หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ประวัติศาสตร์จีน-การสังหารหมู่ที่นานกิง Nanking Massacre คำเตือน: ไม่เหมาะสำหรับอายุตำ่กว่า18 ปี

รูปภาพของ paul

ทำไมคนจีน-เกาหลี จึงเกลียดญี่ปุ่น: 
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์:โศกนาฎกรรมสังหารหมู่ที่นานกิง NanJing Massacre(จีน: 南京大屠殺) หรือรู้จักกันในนาม "การข่มขืนที่นานกิง" เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการที่ทหารกองทัพจักพรรดิญี่ปุ่นเข้าบุกยึดเมืองนานกิงไว้ได้ในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2480 ในยุทธการนานกิง เป็นส่วนหนึ่งในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง และต่อมาคือส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สอง

ทหารกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่น[ได้ทำการทารุณกรรมแก่เชลยสงคราม สังหารพลเรือน โดยการทารุณกรรมต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ "การข่มขืน" ผู้หญิงพลเรือนจำนวน 20,000 - 80,000 คน ซึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก

กองทัพญี่ปุ่นใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศที่ว่า นานกิงนั้นถูกขนาบด้วยแม่น้ำถึงสองด้าน ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของโค้งแม่น้ำแยงซี ซึ่งเมื่อไหลมาจากทางเหนือแล้วก็เลี้ยวผ่านไปทางตะวันออก กองทัพญี่ปุ่นภายใต้การนำของพลเอก นาคาจิมา เคซาโกะ สามารถเดินทัพจากทางตะวันออกเฉียงใต้มาบรรจบกันที่ด้านหน้าของนานกิงในรูปครึ่งวงกลม โดยใช้แม่น้ำเป็นกำแพงธรรมชาติล้อมเมืองหลวงแห่งนี้ รวมทั้งสกัดการฝ่าหนีออกไป

ปลายเดือนพฤศจิกายน ทหารญี่ปุ่นสามกองทัพดาหน้าเข้าหานานกิง ทัพหนึ่งมุ่งตะวันตกทางฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำแยงซี ทหารกองนี้เข้ามาทางแม่น้ำไป๋เหมา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเซี่ยงไฮ้ โดยเดินทัพมาทางรถไฟสายนานกิง-เซี่ยงไฮ้

ทัพที่สองเตรียมตัวบุกจู่โจมนานกิงทั้งทางน้ำและทางบกอยู่ที่ทะเลสาบอ้ายหู ทัพนี้เคลื่อนจากเซี่ยงไฮ้ลงมาทางตะวันตก และเดินทัพอยู่ทางทิศใต้ของทัพของนาคาจิมา โดยผู้นำทัพนี้คือ พลเอกมัตสึอิ อิวาเนะ

ทัพที่สามภายใต้การนำของพลโทยานากาวา ไฮสุเขะ เดินห่างจากทัพของพลเอกมัตสึอิลงไปทางใต้และหักเลี้ยวเข้าหานานกิงจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ

ก่อนที่จะบุกถึงนานกิงนั้นทหารญี่ปุ่นได้เข้าโจมตีเมืองซูโจวและฆ่าทุกคนที่พบ การบุกเข้าเมืองซูโจวครั้งนี้ทำให้จำนวนประชากรลดลงจาก 350,000 คนลงเหลือไม่ถึง 500 ชีวิต

จนถึงรุ่งสางของวันที่ 13 ธันวาคม กองทัพญี่ปุ่นสามารถบุกผ่านประตูเมืองนานกิงเข้ามาได้

Nanking bodies 1937.jpgกองศพคนจีนริมแม่น้ำแยงซีโดยมีทหารญี่ปุ่นยืนดู

การสังหารพลเรือนมากมายอย่างโหดเหี้ยมของทหารญี่ปุ่น

 

หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นบุกนานกิง

หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้านานกิงได้เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการเข้าปลดอาวุธทหารจีนที่ยอมแพ้และยอมตกเป็นเชลย โดยมีคำสั่งต่อทหารญี่ปุ่นว่าให้กำจัดคนจีนและเชลยทุกคนที่จับได้ และจากที่ประชุมตกลงว่า จะทำการแบ่งเชลยออกเป็นจำนวนเท่าๆกัน และจะถูกนำออกมาจากที่คุมขังเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 50 คน เพื่อนำไปประหาร ใช้ทหารกองร้อยที่ 1, 2 และ 5 โดยกองร้อยที่ 1ใช้พื้นที่บริเวณนาข้าว และบริเวณพื้นที่ลุ่มทางตะวันตกเฉียงใต้ของกองร้อยที่ 2 และกองร้อยที่ 5 ใช้พื้นที่บริเวณนาข้าวทางตะวันออกเฉียงใต้ของที่ตั้งกอง

คำสั่งนั้นเป็นไปอย่างเป็นเหตุเป็นผลและเหี้ยมโหดโดยปราศจากเมตตาเพราะไม่สามารถหาอาหารให้เชลยทั้งหมดได้ โดยสามารถช่วยขจัดปัญหาเรื่องอาหาร และลดการตอบโต้ได้

ญี่ปุ่นใช้วิธีการหลอกลวงเชลยเพื่อนำไปประหารหลายวิธีด้วยกัน เช่น ให้สัญญาว่าจะปฏิบัติอย่างดีหากไม่ต่อต้าน หลอกให้เข้ามอบตัว แบ่งผู้ชายออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละร้อยหรือสองร้อย แล้วหลอกไปยังจุดต่างๆที่นอกตัวเมืองเพื่อฆ่าทิ้ง

ทั้งหมดนี้ได้รับการปฏิบัติอย่างง่ายดายกว่าที่ฝ่ายญี่ปุ่นคาด การต่อต้านมีเพียงบางจุด เพราะทหารจีนส่วนใหญ่ทิ้งอาวุธและทิ้งเมืองไปก่อนแล้ว

                                                    

เชลยศึกชาวจีนกำลังถูกทหารญี่ปุ่นประหารโดยการตัดคอด้วยดาบซามูไร "กุนโตะ"     การสังหารพลเรือน

 

การดำเนินการกับเชลยศึกจีน

6 สิงหาคม ค.ศ. 1937 เนื่องจากกองทัพญีปุ่นไม่สามารถหาอาหารมาให้แก่เชลยศึกอย่างเพียงพอได้ จึงคิดทำการสังหารเชลยศึกเสีย แต่กฎหมายระหว่างประเทศในขณะนั้นได้ให้การคุ้มครองแก่เชลยศึกอยู่ จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงได้มีรับสั่งแก่ทหารทุกนายให้ยกเลิกการใช้คำว่า เชลยศึก กับชาวจีนที่ถูกจับได้ และนำเชลยศึกเหล่านั้นไปทำการสังหารที่บริเวณแม่น้ำแยงซี การสังหารเชลยศึกส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม (ซึ่งถูกเรียกว่า String Gorge Massacre) ทหารญี่ปุ่นใช้เวลาในช่วงเช้าเพื่อมัดเชลยศึกเหล่านั้นเข้าด้วยกันเป็นจำนวนหลายแถว และเปิดฉากยิงใส่ด้วย ปืนกล เชลยศึกที่ถูกมัดอยู่ไม่สามารถหนีได้ ทำได้เพียงกรีดร้องเท่านั้น เชลยศึกราว 57,500 คนถูกสังหาร

เชลยศึกบางส่วน ถูกทหารญี่ปุ่นมัดเข้าด้วยกัน และให้เชลยศึกเหล่านั้นเหยียบ กับระเบิด เพื่อสังหารหมู่ บ้างก็มัดเชลยเหล่านั้นเข้าด้วยกันแล้วจุดไฟเผา

File:Chinese civilians to be buried alive.jpg

กองศีรษะคนจีน                                               ฆ่าโดยฝังทั้งเป็น

 

การทารุณกรรม

ทหารญี่ปุ่นทำการทารุณกับชาวนานกิงเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้เช่น ฝังทั้งเป็น โดยจะขุดหลุม และฝังเชลยให้โผล่ขึ้นมาแค่เพียงหน้าอกหรือแค่คอ เพื่อจะได้รับทุกข์ทรมานต่างอีกหลายอย่าง เช่น ฉีกเป็นชิ้นๆ ทหารญี่ปุ่นคว้านตับไตไส้พุง ตัดหัวหรือสับเหยื่อเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้สุนัขกิน ตอกเชลยไว้กับแผ่นไม้แล้วให้รถถังแล่นทับ ใช้เป็นที่ซ้อมเสียบดาบปลายปืน ควักลูกตา หั่นจมูกและใบหูก่อนเผาทั้งเป็น

 

การสังหารพลเรือน

หลังทหารจีนทั้งหมดยอมแพ้ ก็เท่ากับไม่เหลือใครที่จะปกป้องพลเรือนในตัวเมือง ทหารญี่ปุ่นหลั่งไหลเข้ามา ยึดอาคารที่ทำการรัฐบาล ธนาคารและโรงเก็บสินค้า ยิงผู้คนตามท้องถนนอย่างไม่เลือกหน้า โดยใช้ทั้งปืนพก ปืนกล ปืนเล็กยาว ยิงเข้าไปในฝูงคนที่มีทั้งทหารที่บาดเจ็บ หญิงชรา และเด็กๆ โดยทหารญี่ปุ่นฆ่าพลเรือนทุกมุมเมือง ไม่ว่าจะตามตรอกเล็กๆ หรือถนนสายใหญ่ ในสนามเพลาะ หรือแม้แต่ในอาคารที่ทำการรัฐบาล

 

การข่มขืน

หญิงชาวจีนถูกข่มขืนเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ไม่ว่าจะเป็นสาว คนท้อง หรือคนแก่ ทหารญี่ปุ่นข่มขืนชนิดไม่เลือกหน้า ไล่ตั้งแต่ชาวนา เด็กนักเรียน ครู พนักงานระดับบริหาร คนงาน อาจารย์มหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งแม่ชี ต่างก็เลี่ยงไม่พ้นการถูกข่มขืนทั้งสิ้น โดยผู้หญิงคนหนึ่งจะตกไปอยู่ในมือของทหารประมาณ 15 ถึง 20 คน บางคนในจำนวนนี้ถูกเรียงคิวจนถึงแก่ความตาย แต่กฎของกองทัพที่ว่าห้ามข่มขืนผู้หญิงของฝ่ายตรงกันข้ามนั้น ทำให้ทหารสังหารเหยื่อเสียเมื่อเสร็จธุระ

พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ได้กระทำกันเฉพาะในหมู่พลทหาร แม้ระดับนายทหารก็ไม่เว้น บางคนไม่เพียงสนับสนุนการข่มเหง แต่ยังเตือนให้พลทหารจัดการเหยื่อเมื่อเสร็จธุระเพื่อกำจัดหลักฐาน

หญิงในนานกิงถูกข่มขืนชนิดไม่เลือกที่และไม่เลือกเวลา ประมาณว่าหนึ่งในสามของการข่มขืนทั้งหมดเกิดขึ้นตอนกลางวันแสกๆ และไม่มีสถานที่แห่งใดปลอดจากการข่มขืน เช่น คนท้อง หญิงชรา ในเรือนแม่ชี ในโบสถ์ แม้แต่ในโรงเรียน

นอกจากนั้นคนเฒ่าคนแก่ยังไม่สามารถใช้ความชราเป็นเกราะคุ้มกันการข่มขืนได้ ผู้เฒ่าต่างต้องเผชิญทารุณกรรมทางเพศอย่างถ้วนหน้าและซ้ำซาก ย่ายายวัยแปดสิบจำนวนมากถูกข่มขืนจนตายคาที่ และอย่างน้อยก็ถูกยิงตายเพราะปฏิเสธการถูกข่มขืน

สภาพศพหลังจากถูกข่มขืนอย่างทารุณ[

 

หลังสงคราม

แม้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองได้จบลงไปแล้วด้วยความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิญี่ปุ่น จากการกระทำสังการหมู่ชาวจีนในนานกิงนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ญี่ปุ่นตกต่ำอย่างถาวรที่ไม่อาจฟื้นฟูขึ้นมาได้เลย เพราะชาวจีนได้โกรธแค้นญี่ปุ่นเป็นอย่างมากจึงได้ทำการต่อต้านญี่ปุ่นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและรักสันติสุขก็ตามหรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหรือจักรพรรดิญี่ปุ่นมากล่าวขอโทษด้วยตนเองก็ไม่อาจทำให้ชาวจีนยกโทษเลย ในเนื้อหาหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นก็ยังทำการบิดเบือนด้วยการข้ามกระทำอันโหดร้ายในนานกิงและบอกว่า เพียงแค่ยึดนานกิงเท่านั้น ทำให้ชาวจีนไม่พอใจและไม่ไว้ใจต่อญี่ปุ่นมาก

 

 


รูปภาพของ ฉินเทียน

南京1937 สงครามอำมหิตปิดตาโลก

ศิลปะการทำภาพยนตร์ คือ ศาสตร์และศิลป์ สื่ออารมณ์และความรู้สึกลึกแบบเหตุการณ์จริง ยิ่งกว่านิยาย คือ ความเป็นจริง สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นแล้ว Don't Cry , Nanking

http://zh.wikipedia.org/wiki/南京1937

http://en.wikipedia.org/wiki/Don%27t_Cry,_Nanking

http://www.ovguide.com/nanking-9202a8c04000641f80000000046f57a0

รูปภาพของ YupSinFa

อภัยให้-แต่จะไม่มีวันลืม...

ตอกย้ำเรื่องสงครามจีน-ญี่ปุ่น ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 กรีณีกองทัพญี่ปุ่นบุกนานกิง นั้น หากท่านใดได้ทราบรายละเอียดของประวัติศาสตร์หน้านี้จะเกิดความรู้สึกสะเทือนใจอย่างไม่อาจหาคำใดมาบรรยายถึงความรู้สึกนี้ได้

การฆ่าชาวนานกิงในครั้งนั้น ทหารญี่ปุ่นได้สังหารชาวนานกิงไปถึง 300,000 ศพ เรียกได้ว่าทำเอาชาวนานกิง เมืองหลวงของจีนในขณะนั้น หายไปจากโลกนี้เกือบจะหมดทั้งเมือง

แทบจะทุกตระกูลที่มีอยู่ในกรุงนานกิงสมัยนั้นสมาชิกในสกุลแซ่ตายเรียบหมดจนไม่เหลือผู้สืบทอด ผู้ที่โชคดี รอดตายมาได้มีเยงไม่กี่สิบ-ร้อยคนเท่านั้นซึ่งได้มีการแสดงชื่อแซ่และรูปภาพไว้ในหอรำรึกเหตุการณ์นานกิง ที่นครนานกิงในปัจจุบัน อย่างเช่นสายสกุล "ยับ" ของไหง่ เหลืออยู่เพียงคนเดียว...

การสังหารโหดที่นานกิง ถือว่าเป็นการปฏิบัติการณ์ที่โหดเกี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แม้แต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซี หรือ กรณีทุ่งสังหารของเขมรแดง ถึงแม้ว่าจะมีคนตายมากกว่าแต่ว่าการฆ่าไม่ได้โหดเหี้ยมพิสดารอย่างที่กองทัพญี่ปุ่นกระทำกับชาวจีนที่นานกิง ที่แตกต่างอีกอย่างนึงคือการฆ่าที่นานกิง เป็นการฆ่าอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วัน และเป็นการฆ่าเหมือนกับการเล่นสนุกอย่างที่อาจารย์พอลเอามาบรรยายในบล๊อคนี้นี่แหละ ยกตัวอย่างที่รู้กันอยู่ เช่น ข่มขืนแล้วฆ่า จับขาทารกแล้วเอาหัวฟาดพื้น ฆ่าตัดคอแล้วเอาหัวมาเตะเล่น เอาบุกรี่ยัดปาก บังคับให้ขุดหลุมฝังตัวเอง ฯลฯ มากมายหลายวิธีสาธยายไม่หมด

ไหงไปนานกิงมาแล้ว และไม่พลาดครับ สถานที่ที่ไหงต้องไปให้ได้ในนานกิง ที่แรกคือ ไปคำนับท่านบิดาประเทศด๊อกเตอร์ซุนจงซาน ที่จงซานหลิ่ง แล้ว ต้องไปที่ หอรำรึกเหตุการณ์การสังหารโหดของนานกิง...ขอเรียนว่าที่นี่ นับเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์แสดงเหตุการณ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เพราะการสื่อให้เห็นภาพนั้นทำได้ดีมาก ๆ สถานที่ ก็ตั้งอยู่บนสถานที่จริงของเหตุการณ์ มีการขุดหลุมฝังศพให้เห็นโครงกระดูกที่กองทับถมกัน ที่น่าทึ่งคือ เดินไปเรื่อย ๆ จะไปถึงประตูเมืองที่ถูกถมอยู่ใต้ดิน มีการนำภาพในอดีตของประตูบานนี้ ณ จุด จุดนี้มาตั้งให้รู้ว่า ปากประตูพร้อมบานประตูไม้ที่อยู่ตรงหน้าเราถึงกับสามารถไปยืนชิดติดประตูหรือใช้มือลูบสำผัสได้นี้ คือ สถานที่ของจริงในประวัติศาสตร์ ฯลฯ ความน่าทึ่งและยอดเยี่ยมของ การจัดแสดงที่หอรำรึกแห่งนี้สาธยายไม่หมดครับ ท่านสามารถเข้าไปอ่านในบล๊อคที่ไหงเขียนไว้เมื่อสองปีก่อนได้ ในหัวข้อเหตุการณ์นานกิง (สืบหาเอานะครับเพราะไหงก็จำชื่อหัวเรื่องที่ตัวเองเขียนไม่ได้เสียด้วยเพราะมันนานและมันมีเยอะ)

อีกจุดหนึ่งในหอรำรึกแห่งนี้ จะมีหยดน้ำตกลงมาจากเพดาน ทุก 12 วินาที ตกลงมา 1 หยด มีเสียงประกอบ ดัง "จ๋อม" อันมีความหมายว่า ในครั้งนั้น เฉลี่ย ทุก 12 วินาที จะมีคนถูกฆ่า 1 ศพ

รวมคนตายทั้งสิ่น กว่า 300,000 ศพ ซึ่งในจุดต่าง ๆ ในหอรำรึกแห่งนี้ จะมีตัวเลข ตอกย้ำ 300,000 ศพ เด่นมาก และมีการเขียนเป็นภาษาต่าง ๆ มากมายหลายภาษาโดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่น และ ภาษาอังกฤษ และ ภาษาเกาหลี เจ้าทุกข์ร่วม

ในแต่ละวัน จะมีคนญี่ปุ่นนิรนาม แอบเอาช่อดอกไม้และป้ายพวงหรีด(มีภาษาญี่ปุ่นเขียนไว้อาลัย)แอบเอามาตั้งคารวะดวงวิญญานของผู้ตาย และไหงบังเอิญเห็นกรุ๊ปทัวร์ญี่ปุ่นเดินตัวลีบอยู่เป็นกลุ่มแบบอยากออกไปเร็ว ๆ โดยมีไกด์สาวชาวจีน ที่(ตั้งใจ) บรรยายอย่างเสียงดังมาก ๆ เป็นการตอกย้ำ...

ไท้ก๋าหยิ่นเชื่อมั้ยครีบ ว่า ผู้ชายชาวจีนที่มาชมในหอแห่งนี้น้ำตาร่วงกันทุกคน ผู้หญิงไม่ต้องพูดโดยเฉพาะไหง่ ตาไม่แห้งเลยละครับ...

ดังนี้ ทุกคนที่ได้เข้ามาชมสถานที่แห่งนี้ จึงเข้าใจได้เลยว่า ทำไมชาวจีนถึงเกลียดชังญี่ปุ่นได้ถึงทุกวันนี้ ไหงไปที่เซี่ยงไฮ้ จะเช็คอินที่โรงแรม พนักกงานถามเลยครับ ว่า "เป็นชาวญี่ปุ่นหรือไม่ เพราะโรงแรมมีกฏว่า ห้ามชาวญี่ปุ่นเข้าพัก"-ต้นปีนี้เอง สด ๆ ร้อน ๆ ครับท่าน.

และเมื่อถึงส่วนท้าย ของหอรำรึกฯ จะมีอักษรจีน บอกว่า "อภัยให้ได้-แต่จะไม่มีวันลืม......."

หากท่านใดมีโอกาสไปนานกิง จะต้งไม่พลาดการเข้าชมสถานที่แห่งนี้ ไหงขอเน้นว่า เป็นสถานที่สำคัญที่ท่านจะต้องไม่พลาด แต่ที่นี่ ไม่เหมาะสำหรับเด็กที่อายุไม่ถึง 15 หรือ 18 ปี สตรีมีครรภ์ คนขวัญอ่อน นะครับ เพราะบรรยากาศอึมครึม มืด และน่ากลัว ไม่พอ ยังมีเสียงเอฟเฟคประกอบเป็นดนตรีอย่างกับในภาพยนต์สยองขวัญ แต่มันจะมีเป็นส่วน ๆ นะครับ แม้ว่าจะเป็นส่วนมาก แต่มีโซนที่เป็นจุดประทับใจก็มีหลาย สุดท้าย ก็เป็นจุดที่ให้อภัย และสันติภาพ ครับ ขอย้ำว่า "ยอดเยี่ยมจริง ๆ" ครับ.

หากไหงมีโอกาสได้กลับไปนานกิงอีก ไหงก็จะไม่พลาดที่จะกลับไปคารวะดวงวิญญาณของชาวนานกิงที่นั่นอีก อย่างแน่นอน...

Yubsinfa (Klit.Y) นครเชียงใหม่.

รูปภาพของ อาฉี

บล๊อกนี้หรือเปล่า

บล๊อกนี้หรือเปล่า วันวาน.....ที่นานกิง

รูปภาพของ YupSinFa

ชื่อบล๊อค "ความสะเทีอนใจในนานกิง" ครับ

อาฉีโก และทุกท่านครับ ไหงจำไม่ได้ว่าเขียนเรื่องการสังหารโหดที่นานกิงไว้ในชื่อว่าอะไร เข้ามาดูบล๊อคส่วนตัวก็ไม่พบ แต่พอลองใช้บริการในช่องค้นหาของ "อากู๋" ดู ปรากฏว่า พบแฮะ ได้รู้ว่า ตัวเองเขียนเรื่องนี้ไว้ในชื่อต่อไปนี้ ครับ

"ความสะเทือนใจในนานกิง" ทุกท่านสามารถเข้าไปชมเรื่องราวภายในพิพิธภัณฑ์หรือหอรำรึกผู้เสียชีวิตนานกิง ได้ พร้อมภาพภายในประกอบเกือบครบทุกส่วน ครับ.

รูปภาพของ อิชยา

อาเซ่คิ้ว

อาเซ่คิ้วของไหง  เคยเล่าให้ฟังว่า อาผอเล่าว่าสมัยที่ญี่ปุ่นบุกเข้าไปในจีนนั้น   แถว ๆ หมู่บ้านที่อาผออยู่ .... พวกผู้หญิงต้องหลบอยู่แต่ในบ้าน   และพวกผู้ชายจะออกไปทำไร่  ทำนา  ทำสวน ... โดยไม่ใส่เสื้อ   นุ่งแต่กางเกงเท่านั้น

ทุก ๆ วันจะมีทหารญี่ปุ่นที่อยู่ค่าย  ในบริเวณนั้นจะออกมาลาดตระเวน   ตรวจดูชาวบ้าน .... ทำทารุณชาวบ้านมากมาย...พวกผู้ชายในภายหลังจึงรวมตัวกัน ... แสร้งทำไร่  ปลูกผัก .. โดยไม่ใส่เสื้อ ... เพื่อให้ทหารญี่ปุ่นตายใจ ... พอเผลอก็ใช้อาวุธที่ซ่อนไว้  เข้าลุยฆ่าทหารญี่ปุ่น ... โดยพยายามไม่ให้เหลือรอดกลับไปได้ ... มาอีกก็ฆ่าอีก .... จนพวกทหารญี่ปุ่นออกจากจีนแล้ว ... จึงหนีกันมาอยู่ที่ประเทศไทย ... และก็มาเจอสงครามโลกครั้งที่ 2 ... หนีเข้ากรุงเทพฯ  อีก ... ชีวิตที่ระหกระเหินหนีภัยสงคราม ... ไหงได้ฟังแล้ว   อึ้งร้องไห้ไม่ออก .... เกินบรรยายจริง ๆ


เลยขอถามว่า .. เหตุการณ์ที่อาผอเล่าให้เซ่คิ้วฟัง ... ใช่เหตุการณ์สมัยเดียวกันกับ ... นานกิง ... ที่ลงไว้นี้หรือไม่ ...  

รูปภาพของ ฉินเทียน

731部队 / 部隊

รวิโรจน์., 731 โครงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์.--กรุงเทพฯ : อนิเมทกรุ๊ป , 2554. 160 หน้า.

e-mail : paradisosiam@gmail.com

http://zh.wikipedia.org/wiki/731部队 

หนังสือ เล่มนี้ มีข้อมูลของหน่วย Unit Ei 1644  ซึ่งฆ่าคนที่อยู่ในนครหนานจิง 

รูปภาพของ ฉินเทียน

東条 英機 = 东条 英机

ผู้ชายชาติทหาร การศึกสงคราม ยามจะสิ้นชีวิต จิตใจไม่ยอมคว้านท้องตามวิถีซามูไร  และหลักธรรมเนียมปฏิบัติของโชกุน (นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด) กระทั่ง ศาลฯ ได้ส่งตัวไปจบชีวิตของอาชญากรสงครามด้วยวิธีแขวนคอ โดยทหารกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร

http://th.wikipedia.org/wiki/หมวดหมู่:อาชญากรสงคราม 

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=newsbuddhism&date=29-12-2009&group=1&gblog=6

รูปภาพของ ฉินเทียน

南京陶塔

大報恩寺 (南京)大报恩寺 (南京) 

dà bào'ēn sì (Nánjīng) Porcelain Tower of Nanjing

http://th.wikipedia.org/wiki/เจดีย์กระเบื้องเคลือบ 

http://zh.wikipedia.org/wiki/大报恩寺_(南京)

http://en.wikipedia.org/wiki/Porcelain_Tower_of_Nanjing

南京 แปลว่า นครเมืองหลวงทางใต้ ในความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดิน ถิ่นนี้มีความขัดแย้งของศาสนาพุทธมหายานแบบจีนนิกาย (ราชวงศ์หมิง) ศาสนาพุทธมหายานแบบลามะนิกาย (ราชวงศ์ชิง) ศาสนาคริสต์ (กบฏไท่ผิง) และศาสนาชินโต (ญี่ปุ่น)

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อ. มธุรส ศรีนวรัตน , B.A., M.A. (Innsbruck) “ชินโต” มาจากอักษรจีนสองตัว 神 คือ "เชน" (Shen) แปลว่า "เทพทั้งหลาย" ส่วน 道 "โต" หรือ "เต๋า" (Tao) แปลว่า "ทาง" รวมความแล้วแปลว่า "วิถีทางแห่งเทพทั้งหลาย" 

http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/shinto00.htm

รูปภาพของ cen

悲哉南京

548年,梁武帝時,候景叛亂,南京28萬戶居民死亡十之八九,按每戶兩口人統計,至少50萬人死亡。

1130年,宋朝滅亡第四年,金軍掠奪宮廷上萬宮女妃子之後,火燒建康,3日屠殺17萬居民,僅剩十分之一。

1853年,洪秀全太平軍攻下南京。按照上帝教的教義,屬於“妖孽”的滿人必被殺死,屠駐防嬰孺無遺,於是八旗連滿族婦女,太平軍盡於橋上殺之,河水皆赤。數百萬生靈,城初破死者蓋已不下數十萬矣。

1864年,曾國藩,曾國荃兄弟攻打太平軍,濫殺眾多南京百姓死了上億人,這次屠殺,是歷來南京災難中最慘烈的一次。焚燒城後,南京連棵完整的樹都找不到。

1927年,清滅亡後,中華民國成立,蔣介石在南京當政後開始屠殺異己共產黨,在雨花台這個刑場,屠殺共產黨和革命群眾達10萬之多。

1937年,日軍兵臨南京城下,僅傷亡2000多人,就攻克南京,獲命“解除軍紀三天,全部殺掉俘虜”,對平民“斷然處置”。被日軍屠殺的中國官兵和平民在20萬至30萬人以上。

悲哉南京,這樣美麗的城市,居然犯下如此罪孽。我們要深刻這些歷史,只有這樣,才能更好體現生命的尊重,對歷史的敬畏。也只有這樣,才能避免下次屠殺和不幸。

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal