เติ้ง ลี่จวิน อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ตลอดช่วงทศวรรษ 1980 เธอ เป็นนักร้องจีนคนแรกที่มีโอกาสเปิดการแสดงที่ซีซาร์พาเลส ในลาสเวกัส และนับตั้งแต่ปี 1991 เติ้ง ลี่จวิน ได้ลดบทบาทในอาชีพการร้องเพลงลง โดยเลือกใช้เวลาพักผ่อนส่วนใหญ่ในประเทศไทยและฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลอดชีวิตการเป็นนักร้องอาชีพของ เติ้งลี่จวิน เธอจะเคยขึ้นเวทีคอนเสิร์ตมานับครั้งไม่ถ้วน ในหลายสถานที่ ทว่ามีสถานที่หนึ่ง ซึ่งเติ้ง ลี่จวิน ไม่เคยเดินทางไปเปิดคอนเสิร์ต หรือแม้แต่เหยียบย่างเข้าไป แต่กลับเป็นที่ที่มีแฟนเพลงของเธอมากที่สุดในโลก...นั่นก็คือ “จีนแผ่นดินใหญ่”
เติ้ง ลี่จวิน โด่งดังขึ้นมาในช่วงทศวรรษที่ 70 ซึ่งไต้หวันเต็มไปด้วยบรรยากาศการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ส่วนตัวของเธอในฐานะบุตรสาวของนายทหารแห่งพรรคก๊กมินตั๋ง มีความคิดต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการ ครั้งที่มีเหตุการณ์กลุ่มนักศึกษาและประชาชนลุกขึ้นมาชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์เรียกร้องประชาธิปไตยและเสรีภาพในวันที่ 15 เมษายน 1989 ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งจบลงด้วยการนองเลือดเมื่อรัฐบาลปักกิ่งใช้กำลังทหารปราบปรามผู้ประท้วง ด้าน เติ้ง ลี่จวิน ได้เปิดคอนเสิร์ตในนามของกลุ่มนักศึกษาขึ้นที่ฮ่องกง เพื่อประกาศจุดยืนสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มนักศึกษาในกรุงปักกิ่งของจีน คอนเสิร์ตดังกล่าวมีชื่อว่า "บทเพลงประชาธิปไตยอุทิศให้เมืองจีน" มีผู้เข้าชมกว่าสามแสนคน ซึ่งราชีนีเพลงประกาศว่า ตราบใดที่จีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย เธอจะไม่เหยียบย่างไปเป็นอันขาด
กระนั้น ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 1980 เติ้ง ลี่จวินก็ยังมีชื่อเสียงในหมู่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่อย่างมาก แม้ว่าทางการจีนจะสั่งห้ามเนื่องจากจีนในช่วงนั้นอยู่ภายใต้กระแสของการปฏิวัติวัฒนธรรม แต่ชาวจีนส่วนหนึ่งพยายามหาเพลงของเธอมาจากตลาดมืด ยิ่งห้ามยิ่งดัง เพลงของเธอถูกเปิดทุกที่ ตั้งแต่สถานเริงรมย์จนถึงสถานที่ราชการ จนกระทั่งยุคเติ้ง เสี่ยวผิง ขึ้นเป็นผู้นำ รัฐบาลจีนจึงอนุญาตให้เพลงจากฮ่องกงและไต้หวันเข้ามายังแผ่นดินใหญ่ได้ เพลงของเติ้ง ลี่จวินได้เข้าไปเติมความชุ่มชื่นในใจของชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ ที่แห้งแล้งจากบรรยากาศของการปฏิวัติ เนื้อหาของเพลงที่พูดถึงความจริงใจ มิตรภาพ ความรัก กลายเป็นเครื่องบำบัดจิตใจจากความเคร่งเครียด หลังจากถูกหล่อหลอมให้ฟังแต่เรื่องความรักที่ผูกกับอุดมการณ์ทางการเมือง
าวจีนให้ฉายาเติ้ง ลี่จวินว่า “เสี่ยวเติ้ง” (เติ้งน้อย) เพื่อให้คล้องกับ “เหล่าเติ้ง” หรือ เติ้ง เสี่ยวผิง จนมีคำกล่าวว่า"กลางวันฟังเหล่าเติ้ง(เสี่ยวผิง) กลางคืนฟังเสี่ยวเติ้ง(ลี่จวิน)" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลในเพลงของเธอที่มีต่อวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนั้นอย่างยิ่ง
เติ้ง ลี่จวินถือเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตการทำงานจนยากที่จะมีใครเทียบเคียง แต่ในด้านชีวิตด้านความรักกลับไม่นับว่างดงามนัก
รักสุดท้ายของ เติ้ง ลี่จวิน หยุดลงที่หนุ่มต่างชาติ โดยช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 เติ้ง ลี่จวินค่อยๆ หายไปจากวงการเพลงเนื่องจากถึงจุดอิ่มตัว รวมทั้งปัญหาด้านสุขภาพคือโรค หอบหืดเรื้อรัง ทำให้เธอหลบไปพำนักอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และเริ่มคบหากับช่างภาพ ที่มีชื่อว่า พอล ซึ่งอายุอ่อนกว่าเธอนับ 10 ปี และเป็นคนเดียวกับที่ร่วมเดินทางมายังประเทศไทยในการเดินทางสุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลงที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1995
|
|
พอล ช่างภาพต่างชาติ อายุน้อยกว่า 10 ปี ผู้เป็นรักสุดท้ายของราชินีเพลงชื่อก้อง |
|
|
ราชินีนักร้องไต้หวันจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 42 ปี ปัจจุบันศพของเติ้ง ลี่จวิน ถูกฝังอยู่ที่หลุมศพในสวนอวิ๋นหยวน บนเขาจินเป่าซาน ไต้หวัน
19 ปีผ่านไป แม้ร่างอาจเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่ตำนานที่ราชีนีเพลงผู้นี้สร้างเอาไว้ยังคงอยู่ บทเพลงของเติ้ง ลี่จวิน คือผลงานอมตะที่ยังคงถูกขับขานแว่วหวานมาจนถึงปัจจุบัน และยังคงสืบเนื่องต่อไปในวันข้างหน้า ดั่งคำที่ว่า ที่ใดมีชาวจีน ที่นั่นย่อมมีเพลงของ เติ้ง ลี่จวิน
|
|
หลุมศพของ เติ้ง ลี่จวิน ในสวนอวิ๋นหยวน บนเขาจินเป่าซาน ไต้หวัน |
|
|
|
|
ตัวตาย แต่ชื่อยัง
เธอคือราชินีเพลงที่ยังคงอมตะตลอดกาล 怀念邓丽君,我们永远不会忘记你 邓丽君歌后。
空港-鄧麗君
Rhythm Of The Rain - เติ้งลี่จิน
【陈佳】翻唱邓丽君《你怎么说》禁止下載 ลี่จินน้อย