หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ไปเที่ยวจีน

ไปจีน


เที่ยวเมืองเหมยเซี่ยน

ตอนเช้าไปออกกำลัง

ไปออกกำลังตอนเช้าวันนั้นอากาศสบายวิ่งไปกลับได้สักปากุงลีไม่คอยเหนื่อยริมแม่น้ำถนนสอาดสวยมีคนออกกำลังมากกลับมาอาบน้ำกินข้าวนั่งคุยกันไหง่คุยลึกมากไม่ได้ต้องอาศัยลูกสาวใช้ภาษากลางช่วย

รูปภาพของ วี่ฟัด

อยากเอาจักรยานไปขี่ที่หมอยแย้น

อาโกสมจิตรเขาเป็นนักวิ่งชมรมลมโชย ราชบุรี ชมรมนี้เขาตั้งอยู่ที่สนามกีฬากลางราชบุรี มีทั้งชมรมลมโชย - รับอรุณ และ ชมรมลมโชย - ยามเย็น อาโกสมจิตรกี่ออกวิ่งล่าถ้วยมานักต่อนักแล้ว วิ่งแล้วสุขภาพดี มีเรี่ยวมีแรงไปหมอยแย้นได้ ซึ่งสุขภาพนี่ก็สำคัญต่อการเดินทางท่องเที่ยวด้วยครับไท้กา

การเดินทางท่องเที่ยวนี้ต้องมีครบ 3 ประการ แต่อย่าไปเรียกว่าแก้วสามประการแบบพวกบ้านั่นเลย ไหง่เรียกว่าต้องมีครบ 3 อย่างคือ

1. ยิ้วเฉียน - ต้องมีเงิน

2. ยิ้วสือเกียน - ต้องมีเวลา ( ว่าง )

3. ยิ้วซินที่เคี้ยนคอง - ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง

มีครบสามอย่างนี้ไปได้เลยแล

         แต่อย่างว่าหละครับไท้กาในช่วงชีวิตคนมักจะมาครบแบบ 3 อย่างนี้ยากเหมือนกันนะไท้กา

         ช่วงเด็กจนถึงวัยหนุ่ม - มีเวลาเยอะแน่ , สุขภาพก็แข็งแรงดี ( ซินที่เคี้ยนคอง ) แต่ หมอเฉียน ( ไม่มีเงิน ) 

         ช่วงวัยหนุ่มถึงวัยกลางคนช่วงกำลังทำงานทำมาหากิน - สุขภาพก็ยังดีอยู่ ( ซินที่เคี้ยนคอง ) , ยิ้วเฉียน ( พอมีเงินแล้ว ) แต่ หมอสือเกียน ( ไม่มีเวลา ) วัยฉกรรจ์กำลังทำมาหากินไม่ค่อยมีเวลา ( ว่าง ) หมอสือเกียน 

         ช่วงวัยดึกหรือวัยชรา - ยิ้วเฉียน ( มีเงิน ) , ยิ้วสือเกียน ( มีเวลาเยอะเพราะเลยวัยทำงานแล้ว ) แต่ หมอซินที่เคี้ยนคอง ( สุขภาพเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว เดินเหินก็ไม่ค่อยคร่องแล้ว )

         แต่ไหง่แอบหนีเที่ยวมาบ่อยๆตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 20 กว่าปีนี้ไหง่ไปเมืองจีนมาร่วม 15 - 16 ครั้ง ไปในประเทศอาเซี่ยนมาเกือบครบแล้ว เคยไปมา 3 ทวีป มียุโรป อาฟริกา ( อียิปต์ ) และเอเซีย 

เมื่อสิบปีก่อนนั้นไหง่ก็ชอบขี่จักรยานมีกลุ่มขี่จักรยาน เคยขี่จักรยานจากราชบุรีไปสวนผึ้งได้สบายๆ เวลาไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มก็ชอบเอาจักรยานไปขี่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ไปกันมาแล้ว แต่ทิ้งไม่ได้ขี่ไปนานร่วม 7 - 8 ปี ตอนนี้เริ่มเอามาขี่ได้เกือบเดือนแล้ว

เมื่อสิบปีก่อนไหง่ยังเคยมีความคิดเลยว่าจะเอาจักรยานไปขี่ที่หมอยแย้นขี่ไปตามตำบลต่างๆคงจะสนุกดีนะ ไม่แน่หรอกสักวันอาจจะเอาจักรยานขึ้นเครื่องบินไปขี่ที่หมอยแย้นก็ได้ 

รูปภาพของ tonkla

3 ประการกับการท่องเที่ยวค่ะ

อ่านข้อความของโกวีฟัดแล้วใช่เลยค่ะ ไปเที่ยวต้องมีเงิน มีเวลา และมีสุขภาพที่ดี แล้วในแต่ละช่วงวัยก็มีขีดจำกัดไม่เหมือนกันซะด้วย อ่านจบอยากออกไปเที่ยวเลยทันที งั้นเริ่มจากสงกรานต์เลยละกันนะคะ

ถือโอกาสสวัสดีวันปีใหม่ไทยเพื่อนๆสมาชิกเว็บฮากกาทุกท่านนะคะ ขอให้ทุกท่านมีเงินทองมากมาย มีเวลา และสุขภาพแข็งแรงค่ะ เมื่อครบทั้งสามอย่างแล้วพวกเราก็เตรียมเดินทางได้เลยค่ะ สมาชิกพร้อมแล้ว งานและกิจกรรมดีๆของผองเพื่อนสมาชิก พวกเราก็ไปด้วยกันนะคะ

ไม่ไปเสมือนไป! จะไปเสมือนจะไม่...?

               จริงอยู่ไหง่ไม่เคยไปเมืองจีนเลย แต่เหมือนได้ไปท่องเที่ยวอยู่ทุกวัน เพราะดูรายการท่องเที่ยว " หยวนฟังเตอเจีย " ของ CC.TV.ของจีนทุกวัน ยิ่งตอนนี้มีรายการของขักหงิ่นที่เรียกว่า " เค่อเจียจั๋วจี้ " (ตามรอยเท้าขักกา) ก็พอได้เห็นวิถีชีวิตของขักหงิ่น ที่อยู่ตามป่าเขา เป็นเสมือนหน่วยซุ่มซ่อนยาวนาน พวกเขารู้ทางลัดทางลับตามป่าเขา ที่คนในเมืองไม่มีทางรู้ และคงเป็นด้วยเหตุนี้ คราวญี่ปุ่นบุกจีน แต่มักเข้าไม่ถึงจุดที่ขักหงิ่นอยู่ เพราะยกมาทีไร ก็ถูกซุ่มโจมตีเหมือนผีไร้เงา จนส่วนใหญ่ตายก่อนเห็นตัวข้าศึก นี่คือความปราดเปรียวของขักหงิ่น จนกองทัพที่ได้ชื่อว่าเกรียงไกรของญี่ปุ่น ต้องยอมเว้น " หม่อยเยี้ยน " และยุทธศาสตร์สําคัญของขักหงิ่น

             ไหง่ดูรายการนี้แล้ว ทั้งเศร้าและดีใจ เศร้าก็ตรงที่ขักหงิ่นต้องอยู่อย่างลําบากตามป่าเขา ไม่ค่อยได้สัมผัสกับกลิ่นอายแสงสีความเจริญ แบบที่คนในเมืองได้รับอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ก็ดีใจตรงที่ขักหงิ่นเป็นยอดนักรบผู้กล้า จนเลื่องชื่อในศึกสงครามมาทุกยุคทุกสมัย

              แต่พออาโกไหง่ที่อยู่เมืองจีน ส่งเงินค่าตั๋วให้ไปเยี่ยมกี่บ้าง เพราะกี่มาเยี่ยมถึง ๔ ครั้งแล้ว และกี่ก็อายุมากแล้ว ไหง่จึงต้องไป แต่พอไปติดต่อสถานทูตจีน ปรากฎว่ามีคนไปขอวี่ซ่ากันมากมายจริงๆ และเป็นอย่างที่ " วี่ฟัดโก " ว่า ต้องยุ่งยากหลายอย่าง ไปวันเดียวไม่เสร็จแน่ แต่ไม่เป็นไร เมื่อเข้าเกียร์เดินหน้าแล้ว เกียร์ถอยหักทิ้ง ยากยังไงก็ต้องไป เป้าคือภายในสิ้นเดือน เม.ย.56 นี้ แต่จะตามเป้าหรือไม่? ก็ต้องชนกันดู!

หลักกลยุทธ " จีน " 2 แบบ

              เห็นภาพของ " โกสมจิตร " แล้วยิ่งกระตุ้นให้อยากไปจีนมากยิ่งขึ้น เพราะยังพออยู่ในข่าย 3 ข้อ ของวี่ฟัดโก แม้ข้อที่ 3 ที่ว่ายิวเฉี่ยน(มีเงิน)จะอ่อนสักหน่อย ก็ไม่เป็นไร เพราะอาโกทางเมืองจีนกี่มีซับปอร์ตให้ ไม่ต้องห่วงมากนัก

               แต่ตอนขอวีซ่าที่สถานทูตจีนนี่ ถ้าไม่ใช่พอรู้เรื่องจีนบ้าง คงถอดใจดื้อๆได้เหมือนกัน แต่ความที่เคยศึกษาเรื่องกลยุทธ " ซุนวู " มาพอสมควร  ในข้อที่ว่า " กลยุทธต้องมี 2 ประสาน " คือ " เจิ้ง " แบบแผนที่เป็นรูปธรรม และ " ฉี " ความพิสดารที่ไร้รูปแบบ สิ่งที่เป็น " เจิ้ง " คือ หนังสือเดินทาง สลิปเงิน 5 หมื่นในธนาคาร ตั๋วเครื่องบินไปกลับ และใบจองโรงแรมที่พัก

               ในวันแรกไปแต่เช้า 7 โมง คนมายืนรอคิวยาวเหยียดแล้ว แต่เขาเปิดทําการ 9 โมงเช้า ยืนรอขาแข็ง 2 ช.ม. จึงได้แบบฟอร์ม ซึ่งมี 2 ภาษาที่ต้องกรอก คือจีน-อังกฤษ แค่แบบฟอร์มก็มึนแล้วสําหรับคนไม่เคย แต่โชคดีที่พออ่านออกเขียนได้ทั้ง 2 ภาษา แต่ความที่ไม่เคยก็คิดว่าจดหมายญาติพอแทนใบจองที่พักโรงแรมได้ เพราะญาติที่กวางเจาจะมารอรับที่สนามบิน แล้วไปพักที่บ้านกี่ก่อนเดินทางไปหม่อยแย้น 1 คืน นี่คือสิ่งที่จะบอกกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งคิดว่าผ่านแน่!

                ตอนรอคิวแถวยาวเหยียด 6 แถว แถวไหนที่มีฝรั่งฝุ่งเมา(ผมแดง) ต้องรอนานมากเกิน 15-20 นาทีต่อคน เรียกว่าตรวจละเอียดยิบตามกฎ ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆเลย และไม่ง้อถ้าหมั่นไส้ไม่ไปก็ดี จนมีคนมาบอกตอนหลังว่า " การขอวีซ่าเข้าจีน เป็นระบบมาตรฐานเดียวกับสหรัฐ-ญี่ปุ่น มาตรการนี้ใช้มาปีเศษแล้ว " ไหง่ยืนรอ 2 ช.ม.จึงถึงคิว ปรากฎว่าไม่ผ่าน 1 เรื่อง คือ สลิปธนาคารไม่ถึง 5 หมื่น(เพราะคิดว่าไม่เป็นไร 4 หมื่นที่หมุนเวียนน่าจะได้ แต่ไม่ได้) เป็นอันฟลาว

              ต้องกลับมาเอาเงินเข้าให้ครบ 5 หมื่นบาท แล้วไปครั้งที่ 2 ในอีกหลายวันต่อมา(ติดวันหยุดสงกรานต์)ต้องยืนรอคิวนานเหมือนเดิม เพราะคนไม่ลดลงเลย คราวนี้ไม่ผ่านอีก เพราะจดหมายญาติอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีใบสําเนาบัตรประชาชนญาติที่เมืองจีนแนบมาด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ญาติแฟกมา ไหง่ชักมีนําโหตะหงิดๆ คิดจะกลับบ้านไม่ไปมันละ ยุ่งยากนัก ก็พอดีมีคนมาเสนอตัวทําให้ ซึ่งทีแรกก็มีแบบนี้ แต่ไหง่ได้อ่านข้อความเตือนของสถานทูตที่ว่า ไม่รับผิดชอบใดๆต่อบุคคลภายนอก ที่เสนอทําวีซ่าให้ เลยพยายามทํามันทุกอย่าง แต่ก็มาติดขัดตรงบัตรประชาชนของญาติ จึงอยากลองดูว่าคนเสนอว่าอย่างไร เขาดูแล้วก็พูดถูกว่า แค่จดหมายญาติไม่ผ่าน ต้องมีใบจองห้องพักโรงแรม เขาทําให้ได้ ค่าบริการ 3 ร้อยบาท ปกติต้อง 5 ร้อย แต่นี่ขาดอย่างเดียว ไหง่ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เขายําว่าผ่านแน่นอนถ้าให้เขาทํา

            เงินค่าตั๋วเครื่องบิน 2 คน เกือบ 3 หมื่นหย่อนไม่กี่ร้อยยังจ่ายได้ แค่อีก 6 ร้อย  ถ้าผ่านจะเป็นไร!

             จึงตกลงยอมให้เขาทํา แต่เราไปยื่นเอง ซึ่งต้องต่อคิวรออีก 2 ช.ม. ปรากฎว่าผ่านง่าย ทั้งที่เป็นช่องเดิม เจ้าหน้าที่คนเดิม

             ไหง่จึงพอมองออกว่า เขาบีบให้เราเข้าอยู่ใน " ฉี " คือหลักพิสดารที่ไร้รูปแบบของเขา ซึ่งเข้าตําราจีนเปะว่า " เจ้าที่ก็ต้องเซ่น(ค่าวีซ่า) เจ้าทางก็ต้องไหว้(นักการ) จึงเดินทางสะดวกโยธิน "

              เป็นอันว่า ได้ไปเยี่ยมอาโกไป๊อากุง-อาโผ่ ที่หม่อยแย้นตามเป้าในสิ้นเดิอน เม.ย.นี้แน่นอน เฮ้ย...ในที่สุด...จีนก็คือจีน

                                          ...อาหงิ่ว...

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

หงิ่วโกไปเมืองจีน

ดีใจที่อาหงิ่วโกจะได้ไปเมืองจีนกับเขาบ้าง แม้ครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี ซึ่งกว่าจะได้วีซ่าเลือดตาแทบกระเด็น เห็นความอุตสาหะพยายามแล้ว นับว่ามีจิตศรัทธาแรงกล้า ผิดกับบางคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่วาสนาสูงส่ง ได้ไปเมืองจีนเป็นว่าเล่น เหมือนไปเยาวราชก็ไม่ปาน ซึ่งคนที่ไม่มีโอกาสได้ไป มักถูกเดียดฉันท์ให้น้อยใจในวาสนาอยู่บ่อยๆ ก็ขอให้การเดินทางของหงิ่วโกจงประสบแต่ความราบรื่นไร้อุปสรรคขัดขวาง ทั้งไปและกลับโดยสวัสดิภาพทุกประการ
 
พอดีไปพบเจอเว็บๆหนึ่ง เกี่ยวกับการตระเตรียมความพร้อมก่อนไปลุยเมืองจีน เลยนำมาให้อ่านดู เผื่อมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
1. ภาษาจีน คนที่ไม่มีพื้นมาก่อน ถ้ามีเวลาพอก่อนการเดินทาง ควรเรียนล่วงหน้าเตรียมไว้ เพื่อเราจะได้สามารถเข้าใจในบทเรียนและเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และถ้าหากเป็นไปได้ควรเลือกเรียนกับอาจารย์คนจีนที่ไม่ใช้ภาษาไทยในการสอน เพราะจะทำให้เราชินกับภาษาและมีทักษะการฟังก่อนการเดินทาง ของสำคัญที่ห้ามลืม พจนานุกรม สำคัญมาก จะเอาแบบไทย-จีน  จีน-ไทย 
อังกฤษ-จีน จีน-อังกฤษ หรือ เป็น talking dict ก็ได้ รวมถึงหนังสือบทสนทนาเบื้องต้น จะช่วยเราได้มากในช่วงแรก(ข้อนี้สำหรับหงิ่วโกเด็กๆไร้ปัญหา)
2. สุขภาพร่างกาย ก่อนการเดินทางควรจะทำการตรวจสุขภาพ และควรเตรียมยาสามัญติดตัวไปด้วย เช่นยาจำพวกแก้ปวด ตัวร้อน ท้องเสีย เป็นไข้ สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่ต้องพกติดตัวไปก่อนการเดินทาง รวมถึงประกันภัย ควรเช็คว่า กรมธรรม์ของเรา คลอบคลุมถึงสุขภาพเวลาที่อยู่จีนด้วยหรือป่าว เพราะปัจจุบันมหาวิทยาลัยจะเสนอขายประกันภัยให้แก่นักเรียน ซึ่งจะคลอบคุมเฉพาะอุบัติเหตุที่ต้องนอนโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงสุขภาพ
3. อาหารที่จีน ใช้น้ำมันในการประกอบอาหารเยอะ คนที่ทานยากควรเตรียมเครื่องปรุง ผงปรุงอาหารสำเร็จรูปต่างๆ และอาหารแห้ง เช่น มาม่า หมูแผ่น หมูหยอง ผงปรุงอาหารโลโบ้ โจ๊ก ผงกระเพรา ผงต้มยำ มะนาวผง หรือ น้ำปลาซอง ไปด้วย จะช่วยให้แก้อาการคิดถึงอาหารไทยไปได้บ้าง
4. Passport ควรเช็คอายุพาสปอร์ตให้เรียบร้อยก่อนสมัคร เล่มพาสปอร์ตควรมีอายุเหลืออย่างน้อย  6 เดือนขึ้นไป นับตั้งแต่วันเดินทาง แต่หากสมัครเรียนมากกว่า 1 เทอม ควรมีอายุพาสปอร์ตเหลืออย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป และหากมีการเปลี่ยนชื่อหรือเปลี่ยนนามสกุล ควรเปลี่ยนพาสปอร์ตให้ตรงกับชื่อและนามสกุลปัจจุบันด้วย
5. เงินที่ประเทศจีนจะใช้สกุลเงินเป็น หยวน Yuan หรือ ที่เรียกว่า “เหรินหมินปี้” 人民币 (Ren Min Bi) ราคาโดยประมาณ  1 หยวน  = 5 บาท ธนบัตรรุ่นปัจจุบันมี  1 หยวน 5 หยวน  10 หยวน  20 หยวน  50 หยวน  100 หยวน
ก่อนเดินทางสามารถแลกเงินได้ตามสถานที่ต่อไปนี้ ธนาคารพาณิชย์  แหล่งแลกเงินใต้ดิน  (Super rich) หรือ บริษัท Tour 
*กฎหมายประเทศจีน ห้ามพกเงินเข้าจีนเกิน 20,000 หยวน (แต่ไม่เคร่งครัดเท่าไหร่) เนื่องจากจีนกำลังเปิดประเทศ อยากให้คนเข้าไปใช้จ่าย สำหรับคนที่ไม่อยากพกเงินสดไป สามารถนำบัตรเอทีเอ็มไทยไปใช้ได้ สามารถอ่านรายละเอียดได้ตามด้านล่างนี้
การใช้บัตรเอทีเอ็มในประเทศจีน บัตรเอทีเอ็มของจีน มีข้อดีคือ สามารถหาตู้กดได้ง่าย ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเวลากดเงิน (ธนาคารเดียวกัน) ต่างธนาคารเสียค่าธรรมเนียม 3.8หยวน/ครั้ง ซึ่งหากต้องการเปิดบัญชีธนาคารจีน  (Bank of China) ทาง ศูนย์บ้านจีน ก็มีบริการดำเนินเรื่องไปยัง Bank of China สาขาประเทศไทย ให้ฟรี 
บัตรเอทีเอ็มของไทย กดเงินที่ประเทศจีน จะเสียค่าธรรมเนียมการกด 100 บาทต่อครั้ง โดยหลังบัตรต้องมีสัญลักษณ์ visa v-first  visa plus เป็นต้น ถึงจะสามารถกดได้ ก่อนเดินทางควรตรวจสอบกับทางธนาคารว่าสามารถนำไปใช้ที่ประเทศจีนได้หรือไม่ โดยค่าธรรมเนียมจะไม่โชว์ในสลิปและไม่สามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือได้จากตู้เอทีเอ็ม ควรกดเงินก่อนหน้าเทศกาลสำคัญของจีน เนื่องจากมีคนใช้เยอะระบบอาจจะล่มได้ ** วันหยุดยาวประจำปี มีอยู่  3 วันคือ วันตรุษจีน (ไม่แน่นอน) วันแรงงาน ( 1พฤษภาคม ตรงกับประเทศไทย) และวันชาติ (1ตุลาคม)
6.เสื้อผ้าควรเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในช่วงที่เดินทาง เทอมที่  1 (กันยายน) ช่วงที่เดินทางอากาศสบายๆ สามารถใส่แขนสั้นได้ แต่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว น้องๆที่ไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไป สามารถไปหาซื้อได้ที่เมืองจีน มีหลากหลายแบบและราคาไม่แพง เทอมที่ 2 (มีนาคม) ช่วงที่เดินทางบางมหาวิทยาลัยจะเดินทางปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอากาศในช่วงนั้น จะอยู่ในช่วงปลายฤดูหนาว อากาศยังคงหนาวอยู่ โดยเฉพาะเมืองทางเหนือของจีน เช่น ปักกิ่ง ต้าเหลียน ชิงเต่า ฮาร์บิ้น ดังนั้นควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ และเหมาะสมกับสภาพอากาศด้วย รองเท้าแนะนำให้เตรียมรองเท้าผ้าใบไป เนื่องจากที่ประเทศจีน จะเดินค่อนข้างเยอะ
7. โทรศัพท์ การใช้โทรศัพท์ที่จีน สามารถนำโทรศัพท์จากไทยไปใช้ได้ แต่จะต้องใช้ซิมโทรศัพท์ของประเทศจีน จึงจะสามารถโทรเข้า-ออกได้ ซึ่งจะไม่แนะนำให้พกโทรศัพท์ที่ราคาแพงไปใช้ เนื่องจากสถิติที่ผ่านมา มีการทำมือถือหายค่อนข้างบ่อย และสำหรับมือถือที่มีคุณลักษณะเฉพาะ เช่น BB หรือ I phone ควรศึกษารายละเอียดการใช้บริการก่อนที่จะเดินทาง เนื่องจากโทรศัพท์บางรุ่นไม่สามารถใช้ที่จีนได้
8.เอกสารที่ใช้ในการลงทะเบียน ใบตอบรับตัวจริง (admission notice) + ใบ  jw202 ตัวจริง รูปถ่ายหน้าตรง 1 นิ้ว จำนวน 12 ใบ และ 2 นิ้ว จำนวน 12 ใบ (รายละเอียดสีของพื้นหลังดูในใบตอบรับ )ใบตรวจสุขภาพและผลการตรวจ อย่างละเอียดจากโรงพยาบาล
 
ข้อความทั้งหมดมาจากเว็บ:
http://www.banjean.com/preparation.php
 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal