หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ตรงฉิน

รูปภาพของ ฉินเทียน

 

Simplified Chinese
Traditional Chinese [1]

Zhu Rongji  จู หรงจี นายกรัฐมนตรีระหว่าง พ.ศ. 2541 - 2546 ผู้สร้างความประทับใจในการเมืองจีน ผู้สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหลายด้านและฟองสบู่ได้ลุล่วงอย่างมหัศจรรย์ เป็นผู้นำที่โปร่งใส เที่ยงธรรม มีฉายา  “จูหน้าเหล็ก”   ( หมายถึงเป็นผู้อยู่บนความเที่ยงธรรม ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม)  “พระเจ้าซาร์เศรษฐกิจ”  หรือแม้แต่  “กอร์บาชอฟแห่งประเทศจีน”  ครั้งหนึ่งจู ลั่นวาจาท้าทายกลุ่มเศรษฐีใหม่ผู้สูญเสียผลประโยชน์ในปฏิบัติการที่ขาวสะอาดของเขา ว่า “คราวนี้เรามุ่งปราบเสือ ขอให้เตรียมโลงศพไว้ 100 โลง สำหรับเก็บศพพวกนั้น 99 โลงและอีกโลงเผื่อตัวผม ผมพร้อมจะดับไปกับพวกนั้นเพื่อความสุขนิรันดร์ของประเทศชาติและประชาชน”

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000137803

 http://en.wikipedia.org/wiki/Zhu_Rongji


รูปภาพของ วี่ฟัด

俞正声 อี๋ว์เจิ้งเซิง สมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมืองจีนคนใหม่

                                                  อี๋ว์ เจิ้งเซิง

เกิด : เมษายน พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) อำเภอเส้าซิง มณฑลเจ้อเจียง อายุ 67 ปี

เพศ : ชาย

เชื้อชาติ : ฮั่น

การศึกษา : ปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากสถาบันวิศวกรรมศาสตร์การทหารฮาร์บิน ภาควิชาจรวดนำวิธี วิชาเอกการควบคุมระบบอัตโนมัติของขีปนาวุธ

“อี๋ว์ เจิ้งเซิง” เป็นบุตรชายคนที่สามของ “อี๋ว์ ฉี่เวย” (หรือที่รู้จักกันในนาม “หวงจิ้ง”) โดยบิดาของเขาถือเป็นนักรบใต้ดินของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และชนชั้นนำของสาธารณรัฐประชาชนจีนในยุคก่อตั้ง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสูงสุดถึงนายกเทศมนตรีนครเทียนจิน (เทียนสิน) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะที่มารดาของเขาคือ “ฟั่น จิ่น” สื่อมวลชนยุคบุกเบิกของสาธารณรัฐประชาชนจีน และถือเป็นหนึ่งในคณะผู้ผู้ก่อตั้งเครือหนังสือพิมพ์ปักกิ่งรายวัน

ตระกูลอี๋ว์เป็นตระกูลใหญ่ ตระกูลเก่าแก่ในแวดวงการเมืองจีน โดยมีสายสัมพันธ์ทั้งในทางการเมืองและทางสายเลือดกับหลายตระกูลในแวดวงการเมืองจีนทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งในแวดวงการเมืองจีนบนแผ่นดินใหญ่และเกาะไต้หวัน ยกตัวอย่างเช่น “อี๋ว์ ฉี่เวย” บิดาของ “อี๋ว์ เจิ้งเซิง” นั้นเป็นสามีคนแรกของ “เจียง ชิง” อดีตภรรยาของประธานเหมา เจ๋อตง และหนึ่งในผู้นำของ “แก๊งสี่คน

”นอกจากนี้บิดาของ “อี๋ว์ ฉี่เวย” หรือ ปู่ของ “อี๋ว์ เจิ้งเซิง” นาม “อี๋ว์ ต้าฉุน” ก็ยังเป็นเพื่อนนักเรียนญี่ปุ่นกับ “หลู่ ซวิ่น” ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งระดับอธิบดีในกระทรวงคมนาคมจีนในยุคทศวรรษที่ 1930

ส่วนบุตรชายคนโตของ “อี๋ว์ ฉี่เวย” หรือ พี่ชายของ “อี๋ว์ เจิ้งเซิง” นาม “อี๋ว์ เฉียงเซิง” ก็ยังเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายข่าวกรองภูมิภาคอเมริกาเหนือ ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจีน (ต่อมาคือ กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติจีน) ก่อนที่ในปี 2529 (ค.ศ.1986) จะทรยศเปิดเผยความลับของจีน ทำให้ต้องลี้ภัยในอยู่ในสหรัฐฯ ในฐานะคนขายชาติ

ทว่า ที่สำคัญที่สุดก็คือ “อี๋ว์ เจิ้งเซิง” นั้นมีความใกล้ชิดกับ เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำรุ่นที่ 2 ของจีนและครอบครัวของเติ้งอย่างยิ่ง จนมีคนกล่าวว่า “อี๋ว์ เจิ้งเซิง” นั้นเป็นตัวแทนของตระกูลเติ้งในเวทีการเมืองจีน โดยบุคคลในตระกูลเติ้งที่เขาสนิทสนมด้วยที่สุดก็คือ “เติ้ง ผู่ฟัง” บุตรชายคนโตของเติ้ง เสี่ยวผิง (ที่พิการอัมพาตครึ่งล่างจากเหตุการณ์ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม)

อี๋ว เจิ้งเซิง เข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนพฤศจิกายน 2507 (ค.ศ.1964) โดยเข้าเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่วัยหนุ่ม ขณะยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่สถาบันวิศวกรรมศาสตร์การทหารฮาร์บิน ซึ่งเขาจบการศึกษาในปี 2511 (ค.ศ.1968) ก่อนเข้าทำงานในโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเมืองจังเจียโข่ว มณฑลเหอเป่ยในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม และไต่เต้าขึ้นมาจนกระทั่งได้เป็นระดับผู้บริหารหลังสิ้นสุดการปฏิวัติวัฒนธรรม

หลังเติ้ง เสี่ยวผิง ปฏิรูปเปิดประเทศ อี๋ว์ เจิ้งเซิงประสบความอุปสรรคสำคัญในชีวิตการเมืองเมื่อพี่ชายคนโตถูกตราหน้าว่าเป็น “คนขายชาติ” โดยเป็นผู้เผยความลับทางข่าวกรอง และเปิดเผยชื่อนักจารกรรมที่รัฐบาลจีนส่งเข้าไปแทรกซึมในสหรัฐฯ ทว่าก็ได้รับโอกาสให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองเอียนไถ พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของมณฑลซานตงในปี 2528 (ค.ศ.1985) และได้เลื่อนขั้นจนได้เป็นพ่อเมือง ต่อมาในปี 2532 (ค.ศ.1989) ก็ถูกย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ รองเลขาธิการพรรคฯ ประจำเมืองชิงเต่า รองนายกเทศมนตรีเมือง และนายกเทศมนตรีเมืองตามลำดับ

อี๋ว์ เจิ้งเซิง ทำงานในมณฑลซานตงอย่างยาวนาน กว่า 12 ปี โดยประสบความสำเร็จอย่างมากในการผลักดันให้ แบรนด์เบียร์ชิงเต่า และเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์โด่งดังในตลาดโลก ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายที่เขาได้รับคือ เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองชิงเต่า ก่อนถูกดึงเข้ามาทำงานในส่วนกลางในปี 2540 (ค.ศ.1997) โดยรับงานเลขาธิการพรรคฯ ประจำกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง-ชนบทจีน และรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงกระทรวง ก่อนที่ในปีถัดมาจะถูกยกระดับให้เป็นเจ้ากระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง-ชนบทจีน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีจู หรงจี

กระทั่งปี 2544 (ค.ศ.2001) ก็ถูกย้ายให้ไปเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลเหอเป่ย และในปีถัดมาในการประชุมสมัชชา 16 “อี๋ว์ เจิ้งเซิง” ก็กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมือง หรือซึ่งเป็นบุคลากรระดับแกนนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ในปี 2550 (ค.ศ.2007) อี๋ว์ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งสำคัญคือ สมาชิกคณะกรรมการนครเซี่ยงไฮ้, สมาชิกคณะกรรมการประจำนครเซี่ยงไฮ้ และเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำนครเซี่ยงไฮ้ โดยเข้าไปรับหน้าที่ที่เซี่ยงไฮ้แทน “สี จิ้งผิง” ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผู้นำประเทศคนใหม่

ที่ไหง่นำมาเสนอเพราะเป็นคนแซ่เดียวกับสิทธิพรโก ซึ่งอาโกตามหามานานแล้วว่าจะมีคนแซอี๋ว์ มาอยู่ในเมืองไทยบ้างหรือไม่ ซึ่งนอกจากครอบครัวของอาโกแล้ว อาโกยังหาไม่พบเลย

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal