หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

阿爸的教导 คำสอนของอาปา

เนื่องจากวันพรุ่งนี้涯และครอบครัวจะไป  拜请明 (ไปไหว้เช็งเม้ง) ที่ พักหยุ่นเท้าซัน 白云道山 จังหวัดสระบุรี ไปไหว้หลุมฝังศพของอากุง อาโผ่ และอีกหลุมหนึ่งเป็นของอาปา เหตุผลที่ไปก่อนกำหนดเทศกาล ก็เพื่อความสะดวก หลีกเลี่ยงการจราจรที่คับคั่งรอบ ๆ สุสาน อีกประเด็นก็คือ วันที่จะไปปีนี้ ก็จวนถึงวันครบรอบการจากไปของอาปา ซึ่งปีนี้ก็ผ่านไปเป็นปีที่ 21 ถ้าท่านอยู่ตอนนี้ก็จะมีอายุ 92 ปี เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกจริง ๆ ยังคิดถึงคำสอนที่อาปาได้พร่ำสอน พร่ำเตือน ๆ ลูก ๆ ทุกคนในเรื่องความสามัคคีปรองดอง เพราะพี่น้องมีความใกล้ชิดกัน มันก็เหมือนลิ้นกับฟัน พบกันทีไรก็เรื่องใหญ่ แบบที่เพลงพี่เบิร์ดร้องไม่มีผิดเลย ในตอนนั้นพวกเรายังอยู่ในวัยเด็ก ทั้งดื้อ และซน ตามประสาเด็ก ซึ่งเด็กในวัยขนาดนี้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนธรรมะ เลยไม่ค่อยมีภูมิคุ้มกัน ตอนนั้นแต่ละคนจึงมีแต่โทสะจริต อันเนื่องจากเด็ก ๆ จะขาดปัญญาในการพิจารณาในเรื่องนั้น ๆ จึงเกิดความเห็นที่ผิด ที่เรียกว่า โมหะจริต คือ ความหลง ความเขลา ความโง่ จึงเกิดอาการอวดดี เชื่อง่าย หูเบา นำมาซึ่ง การทะเลาะวิวาทในที่สุด

แต่อาปาท่านก็มีเทคนิคในการพูด ที่จะโน้มน้าวใจของลูก ๆ ทุกคน ให้เชื่อในคำสอนของท่านที่ต้องการเห็นความสามัคคีปรองดองในหมู่พี่ๆน้อง ๆ อาปาบอกว่าพวกเราโชคดีกว่าอาปามากมายที่มีพี่ มีน้อง ได้กินข้าวด้วยกัน ได้เล่นด้วยกัน แต่อาปาเกิดมา ไม่มีทั้งพี่ และก็ไม่มีน้อง กินข้าวก็กินคนเดียว ไม่มีพี่น้องร่วมวงกินข้าวแบบพวกเรา ได้เล่นสนุกกันพี่น้องหลายคน แต่อาปาไม่มีคนเล่นด้วย ในเมื่อพวกเรามีโอกาสดีกว่าอาปามากมาย ทำไมถึงจะละทิ้งโอกาสนี้ด้วยการโกรธ เกลียดกัน ทะเลาะกัน ทำลายบรรยากาศดี ๆ ที่เคยเล่นด้วยกันละ และถ้าพวกเราพี่น้องแต่ละคนคิดแต่จะเอาชนะกันแล้ว เมื่อชนะแล้วก็ไม่มีใครให้รางวัล มีแต่จะถูกคนข้างบ้านดูถูกและซุบซิบนินทา ที่สมัยนี้คือ talk of the town อาปา เปรียบพี่น้องดังเช่นแขนขา ภรรยาเพียงเสื้อผ้า หมายถึง การจัดความสำคัญ พี่น้องต้องมาก่อน ถ้าต้องเลือก ต้องเลือกพี่น้องก่อน ภรรยาจึงเป็นเรื่องรอง พี่น้องคือสายเลือดเดียวกัน แม้จะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ก็ยังเหลือเยื่อใย ก็ยังมีโอกาสสานสัมพันธ์กันแบบไม่ยาก แต่ถ้าเปรียบเทียบกับภรรยาแล้ว ถ้าเกิดปัญหากระทบกระทั่งกัน ก็เหมือนทำแก้วแตก ยากที่จะประสานให้ดีดังเดิมได้ เปรียบเหมือนกับเสื้อผ้า ที่พร้อมที่จะถอดเปลี่ยนใหม่ได้ทันที แต่พี่น้องเหมือนแขนขา มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสัมพันธ์ให้ขาดสะบั้น เพราะถ้าสูญสิ้นแขนขา ก็เหมือนเป็นคนพิการ ดังนั้น พี่น้องต้องมาก่อนเหนือสิ่งอื่นใด
หยิบยกเรื่องอาปาสอนลูกแล้ว ก็นึกเทียบเคียงกับปัญหาบ้านเมืองเราที่ ประชาชนซึ่งเปรียบดัง พี่น้องร่วมชาติร่วมแผ่นดิน แต่ก็มีเหตุลิ้นกับฟันกระทบกระทั่งกันคล้าย ๆกับ 涯กับพี่ชาย สมัยเด็ก ที่ชอบทะเลาะ ต่อยตีกัน ซิอองต้า想打 ถ้าเทียบเคียงแบบนี้ก็จะเห็นว่าคล้าย ๆกัน ต่าง แต่ว่า จากระดับครอบครัว ขยายไปเป็นระดับชาติ คือ ประชาชนแบ่งฝ่ายรบราฆ่าฟันกัน ชนะแล้วได้อะไรอย่างที่อาปาบอก ไม่มีรางวัลให้ มีแค่คนสมน้ำหน้า ซุบซิบนินทา นี่ก็เหมือนกัน มันช่างบังเอิญ ที่อาปาไหง่ พูดว่า ไม่มีรางวัลให้แก่คนที่ชนะ ไปมีความหมายพ้องกับพระราชดำรัสขององค์พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ในตอนท้ายประโยคที่ว่า แล้วก็จะมีประโยชน์อะไร ที่จะทะนงตัวว่า ชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง เป็นไงครับ คำอาปาสอน ทันสมัย ทันเหตุการณ์ และก็เหมาะนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ต้องเริ่มในระดับครอบครัวก่อน เมื่อหลาย ๆครอบครัวมีภูมิต้านทานที่ดี ก็ส่งผลให้สังคมดี ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติก็ลดน้อยลง ต้องstep by step ครับ


รูปภาพของ วี่ฟัด

ทฤษฎีมะม่วงหล่นที่ถ่องซัน

พอเห็นห่ำช้อยโกเขียนถึงเรื่องครอบครัวแล้วเข้าใจทันทีว่าทำไมอาโกถึงไม่เคยฮี้ถ่องซันหม่อยแย้น ก็อาโกปาเข้าไปเป็นรุ่นที่สามแล้วที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของกษัตริย์ไทยครอบครัวอาโกอากุงอาผ่อเข้ามาเมืองไทยเป็นรุ่นแรก อาปาคงจะเสี่ยมล้อฉุดเซ้ เป็นรุ่นที่สองส่วนอาโกเสี่ยมล้อฉุดเซ้เหมือนกันเป็นรุ่นที่สาม ดังนั้นจึงไปต่อจิ๊กซอกับทางถ่องซันแทบต่อไม่ติดแล้ว ถ้าห่ำช้อยโกฮี้ถ่องซันคงแค่ไปเที่ยวเท่านั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฮี้ถ่องซันทำไมและเพื่ออะไร

ส่วนไหง่งาปาเข้ามาเมืองไทยตอนอายุ 13 งาปาไหง่เป็นรุ่นแรก ส่วนไหง่เสี่ยมล้อฉุดเซ้เป็นแค่รุ่นที่สอง อากุงอาผ่อไม่เคยมาเมืองไทย ไหง่จึงมีลักษณะที่ยังมีคอนเน็คชั่นกับทางถ่องซันอยู่ ยังมีศุขปักจุงที๊อยู่ ยังต้องกลับไปไป้อากุงอาผ่ออยู่ ไหง่จึงได้ฮี้ถ่องซันมาแล้วถึงหกครั้งแล้ว แม้ว่าภาษาจีนของอาโกจะดีกว่าไหง่ราวกับฟ้ากับเหวก็ตาม แต่อย่างว่าแหละฮากกาซานปาหงิ่นแบบไหง่จะมีภาษาจีนที่ดีแบบอาโกได้อย่างไรกัน

                     แต่อาโกลองไปเที่ยวไปดูก็ได้นิว่าเมืองบรรพชนคนฮากกาของมวลมหาประชาฮากกาที่ถ่องซันจะเป็นแบบใหน มีต้นมะม่วงที่ลูกกำลังจะหล่นอยู่หรือไม่ แต่เท่าที่สดับตรับฟังมาถ้าขี้โกงที่นั่นเขาไม่รอให้มะม่วงหล่นเองหรอก เขาเอามีดฟันขั้วฉับเดียวลูกมะม่วงหล่นกระทบพื้นเละเป็นโจ๊กทันทีเลยโกที่นั่นเขาเอาจริงนะโก

ทนายสมชัย เดาผิด ไปปู้นเลย

เรื่องมันอย่างงี้ครับอาวี่ฟัดโก ตระกูลไหง่ แซ่เดียวกับ หยุ่งเต็ดหลุ่ง ชาวจีนอินโด หัวใจฮากกา และก็แซ่เดียวกับ หยุ่งกิ๊นหลิ่น และหยุ่งเต็ดหลิ่น สองคนหลังนี่เป็นเจ้าของธุรกิจห้างใต้ฟ้า เยาวราช เมื่อสมัย ห้าสิบกว่าปีก่อนหรือหกสิบปีก่อนไม่แน่ใจ อากุงกับอาโผ่ อพยพมาเมืองไทยปลายรัชกาลที่ 5 ต่อมาจึงกลับไปรับลูกชายลูกโทน จากถ่องซาน ก็คือ My dad 我的爸爸 ซึ่งตอนนั้นอาปาอายุประมาณ 10 หรือ 11 ขวบ เพราะเห็นรูปถ่ายในใบต่างด้าว เป็นรูปถ่ายยังเด็กอยู่เลย ดังนั้น อาวี่ฟัดโก จึงเดาผิดว่างาปาเสี่ยมโหล่ ชุ้ดเซ้ 暹罗出生 เพราะมาตุภูมิของอาปาก็คือถ่องซานแน่นอน เพราะว่าวันนี้ไปอ่านที่ป้ายหน้าหลุมของอากุง อาโผ่ เขียนว่า梅县东廂堡 三坑乡 อาปามีใบต่างด้าวตั้งแต่ อายุ 10 ถึง 11 ปี และก็ใช้ใบต่างด้าวอยู่ในเมืองไทย จนถึงวาระสุดท้าย แต่ด้วยเหตุที่ลูกหลานตระกูลหยุ่งบ้านนี้ ไม่ได้กลับไปเยี่ยมเยือนปิตุภูมิ เพราะว่าเสด็จพ่อท่านเป็นลูกโทน และบรรดาญาติพี่น้องของอาปาก็อพยพมาอยู่เมืองไทย และสอบถามอาปาแล้ว ก็ได้ความว่าไม่มีญาติอยู่หม่อยแย้นเลย แต่อาปาเขาเคยปรารภว่าอยากจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดสักครั้ง แต่ตอนนั้นลูก ๆ ยังเล็ก และลูกเยอะหลายๆ คนก็ยังเป็นนักเรียน พอพวกเราโต ๆ กัน เริ่มทำงานกันได้ระยะหนึ่งก็เคยคุยกันในกลุ่มพี่น้องว่าจะพาอาปากลับไปเยี่ยมแผ่นดินถิ่นเกิด เพราะว่าญาติอาปาคนแซ่เดียวกันเขาก็กลับไปมาแล้วรอบหนึ่ง แต่โครงการที่จะพาพอกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดก็ต้องล้มเลิกไป เพราะอาปาป่วยหนัก เข้าโรงพยาบาลอยู่ระยะหนึ่ง แล้วท่านก็จากพวกเราไป ในวันที่ 13 มีนาคม 2536 เวลาก็ผ่านมาเข้าสู่ปีที่ 21 ในปีนี้ ถ่องซานไหง่ไปตะลอนมาตั้งแต่ปี 2542 ในช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ก็โฉบไปอยู่หลายมณฑล ไมว่า มณฑลยูนนาน มณฑลเสฉวน มณฑลซานตุง มณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซูและก็มณฑลกวางตุ้ง ได้แค่เฉียดหม่อยแย้น เพราะไปถึงแค่汕头 ถามโชเฟอร์รถทัวร์เขาบอกว่า อีกร้อยกว่ากิโลถึงจะเข้าสู่ หม่อยแย้น วันนี้ไปไหว้เช็งเม้งมาก็ได้พูดคุยกับอาจี้ และเล่าไท ว่าพวกเราน่าจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนแผ่นดินพ่อสักครั้ง โดยเอา วี่ฟัดโก เป็นreference ครับผม

รูปภาพของ วี่ฟัด

ไปปู้นเลยโก

อาห่ำช้อยโกก็แค่จ่อๆเมื่อไรจะลงมือเสียที ไปโลดไปปู้นเลยโก ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
เชื่อมะว่ายุค พ.ศ.นี้ยังมีพวกอาเจ้อาเฮียคนแต้จิ๋วยังมีความเชื่อว่าหากไปเที่ยวไปเยีายมญาติบ้านอากงอาม่าแล้วจะต้องถูกรีดไถเหมือนม๊าต๊าเมืองไทย คือเมื่อวานนี้ไหง่ไปกินข้าวกลางวันร้านคนแต้จิ๋วคนคุ้นเคยกัน ไหง่ก็ไปเล่าให้ฟังว่าไหง่เพิ่งกลับมาจากเมืองจีนแล้วก็เลยถามว่าเอ๊ะบ้านเมืองจีนของอาเจ้อยู่ที่ใหนละเคยกลับไปหรือเปล่าหละ ปรากฏว่าอาเจ้บอกว่าไม่เคยไปเพราะกลัวญาติรีดไถเอาทรัพย์สินเงินทอง คิดดูซิว่ายุคนี้ พ.ศ.นี้ยังมีคนคิดแบบนี้ ไหง่เลยบอกเขาไปว่าโอ้ยตอนนี้ทางเมืองจีนมันรวยกว่าเราแล้วมันขับรถราคาแพงกว่าที่เราขับในเมืองไทยอีก
ไว้อีกวันสองวันไหง่จัรวบรวมภาพและเรื่องราวของการไปเยี่ยมญาติคนแต้จิ๋วที่เก็กไซซึ่งเป็นญาติแซ่ลิ้มของอนึ้ง ( พี่เขย ) ของไหง่ซึ่งเขาเลี้ยงต้อนรับเราอย่างดีไม่เห็นเขาจะมีพฤติกรรมแบบที่คนแต้จิ๋วสี่ยมล้อนั่งกลัวกันนักกลัวกันหนาเลย และมาดูว่าบ้านโบราณแบบคนแต้จิ๋วเขาอยู่กันอย่างไร รู้เราแล้วมารู้เขาบ้างนะไท้กา

มีคนอีกเยอะที่ไม่updateข้อมูลเมืองจีน

ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ไม่เคยไปเหยียบแผ่นดินจีน จำแต่ข้อมูลเก่า ๆ ว่าคนจีนคือไอ้พวกซินตึ๊ง เสื่อผืนหมอนใบ ก็ยังเมมโมรี่ข้อมูลเก่าๆ เมื่อสามสิบสี่สิบปีก่อน ไม่มีการupdate ข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไป และก็มีส่วนหนึ่งที่มีทัศนคติที่ไม่ดีกับคนจีน ในเชิงว่าเป็นคนบ้านนอกคอกนา พวกกบนอกกะลาก็แบบนี้ละครับวี่ฟัดโก เขาไม่รู้หรอกว่าจีน พ.ศ. นี้ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหมายเลข 1 แทนที่อเมริกา ไปแล้วนะจะบอกให้ เปิดหูเปิดตารับข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆกันบ้าง จะได้ไม่ต้องปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ่ม  (คนจีนเขา จี๊โจ่ย ๆ กว่า เสี่ยมหล่อนั้๊ง ม้ายเกียน่อ อาเฮีย อาแจ้) เออเกือบลืม ว่าแต่ ไปถ่องซานเที่ยวนี้ ต้องทำวีซ่าหรือเปล่าครับ วี่ฟัดโก รูปหล่อ

รูปภาพของ วี่ฟัด

วีซ่าจีน

ยังต้องใช้วีซ่าอยู่ครับโกแต่เขาก็อรุ่มอร่วยเรื่องบัญชีเงินฝากไม่ต้องใช้แล้ว จึงใช้แค่
1 พาสปอร์ตมีระยะเวลาเหลืออย่างน้อยหกเดือน
2. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
3 ใบจองโรงแรม
4 กรอกแบบฟอร์มของสถานทูต
5 เงิน 1,000 บาท

เรื่องพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบินนั้นเราน้องจองอยู่แล้ว ส่วนเรื่องจองโรงแรมบางทียังไม่แน่นอนหรือว่าจะไปนอนบ้านญาติเลยไม่รู้ว่าจะจองแบบใหนอย่างไร ให้ทำดังนี้ ( เป็นเทคนิคที่คนขอวีซ่ามืออาชีพเขาใช้กันอย่าเอะอะไปเดี๋ยวเขาหากินไม่ได้ ) ให้เข้าไปในเว๊ป บุ๊คกิ้ง. คอม เข้าไปจองโรงแรมเอาให้เนียนๆหน่อยไปเมืองใหนให้ไปจองในละแวกที่เราจะไปเช่นไปแถวกวางตุ้งก็ควสจองโรงแรมในกวางตุ้ง ( ไม่ใช่บอกว่าจะไปกวางตุ้งแต่ดันไปจองโรงแรมที่เฮยหลงเจียง) แล้วลงมือจองโรงแรมในเว๊ป ( บุคกิ่ง.คอมเขาเพียงถามเลขบัตรเครดิตว่าเรามีตัวตนจริงแต่เขายังไม่ตัดบัตร ) จะเอาโรงแรมแพงแค่ใหนก็ได้เลือกเอา ไปกี่วันควนจองให้ครบตามวัน เสร็จแล้วปริ้นใบจองโรงแรมออกมาแล้วนำไปประกอบการขอวีซ่า พอได้วีซ่าปั๊ป กลับมายกเลิกการจองที่เราจองโรงแรมในเว๊ปเสียเลย ( จองแค่หลอกๆ ) ขอให้เลือกเอาเว๊ปจองโรงแรมที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมที่ยกเลิกการจอง บางเว๊ปเขาให้ยกเลิกได้ก่อนแค่วันเดียวเอง แค่นี้ก็สามารถไปขอวีซ่าเองได้แล้ว

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal