกู๊ผอ ประจำปี พ.ศ. 2559 ได้มีโอกาศไปไหว้แบบเดี่ยวๆ เป็นครั้งแรก ทุกครั้งจะไปกับแม่ โดยวันแรกของพิธีจะมีการเจริญพระพุทธมนต์เลี้ยงพระ 12 รูป (ยังไม่ทราบเหมือนกัน ว่าทำไมต้องจำนวนเท่านี้) เนื่องจากเป็นวันที่ต้องทำงานเลยอดไป อาป๊ากับอาม้าผมก็ได้ไปร่วมงาน

 พอดีเจออาปักที่เห็นบ่อยๆ ซึ่งเป็นผู้ดูแลศาล ผมเห็นท่านตั้งแต่ผมเด็กๆ นั่งอยู่ ก็เลยสวัสดีทักทายท่าน ซึ่งก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้พูดคุยกับท่านยาวๆ พร้อมกับรายงานตัวเป็นแซ่เจี่ยลูกบ้านเหม่าเหยิน ลูกเต้าของใคร ท่านก็ดีใจเป็นลูกหลานแซ่เจี่ย และเจี่ยกู๊ผอเหมือนกัน แต่อาปักเองมาจากบ้านฉ่าจื้อ ฟุ้งสุ่น ซึ่งเป็นแซ่เจี่ยและเป็นบ้านที่อยู่ติดกับบ้านเหม่าเหยินของอากุ๊งผม เลยได้มีโอกาศถามหลายเรื่องเกี่ยวกับศาลเจี่ยกู๊ผอตามที่อาจี้อิชยาได้ตั้งคำถามไว้ และเรื่องราวเก่าๆ ซึ่งอาปักท่านนี้เป็นลูกชายของผู้ทรงเจี่ยกู๊ผอประจำศาลนี้ มาแบบคร่าวๆ เนื่องจากดึกมาก แล้วก็ใกล้จะเก็บของในพิธีวันสุดท้ายพอดี แต่อาปักก็ตั้งใจเล่าๆ มากครับ ขอตั้งหัวข้อต่างๆ ไว้ช่วยจำจะมาเล่าในรายละเอียดอีกครั้ง ดังนี้

1. บริเวณศาลดั้งเดิมในยุคเริ่มต้นและการก่อสร้างศาลในปัจจุบัน

2. การทรงเจี่ยกู๊ผอ การให้ยา การใช้ยา การอนุเคราะห์ สูตรยา ภาษาที่เจี่ยกู๊ผอพูดเวลาทรง

รูปภาพของ อิชยา

รออ่าน

Laughingขอบคุณ

รูปภาพของ pinglin

ศาลดั้งเดิมในยุคเริ่มต้น

จากที่ได้เกริ่นไว้ถึงเรื่องราวจากการสนทนากับท่านผู้เฒ่า "อาปักจิต" ลูกชายของร่างทรง "เจี่ยกู๊ผอ" บริเวณพื้นที่ศาล สภาพดั้งเดิมก็คือสวนยกร่องห่างไกลความเจริญที่ต้องพายเรือเข้ามา

 อาป๊าของอาปักมาจากบ้านฉ่าจื้อ ต.ทึงแค อ.ฟุ้งสุ่น ได้ทำมาหากินอยู่ในเมืองไทย จนพอมีเงินบ้างก็ได้มาซื้อที่บริเวณนี้ไว้ทำสวน แล้วสร้างศาลเจี่ยกู๊ผอหลังแรกเป็นหลังคามุงจาก ปัจจุบันอยู่ในบริเวณที่เป็นลานจอดรถเป็นมุมของที่ดินด้านหลังศาล แต่เหตุอันใดที่พ่อของอาปักต้องมาสร้างศาลไว้ก็ไม่ได้ถามไว้ คงจะเหมือนเป็นตำหนักทรงสมัยนี้ที่ผู้ทรงก็อาศัยอยู่ที่นั่นด้วย เพราะอาปักซึ่งเกิดในเมืองไทยแล้วจำความได้ก็เห็นพ่อทรงแล้วก็อยู่ที่นี่ตามลำพัง ตนเองตอน4ขวบก็พายเรือเอาข้าวมาส่งอาป๋าที่นี่ ตอนนี้ก็จะแปดสิบแล้ว

พ่อได้ทำการทรงที่นี่พอสมควร ก็เริ่มมีชื่อเสียง ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคเงิน ศาลสร้างถาวรขึ้น ตรงนี้พ่อของผมก็ได้เล่าเสริมว่า มีการซื้อที่ดินเพิ่ม ซึ่งที่ดินที่ได้มาก็ได้มาในราคาถูก แล้วก็ยังค่อยๆ ผ่อนเอาด้วย ที่ทำได้แบบนี้ก็เพราะเจ้าของที่ดินเดิมก็ศรัทธาในเจี่ยกู๊ผอ บางส่วนก็เป็นคนแซ่เจี่ยนั่นเอง ปัจจุบันทำให้บริเวณศาลมีพื้นที่กว้างขวาง ตัวศาลถาวรหลังนี้ก็มีอายุ 50 ปีแล้ว น่าจะสอดคล้องกับรูปถ่ายพาโนลาม่างานฉลองศาล ที่ระบุว่าเป็นปี พ.ศ.2508

รูปภาพของ pinglin

การช่วยเหลือของเจี่ยกู๊ผอ

ถามอาปักถึงการทรงเจี่ยกู๊ผอ จะทรงเมื่อเวลามีคนทุกข์ร้อนมาที่ศาล มาพบพ่อของอาปักแล้วแจ้งความประสงค์ ร่างทรงก็เชิญอากู๊ผอมาประทับ ถามอาปักว่า แล้วคนที่ต้องเตรียมอะไรมา มีค่ายกครูหรือไม่ อาปักว่าไม่ต้องมีอะไรเลย หลายๆ ครั้งก็ยังเห็นพ่อของอาปักต้องล่วงเงินส่วนตัวให้ไปด้วยซ้ำ

พ่ออาปักเองซึ่งเป็นร่างทรงก็เป็นป้านซานขักฟุ้งสุ่น ปกติก็ใช้สำเนียง "แคะตื้น" พูดคุยกัน แต่พอเวลาที่ประทับทรง ภาษาที่เจี่ยกู๊ผอใช้ อาปักยืนยันว่าเป็นสำเนียง "แคะลึก" ซึ่งอาปักเองก็ฟังยาก ตามที่พ่อของผมเองก็เคยเล่าไว้เหมือนกัน

 ความทุกข์ร้อนที่คนในทั่วทุกสารทิศมาหากัน ก็คือการรักษาโรค อาปักบอกว่า ตอนประทับทรงท่านจะมองๆ แล้วก็เขียนใบสั่งยาให้ ซึ่งมีทั้งตัวยาที่ปลูกในบริเวณศาล และต้องไปซื้อตามร้านยาแผนโบราณ ถามอาปักว่า สูตรยาเหล่านี้ยังมีอยู่หรือไม่ อาปักบอกว่ายังมีอยู่ แต่ตัวยาบางอย่างหาไม่มีแล้ว ก็เลยไม่ได้นำสูตรนี้มาใช้อีก

อาปักเล่าอีกว่า อากู๊ผอจะเขียนฮู้ให้ไปต้มกับยา พร้อมทั้งเวลาต้มก็ให้อธิษฐานถึงเจี่ยกู๊ผอไปด้วย บางคนก็ก็จะบนบาลศาลกล่าวเมื่อหายจากโรค ส่วนใหญ่ก็คือเอาของมาไหว้อย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่มิได้มีการกะเกณฑ์ว่าจะต้องเป็นอะไรเท่าไร บางคนก็มาสมทบทุนบำรุงศาล อาปักบอกว่าที่มีศาลถาวรมาได้ ก็เพราะคนที่ได้รับการช่วยเหลือกลับมาบำรุงศาล

นอกจากนั้นก็ยังมาปรึกษาเรื่องการค้าขาย อาปักบอกว่าผู้อุปถัมป์รายใหญ่ของศาลทุกวันนี้ เป็นคนในรุ่นลูก ที่รุ่นพ่อได้มาปรึกษาเรื่องการค้าขายตอนอากู๊ผอประทับทรง จนร่ำรวย แล้วก็ฝากให้รุ่นลูกไม่ให้ทิ้งศาล ช่วยทำนุบำรุงต่อไป

แต่สิ่งหนึ่งที่เวลาท่านประทับทรงไม่ชอบ ก็คือ การขอหวย อากู๊ผอจะดุว่านี่ไม่ใช่การมีเงินที่ยั่งยืน ทำมาหากินดีกว่า

รูปภาพของ pinglin

ไหว้เจี่ยกู๊ผอในวันง่วนเซียว พ.ศ.2559 (1)

 วันนี้ (22/2/59) ได้เดินทางไปไหว้เจี่ยกู๊ผอ กับพ่อและแม่ ไม่ได้เดินทางไปร่วมกันแบบนี้มาหลายปีแล้ว เนื่องจากติดภารกิจเรื่องงาน นำรูปมาฝากกันครับ

 

 

รูปภาพของ pinglin

ไหว้เจี่ยกู๊ผอในวันง่วนเซียว พ.ศ.2559 (2)

 บรรยากาศภายในศาล

 

ชุดที่คนทรง ใช้เวลาทรงเจี่ยกุ๊ผอ นำมาตั้งไว้เหมือนท่านยังอยู่

เก้าอี้ที่คนทรงใช้

 

รูปภาพของ pinglin

ไหว้เจี่ยกู๊ผอในวันง่วนเซียว พ.ศ.2559 (3)

กิจกรรมหลักๆ ของวันนี้ คือการไปบูชาฮู้มาติดที่บ้าน

 

ฮู้ๆ หลักที่บ้านจะใช้ คือ ฮู้แผ่นใหญ่สีเขียว ของเจี่ยกู๊ผอ ใช้ติดหน้าบ้าน เป็นฮู้ที่ผมเห็นติดตามาตั้งแต่เล็กจนโต เห็นหน้าบ้านไหนติดฮู้นี้เดาได้เลยว่า บ้านนี้เป็นฮักหงินเซี่ยงเจี่ย ส่วนฮู้แผ่นเล็ก เพิ่งได้มีโอกาสถามอาปักที่ศาล อาปักบอกว่าใช้พกใส่กระเป๋าติดตัว อาปักบอกว่าที่เห็นเหมือนลอยลากพู่กันสามแถบ ใช้พิมพ์เอาครับ

 

ส่วนฮู้สีเหลือง เป็นฮู้ของเง็กเซียนฮ่องเต้ กับ แปดเซียน แล้วก็เช่นกัน แผ่นใหญ่ไว้ติดหน้าบ้าน แผ่นเล็กไว้พกติดตัว

เพิ่งทราบจากอาปักว่า นอกจากที่ศาลนี้จะทรงเจี่ยกู๊ผอ เป็นปกติในอดีตแล้ว ในวันไหว้พระจันทร์ จะมีการทรงเง็กเซียนฮ่องเต้ ปีละครั้งด้วย

และก็มีการพะเก่ง สะเดาะเคราะห์ โดยการเขียนชื่อลงบนกระดาษที่ทางศาลเตรียมไว้ให้ ซึ่งอาปักบอกว่า ให้นำมาตีตราประทับ แล้วในเวลาเที่ยงจะอธิษฐานถึงเจี่ยกู๊ผอ ลงมาประสิทธิ์ประสาทให้

ตราประทับเจี่ยกู๊ผอ ที่ใช้ประทับลงบนฮู้ แผ่นรายชื่อพะเก่ง หรือใครจะประทับอะไรเพื่อเป็นศิริมงคล ก็ขออาปักทำให้ครับ ทุกปีแม่จะเอาเสื้อของคนในบ้านมาปั้มตราเพื่อเป็นศิริมงคล

และเมื่อกราบไหว้เสร็จ ทางศาลจะมีข้าวต้ม พร้อมของเจมาเลี้ยง ปีนี้พิเศษมีก๊วยจั๊บเจ อร่อยมากไหงเบิ้นไป 2 ขอบคุณครับ

รูปภาพของ suthin_sun

ตามอ่านอยู่

ติดตามอ่าน อยู่เหมือนเดิม

รูปภาพของ อิชยา

เสียดาย

 เสียดายไม่รู้ว่ามีไหว้...อยากจะไปขอบูชาฮู้มาบ้าง

แต่ก็ขอขอบคุณที่นำรูปชุดใส่ทรงกู๊ผอ  มาให้ชม  แล้วเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ในการทรงมีนำมาแสดงด้วยไหมค่ะ 

รูปภาพของ pinglin

เท่าที่เห็น

เท่าที่เห็น มีเท่านี้ครับ คือ ชุด กับ เก้าอี้

รูปภาพของ pinglin

รูปพิธีที่เมืองจีนล่าสุด

ไปค้นเจอรูปพิธีของกลุ่มผู้บูชาเจี่ยกู๊ผอ ที่เมืองจีนหลายปีมาแล้ว ถ่ายไว้ได้งามทีเดียวครับ

http://home.blshe.com/blog.php?uid=18132&id=133722 

รูปพิธีของปีนี้ครับ

http://www.chaokehui.com/thread-52343-1-1.html

https://www.zhuatieba.com/video/XMTQ3NzY4MDI4OA== 

http://bbs.y858.com/thread-194171-1-1.html 

http://www.weixinyidu.com/n_3015724 

รูปภาพของ pinglin

VDOพิธีย้ายรูปเคารพเจี่ยกู๊ผอของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

ไปเจอคลิปนี้เข้า น่าจะเป็นการย้ายองค์เจี่ยกู๊ผอไปยังศาลแห่งใหม่

ของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ดูมีรูปเคารพ 2 องค์

ซึ่งมีบอกรายละเอียดของหมู่บ้านและศาล แต่ผมอ่านไม่ออกครับ 

https://www.zhuatieba.com/video/XMTQzNTk1NDI0NA==

รูปภาพของ pinglin

วันเทวสมภพเจี่ยกู๊ผอ 29 เมษายน พ.ศ.2559

แม่เพิ่งบอกว่า พรุ่งนี้ คือ วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2559 จะไปไหว้เจี่ยกู๊ผอ เนื่องในวันคล้ายวันเทวสมภพ(วันเกิด) ขององค์เจี่ยกู๊ผอ ซึ่งตามปฏิทินจีนในปีนี้ ตรงกับวันดังกล่าว โดยจะมีการร่วมกันของลูกหลานมากราบไหว้ วันนี้จะเป็นอีกหนึ่งวันที่ศาลจะคึกคัก ท่านที่ทราบข่าวนี้แล้ว ขอเรียนเชิญครับ

รูปภาพของ pinglin

งานประจำปี 2560 เจี่ยกู๊ผอ 1-3 มกราคม 2560

ทางศาลเจี่ยกู๊ผอ (เจี่ยเทพธิดา) ส่งจดหมายมาแจ้ง
งานสมโภชประจำปี 2560 (ช่วงเสี่ยซิ๊ง)
จัดในช่วง 1-3 มกราคม 2560 ปีนี้จัดในช่วงวัดหยุดพอดี
ท่านใดทราบข่าวก็ขอเรียนเชิญครับ

ถ้าหากเดินทางด้วยรถประจำทาง ลงที่ปากซอยเพชรเกษม 48
มีรถมอเตอร์ไซต์ หรือรถสองแถวประจำทางเรียกมาที่ศาลได้เลย
คนในซอยจะเรียกศาลเจ้าแม่เจี่ยกันครับ

และสะดวกมากๆ นั่งรถ BTS สายสีเขียว (สนามกีฬาแห่งชาติ-บางหว้า) มาลงสุดสายที่สถานีบางหว้า แล้วต่อมอเตอร์ไซต์ หรือ TAXI ก็สะดวกดีครับ 

เจี่ยกู๊ผอ

เจี่ยกู๊ผอ  เป็นของเซี่ยง เฉี่ย 謝 ใช่ไหม  บางเอิญได้เห็น  
 
พรุ่งนี้  สมาคมเซี่ยง เฉี่ย ก็เชิญไป  ไม่ทราบว่างานเดียวกันไหม 
รูปภาพของ pinglin

งานเดียวกันหรือไม่ครับ

ใช้แล้วครับอาสุก แต่ไหง่ไม่แน่ใจว่าจะจัดในนามสมาคมหรือเปล่า หรือจัดในนามมูลนิธิเทพธิดาพิทักษ์ จัดที่ศาลเจี่ยเทพธิดา ตรงซอยวัดจันทร์ประดิษฐาราม เพชรเกษม 48

ถ้าวันที่ 2 มกราคม 2560 ช่วงเช้าจะมีพิธีคารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ช่วงค่ำมีงานเลี้ยงโต๊ะจีน แต่ไหง่ไม่ได้ได้ไปตอนเย็นครับ อาสุก  陈伟民 ไปงานนี้หรือไม่ครับ

รูปภาพของ pinglin

พิธีคารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจี่ยกู๊ผอ ในงานประจำปี 2560

 

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นงานประจำปีเสี่ยซิ้ง ที่ตรงกับวันหยุดปีใหม่พอดี เลยมีโอกาสได้ไปร่วมงาน เก็บภาพมาฝากกันครับ

 คุณชิงชัย เสริฐคัมภ์ศร ประธานมูลนิธิเทพธิดาพิทักษ์ และท่านยังเป็นนายกสมาคมพานทองตระกูลเจี่ย และสมาคมเจี่ยตระกูลอนุสรณ์ คารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวันเปิดงาน

 

 

พิธีต่อมาเป็นการทำบุญเลี้ยงพระ

 

งานนี้ก็เพิ่งเคยเห็นพิธีกรนำสวดมนต์เป็นชาวจีนผู้เฒ่าที่นั่งแถวหน้าครับ

 

ถวายภัตตาหารเพล มีเรื่องบังเอิญที่กำหนดเสี่ยซิ้งวันแรกของศาลเจี่ยกู๊ผอที่มีการเจริญพระพุทธมนต์เลี้ยงพระตามปฏิทินจีนไปตรงกับวันคล้ายวันเกิดเกิดแม่ไหง่ตามปฏิทินจีนเช่นกันในทุกๆ ปี แม่ซึ่งมาเป็นสะใภ้เซี่ยงเฉี่ย (แม่แซ่ลิ้ม) ที่รับสืบทอดการไหว้เจี่ยกู๊ผอต่อจากอาผ่อ(แซ่อึ้ง) เลยใช้โอกาสนี้ได้ทั้งไหว้เจ้า นำอาหารมาร่วมเลี้ยงพระ และร่วมถวายไทยธรรมด้วย เป็นโอกาสอันดีตลอดมาเลยครับ

และในวันที่ 2 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 2 มกราคม 2560 จะมีพิธีคารวะอย่างเป็นทางการตามประเพณี และถือเป็นวันใหญ่วันนี้จะมีผู้มาไหว้เยอะ ครับ

 

 

 

รูปภาพของ pinglin

ข้อมูลจากหนังสือ 50 ปี สมาคมเจี่ยตระกูลอนุสรณ์

ในโอกาสนี้ คุณชิงชัย เสริฐคัมภ์ศร ในฐานะนายกสมาคมเจี่ยตระกูลอนุสรณ์ ได้มอบหนังสือ 50ปี ของสมาคมเจี่ยตระกูลอนุสรณ์ ให้ไหง่ไว้ศึกษาด้วย

 

มีข้อมูลที่น่าสนใจและไหง่สงสัยมานาน เกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่่ 17

 

 

อาป๊าไหง่เล่าว่า เมื่อก่อนเวลามีงานที่ศาลเจี่ยกู๊ผอมีงาน ท่านเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ตั้งแต่เมื่อครั้งพระเดชพระคุณท่านยังดำรงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระวันรัต แต่ใครก็จะเรียกท่านว่า "สมเด็จป๋า" ท่านจะเมตตามาร่วมงานบ่อยๆ เนื่องจากอาป๊าไหง่ได้ยินว่ามาว่า ท่านก็มีเชื้อสายแซ่เจี่ยเหมือนกัน ก็เลยเมตตาที่ศาลนี้เป็นพิเศษ แต่มากกว่านั้นป๊าไหง่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน

ซึ่งไหง่มาสืบค้นพระประวัติท่านดู ก็ยังไม่ข้อมูลที่ชัดเจนถึงความเป็นเชื้อสายจีนของท่าน จนมาพบเล่มนี้จึงเข้าใจว่า ท่านคงปรารภกับผู้รวบรวมประวัติถึงความเป็นเชื้อสายจีนของท่าน ซึ่งมาจากปู่ซึ่งเป็นแซ่เจี่ย และยังเป็นจีนแคะด้วย และยังมีพระดำรัสว่า "คนแซ่เจี่ยมีน้อยในประเทศไทย ให้รักกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ที่เดือดร้อนมา ก็ให้ช่วยเหลือกันเท่าที่ช่วยได้" จึงขออนุญาตเผยแพร่เป็นข้อมูลไว้ครับ

งานเจี่ยเทพธิดา

วันที่ 2 มกราคม  ได้ไปไหว้เจี่ยกู๊ผอ  และได่ร่วมเปียของด้วย
ต้องขอบคุณนายกชิงชัย  ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี  เสียดายไม่ได้เจอะเจอคุณ Pinglin
 
เดี๋ยวนี้คนแซ่เจี่ยในเมืองไทย ถือว่ามีประชากรไม่น้อย  เซี่ยงเฉี่ยปั้นซันขักและแซ่เจี่ยแต้จิ๋วก็มีการความสัมพันธ์กัน  เพราะมีนายกชิงชัยควบ 2 สมาคม
ได้ข่าวว่าปีหน้าจะสร้างศาลบรรพชนของแซ่เจี่ยด้วย 
รูปภาพของ pinglin

ต้องยกย่อง

ต้องยกย่องทั้งน้ำใจและความเสียสละ

ของท่านนายกชิงชัย ครับ

เรื่องศาลบรรพชนยังไม่ทราบเลยครับ

ต้องขอติดตามข่าวต่อไปครับ 

รูปภาพของ อิชยา

มีรายละเอียดเพิ่มเติมไหม

อยากทราบว่าในหนังสือมีกล่าวถึงเรื่องประวัติการรักษาในสมัยก่อนไหม?....และประวัติการทรงองค์เฉี่ยกู๊ผอในไทยว่ามีความเป้นมายังไง?...
 
ถ้ามีช่วยกรุณานำมาโพสต์ให้ได้อ่านกันบ้างนะค่ะ...ขอบคุณค่ะ
 
และก็เป็นอีกวาระที่ไม่ได้ไปงาน  เพราะไปเข้าร่วมกิจกรรมถือศีล ฝึกสมาธิกรรมฐาน   ที่วัดป่าคูขาด  จ.มหาสารคาม ก็ขอโมทนาด้วยค่ะ
รูปภาพของ pinglin

รายละเอียดเพิ่มเติมจากหนังสือสมาคมเจี่ย

เรียน อาจี๋อิชยา ประวัติกเจี่ยกู๋ผอในเล่ม เป็นแบบเดียวกับที่ทางศาลแจกครับ ยังไม่มีเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติม แต่ผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับยามาจากผู้ที่เคยได้รับสูตรยาจากการทรง มีโอกาสจะมาเขียนเล่าครับ

รูปภาพของ pinglin

ง่วนเซียวศาลเจี่ยกู๊ผอ 2560

ทางศาลส่งจดหมายแจ้งการไหว้เจี่ยกู๊ผอในเทศกาลง่วนเซียว

ปีนี้ตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งช่วงนี้จะมีการนำฮู้และวัตถุมงคลของเจี่ยกู๊ผอ ออกมาให้บูชาที่บ้านหรือพกติดตัวเป็นศิริมงคล และปั๊มตราของศาล ซึ่งที่บ้านจะนำเสื้อของสมาชิกในครอบครัวมาปั๊มตราเป็นศิริมงคลครับ

 

รูปภาพของ pinglin

สูตรยาเจี่ยกู๊ผอ

จากการไปร่วมงานเสี่ยซิ้งในช่วงปีใหม่ 2560 ที่ผ่าน ทำให้มีโอกาสได้ติดต่อกับผู้อาวุโสของศาลหลายท่าน เลยได้สอบถามเรื่องเก่าๆ มาบันทึกไว้ ยังไม่มีเวลาได้เรียบเรียง จะค่อยๆ มาบันทึกไปทีละเรื่องนะครับ

เรื่องการรักษาโรคของเจี่ยกู๊ผอ ท่านว่าของสำคัญคือ "ฮู้" ที่เวลาทรง ท่านจะถามว่าเป็นอะไร แล้วเขียนลงบนกระดาษสีเขียวที่จะตั้งอยู่เป็นปึ๊งใหญ่รอไว้ คนละประมาณ 1-3 แผ่น แล้วแต่อาการหนักเบา หรือคนป่วยจะขอเพิ่มเอง แล้วปั๊มตราประทับและบริกรรมมอบให้ผู้ป่วยนำไปเผากับน้ำแล้วดื่ม ความเชื่อความศรัทธาในบุญบารมีของเจี่ยกู๊ผอ เป็นกำลังใจที่สำคัญของผู้ป่วยให้หายป่วย

สำหรับสูตรยาที่เจี่ยกู๊ผอให้นั้น ท่านผู้อาวุโสกล่าวว่า ยาที่ท่านให้นั้นไม่ค่อยซับซ้อนและหาได้ไม่ยากนัก ยาบางอย่างพอได้ชื่อยาแล้ว ผู้ป่วยจะกลับบ้านเดินออกจากศาลเจ้าแล้ว ภรรยาของร่างทรงก็ไปเก็บมาจากสวนข้างศาลมาให้ผู้ป่วยได้ทันที ไม่ต้องไปซื้อหาเลย เช่น สูตรยาคลายเครียด แน่นหน้าอก เป็นสมุนไพรจำพวกแชเช้า 白花地三头 ก็ไปถอนจากสวนข้างศาลสดๆ ท่านว่าไม่อย่างนั้นสมุนไพรสดแบบนี้ก็ต้องไปซื้อถึงที่เยาวราชเลยครับ

มีอีกสูตรยาหนึ่งที่่ท่านผู้อาวุโสท่านนี้ได้จากเจี่ยกู๊ผอ และยังแนะนำคนเอาไปใช้ยังได้ผลอยู่ คือ อาการคันทั้งตัว ท่านให้เอาใบมันสัมปะหลังสดๆ ซึ่งสมัยก่อนก็หาไม่ยาก ไปเด็ดเอาตามสวนในเขตชานเมือง หามาหลายๆ ใบ  เพื่อให้มีความเข้มข้นของเนื้อยา เอาไปต้มกับน้ำสำหรับอาบ ซึ่งล่าสุดในช่วงปีสองปีมานี้ก็ยังแนะนำคนอื่นไปก็ยังได้ผลเป็นที่น่าพอใจครับ

ท่านผู้อาวุโสกล่าวว่า ตอนสมัยยังทรงอยู่ ก็จดจำได้ไม่เยอะ เพราะคิดว่าเป็นอะไรก็มาขอให้เจี่ยกู๊ผอช่วยได้ทันที เรื่องราวเก่าๆ จึงมีไม่ค่อยมากครับ

มีโอกาสจะมาเขียนต่อ เรื่อง อานุภาพฮู้เจี่ยกู๊ผอ ครับ 

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal