หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ตอบอาสุ่ก DD เกี่ยวกับ "คำถาม" ที่ดีมาก ๆ

รูปภาพของ หลิวหย่งหวา

"หลิวหย่งหวา...กรุณาช่วยออกความคิดเห็นถึงคนฮากกาที่ได้พบในเชิงพฤติกรรมและวิสัยทัศน์ (คือคุณว่าพวกคนฮากกาเป็นคนอย่างไร?) เอาเท่าที่คิดว่า.....แล้วจะทำอย่างไรในการเสริมแต่งปรับปรุง เพื่อเพิ่มบทบาททางชนชาติฮากกา...สู่อนาคต อยากให้เน้นฮากกาไทย และเพิ่มส่วนของชาวฮากกาต่างแดนที่คุณได้พบเห็น..."

ข้อความข้างบนนี้ คือคำถามของอาสุ่ก DD ที่กรุณาถามในบล๊อคแนะนำตัวของหนู เป็นคำถามที่โดนใจหนูมาก และหนูคิดว่า หนูอยากตอบแบบเน้น ๆ รวมหลาย ๆ ประเด็น เป็นคำตอบอยู่ 2 ส่วนใหญ่ ๆ และหนูเห็นว่า คำถามของอาสุ่ก เป็นคำถามที่ดีจริง ๆ หนูจึงขออนุญาตนำมาขึ้นตอบเป็นหัวข้อใหญ่ไปเลย เพื่อประโยชน์ของสมาชิกทุก ๆ ท่าน อย่าว่าหนูเก่งเลยนะคะเพียงแต่หนูแค่ได้สัมผัส กับสถานที่จริง คนจีนฮากกาในแผ่นดินใหญ่จีนจริง ๆ (ในหลาย ๆ มณฑล) และได้อ่านใจของใครบางคน ในสถานที่แห่งนี้...ทั้งด้านบวกมาก ๆ อย่าง เกอเกอ หลาย ๆ ท่าน และด้านลบ ที่ไม่สร้างสรรค์ ของ.?

หนูจึงขอประมวลผล เอาความคิดและประสบการณ์ที่หนูได้พบเจอญาติร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเรา มาถ่ายทอดและล้อกับความคิดที่หนูอยากนำมากราบเรียนให้สมาชิกทุกท่านได้อ่านและมีความภูมิใจ เพื่อเสริมเติมแต่งให้กับ "ผู้ที่รักเผ่าัพันธุ์ของเรา" อย่าง เย่ซินหวา เกอ หรือคุณยับสินฝ่า ที่หนูอ่านใจท่านมาจากทุกบทความ ทุกความเห็น ที่เขาได้ถ่ายทอดออกมาให้พวกเรา คนผู้นี้ เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็น "ธรรมชาิติ" ของชายชาวฮากกาส่วนใหญ่ จึงเป็นแรงผลักดันให้หนูตัดสินใจออกมาช่วยเขา เพื่ออยากให้ทุกท่านเห็นว่า สิ่งที่เขาแสดงออกมาอย่างจริงจังและจริงใจนั้น บัดนี้ มันได้ส่งผลสะเทือนกับวงการชาวไทยฮากกาเข้าให้แล้ว

มาติดตามคำตอบของหนูกันเลย ค่ะ

หนูจะแบ่งคำตอบออกเป็นหัวข้อต่าง ๆ แล้วคำตอบมันจะอยู่ในนั้นนะคะ

การอพยพโยกย้ายของชาวฮากกา

ชาวฮากกาถือกำเนิดและอาศัยอยู่ในศูนย์กลางดินแดนแผ่นดินจีน ที่เรียกว่า "จงหยวน" ปัจจุบันอยู่ในเขตมณฑลเหอเป่ย ทางใต้ของกรุงปักกิ่งเล็กน้อย ซึ่งนักประวัติศาสตร์และนักมานุษยวิทยาจีนได้ฟันธงแล้วว่า ชาวฮากกานั้นหรือคือชาวฮั่น สายเลือดบริสุทธิ์ ที่เป็นชาวชนชาติฮั่น ในช่วงของสมัยราชวงศ์ฮั่นอันยาวนาน ถึง 475 ปี และนับย้อนหลังไปจากปัจจุบันถึง 2200 ปี หลังจากนั้น จากสงครามกลางเมือง ในยุคสมัย ซานกว๋อ หรือสามก๊ก ชาวฮั่นกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่รักสงบ ไม่ชอบความวุ่นวายทางการเมือง การสู้รบจึงได้เริ่มทยอยล่าถอย หรืออพยพลงมาทางทิศใต้เรื่อย ๆในช่วง 1800 ปีก่อน อันเป็นสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (คศ. 25 - 220) และในสมัยสงคราม สามก๊ก หรือยุค"สามอาณาจักร" (คศ. 220-280) และนับตั้งแต่นั้นมา ชาวฮั่นกลุ่มนี้ ก็พากันอพยพเรื่อย ๆ มา จากสมัยสามก๊ก มาถึงราชวงศ์จิ้น (1700 ปีก่อน) ราชวงศ์ซ่ง สุย ถ้ง ยุคห้าราชวงศ์ (โฮ่วเหลียง-โฮ่่วถัง-โฮ่วจิ้น-โฮ่วฮั่น-โฮ่วโจว...โฮ่วแปลว่า "หลัง" ค่ะหมายถึงยุคหลัง หรือทีหลังนะคะ) ราชวงศ์ซ่งเหนือ ซ่งใต้ ราชวงศ์หยวนของกุบไลข่าน หมิง และในระลอกสุดท้ายในช่วงกลางของสมัยราชวงศ์ชิง ค่ะ นับรวมกันได้ ประมาณ 1500 ปี ของการอพยพเป็นระลอก ๆ เลยนะคะ

ภาพแรกนี้เป็นภาพระบายสี ที่เห็นในแผนที่จีนตอนตะวันออกเฉียงใต้ ที่เห็นเป็นกระจุกใหญ่ ๆ สีฟ้า สีน้ำตาล สีเหลือง สีเขียวอ่อน และสีส้ม นั้น คือถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวฮากกาในประเทศจีนในปัจจุบันนี้ค่ะ จะเห็นได้ว่ามีการกระจุกตัวอยู่หนาแน่น ทาง 4 มณฑลทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่เห็นเป็นกลุ่มสีกลุ่มใหญ่ สีฟ้าคือมณฑลหูหนาน สีน้ำตาลคือมณฑลเจียงซี สีเหลืองคือทางตะวันออกของมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งก็คืออำเภอหย่งติ้ง ที่มี "ถู่โหลว" ขนาดใหญ่โต โ่ด่งดังไปทั่วโลก ที่ชีวิตนี้ ชาวฮากกาทุกคน ควรจะไปถึงให้ได้ สีเขียวอ่อนก็คือนครหลวงของฮากกาในปัจจุบัน ซึ่งก็คือ เมืองเหมยโจว อันเป็นจังหวัดที่มีชาวฮากกาหนาแน่นที่สุด และภาษาฮากกาเหมยโจว เฟดตรง ๆ ก็คือเหมยเสี้ยน นักวิชาการฯ จีน เขาถือว่าเป็นภาษาจีนกลางของ ฮากกา ค่ะ (ก็ถือว่าสำเนียงเหมยเสี้ยน เป็นสำเนียง "ดั้งเดิม" หรือออริจินอล ของชาวฮั่นกลุ่มนี้ หรือเป็น ภาษาฮั่นบริสุทธิ์ ที่เขาสรุปกันนั่นแหละค่ะ ส่วนสีส้มที่เห็นกระจัดกระจายนั้น ด้านบนทางซ้าย คือตะวันออกของมณฑลซื่อชวน บ้านเกิดของท่านเติ้งเสี่ยวผิง ปัจจุบันถูกแยกออกมาเป็นมหานครฉงชิ่ง เป็นเมืองพิเศษขึ้นตรงต่อปักกิ่ง ในกรอบสี่เหลี่ยมขวาสุด คือเกาะไต้หวัน มีแถบระบายสีเขียวอ่อน คือชาวฮากกาเหมยเสี้ยน ที่อพยพข้ามไปอยู่ในอดีต เหมยเสี้ยนจึงเป็นบรรพบุรุษของฮากกาไต้หวันที่ตอนนี้พูดฮากกาผสมหมิ่นหนาน กลายเป็นสำเนียงใหม่ และสี่เหลี่ยมเล็ก คือเกาะไห่หนาน จะมีฮากกาในอำเภอเหวินชาง บ้านเกิดของท่าน "ซ่งชิ่งหลิง" ภริยาของท่านซุนจงซาน (ที่เห็นเป็นสีส้มตรงข้างซ้ายของแหลมที่ยื่นออกมา แหลมนั้นอยู่ในเขตกว่างตง สีส้มเหล่านั้นคือถิ่นอาศัยของชาวฮากกา กว่างซี ของหลาน ๆ อาหวาเกอ ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้นั่นแหละค่ะ 

ภาพนี้ เส้นสีฟ้าตรงกลางแผนที่จีนคือแม่น้ำฉางเจียง เส้นสีฟ้าข้างล่างคือแม่น้ำจูเจียง ที่เขาเน้นเพื่อให้เห็นว่า เส้นทางการโยกย้ายของชาวฮากกาในอดีตนั้นยังไม่นิ่ง มีการอพยพ ย้าย มา ย้ายไป เห็นไหมคะที่เป็นเส้นสีแดง นั่นแหละค่ะ

เห็นไหมคะ อันนี้ชัดเจนเลยค่ะ ภาพนี้แสดงให้เห็นเส้นทางการเคลื่อนย้ายที่แท้จริง ต่างจากเส้นในภาพบนที่ย้ายไปย้ายมา แต่ภาพนี้เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงเส้นทางการเคลื่อนลงมาจากการที่อพยพลงมาถึงแถบซานตง ในสมัยซ่ง

อันนี้ก็คล้ายภาพบนก่อนภาพถัดมาค่ะ

อันนี้แสดงให้เห็นเลยนะคะว่าถิ่นอาศัยที่หนาแน่นที่สุดคือในกว่างตง ระบายจากสีเข้มที่สุดคือสีแดงหมายความว่าอยู่กันหนาแน่นที่สุด คือเมืองเหมยโจว และอ่อนลงมาคือบางลง เรียกได้ว่าในกว่างตงมีอยู่ทั้งมณฑลเลยนะคะ

ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงการอพยพมาถงเหมยเสี้ยน แล้วจากเหมยเสี้ยนย้ายปยังที่ือื่น ๆ คือซื่อชวน ไห่หนาน และไต้หวัน ในช่วงสมัยหมิง และ ชิง ค่ะ

อันนี้คือจุดที่หนาแน่นที่สุด ครอบคลุม 3 มณฑล หนูขอเรียกว่า "สามเหลี่ยมฮากกา" คำนี้ยกให้หวาเกอนำไปใช้ได้เลยนะคะ ด้านบนคือตอนล่างของเจียงซี ขวาคือตะวันออกเฉียงใต้ของฝูเจี้ยน (หย่งติ้ง-ถู่โหลว) และด้านล่างคือเขตเหมยโจวและใกล้เคียงค่ะ (เหมยโจว-ฮุ่ยโจว-ตงก่วน) ติดกว่างโจวเลย

ภาพนี้สรุปให้เห็นชัดเจน ในปัจจุบันค่ะ

เห็นไหมคะว่าญาติของเรา มีมากและอยู่กันตรงไหนบ้าง นอกเหนือจากสีฟ้านี้ก็ไม่ต้องไปตามหาแล้วล่ะค่ะ สีดำในสีฟ้าคือที่แสดงแล้วในภาพด้านบนค่ะ

บรรพชนชาวฮากกา

จักรพรรดิ์หงซิ่วฉวน ผู้สถาปนาอาณาจักร "ไท่ผิงเทียนกว๋อ" ผู้นำกบถชาวนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติจีน ในสมัยกลางถึงใกล้ ๆ ตอนปลายสมัยราชวงศ์ชิง เป็นชาวอำเภอฮวาเสี้ยน นครกว่างโจว ถือเป็นตำนานของบรรพชนชาวฮากกาที่ทุกคนในประเทศจีนภาคภูมิใจ ในเว็ปเรานี้มีเรื่องราวของท่านที่หนูอ่านแล้ว ไม่ทราบว่า อาสุ่ก DD อ่านแล้วหรือยังคะ 

ท่านซุนจงซาน บิดาประชาชาติจีน

สุสาน จงซานหลิง นครหนานจิง

ท่านนอนอย่างสงบอยู่ตรงนี้แหละค่ะ ด้วยคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของท่านทำให้สุสานของท่านหลุดรอดพ้นจากการบดขยี้ทำลายนครหนานจิงของกองทัพญี่ปุ่นในที่สุดด้วยการตัดสินใจที่จะไม่เข้าทำลายของผู้บัญชาการกองทัพญี่ปุ่นที่เข้ายึดหนานจิง คนดีแม้แต่ศัตรูยังให้ความเคารพเลยค่ะ

ด้านหน้าประตูทางเข้าจงซานหลิง 

ท่านซ่งชิ่งหลิง มารดาประชาชาติจีน

สามพี่น้องตระกูลซ่งที่โ่ด่งดังที่สุดในยุค 1930-1980 ในภาพ ท่านซ่งชิ่งหลิง น้องสาวคนกลาง นั่งขวาสุด ซ่งเหม่ยหลิง น้องเล็ก นั่งซ้าย ส่วนคนกลางคือซ่งอ้ายหลิง พี่ใหญ่ สามพี่น้องนี้อุดมการณ์ทางการเมืองและการดำเนินชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนจีนให้ฉายาทั้งสามท่านว่า อ้ายหลิง "รักเงิน" ชิ่งหลิง "รักชาติ" เหม่ยหลิง "รักอำนาจ"

ท่านเลี่ยวเฉิงจื้อ บุตรชายบุญธรรมของท่านซุนจงซานและท่านซ่งชิ่งหลิง เฝ้าดูใจท่าน ในวาระสุดท้ายใกล้สิ้นลม เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 1981 ท่านเลี่ยวเฉิงจื้อเป็นบุตรชายของท่านเลี่ยวจ้งไข่ เพื่อนสนิทและมือขวาของท่านซุน ซึ่งท่านเป็นชาวฮากกาเช่นเดียวกัน

ท่านซ่งชิ่งหลิงถ่ายภาพกับครอบครัว มีบิดา ชาร์ลีซ่ง พี่สาว พี่ชาย น้องชาย และน้องสาว (น้องชายคือ ดร.ซ่งจื่อเหวิน หรือ ที.วี.ซ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลเจี่ยงเจี้ยสือ)

บ้านพักรับรองของท่านที่มหานครซ่างไห่ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

ท่านเป็นพันธมิตรที่ดีมากของพรรคคอมมิวนิสต์ ภายหลังสถาปนาประเทศจีนใหม่แล้ว ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีกิติมศักดิ์ หรือประธานประเทศจีนใหม่ ท่านสนิทสนมแน่นแฟ้นกับเหมาจู่สี และโจวจ๋งหลี่ มาก ในภาพบรรยายว่า กว๋อหมู่-มารดาประเทศ พบกับประธานเหมา

ท่านเป้นชาวฮากกา อำเภอเหวินชาง เกาะไห่หนาน ถึงแก่อสัญญกรรม เมื่อ วันที่ 29 พฤษภาคม 1981 สิริอายุได้ 90 ปี

แถมท้ายให้อีก 2 ภาพค่ะ

ซ่งเหม่ยหลิง และสามี จอมพลเจี่ยง ซ่งเหม่ยหลิง เก่งกาจในด้านการบริหารและกุศโลบายทางการเมืองมาก มีอายุยืนยาวถึง 107 ปี

จอมพลจูเต๋อ-ผู้บัญชาการกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

กับมาดาม "คังเค่อชิง" ภริยาของท่าน คังเค่อชิง รุ่นราวคราวเดียวกันกับท่านเติ้งอิ่งชาว ภริยาท่านโจวเอินไหล ท่านมีอายุยืนยาวถึงเกือบเก้าสิบปี เคยถวายการต้อนรับสมเด็จพระเทพฯคราวเสด็จเยือนจีน ครั้งแรก ๆ

จอมพลเย่เจี้ยนยิง

มังกรเติ้งเสี่ยวผิง 

สองภาพนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ใกล้ชิดเหมาจู่สี มาก ภาพที่จับมือกันเป็นภาพที่เหมาจู่สีเรียกกลับมาดำรงตำแหน่งใหม่เป็นครั้งที่สองหลังถูกปลด และปลดเป็นครั้งที่สามจนประธานเหมาแก่ตายแล้วได้ท่านจอมพลเย่เจี้ยนยิงของพวกเรานำท่านกลับมารับตำแหน่งสูดสุดแต่เพียงผู้เดียวเป็นครั้งสุดท้ายสามารถสร้างนโยบาย 4 ทันสมัย จนสำเร็จ

ภาพการตรวจราชการเมืองชายฝั่งที่ประสบความสำเร็จมีความเจริญอย่างก้าวกระโดด และมาดามจั๋วหลิน ชาวหยุนหนาน บัณฑิตวิทยาศาสตร์เคมี จากมหาวิทยาลัยชิงหวา ภาพสุดท้ายเป็นภาพที่มาดามจั๋วหลินแสดงความอาลัยรักพร้อมกับ บุตรสาวทั้งสามในวาระสุดท้ายแห่งสังขารร่างกายก่อนที่จะประกอบพิธีไว้อาลัยและสดุดีตามแบบพิธีการของคอมมิวนิสต์แล้วฌาปนกิจที่สุสานป้าเป่าซาน ต่อไป 

ภาพปูชนียบุคคลที่ยกมาเป็นตัวแทนของชาวฮากกาที่มีชื่อเสียงโ่ด่งดังเป็นมหาบุรุษมหาวีรสตรีที่หนูยกมาให้ชมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของชาวฮากกาที่สำคัญ และมีชื่อเสียง ถ้านำมาทั้งหมด หน้าจอคงจะยาวไปหลายสิบหน้าทีเดียว จึงขอนำมาแสดงให้ชมเป็นความภูมิใจส่วนหนึ่ง

ปูชนียบุคคลเหล่านี้ คือคำตอบทั้งหมด ในคำถามของอาสุ่ก DD ในคำถามที่เกี่ยวกับ "วิสัยทัศน์" ของชาวฮากกาในโลกนี้ ท่านเหล่านี้แหละค่ะคือคำตอบซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่าง อย่างที่สำคัญและเห็นได้ชัดเจนที่สุด ว่าพวกเราชาวฮากกานั้น มีวิสัยทัศน์ มีทัศนคติ และอุดมการณ์แนวความคิดต่อสังคม และการเมืองอย่างไร...

ต่อไปนี้จะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของหนู ซึ่งอาจจะจริงอย่างไรหรือไม่ เป็นความเห็นส่วนบุคคลนะคะ แต่ก็มั่นใจว่าเป็นความเห็นที่น่าจะมีบางท่านเห็นตรงกันในแนวทางนี้...

ลักษณะนิสัยของชาวฮากกาโดยทั่วไป จากเส้นทางการอพยพมาเป็นระลอก ๆ ในช่วงแรกของบทความนี้ มาจนถึงมหาบุรุษที่สำคัญของชาติชาวฮากกาทั้งหลาย จะทำให้หนูคิดได้ว่า ในอดีต พวกเราชาวฮั่น ในแถบจงหยวน มีความรักสงบ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง และสงครามกลางเมือง จึงพากันอพยพโยกย้ายมาเสาะแสวงหาดินแดนแผ่นดินที่สุขสงบ ห่างไกลจากความขัดแย้งและภัยสงคราม ในเบื้องต้น พวกเราต่างล้วนรักสงบ แต่เมื่อลงมายังดินแดนภาคใต้ กลับพบว่ามีเจ้าถิ่นเขาอาศัยอยู่กันในแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์มาก่อนแล้ว เราทั้งหลายจึงจำต้องถดถอยเข้าไปอยู่ยังในเขตเขา เมื่อไม่เข้าที่เข้าทางหรืออยู่กันไม่พอ ก็พากันแยกย้ายออกไปอีกส่วนหนึ่ง จนถึงแผ่นดินที่จะให้อยู่อาศัยได้อย่างผาสุก ในเมื่อเราไม่มีแผ่นดินให้ปลูกพืชไร่สวนนาผักต่าง ๆ มากมายนัก ดังนั้น จึงค่อย ๆ มีการผลักดันและก่อให้เกิดเป็นค่านิยมที่จะให้บุตรชาย ออกไปใฝ่หาความรู้ให้สูง ๆ เพื่อเข้ารับราชการเป้นขุนน้ำขุนนาง แทนที่จะเป็นชาวไร่ ชาวนา หรือพ่อค้าหาบเร่ พเนจร ซื้อมาขายไป ไม่ถนัด จากรุ่น สู่รุ่น จากปีเป็นสิบเป้นร้อยปีผ่านไป จึงหล่อหลอมลักษณนิสัย ให้เป็นชนชาติที่ต่อสู้กับชีวิต และมีความใฝ่รู้ มีอุดมคติที่ยึดมั่นในหลักการและความถูกต้อง ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรค์ เป็นนักคิด นักค้นคว้าไขว่หาเสรีภาพและภราดรภาพ นักวิชาการ นักต่อสู้ปฏิวัติ ที่สำคัญมักจะเป็นผู้นำ ในแนวทางกระบวนความคิด ในสังคม 

อันนั้นคือภาพรวมของเราชาวฮากกาโดยส่วนใหญ่ ถ้าอาสุ่ก DD อ่านบทความในนี้มากพอ หรือเกือบครบ ในด้านของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ฮากกา หรือเกาะติดกับคนที่เขียนเกี่ยวกับฮากกาอย่างเจาะลึก อาสุ่กอาจจะมีความเห็นคล้อยตามกับหนู หรือท่านเหล่านั้น ว่าพวกเราเป็นนักต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ และหยิ่งทรนง แต่ไม่ใช่หยิ่งจองหองนะคะอันนั้นเป้นลักษณนิสัยส่วนบุคคลค่ะ พวกเราไม่เคยยอมแพ้ในหลักการ ยึดมั่นในความถูกต้อง มีมันสมองที่ค่อนข้างจะดีกว่า ชนกลุ่มอื่นในเชื้อสายเดียวกัน เพราะจะเห็นตัวอย่างจากชาวฮากกาแทบจะทั่วโลก ว่าส่วนใหญ่จะนิยมเป็นนักวิชาการ นักปกครอง นักวิชาชีพชั้นสูง ฯลฯ มากกว่าที่จะเป็นพ่อค้าวาณิช คนฮากกาที่เป็นเจ้าสัวนั้น ที่นับได้ในโลกนี้มีน้อยมาก มากกว่าสัดส่วนของมหาเศรษฐีชาวจีนกลุ่มอื่น ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าชาวฮากกาส่วนใหญ่ "จน" นะคะ พวกเรา "รวย" ค่ะ แต่รวยในแบบฉบับของพวกเรา คือ "รวยความคิด" และ "รวยเงินทองทรัพย์สินในแบบพอเพียง" และนิ่งเงียบ ไม่หวือหวา ถ้าทำการศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง (เฉพาะในประเทศไทยอย่างเดียวก็เหลือเฟือ) โดยละเอียดเกี่ยวกับชาวไทยเชื้อสายจีนต่าง ๆ ว่าแต่ละกลุ่ม มีอาชีพที่เน้นหนักไปทางไหน แน่นอนว่า จะพบชาวไทยเชื้อสายฮากกาเ็ป็น แพทย์ เป็นครูบาอาจารย์ เป็นนักการปกครอง เช่นนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชารระดับบริหาร ตุลาการ ทนาย นักวิชาการด้านต่าง ๆ ฯลฯ ที่ไม่เกี่ยวกับการค้าพาณิชย์ จะพบว่ากลุ่มของเรามีสัดส่วนในวิชาชีพมากที่สุด มากกว่าการทำธุรกิจส่วนตัว 

คำถามที่ว่าฮากกาเป็นคนอย่างไร? คำตอบโดยรวมในเชิงบวกมันบอกอยู่แล้วนะคะในย่อหน้าข้างบน ส่วนต่อไปนี้จะเป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบหม้อ และตรง ๆ ชัดเจน อย่าโกรธหนูนะคะ

ในด้านลักษณนิสัย เป็นคนดื้อรั้น คือดื้อแบบที่จะเอาชนะให้ได้ในหลักการ (และหลักกูในบางคน) ส่วนใหญ่ถ้าหลักการดี หลักการถูกต้อง ก็ไม่มีปัญหา ยกตัวอย่างอดีตนายกชวน หลีกภัย ถ้าเป็นชาวฮากกาจะไม่เป็นปัญหา ใช่เลยคนแบบนี้ แต่ท่านเป็นฮกเกี้ยน ก็ถือว่าเป็นฮกเกี้ยนผ่าเหล่า และนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านนี้ก็ทราบว่าเจ้าหลักการและความถูกต้อง เพียงแต่สุขุม คิด และยอมรับฟังความคิดเห็นเสนอแนะของคนอื่น หรือที่ปรึกษา แต่จะตัดสินใจอย่างไรนั้น เป็นความคิดส่วนตัว ส่วนแนวหลักกูนั้นก็มีตัวอย่างให้เห็น เช่นคนที่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ หรือใครหลาย ๆ คน ในสังคมฮากกาเมืองไทย ที่มีความคิดออกนอกเหล่า ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะว่า เราถูกพวกมากลากไป คือถูกความเป็นแต้จิ๋วที่มีจำนวนมากมายเหลือเกินในประเทศไทย รวมถึงชาวฮากกาฮงสุนที่มาพร้อมกับชาวแต้จิ๋ว ในบางครั้งหรือหลายครั้งถูกนับรวมเป็นชาวแต้จิ๋วไปเลย จึงทำให้ยอดจำนวนของประชากรเชื้อสายแต้จิ๋ว มากเกินความเป้นจริงขึ้นไปอีก จากการที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ หนูแอบคำนวนไว้นานแล้วว่า จำนวนประชากรแต้จิ๋วในไทย มีประชากรแฝงที่ถูกนับรวมเข้าไปด้วยกันกับชาวแต้จิ๋ว ราว 20% ก็คือชาวฮากกาฮงสุนอย่างหนูนี่แหละค่ะ

สรุปในภาพรวม หนูคิดว่า ความคิดเห็นหรือพฤติกรรมออกนอกลู่นอกเหล่า ของชาวฮากกา นั้น มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้นค่ะ สาเหตุเป็นเพราะว่ามีแม่เหล็กที่ดึงดูด ให้คนบ้านหนู สับสนตัวเอง คิดว่าเป็นชาวฮากกาผสมแต้จิ๋ว คิดหนักเข้า จึงผ่าเข้าไปว่าเป็นคนป้านซานเค่อ หรือ "อาคันตูกะครึ่งเขา" แปลแล้วมันตลกดีนะคะ มีแต่ในไทยนี่แหละค่ะ แต่ว่า หนูฟันธงได้เลย ในตอนนี้ ที่มี คือมีน้อยมาก แต่ความน้อยนั้น มันดันเป็นความน้อยที่มาแรงเหลือหลาย คือทำให้ความคิดของคนฮงสุนส่วนใหญ่ ที่ได้หล่อหลอมเข้ามาเป็นฮากกาอันหนึ่งอันเดียว หนูทราบว่า มีมาตั้งนานแล้ว อย่างเย่ซินหวา เกอเกอเขาว่าไว้นั่นแหละค่ะ มีมาตั้งแต่ 100 ปีลงมา (นี่หนูรอให้เขาเข้ามาตอบคำถามของอาสุ่กเรื่องสมาคมฮากกายังไม่เห็นเขาตอบเลย) ยกตัวอย่างที่มีผู้กล่าวอ้าง แต่เป็นเรื่องจริง กรณีคุณเกียรติ ที่ตอนนี้อายุ 101 ปี ท่านเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมฮงสุน มันจะแปลกตรงไหน เพราะท่านเป็นฮากกาฮงสุน ที่สำคัญ ท่านเป็นผู้นำของสมาคมฮากกาแห่งประเทศไทย เป็นผู้นำฮากกาทั้งหมดทั้งมวลในเมืองไทย และฮากกาฮงสุนมีมากที่สุดในเมืองไทย  นานมากแล้วที่หนูไม่เคยได้ยินฮากกาฮงสุนคนไหนบอกว่าเขาไม่ใช่ฮากกา แม้แต่ในเว็ปไซด์ของเรา ซึ่งคนฮงสุนก็มีมากที่สุดเป็นส่วนใหญ่ เพราะสัดส่วนในภาพรวมมันมากกว่า เกอเกอทุกท่านหนูยังไม่เคยเห็นมีใครบอกว่าไม่ใช่ชาวฮากกา

ชาวฮากกาที่ไม่ใช่ชาวอำเภอฮงสุน ในเมืองไทย มีมากที่หาดใหญ่ ทางใต้ กรุงเทพ และเชียงใหม่ เท่านั้นเองค่ะ

ทีนี้มาพูดกันในเรื่องของชาวฮากกาในประเทศจีน และทั่วโลก ตอบแบบตรรกะเลยนะคะ ในประเทศจีน หนูไม่เห้นมีใครใส่ใจคำ่ว่า ฉวุงเค่อ ป้านซานเค่อ เลยค่ะ ไม่มีเลยนะคะ เพราะอะไรเหรอ? ก็เพราะว่าชาวฮงสุนที่บอกว่าตัวเองเป็นเค่อเจียผสมแต้จิ๋วนั้น เป็นพวกที่ออกนอกประเทศจีนไปแล้่ว เกินกว่า 60 ปีแล้วนี่คะ และทุกวันนี้ ชาวฮงสุน เป็นสัดส่วนของชาวฮากกาในประเทศจีนแค่ไม่ถึง 10% เลยค่ะ ท่านลองดูแผนที่ข้างบนที่หนูเอามาแสดงสิคะ คนเฟิงซุ่นเขาภูมิใจในความเป็นฮากกาทั้งนั้นเลยค่ะ พูดฮากกาสำเนียงส่วนใหญ่ได้  ไม่มีใครบอกว่าเป็นคนครึ่งภูเขาเลากาเลยล่ะค่ะ ตามตรรกะอีกเช่นกัน ก็เพราะว่าคนฮงสุนเป็นเพียงคนส่วนน้อย มาก ๆ ในประเทศจีน ไงละคะ ตรงกันข้ามกับที่เมืองไทยเลยค่ะ เห็นไหมคะว่ามันตรงกันข้าม อันนี้คือความจริงที่เป็นธรรมชาติและเป็น วัฒนธรรมสังคมที่คนยังหลงยึดติดอยู่ ทั้ง ๆ ที่คน กว่า 90% เขาเลิกคิดกันแล้ว หนูชอบใจคำพูดของใครคนหนึ่งขอโทษที่หนูจำไม่ได้ว่าอยากพาไปบ้านเราที่ประเทศจีนสักครั้ง แล้วจะเห็นเอง ต้องขอขอบพระคุณท่านผู้นั้นด้วยนะคะ

มาถึงคำถามสุดท้ายแล้วนะคะ เราจะทำอย่างไรในการเสริมแต่งปรับปรุง เพื่อเพิ่มบทบาททางชนชาติฮากกา(ไทย).....สู่อนาคต (อาสุ่ก DD บอกว่าอยากให้เน้นฮากกาไทย-ถูกต้องค่ะ-ส่วนที่ให้เพิ่มเติมชาวฮากกาต่างแดนที่หนูพบเห็น มันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวค่ะในบรรทัดสุดท้ายจะตอบประเด็นนี้แค่บรรทัดเดียว)

คำตอบนะคะ "อยู่ที่เว็ปไซด์ชุมชนฮากกาแห่งนี้ล่ะค่ะ" เราอย่าหลงทิศทางกันเลยนะคะ หนูชอบคำพูด(เขียน)ของยับสินฝ่า เกอเกอ ที่ว่า "เราเป็นองค์กรชาวไทยเชื้อสายฮากกาที่เจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด"  อยู่ตรงไหนไม่รู้ลองไปค้นหาเอาเองนะคะ จริงแท้แน่นอนที่สุดเลยค่ะ เราจะทำอย่างไร ก็ตอบว่า เราทุกคนในชุมชนฮากกานี้ ต่างล้วนได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีที่สุด โดยไม่รู้ตัว อย่างอาสุ่ก DD ที่กรุณาถามมา มันเป็นคำถามที่มีประโยชน์ ต่อส่วนรวมเลยนะคะ เราทำอย่างนี้ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ

ต้องขอขอบพระคุณบุคคลเหล่านี้ไว้ ณ ที่นี้ นะคะ เพราะจะได้แสดงเป็นกลุ่มตัวอย่างของคำตอบให้สมบูรณ์ ค่ะ เอาในภาพรวมทั้งหมดในประเทศไทยเลยนะคะ

  1. ท่านเกียรติ             วัธนเวคิน
  2. สมาคมฮากกาแห่งประเทศไทย และสมาคมฮากกาทุกจังหวัด
  3. สมาคมฮงสุนแห่งประเทศไทยและสมาคมฮงสุนทุกจังหวัด
  4. สมาคมเหมยเสี้ยน
  5. สมาคมต้าผู่
  6. สมาคมหยินหนั่น
  7. ศูนย์ฮากกาศึกษา โดยอาจารย์ นภดล
  8. เว็ปไซด์ชุมชนฮากกา คุณคณากร     ศรีมิ่งมงคลกุล
  9. บรรดาบล๊อคเกอร์ที่สำคัญของชุมชนฮากกา คือ อาฉี มงคล กู่เค่อ ยับสินฝ่า จองหยิ่นฮยุ๋ง เฉินซิ่วเชง อาคม วีรพนธ์ วี่ฟัด ต้นกล้า แจวชิ้นสุ้ย มะไฟ กิ๋มหมิ่น สิทธิพร1 Mr.Xiong Kongzhongmanbu พอล และน้อง ๆ จุ๊งฟะ เป็นต้น 

ท่านเหล่านี้คือตัวจักรสำคัญในการพัฒนา ฮากกาไทย สู่ฮากกาโลก เราไม่มีอนาคตแล้วค่ะ เพราะเรามีปัจจุบันที่สำเร็จงดงามสดใส ด้วยพวกเราทุกคน ที่เป็นสมาชิกชุมชนฮากกา ชุมชนฮากกา เป็นองค์กรชาวไทยฮากกาที่ดีที่สุดในประเทศไทย ขอให้ทุกท่านโปรดภูมิใจได้เลยค่ะ หนูสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำโดยไม่เหนียมอายเพราะหนูอยู่ที่บ้านของเรา 中 华 人 民 共 和 国 

ส่วนชาวฮากกาในต่างแดนก็เหมือนฮากกาในประเทศจีนใหญ่ จีนไต้หวัน จีนสิงคโปร์ และทั่วโลกค่ะ ทุกท่านล้วนเป็น HAKKA WORLD ใช้ภาษาสากลของชาวฮากกาติดต่อสื่อสารกันค่ะ เพราะภาษาฮากกาสากล พูดกัน 90% อีก 10% เป็นฮากกาที่เพี้ยนมาก ๆ คือฮงสุน หย่งติ้ง และไต้หวันที่ปนภาษาฮกเีกี้ยนค่ะ

ขอเสริมอีกเล็กน้อยนะคะ เพิ่มคำตอบในส่วนที่ถามว่า เราจะทำอย่างไรในการเสริมแต่งปรับปรุง เพื่อเพิ่มบทบาททางชนชาติฮากกา(ไทยใช่ไหมคะ) คำตอบนี้ หนูจะยกตัวอย่างเกอเกอของหนูเอง เย่ซินหวา หรือยับสินฝ่า ไงล่ะคะ หนูคุยกับเขาแล้ว ทราบแนวทางว่า เขาจะพัฒนาตัวเองเป็นนักวิชาการจีนศึกษา ด้านความเป็นจีนกลาง ที่เป็นตัวแทนของชาวไทยฮากกา เพราะนักวิชาการจีนที่มีชื่อในไทย ทุกท่าน ล้วนเป็นชาวแต้จิ๋ว ที่หนักที่สุดคือ พูดแต่เรื่องแต้จิ๋วอย่างเดียว พูดถึงจีนกลางไม่ได้ เขาจะเป็นนักคิดนักเขียน นักพูดบรรยาย ที่เป็นตัวแทนของชาวไทยฮากกา และเขาก็ทำได้แล้ว ด้วยการแจ้งเกิดในเวทีแห่งนี้ หนูจะช่วยส่งเสริมเขา ด้วยการซื้อตำราวิชาการต่าง ๆ เกี่ยวกับฮากกาในประเทศจีนที่มีมากมาย ส่งให้เขา เพราะเขาอยากได้ เพื่อเอาไปขออนุญาตลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาไทย หรือเรียบเรียงเขียนเป็นหนังสือฮากกา ไทย หลาย ๆ เล่ม หนูเห็นด้วย เพราะความเป็นฮากกา เป็นความพิเศษเฉพาะกลุ่ม ที่ชาวจีนกลุ่มอื่น ๆ ไม่เหมือนเราเลย การเป็นชาวฮากกาในประเทศจีน เิดิ้ล มาก ๆ เพราะถ้าเราไปที่ไหน ๆ ถ้าเราบอกคนจีนทั่วไปว่า เราเป็นจีนฮากกา คนจีนส่วนใหญ่จะชื่นชม  อันนี้คือความจริงที่หนูกล้ารับรอง

ขอให้พวกเราทุกท่านโปรดช่วยกันคนละไม้คนละมือ แล้วบทบาทของฮากกาไทย โดยชุมชนฮากกาจะโด่งดังทั่วฟ้าเมืองไทย เรามีตัวแทนของเราแล้ว ส่วนหนูจะเป็นทัพหลัง เป็นผู้ปิดทองหลังพระ ให้แก่ชุมชนฮากกาไทย (Mr.Xiong เขาได้เสนอตัวช่วยอาหวาเกอ แล้วด้วยการจะรวบรวมเอกสารฮากกาที่มีอยู่ แล้วพาไปรู้จัีกกับ บุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งใหญ่โตมากในเหมยโจว-อาหวาเกอเขาเมลบอกหนู-น่าดีใจจริง ๆ ขอขอบคุณ Mr.Xiong ด้วยนะคะ และขอบคุณเมลที่กรุณาส่งมาให้หนูค่ะ ยินดีมากนะคะ เซี่ยเซี่ยหนี่)

สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ หนูใช้เวลาเขียนบล๊อคนี้ ตั้งแต่เที่ยงคืนกว่า ๆ (เวลาในประเทศไทย) มาจบเอาตรงนี้ 5.15 น. เวลาไทย เวลาจีนก็ 6.15 น. ยังไม่สว่างเลยค่ะหนาว มาก ๆ ออกห้องไม่ได้เลย ต้องใช้ฮีตเตอร์เลยทีเดียวค่ะ พบกันใหม่ในบล๊อคต่อไป หรือติดต่อพูดคุยกันได้ค่ะ เซี่ย ๆ ต้าเจีย


รูปภาพของ วี่ฟัด

อึ้ง (กิมกี่ ) กันถ้วนหน้า

             เกือบแปดชั่วโมงแล้วตั้งแต่บร๊อคของอาหลิ่วเม่ยเม่ย ได้เผยโฉมสู่หน้าบรรณภิภพแห่งหน้าชุมชนคนฮากกาแห่งนี้  ขอบอกว่าสมบูรณ์แบบมาก หรือถ้าจะเรียกแบบสมัยนี้ว่า...สุโค้ย..คงจะอ่านกันเพลินพร้อมกับตาค้างถึงข้อมูลข่าวสารที่ได้นำเสนอจึงไม่มีคนโพสต์กันเลย ยุคนี้เป็นยุคของข้อมูลข่าวสารจริงๆครับ หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า communication is power (ข้อมูลข่าวสารคืออำนาจ ) ก็ไม่แปลกเพราะการทำงานของอาหลิ่วเม่ยเม่ย ก็เป็นการขายบริการด้านข้อมูลข่าวสารอยู่แล้ว อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเทพ ไม่ใช่วันๆหาแต่ร้านขายข้าวหมูแดงไปวันวันว่าร้านใหนอร่อยไม่อร่อย ร้านใหนเจ้าของร้านเป็นคนบ้านเดียวกันพอสบตากันก็เข้าใจดีหรือเปล่า

             ไหง่เห็นด้วยทุกอย่างกับที่หลิ่วเม่ยเม่ยแจงอัตลักษณ์ของคนฮากกา และสงสัยว่าอาหลิ่วเม่ยเม่ยมีอายุเพียงสามสิบกว่าๆเท่านั้นหรือ การแสดงความคิดเห็นเป็นผู้ใหญ่เกินอายุมาก ในยุคข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ไม่ว่าจะทำอะไร ย่างก้าวไปอย่างไรข้อมูลข่าวสารย่อมนำหน้าเสมอ ยกตัวอย่างในเรื่องหลักการตลาดสมัยใหม่เขาขายกันที่ เรื่องราว สตอรี่ เรื่องราว สตอรี่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ถ้ากิจการหรือผลิตภัณฑ์ใดไม่มีเรื่องราวหรือสตอรี่คงลำบาก แต่เรื่องราวสตอรี่มันก็สร้างกันได้แต่มันคงจะไม่ยั่งยืนเท่าไร ถ้ามันไม่จริง ธุรกิจการท่องเที่ยวนี่แหละเป็นตัวอย่างที่ขายเรื่องราวสตอรี่ โดยตรงที่เห็นและเข้าใจได้ง่ายที่สุด ตลาดสามชุกร้อยปี ตัวตลาดห้องแถวไม้ที่สร้างมาเป็นร้อยปีนั่นไงที่เป็นเรื่องราวที่ผู้คนอยากจะไปดูเรื่องราวเหล่านั้นโดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีใครเล่าให้ฟัง หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ร้านนี้ขายมาสามช่วงอายุคนแล้ว , ร้านขายข้าวหมูแดงร้านนี้ขายมาตั้งแต่รุ่นอาเหล่ากง , เป็ดพะโล้แถวนครชัยศรี เชลส์ชวนชิม ขายมาตั้งแต่อาเหล่าหม้า น้ำพะโล้ไม่เคยแห้งจากหม้ออาเกือบร้อยปีแล้ว , เนื้อโกเบของญี่ปุ่นที่แสนแพงก็เพราะมันถูกเลี้ยงมาอย่างดีทนุถนอมและที่สำคัญมันกินเบียแทนน้ำเนื้อมันถึงนุ่ม เหล่านี้คือเรื่องราว หรือสตอรี่ ที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

              คำว่า " ฮากกา " ก็เหมือนกันมันมีสตอรี่เรื่องราวของมัน ดีกว่าจะมาพูดกันว่า ฉิมฮัก ปั้นซันขัก เพราะนั่นมันก็คือภาษา ภาษาหนึ่งๆ ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรมากมาย คำว่า " ฮากกา " จึงมีค่าที่สำคัญกว่าตรงที่มันมีเรื่องราวของมันเองโดยไม่จำกัดสถานที่ ไม่จำกัดภาษา และไม่จำกัดสถานะใดๆ คำว่า " ฮากกา " จึงเป็น " ยูนิเวอร์แซล " ครอบจักรวาล เหมือนนักท่องเที่ยวที่ต้องมีปลักไฟฟ้าที่สามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลก ที่เขาเรียกว่าปลักไฟแบบยูนิเวอร์แซล ยังไงยังงั้น 

            ไหง่นี่แหละตัวดีเวลาไปเมืองจีนก็จะบอกกับคนจีนที่สนทนาด้วยว่า " หว่อซื่อเค่อเจียเหริน " และมักจะได้รับคำชมจากคนจีนโดยทั่วไปว่าคนเค่อเจีย เป็นคนเก่งและเป็นกล้าหาญ อันนี้เป็นประสบการณ์ตรง ( แหมบอกอย่างกับออกรายการเดอะช๊อดแนะว่าเมิงเจอผีจริงๆด้วยตัวเองหรือเปล่า ) การถามดังกล่าวจึงได้พบปะกับพี่น้องคนฮากกามากมาย เช่นครั้งหลังสุดเมื่อเดือนตุลา ที่ผ่านมาไปมาเก๊า - จูไห่ พบว่ามาเก๊า จูไห่ มีพี่น้องชาวฮากกาอยู่มากมาย พอเรารู้ว่าเป็นคนฮากกาด้วยกันแล้ว การจะไปต่อราคาเขานี่ทำให้เรารู้สึกเกรงใจมากเป็นพิเศษคือไม่กล้าต่อเลย แต่สำหรับคนไทยที่ไปด้วยกันมันต่อกันอย่างสนุกสนาน

 

เอาFacebookกลุ่มฮากกาในต่างแดนมาแบ่งปันให้ทุกท่านครับ

กลุ่มฮากกาสิงคโปร์ Hakka Chong sg

http://www.facebook.com/profile.php?id=100001034092577#!/hakkachongsg

กลุ่มฮากกาเมืองปีนัง Penang Hakka's

http://www.facebook.com/profile.php?id=100001034092577#!/profile.php?id=100001034092577#!/hakkachongsg

รูปภาพของ YupSinFa

อย่าดูถูกเด็ก(ท่านจันทร์๋www.prajan.com)

เป็นเรื่องน่าบังเอิญจริง ๆ ครับวี่ฟัดโก กลางวันนี้ไหงทานข้าวเสร็จ ก็ได้ค้นเอาแฟ้่มข่าวต่างๆ ที่ตัดเก็บไว้ มาไล่เรียงดู ปรากฏว่า หยิบชิ้นงานของท่านจันทร์ ที่ไหงตัดเก็บจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ไว้หลายเดือนแล้ว.....เนื้อหาที่ท่านเขียน ตรงกับสิ่งที่วี่ฟัดโกทึ่ง เลยจริง ๆ ครับ เรามาติดตามดูเนื้อหาในคอลัมน์ของท่านจันทร์ กันดีกว่าครับ

อย่าดูถูกเด็ก

   "ในพระไตรปิฎก มีกล่าวสอนไว้ว่า อย่าดูหมิ่นสิ่งเหล่านี้ 4 ประการ คือ 1.ไฟกองน้อย 2.งูตัวเล็ก 3.กษัตริย์ทรงพระเยาว์ และ 4.ภิกษุหนุ่ม

           ดังนั้นผู้ใหญ่่จึงไม่ควรดูหมิ่นปรามาสเด็กเพียงเพราะว่า เขาเกิดภายหลังตน หรือมักจะพูดข่มว่า ตนอาบน้ำร้อนมาก่อนเขา เพราะการเป็นผู้เกิดก่อนนั้น มิใช่จะหมายความว่า เป็นผู้ถูกต้องกว่าเสมอไป

           ในการแต่งตั้งบุคคลผู้มีลักษณะเลิศ 80 ประการ โดยพระพุทธเจ้านั้น พระอัญญาโกญทัญญะ เป็นผู้มีลักษณะเลิศในทางเป็น "รัตตัญญู" คือความเป็นผู้รู้ราตรีนาน เพราะเป็นพระสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา คือบวชก่อนพระสงฆ์อื่นใดทั้งสิ้น แต่พระอัญญาโกณทัญญะก็ไม่ปรากฏว่า มีบทบาทเด่นในด้านอื่้น ผิดจาก พระโมคคัลลาน์ และพระสารีบุตร ซึ่งเป็นพระอัครสาวกฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา แม้เป็นผู้บวชภายหลังพระอัญญาโกญทัญญะ ก็ตาม

           ในกรณี พระอัญญาโกญทัญญะ เมื่อครั้งยังเป็นคณะพราหมณ์หนุ่ม 8 คน ผู้เข้ามาทำนายอนาคตของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อแรกประสูตินั้น ท่านเป็นผู้มีอายุน้อยสุด แต่เป็นพราหมณ์คนเดียวที่พยากรณ์อนาคตของเจ้าชายสิทธัตถะได้อย่างแม่ยำที่สุด คือ จะต้องเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียวเท่านั้น โดยที่พราหม์ผู้มีอายุมากกว่า กลับทำนายคติเป็นสอง ไม่ฟันธงคงมั่นเหมือนพราหมณ์หนุ่มอายุน้อยโกญทัญญะ ดังกล่าวแล้ว

           โลกทุกวันนี้ เริ่มจะเป็นโลกของคนมีอายุน้อย ในประเทศไทยของเราก็มีนายกฯ อายุไม่มากนัก แม้จะมีเสียงปรามาสจากบางคนว่า "เป็นเด็ก" แต่จากการพิสูจน์มาระยะหนึ่ง เราก็พบว่า นายกฯ มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผู้ใหญ่หลายคน อย่างน้อยก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนที่ปรามาสว่าท่านเป็นเด็ก นั่นแหละ

           นายกฯ อังกฤษคนปัจจุบัน ก็ยังมีอายุเลยหลักสี่ไม่ไกลนัก โดยวัยแล้วจัดว่ายังเด็ก แต่ก็เป็นผู้นำฝ่ายบริหารในประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยได้อย่างดี

           แม้กระทั่งผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ เกาหลีใต้คนล่าสุด ก็เป็นนักการเมืองหนุ่ม ยิ่งล่าสุดประกาศถอนตัวจากการรับตำแหน่งนายกฯ ด้วยสปิริต ก็เป็นข้อบ่งชี้ว่ คนหนุ่มยังมีวุฒิภาวะมากกว่าคนแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน มิใช่น้อย

           รวมความว่า เราหรือใครก็ตาม ไม่ควรดูถูกคนที่เด็กกว่าตน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "คนผู้มีอายุนับร้อยปีแต่เกียจคร้า่น ไร้ความเพียร ก็ไม่สู้คนมีอายุเพียงวันเดียวแต่ไม่เกียจคร้าน มิไร้ความเพียร"

หมายเหตุจากไหง-ยับสินฝ่า

ข้อความทั้งหมดข้างบนนั้น เป็นบทความของ "ท่านจันทร์" ในคอลัมน์ "ธรรมจากข่าว" หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก เสียดายที่ตัดออกมาแล้วจึงไม่ทราบว่าเป็นฉบับวันเดือน แต่ทราบปี คือ 53 ราว ๆ พฤศจิกายน

ท่านจันทร์เขียนได้แหลมคมมาก เข้ากับเหตุการณ์ในชุมชนฮากกา ณ เวลานี้พอดิบพอดี เหมือนกับว่า ผีจับมือไหงตัดเก็บไว้ เพื่อรอใครคนหนึ่งมาปรากฏตัวอย่างนั้นแหละ-ให้ตายซิ หย่งหวา หงีนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ อย่าทิ้งกันไปนะ ช่วยฝากดูแลน้อง ๆ ด้วย อาซือย่าก็ไปไหนเสียก็ไม่รู้ อาสุ่กคิดถึงเหลือเกิน ไช่หงีอุ้ย ด้วย ส่วนจุ๊งฟะกับ อาเบส แม่สาย ก็กำลังคุยกันสนุก เรามาตั้ง หลิวหย่งหวาเป้นหัวหน้ากลุ่ม "ซิง ชิงเหนียน" - ยุวชนดาวแดง กันดีกว่า.ขอเพิ่มอีกหน่อย ที่ไหงยกข้อเขียน่ของท่านจันทร์มานั้น ไม่ได้หมายความว่าพวกเราดูถูกเด็กนะครับ แต่เป็นการสนับสนุนว่า เด็กในตอนนี้ ไม่สามารถที่ผู่ให่ญ่จะดูถูกเด็กได้อีกต่้อไป เพราะเด็กสมัยนี้มีคุณภาพ และไหงอยากยกระดับความสามารถ ของเด็๋ก ๆ ของเรา ให้มีคุณภาพ อย่าง หลิวหย่งหวา และต้นกล้่า เลี่ยวซือย่า ไช่หงีอุ้ย และรุ่นน้อง ๆ ถัดลงไป เช่นจุ๊่งฟะ อาเบส เหล่านี้เป็นต้น

ภิกษุเด็กที่ดูถูกไม่ได้ เช่น ท่าน ว.ชิรเมธี 1 ละ 

กษัตริย์เด็กที่ปรามาสไม่ได้ก็เช่น ฉินสื่อหวงตี้ 1 ละ

แล้วอยากให้เด็กทุกคนในที่นี้ ช่วยทำให้ผู้ใหญ่ที่มีโลกทัศน์แคบ ๆ เปิดหูเปิดตาท่านให้กว้างขวางขึ้นมาก ๆ เถิด ชิงเหนียนทั้งหลาย

ข้อมูลที่ดีมากจริงๆ

เซี่ยเซี่ยหนี่ หลิวหย่งหวา ที่นำข้อมูลที่ดีเยี่ยม พร้อมบทวิเคราะห์ที่ชัดเจนมาเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับทุกคนในชุมชน ฮากกา แห่งนี้  ขอถามต่ออีกนิดนะครับ แผนที่ทั้งหมดสามารถเข้าไปดูขนาดที่ใหญ่กว่านี้ได้ที่ไหนครับ  เนื่องจากขนาดที่นำมาแสดงไว้เล็กมาก สายตา สว. อย่างหว่อเพ่งแล้วเพ่งอีก ยังไม่ค่อยเห็นครับ

พูดถึงอากาศหนาวมากๆเข้าใจเลยครับ เมื่อ ปลาย พย.52 ไปปักกิ่ง เจอหิมะตกหนัก 2 วัน หนาวจริงๆ 

เซี่ยเซี่ย

รูปภาพของ YupSinFa

แอ็ดมิน"หยิ่นฮยุ๋ง"-จัดให้หยางจือหยีโก หน่อย

       เดี๋ยวนี้ชุมชนของเราขยายใหญ่โตมากมาย มีคนที่แสดงตัวเข้ามาเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ (หลังจากที่แอบซุ่มดูอยู่ตั้งนาน) และอีกส่วนหนึ่งยังคงติดตามโดยไม่ไ้ด้ล๊อคอินอยู่ ซึ่งเขาและเธอเหล่านั้นล้วนเป็นชาวไทยเชื้อสาย ฮากกา ไหงเชื่ออย่างนี้ และที่สำคัญ มีองค์กรต่าง ๆ ภายนอง เสิร์ชกูเกิ้ลค้นข้อมูลเรื่องราวต่าง ๆ จนลิ้งค์มาพบกับบทความข้อเขียนของสมาชิกเรา จนไหงแจ้งเกิดมาแล้ว เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ตอนนี้ยังเป็นหนี้ชุมชนอยู่เรย์ยย(อิอิ.) แต่ขอเรียนท่านประธาน เพื่อทราบ ว่าอีกไม่กี่เพลานี้ ไหง ยับสินฝ่า คงจะมอบเงินส่วนหนึ่ง ที่ได้มาเป็นค่าตัว รวมกับเงินอีกส่วนหนึ่ง ที่ตั้งใจไว้ ว่าจะมอบให้ชุมชน ตั้งต้นให้กองทุนมีผลงอกเงยขึ้น...

          ร่ายเสียยาวตามแบบฉบับ สรุปว่า สมาชิกของเรามีขึ้นเยอะมาก น่าที่ที่ทางเว็ปมาสเตอร์จะทำบัญชีรายชื่อสมาชิก ขึ้นบล๊อคไว้ เรียงตามลำดับก่อน-หลังของการเข้ามาเป็นสมาชิก เพราะตอนนี้สับสนไปหมดแล้ว ว่าที่ใหม่ ๆ มีท่านใดบ้าง เหตุผลก็คือ จะสามารถทักทายกันได้ครบทุกคน ถ้าไม่มีการรวบรวมรายชื่อ เราก็คงทักทายกันกับพวกเก่า ๆ สมาชิกใหม่ ๆ ก็จะว้าเหว่ อันนี้ไหงคิดอย่างนี้นะ

          ผ่านไปสองย่อหน้า ไม่เข้าเรื่องเสียที ตอนนี้เข้าเรื่องแล้วครับ อาโกหยางจือหยี ที่น่ารักมาก ท่านเป็นสมาชิกใหม่ แต่ท่านก็ติดตามมานานพอสมควร และเมื่อเดือนที่แล้วเราก็ได้พบกันเ็ป็นครั้งแรก ด้วยที่ กี๋ ไปติดตามดูไหง โม้เรื่องสุดยอดชาไทย และ 10 ยอดชาจีนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลรามอินทรา

          หยางจือหยีเป็นคนน่ารัก รูปหล่อ (ตามวัย) ท่านเป็นคนวัย "แซยิด" ที่ยังดูหนุ่มมาก ๆ ขาวสูงเหมือนกับพระเอกหนังจีน ในยุค 1930 สุภาพอีกต่างหาก ที่สำคัญ ท่าน "โสด" ด้วยการที่ภรรยาของท่านขึ้นสวรรค์ไปเสียก่อน ดังนั้น "อาจี้ทั้งหลายที่ยังโสด" โปรดติดตามผลงาน อิอิ.---หยางจือหยีโก ท่านบอกว่า แผนที่ ที่อาหวาเม่ย เม่ย เอามาลงนั้น มันเล็กมาก ตอนนี้เรามี "แอ็ดมิน" ที่ได้รับมอบอำนาจจากเว็ปมาสเตอร์ให้ทำการแทนในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับทางด้านเทคนิคในชุมชนของเรา

            คำขอร้องของหยางจือหยีโก เป็นเหตุผลที่น่าคิด เพราะลำพังไหง 43 ยังสายตายาวขนาดนี้ จือหยีโก หกสิบ จะยาวกว่าไหงแค่ไหน ทุกท่านลองคิดดู ไหงเข้าใจว่า ถ้าขยายแล้วภาพมันจะแตกหรือปล่าวครับ อาฮยุ๋งโก อาฉีโก หรือมีวิธีแก้ ไหงว่าช่วยคน ส.ว แต่ใจ ยังซิ่งอยู่ อย่างไหง กับ จือหยีโก และอาโกอีกหลาย ๆ ท่าน น่าจะดีไม่น้อยนะครับ

            ก่ำเซี้ย.

หลิวที่งามทัศน์ - ยามสายลมโชยโยกต้น ใบพริ้วไหว น่าชื่นชม

มหัศจรรย์ สาวน้อยหลิวหย่งหวา... ครึกครื้น ครึกครื้น เวปฮากกา คึกคัก คึกคัก  ขอบคุณๆ

รูปภาพของ หลิวหย่งหวา

มิกล้า

        มิกล้า ค่ะ DD สุ่ก หนูขอยกความดีให้กับ DD สุ่ก ที่กรุณาถามคำถามดี ๆ มีประโยชน์กับทุกท่านทั้งหมดนะคะ เผื่อจะมีใครบางคน "ตาสว่าง" ขึ้นบ้างค่ะ

        หนูตั้งใจกับคำถาม อาสุ่กมากนะคะ ใช้เวลา ร่วม 6 ชั่วโมงในการจัดทำทั้งหมดค่ะ แต่เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก สำหรับงานชิ้นหนึ่งของหนู ที่ได้อุทิศให้กับชุมชนฮากกา และจะมีต่อไปค่ะ

11)

11) ตราบที่เรายังมีลมหายใจ เรารู้สึกได้…ความมีแห่งตัวตน
ตราบที่เรายังมีความคิด ติดแน่นอยู่กับทุกอณูพลัง…แห่งจิต
เพราะเราคิดได้ เราจึงยังมีชิวิตอยู่…ความจริงแห่งความเป็นตัวเรา
สิ่งที่มีแห่งตน สิ่งที่เป็นแห่งจิต จึงมีชีวิตที่เป็นอยู่…แห่งความเป็นมนุษย์

12) เราเป็นอะไร…เรามิได้เป็นอะไร ตามที่ใครจะกำหนด…เราเป็นตัวเอง
เราเป็นในสิ่งที่เราคิด เราเป็นในสิ่งที่เราต้องการ…เราลิขิตเอง
เราทำในสิ่งที่เรารัก เราทำในสิ่งที่เราเลือก…ด้วยสมองสองมือเรา
ลมหายใจของเรา ความคิดของเรา…ศักดิ์สิทธิ์มีค่า…เป็นชีวิตของเรา

ความดีที่

ความดีที่สะสมมาชั่วชีวิต อาจถูกลบล้าง ด้วยความผิดพลาด…เพียงขณะเดียว


ความสำเร็จที่เห็นอยู่แค่เอื้อม อาจพังทลาย ด้วยความพลั้งเผลอ…เพียงขณะเดียว


เพียงขณะหนึ่ง เหมือนสิ่งบังเอิญ ไร้เหตุผล ไร้สาระ…แต่เกิดขึ้นจนได้


เพียงขณะหนึ่ง ที่อาจเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดของชีวิต…จนไม่มีทางเหมือนเดิม

รูปภาพของ วี่ฟัด

เอาแบบ DD บ้าง

หลิวโยกยวนจันทร์แจ่ม   นครา

พริ้วไสวโยกไปมา              พาชื่น

ระลิ่วพริ้วพริ้วไกล               ทั้งวัน  คืนนา

หลิวหย่งหวาพริ้วมา            สู่อ้อม  กอดไทย

รูปภาพของ YupSinFa

เอาแบบวี่ฟัดโกบ้าง

...........หญ้าเขียวชอุ่มสุดสายตา        ปุยหมอกสีขาวเปลี่ยวเวิ้งว้าง

สาวงามหนึ่งอนงค์คงอยู่อีกฟากฝั่งนที........

...........ทุ่งหญ้าเขียวงามสุดสายตา      ม่านหมอกขาวเริ่มเลือนลาง........

หญิงสาวงามทอดกายอยู่อีกฟากฝั่ง.........

ฉันอยากว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นไป........

.....เพื่ออิงแอบอยู่ข้างกายเธอ......

แต่สองฝั่งข้่างหน้าช่างมีแต่หินโสโครก......

ทั้งระยะทางยังไกลแสนไกล........

ฉันอยากจะล่องไปตามสายน้ำ...เพื่อค้นหาทิศทางของเธอ....

......แต่ฉันกลับมองเห็นแต่ภาพที่เลือนลางยิ่งนัก

......ประหนึ่งว่าเธอล่องลอยอยู่กลางสายน้ำ....

ฉันอยากจะว่ายทวนน้ำขึ้นไป....เพื่อพลอดรักกับเธอ.....

แต่ว่าข้่างหน้าช่างมีแต่โขดหินอันตราย......

ทั้งสายน้ำยังเลี้ยวลดคดเคี้ยว....ฉันอยากจะลอยไปตามสายน้ำ............สืบหาร่องรอยของเธอ...แต่ฉันกลับมองเห็นแต่ภาพที่แสนเลือนลาง...ประหนึ่งว่ากายเธออยู่กลางสายน้ำ.....

 

หญ้าสีเขียวชอุ่มกว้างไกลสุดสายตา.....ม่านหมอกสีขาวดูเวิ้งว้าง....หนึ่งสาวงามนางนั้น.....อยู่อีกฟากฝั่งของพวกเรา???

จากบทเพลง  在 水 一 方 

ขออภัยที่ถ้าจะพิมพ์อักษรฮั่นจื้อ ไหงจะต้องใช้เวลานานมาก

หมายเหตุ-เป็นเพียงบทเพลงเพื่อนำมาอุปมาอุปไมยให้อินกับบรรยากาศเท่านั้น หาได้ร่ำไร ถึง หวาเม่ย เม่ย ไม่ หากเป็นเช่นนั้น ปากไหงก็จะแตก ตาไหงก็ตะช้ำ อิอิอิ...และไหงก็หาได้คิดอย่างนั้นไม่....เธอคงเป็นน้องสาวแท้ ๆ หรือหลานสาวดี ๆ ของไหงอีกคนหนึ่ง เหมือนกับที่ไหงคิดกับเด็ก ๆ ทุกคน.....ให้ตายสิ ไหงล้างมือในอ่างทองคำแล้วนี่นา อิอิอิ.

หย่งหวา หนี่อย่าว่าไหงนะ.

ขอขอบพระคุณเนื้อร้อง-คำแปลจาก จองหยิ่นฮยุ๋งโก.

เดินต่อไป

หลิวน้อย ... เมื่อวานคิดว่าฉันจะถอนสมอแล้วออกทะเลลึกสักพักใหญ่ แต่มาตอนสายวันนี้ ก็คิดว่าเอ๊ะ..เราทำไมไม่ใช้พื้นที่บล็อกของเราในเวปนี้แสดงข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าเรื่องย้อนอดีต อาจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับฮากกาก็ตาม จึงเสนอมายังเธอว่า... เธอก็เช่นกันน่าจะนำข่าวคราวที่ประกอบความเห็น ที่มีประโยชน์ จากข่าวสารรอบตัวเธอหรือเหตุที่เธอได้พบเห็น ไม่ว่าจากท้องถิ่น-ประเทศ-ในโลก หรืออย่างบทบาทของสมาคมฮากกาที่เธออยากให้มีขึ้น ฉันว่าเธอจะใช้บล็อคตัวเองในบทบาทนี้ได้อย่างวิเศษ แค่แสดงตนมาในระยะสั้นๆฉันว่าเธอมีความสามารถมาก  ส่วนฉันจะทำอย่างนั้นเช่นกัน เดินหน้าต่อไปเถอะ หลิวน้อย

รูปภาพของ หลิวหย่งหวา

หนูจะเดินต่อไปตลอดกับอาสุ่กค่ะ

     อาสุ่กคะ แน่นอนค่ะ หนูจะยืนหยัดเคียงคู่ เย่ซินหวาเกอ หรือ ยับสินฝ่า ไปตลอด ขออา DD สุ่ก อยู่เคียงข้างหนู ไปกับเขา และทุก ๆ ท่านที่มีอุดมการณ์ร่วมกันด้วยค่ะ

     หย่งหวา

ขออนุญาต

ขออนุญาตเอาข้อมูลบางส่วนไปใช้นะคะ

ไหงเห่ขัก

ไหงเห่ขักก๊าหงิน ง้าเตี้ยฟุ้งสุ่นหลอย ไหงก้องปั้นซั้นขัก ไหงอึ๋มหว่อยก้อง ชิ้มขักไหงย่าเห่ขักก๊าหงิน

吳圖輝
 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal