หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ภาพวาดดั่งความงามโบตั๋น

รูปภาพของ เฉินซิ่วเชง

ดอกโบตั๋น

โบตั๋น เป็นภาษาจีน ซึ่งจีนถือดอกโบตั๋นเป็นราชาแห่งดอกไม้   และใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความมั่งมีศรีสุข/ภาพวาดดั่งความงามโบตั๋น

 

จาก www.showded.com 

梅花 (เหมยฮวา) คือ ดอกเหมย หรือ ดอกบ๊วย (แต้จิ๋ว-บ่วยฮวย)

ไม่ใช่ดอกโบตั๋น
牡丹 (หมู่ตาน) คือ ดอกโบตั๋น (แต้จิ๋ว-โหมวตัว)  ภาพจาก: honglaoshi.com/webboard/index.php?topic=26.0


สาเหตุที่ชาวจีนนิยมดอกโบตั๋นไปค้นมาค่ะ ดังนี้

ดอกโบตั๋น หรือ หมู่ตาน (peony) โดยนับแต่อดีตถึงปัจจุบันชาวจีนส่วนใหญ่ถือว่า  ดอกโบตั๋นมีความหมายเป็นตัวแทนของความมั่งมีศรีสุข ความร่ำรวย ความโชคดีและที่สำคัญคือเป็นตัวแทนของความยุติธรรมอันสูงส่ง  牡丹花 mu3 dan1 hua1 สำหรับคนจีนแล้ว เป็นสัญญลักษณ์แห่งความมั่งมีศรีสุข ความสุขสมบูรณ์ในชีวิต  หรือที่เรียกกันว่า 富贵花มีฉายาว่า ราชินีบุปผา 花中之王 ที่เลิศด้วยโฉมงามและกลิ่นหอม 国色天香

 

 

พระนางบูเช็กเทียนทรงปลดดอกโบตั๋น

http://imandarinpod.com/hoola/index.php?

 

ในฤดูหนาวของปีหนึ่ง   พระนางบูเช็กเทียน ( -- อู่เจ๋อเทียน – จีนกลาง )   ได้เสด็จลงประพาสในอุทยาน   พายุหิมะเพิ่งหยุดพัด ทุกหนทุกแห่งล้วนแต่เป็นสีขาว   งดงามเหลือคณา   พลันพระนางก็ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นดอกเหมยสีแดงบานอยู่ท่ามกลางหิมะ ทรงสำราญพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ณ ขณะนั้น  พระนางบูเช็กเทียนทรงดำริว่า   หากตอนนี้ สามารถทำให้มีบุปผชาติ นานาพรรณเบ่งบานได้ ก็คงจะดีไม่น้อย ดังนั้น   พระนางจึงทรงรจนาบทกวีขึ้นมาบทหนึ่ง     ให้นางกำนัลนำไปจุดไฟเผาในอุทยาน   เพื่อบอกกล่าวต่อเทพแห่งบุปผานานาพรรณ   เทพแห่งบุปผานานาพรรณได้ทราบข่าวนี้แล้ว   ต่างพากันเกรงกลัว ทุกนางล้วนกล่าวว่า   “เราคงต้องเตรียมงานให้พร้อมเร็วหน่อย    ทำให้ดอกไม้บานก่อนเวลากันเถอะ   หากพระนางบูเช็กเทียนทรงกริ้วแล้วละก็   พวกเราล้วนต้องประสบโชคร้ายกันแล้วล่ะ”   มีแต่เพียงเทพแห่งดอกโบตั๋นที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเหล่าเทพ   นางกล่าวว่า   “นานาบุปผชาติเบ่งบาน   ล้วนแต่ต้องเป็นไปตามฤดูกาล   นึกจะบานตามอำเภอใจได้อย่างไร ?พระนางบูเช็กเทียนทรงฝ่าฝืนกฎเกินไปแล้ว ข้าก็จะไม่บาน ดูซิว่า พระนางจะทรงทำอย่างไร ?”ในวันต่อมา  บุปผชาตินานาพรรณล้วนเบ่งบาน   พระนางบูเช็กเทียน   ทรงสำราญพระทัยเป็นอย่างยิ่ง   แต่ทว่า พระนางทรงทอดพระเนตรเห็นว่า   มีแต่เพียงดอกโบตั๋นที่ไม่ยอมบาน   พระนางบูเช็กเทียนทรงกริ้วมาก   ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ทหารนำเอาต้นดอกโบตั๋นทั้งหมดในอุทยานไปเผาทิ้ง   อีกทั้งให้นำเอาต้นดอกโบตั๋นทั้งหมด   ในเมืองฉางอันไปทิ้งไว้บนเขาลั่วหยาง แต่ทว่า เมื่อถึงลั่วหยาง  ดอกโบตั๋นก็กลับฟื้นคืนชีพ  เบ่งบานอย่างงามวิจิตรตระการตา   เป็นที่รักใคร่ชื่นชอบของชาวเมืองลั่วหยาง ต่อมา ผู้คนจำนวนมาก  ยิ่งนับวันก็ยิ่งลงมือปลูกดอกโบตั๋น   ดอกโบตั๋นของเมืองลั่วหยางขจรขจายไป

 

“ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย”

"มัจฉาจมวารี.....(西施)


ปักษีตกนภา......(王昭君)


จันทราหลบโฉมสุดา (貂婵)


มวลบุปผาสะท้านอาย..(杨贵妃)"

รูปไซซี  เป็นภาพจาก: freedompost.invisionplus.net/index.php?mforum...

หวังเจาจิน – ปักษีตกนภา

หวังเจาจิน
mblog.manager.co.th

ถอดรหัสความงามแม่หญิงจีน / อู่วัฒนธรรม

MAIDEN BY THE POOL  
DRIVING SEA WOMAN

 

ภาพจาก: www.diary.ru/~Allois/?tag=1564572


ในประวัติศาสตร์ของจีนมีการกล่าวขวัญหญิงสาว
หลายนางที่มีความงามเป็นเยี่ยม
ไม่ว่าจะเป็น ไซซี หวังเจาจวิน หยางกุ้ยเฟย
เฉินหยวนหยวน หรือไช่เหวินจี
แล้วมาตรฐานสาวงามตามแบบจีนดั้งเดิมนั้นเป็นอย่างไร...
  สุดเซ็กซี่
ใบหน้า
เมื่อแบ่งตามขวางแล้วจะได้ 3 ส่วน : จากไรผมถึงคิ้ว จากคิ้วถึงปลายจมูก
จากปลายจมูกถึงคาง เมื่อมีรูปหน้าที่สวยงามแล้วรายละเอียดบนใบหน้าก็ต้องเหมาะเจาะ
ระยะห่างระหว่างตา 2 ข้างจะต้องเท่ากับความยาวของดวงตา
ยิ่งถ้าใครมีลักยิ้มบนแก้ม ก็จะถูกมองว่าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง


 คิ้ว 
ชาวจีนเชื่อกันว่า คิ้วและดวงตาของผู้หญิงสามารถสะท้อนถึงจิตใจของพวกเธอได้
ส่วนคิ้วรูปแบบไหนจึงจะเรียกว่าสวยนั้น ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับยุคสมัย
อย่างในสมัยราชวงศ์ฉิน (221-207 ปีก่อนคริสตศักราช)
แม่นางทั้งหลายนิยมคิ้วดก ยาว และโค้ง
ขณะที่สาวสมัยฮั่นนิยมคิ้วรูปสามเหลี่ยมคล้าย “八” เรื่อยมาจนถึงสมัยถัง
หญิงสาวนิยมกันคิ้วให้เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวหรือใบหลิว
กระทั่งในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 คิ้วโก่ง บางก็กลายเป็นรูปทรงยอดนิยม


ภาพจาก: dek-d.com/board/view.php?id=1118168

ดวงตา

ในบทกลอนของจีนมักเปรียบเทียบความงามของหญิงสาวว่า
งามดุจดอกท้อแย้มบานในฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาเรียวยาว
หางตาตวัดโค้งขึ้น ลูกนัยน์ตาดำสนิท
ภาพจาก: dek-d.com/board/view.php?id=1118168  

 

ภาพจาก: picpost.postjung.com/m/50951.html

ริมฝีปาก   ริมฝีปากเล็ก สีชมพู เป็นมันเงา

มุมปากโค้งขึ้นหรือที่เรียกว่า "ปากเล็กเหมือนผลเชอร์รี่"

เป็นปากที่ชาวจีนสมัยก่อนมองว่างามที่สุด

中国古代仕女图/Chinese Classical Painting 

เทพนารีจีน ในจิตรกรรมของ 

  ฮว๋าซานชน HUA SAN CHUAN 

Artworks From Hua Sanchuan

ภาพจาก: flickr.com/photos/collectormart/2550273568/

ภาพจาก: www.jiminarts.com/huasanchuan.html

                                   

เราจะได้นำเสนอผลงานของศิลปินจีนผู้นี้เป็นอันดับแรก   ฮว๋าซานชวน เริ่มต้นวาดภาพตั้งแต่อายุได้ ๑๕ ปี เขาได้รับการยกย่องมากในการเขียนภาพสาวงามในประวัติศาสตร์ และนางในวรรณคดีจีนที่แสดงถึงความอ่อนหวาน และประณีตบรรจง ภาพของเขามีความเป็นจีนโดยแท้ แต่เป็นจีนแบบประเพณีที่ถูกปรับปรุงให้งามอย่างที่ทุกชนชาติสามารถที่จะชื่นชมได้ ผลงานทุกชิ้นของเขาจะมีลักษณะเบา เหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน แม้ว่าบางภาพจะมีฉากหลังอันประณีตอลังการอย่างยิ่งก็ตาม บุคคลในภาพล้วนแสดงอาการเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวา ที่เด่นมากคืออาภรณ์ต่างๆ มีการออกแบบลวดลายและสีสันไม่ซ้ำกัน ด้วยโทนสีแบบที่เป็นจีนแท้ๆ นอกจากนี้เขายังเป็นศิลปีนจีนคนแรกๆ ที่กล้าวาดภาพสาวงาม และเทพนารีต่างๆ ในลักษณะกึ่งเปลือย (Semi-N ude) ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในศิลปะจีนแบบประเพณีอีกด้วย ภาพบนสุดของคอลัมน์ ภาพเทพธิดาทั้ง ๗ หรือที่คนจีนแต้จิ๋วในเมืองไทยเรียกว่า ชิกเซียงนึ่ง เป็นภาพสิริมงคลภาพหนึ่งที่คนจีนนิยมกันมาก เทพนารีทั้ง ๗ องค์นี้ทรงเป็นธิดาขององค์จักรพรรดิสวรรค์ หรือ เง็กเซียงฮ่องเต้ ซึ่งทรงเบื่อหน่ายชีวิตบนสวรรค์ จึงเสด็จมาหาความสำราญในโลกมนุษย์  ภาพสิริมงคลนี้จึงมีความหมายว่า  ความสวยสดงดงามหรือพรที่มาจากสวรรค์ ในเทพนิยายชุด ๗ นางฟ้า  จะมีเทพนารีองค์หนึ่งที่เป็นตัวละครหลัก  คือเทพนารีองค์สุดท้องซึ่งมีพระรูปงดงามที่สุด ซึ่งฮว๋าซานชวนได้วางตำแหน่งไว้ในส่วนที่เด่นของภาพ   เทพธิดาโฉมสะคราญองค์นี้เป็นองค์แรกที่เสด็จสู่โลกมนุษย์ พระนางทรงเต็มไปด้วยความสดชื่นและกระตือรือล้น   โดยมิได้ทรงคาดคิดเลยว่าการลงไปสู่โลกมนุษย์ของพระนางนั้น จะทำให้เกิดเรื่องราวมากมาย   พัสตราภรณ์ที่ทรงสวมใส่มีลักษณะประณีตบรรจง    เหนือกว่าพระขนิษฐาทั้ง ๖  ที่อยู่เบื้องหลัง เปิดโอกาสให้ศิลปินได้ใช้ความคิดในการออกแบบสีสันลวดลาย    และอวดความพลิ้วไหวของผืนผ้าทรงได้เต็มที่

 

 

พระแม่หนี่วา เป็นภาพที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือ บูรพเทวีปกรณ์ เนื่องจากพระแม่เจ้าองค์นี้ทรงเป็นมหาเทวีองค์แรกสุดที่ปรากฏขึ้นในยุคปฐมกาล  ฮว๋าซานชวนจึงถ่ายทอดทิพยรูปของพระนางในลักษณะที่ทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าทรงเรียบๆ เพียงสองผืนที่นุ่งห่มพระวรกายอย่างเบาบางในลักษณะกึ่งเปลือย  มิใช่เทวพัสตราภรณ์อันงามวิจิตรซ้อนกันหลายชั้นอย่างเทพธิดารุ่นหลัง   ภาพพระแม่หนี่วาภาพนี้แสดงถึงเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับพระนาง   ที่คนจีนยังเล่าขานต่อเนื่องกันมาจนทุกวันนี้  คือการที่พระนางทรงนำศิลาห้าสีเหาะขึ้นไปอุดรูรั่วบนท้องฟ้าเพื่อปกป้องมวลมนุษย์จากวันโลกาวินาศ  พระวรกายอันบอบบางของพระนางที่ลอยละล่องขึ้น  ไปท่ามกลางฉากหลังอันน่าสะพรึงกลัวเป็นภาพที่ขัดแย้งอยู่ในที  และทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ทรงทำอยู่นั้นเป็นงานอันหนักหนาสาหัสยิ่งนัก พระนางทรงมีพระพักตร์อันงดงามเต็มไปด้วยเมตตาธรรม  พระเกศาอันยุ่งเหยิงเป็นธรรมชาติ บ่งบอกถึงยุคสมัยที่ทุกสิ่งยังบริสุทธิ์ไร้การปรุงแต่ง  เป็นภาพของพระแม่หนี่วาที่ดีที่สุดที่เรามีกันอยู่ในขณะนี้  พระแม่เส้าซือหมิง เป็นภาพเทพนารีอีกภาพหนึ่งที่มีลักษณะกึ่งเปลือย  และสวมใส่เทวพัสตราภรณ์ในรูปแบบที่เรียบง่าย  เพราะว่าทรงเป็นเทพมารดร หรือเทพนารีจีนสมัยแรกๆ เช่นกัน พระแม่เส้าซือหมิงนั้น  ได้รับการนับถือกันว่าทรงเป็นผู้กำหนดดวงชะตาของเด็กแรกเกิดทุกคน  และทรงมีเทวานุภาพดลบันดาลให้ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือไม่อีกด้วย  ในภาพนี้เราจะเห็นว่า ฮว๋าซานชวนจินตนาการให้องค์เทพมารดรลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า  พระนางทรงถือดาบที่แสดงถึงสิทธิ์ขาดที่จะลิขิตชะตามนุษย์  ขณะที่อีกพระกรประคองทารกน้อยน่ารักให้นั่งบนพระพาหา พัสตราภรณ์ชั้นบนที่บางเบาและหลุดลุ่ย  เผยให้เห็นพระถันในลักษณะที่เป็นธรรมชาติไม่เสแสร้ง  เป็นภาษาภาพที่แสดงถึงความเป็นมารดา แต่โทนสีของฉากหลังอันเต็มไปด้วยพลังนั้น  ก็ชวนให้คำนึงถึงบรรยากาศแห่งความไม่แน่นอนของชะตากรรม  อันสร้างความขัดแย้งอย่างงดงามกับทีท่าอันรื่นเริงไร้เดียงสาของทารกน้อยนั้น พระแม่ฉางเอ๋อ ภาพนี้ เป็นอีกภาพหนึ่งที่ผู้ที่มีหนังสือ บูรพเทวีปกรณ์ ย่อมได้ผ่านตามาแล้วเช่นกัน พระนางทรงเป็นจันทราเทวี  เป็นสัญลักษณ์แห่งความงามอันเฉิดฉายและหรูหราของแสงจันทร์เพ็ญเดือน ๘ เดือนที่โลกมนุษย์สว่างไสวและอบอวลด้วยบรรยากาศอันโรแมนติก  พระนางทรงจัดแต่งพระเกศา และฉลองพระองค์อย่างวิจิตรงดงาม  ประทับนั่งอย่างสบายโดยมีจันทร์เพ็ญเป็นฉากหลัง  พระพักตร์ของพระนางยิ้มแย้ม แลดูอ่อนโยน  แต่ก็ยังทรงมีท่วงท่าลีลาของความเงียบเหงา เยือกเย็น และเข้าถึงได้ยาก  ภาพนี้เป็นภาพพระแม่ฉางเอ๋อที่ดีที่สุดภาพหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป  พระนางดูอ่อนหวานแต่ลึกลับเสียจริงๆ บนพระชานุนั้นมีกระต่ายตัวหนึ่งเกาะอยู่  เป็นกระต่ายที่ดูเป็นเงาๆ ไม่ใช่กระต่ายจริงที่มีชีวิตชีวา เสมือนเป็นภาพสะท้อนจินตนาการ  ของมนุษย์ที่มองเห็นภาพกระต่ายอยู่ในดวงจันทร์ เหนือสิ่งอื่นใด  ทุกอย่างในภาพนี้มีลักษณะล่องลอยอยู่ในความเวิ้งว้างของบรรยากาศแห่งคืนเดือนหงายโดยแท้  เทพธิดาแห่งเทือกเขาอูซาน ในมณฑลเสฉวน  จากตำนานอันแพร่หลายของดินแดนแถบนั้นซึ่งเล่าต่อๆ กันมาว่า  จักรพรรดิพระองค์หนึ่งได้เสด็จประพาสป่าและได้ทอดพระเนตรเทพนารี  พระองค์หนึ่งซึ่งทรงพระสิริโฉมอย่างยิ่งที่นั่น  จนพระองค์ทรงลุ่มหลงนางฟ้าองค์นั้น  และทำให้เกิดเรื่องเล่าอันสะเทือนใจต่อมาอีกมากมาย  นี่เป็นอีกภาพหนึ่งที่ฮว๋าซานชวนได้แสดงฝีมือในการเขียนภาพเทพนารีจีน  ในลักษณะกึ่งเปลือยได้อย่างยอดเยี่ยม เทพนารีองค์นี้ทรงมีทิพยรูปอันงดงาม  ประดุจสาวแรกรุ่น พระเกศาประดับด้วยดอกไม้อย่างง่ายๆ  แสดงถึงความเป็นรุกขเทวีโดยแท้ พัสตราภรณ์ที่ทรงสวมใส่ก็บางเบาและเรียบง่าย  ลักษณะการฉลองพระองค์อย่างไม่เอาใจใส่ แสดงภาพของสาวชาวป่าที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา  ไม่คุ้นเคยกับการปรุงแต่งของวัฒนธรรมเมือง รอบๆ พระวรกายนั้นคือ ฝูงกวางที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า ลิงขนงามที่ดูร่าเริง ลูกกวางตัวน้อยซึ่งทรงอุ้มอยู่บนตักบ่งบอกถึงความรู้สึกที่สบายและปลอดภัย  ขณะที่เสือดาวขนาดใหญ่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นจ้องมองมายังผู้ชมด้วยทีท่าอันน่าเกรงขาม    คอลัมน์ Gallery มีแนวคิดหลักในการนำเสนอภาพศิลปกรรมเกี่ยวกับเทพนารี(Goddess) ของลัทธิศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะจิตรกรรมและประติมากรรมที่ไม่มีลักษณะเป็นรูปเคารพ  เพื่อให้ผู้สนใจในทางเทววิทยาได้ศึกษาภาพเทพนารี  ที่เป็นงานศิลปกรรมอันเป็นผลจากจินตนาการและอัจฉริยภาพของศิลปินระดับโลก ให้เกิดความรู้ว่าศิลปินเหล่านั้นมีวิธีถ่ายทอดภาพของเทพนารีต่างๆ  จากวรรณคดีและเทพนิยายอย่างไร รวมทั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เข้าถึง และชื่นชมในความเฉิดฉายของเทพนารีความงามที่ประดับโลกมยุคบรรพกาล

ภาพสาวจีนโบราณ  

 

ภาพจาก: www.siamstamp.com/forum/index.php?topic=4400....

รูปร่าง

ทฤษฏีความงามแบบดั้งเดิมของจีนกล่าวไว้ว่า      เอวที่คอดกิ่วเป็นความงามอย่างหนึ่งของผู้หญิง  ส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามได้สัดส่วนสะท้อนถึงความอ่อนช้อย   และอ่อนโยนของผู้หญิงจีนในยุคโบราณมองว่าหญิงสาวที่มีเอวและสะโพกเป็นรูปนาฬิกาทราย นับเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างงดงามสมบูรณ์แบบ  ในตำนานและบทกลอนเก่าแก่ก็เคยพาดพิงถึงเสน่ห์อันเย้ายวนใจ  ของเอวที่คอดกิ่ว และที่โด่งดังเรื่องหนึ่งคงหนีไม่พ้นเรื่องราวเมื่อ 2,000 กว่าปีก่อนของฉู่หลิงอ๋อง ผู้ครองรัฐฉู่ ผู้ชื่นชอบหญิงสาวที่มีเอวเล็ก  บรรดาพระสนมชายาต้องการเป็นที่โปรดปรานก็พากันอดอาหารมัดเอวจนสุขภาพย่ำแย่ แม้แต่ขุนนางก็พยายามจะผอม เพื่อเอาใจฉู่หลิงอ๋อง วันๆ หนึ่งทานอาหารแค่มื้อเดียว  ไม่นานก็ร่างกายทรุดโทรมยืนแทบไม่อยู่ ไฉนเลยจะมีเรี่ยวแรงสนใจงานการ 

เซ็กซี่อย่างจีน

ความเซ็กซี่ของสาวจีนสมัยก่อนเป็นอย่างไร? สะโพกยกกระชับ หน้าอกภูเขาไฟหาใช่คำตอบสุดท้าย  สมัยก่อนชาวจีนมองว่าคิ้วคือสิ่งที่เซ็กซี่ที่สุดของผู้หญิง  โดยคิ้วนั้นสามารถสะท้อนอารมณ์ของหญิงสาวได้  ดังนั้นจึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “สายรุ้งแห่งอารมณ์”  ส่วนอวัยวะที่ถูกมองว่าเซ็กซี่รองลงมาได้แก่ ไหปลาร้าและคออันงามระหง

 

  

ความรู้ของหญิงสาว

ดนตรี - ดนตรีในที่นี้หมายถึงพิณ 7สาย มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี


หมากรุก - หมายถึงหมากล้อมหญิงสมัยก่อนไม่มีโอกาสได้ทำงานเหมือนกับผู้ชายดังนั้นจึงได้รวมตัวกันเล่นหมากล้อมเพื่อผ่อนคลาย

เขียนพู่กัน – การเขียนอักษรหรือคำกลอนไม่ใช่เรื่องสำหรับผู้ชายเฉพาะ

ผู้หญิงเรียนรู้ว่าจะเขียน อ่าน และเขียนพู่กันจีนอย่างไร     ไม่ว่าจะมีภูมิหลังทางครอบครัวอย่างไร      พวกเธออ่านเพื่อพัฒนาตัวเอง

เขียนบทกลอนเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกและเรื่องราวชีวิตของตัวเอง และเขียนพู่กันจีนเพื่อความบันเทิง

วาดภาพ - ในสมัยก่อนมีผู้หญิงหลายคนที่มีพรสวรรค์ในการวาดรูปแม้ว่าทักษะของพวกเธอมักถูกมองข้ามโดยสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ก็ตาม  หัวข้อที่พวกเธอชอบวาดส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับดอกไม้ สัตว์เลี้ยง และหญิงงาม



งานเย็บปัก - งานเย็บปักถักร้อยนั้นก็นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของหญิงสาวที่ขยันขันแข็ง

และสะท้อนให้เห็นถึง อารมณ์และความฉลาดของผู้หญิงด้วย   ทั้งยังเป็นมาตรฐานของศรีภรรยาที่ดี

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

 

โดยการรวบรวมจากเฉินซิ่วเชง


ขอบคุณครับ

ขอขอบคุณผู้แต่งเว็บนี้ เพราะให้ความรู้ดีมาก ๆ ชอบมาก ๆ ด้วยครับ

รูปภาพของ เฉินซิ่วเชง

ขอบคุณ yusuka99 เจ้า

ขอบคุณเจ้า

การรวบรวม  เพื่อให้มวลชนมีความสุข 

คือคุณค่าของการได้เกิดร่วมโลกร่วมแผ่นดิน

ทุกคนกระทำได้ด้วยใจบริสุทธิ์   ไม่มุ่งเน้นการค้า  หวังผลใดๆๆ

เสรีด้านการคิดรวบรวมคือการเชิดชูคนที่คิดดีและดำเนินการไปล่วงหน้า

ด้วยใจยกย่องและถ่ายทอดสืบต่อยอดกันไป......

จึงขอขอบคุณที่มีแนวร่วมและขอชิญแนวร่วมออกมาส่งและรวบรวมมาแบ่งปันกันชม

หมวดบัณฑิต
The Wise 

โดย พุทธวจนะในธรรมบท (อ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก)

อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ
เย ชนา ปารคามิโน
อถายํ อิตรา ปชา
ตีรเมวานุธาวติ ฯ ๘๕ ฯ

ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย
น้อยคนนักจักข้ามฝั่งไปได้
ส่วนคนนอกนี้
ก็ได้แต่วิ่งเลียบเลาะริมฝั่ง

Few are there among men
Who go to the further shore,
The rest of this mankind
Only run up and down the hither bank.

ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา

จากเฉินซิ่วเชง

รูปภาพของ เฉินซิ่วเชง

ปลายฝนต้นหนาว....เพราะมากๆ

ลีลาทุกอักษร.. ถูกต้องตามฤดูกาล...

【每日歌曲 720HD 视频】 思君 Yearning / 张娟 Zhang Juan

รูปภาพของ paul

สวยงาม น่าอ่าน ขอบพระคูณมาก

มีอะไรที่สวยๆงามๆ ทั้งดอกไม้ สาวงาม ดูแล้วสบายตา สบายใจมาก น่าอ่านครับ ขอบพระคูณมาก

 

นับถือครับ

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal