ชามไก่กำเนิดในเมืองจีนเมื่อกว่าร้อยปี ฝีมือชาวจีนแคะ ตำบลกอปี อำเภอไท้ปู มณฑลกวางตุ้ง แต่เดิมชามตราไก่ไม่ปรากฏการเขียนลาย เป็นเพียงชามขาวธรรมดา เมื่อผลิตเสร็จได้จัดส่งมาเขียนลายเผาสีบนเคลือบ ที่ตำบลปังเคย แต้จิ๋ว หลังจากนั้นจึงกลายเป็นชามตราไก่สำเร็จรูปและส่งออกจำหน่ายในตลาดทั่วไป
ต่อมาราว ปี พ.ศ. 2480 ชาวจีนที่ทำชามตราไก่ในประเทศจีนได้ย้ายถิ่นมาจากเมืองจีนมาตั้งบ้านเรือนที่ กรุงเทพมหานครและ ลำปาง (ในการย้ายถิ่นมาครั้งนี้ได้นำช่าง ญาติพี่น้อง ชาวจีนที่มีความสามารถทางการปั้นเครื่องปั้นดินเผามาด้วย) พร้อมกันนี้ได้ก่อสร้างโรงงานและเตาเผาชามตราไก่ขึ้น ที่แถววงเวียนใหญ่ จังหวัดธนบุรี และที่ถนนเพชรบุรี กรุงเทพมหานคร
ในราวปี พ.ศ. 2500 ชาวจีนที่ทำโรงงาน และเตาเผาชามตราไก่ ได้ย้ายขึ้นมาตั้งโรงงานและเตาเผาใน จังหวัดลำปางทั้งนี้เนื่องจากที่จังหวัดลำปางมีดินขาวเหมาะที่จะนำมาทำการผลิตชามตราไก่มากที่สุดหลังจาก พบดินขาวที่อำเภอแจ้ห่ม ในปีเดียวกันชามไก่ใน จ.ลำปางเริ่มผลิตขึ้นโดยชาวไท้ปู 4 คนคือนายซิมหยู นายเซี่ยะหยุย แซ่อื้อ นายซิวกิม แซ่กว็อก และนายซือเมน แซ่เทนร่วมก่อตั้ง " โรงงานร่วมสามัคคี " ที่บ้านป่าขาม อำเภอเมือง ก่อนแยกตัวเปิดกิจการตนเองในอีก 3 ปีถัดมา
ระหว่างปี 2502-2505 ชาวจีนตั้งโรงงานผลิตถ้วยชามที่ลำปางมากขึ้น รวมถึงผลิตชามไก่ที่เริ่มด้วยขว้างดินขาวลำปางหมักเปียกลงบนพิมพ์ซึ่งหมุนบนล้อจักรยาน แล้วใช้แผ่นไม้ตัดเป็นรูปโค้งขนาดเหมาะมือ (จิ๊กเกอร์มือ) แต่งดินให้ได้รูปทรงถ้วย ต่อขา เคลือบขี้เถ้าแกลบ การเผาใช้เตามังกรโบราณแบบกอปี ฟืนไม้ ส่วนการวาดลายไก่ก็ฝึกคนท้องถิ่นตวัดพู่กันจีนวาดเป็นส่วนๆต่อเติมจนเต็มรูปแบบในแต่ละใบ แต่ละคนจับพู่กัน 2-3 ด้ามในเวลาเดียวกันแล้วแต่ความยุ่งยากของกรรมวิธี ทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมาไม่ทันความต้องการ ชามไก่เริ่มเปลี่ยนรูปแบบเมื่อโรงงานใช้เครื่องปั้นหรือเครื่องจิ๊กเกอร์ ชามจึงมีรูปกลมไม่เป็นเหลี่ยมมีขาในตัว ที่สุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อโรงงานเสถียรภาพที่อ้อมน้อย สมุทรสาคร สร้างเตาอุโมงค์เผาด้วยน้ำมันเตา
ในปี 2505 เผาถ้วยชามแบบเผาครั้งเดียวได้ชาม ช่วงนี้ตัวไก่สีเขียวหางน้ำเงิน ดอกไม้ชมพู ลดความละเอียดลงแต่ทำตลาดได้ดีเนื่องจากราคาถูกและไม่ถลอกง่าย จวบจนปี 2506 โรงงานถ้วยชามเริ่มหันไปผลิตถ้วยชามแบบญี่ปุ่นซึ่งเข้ามาแทนที่ ลำปางเป็นเพียงจังหวัดเดียว ที่ผลิตชามไก่อย่างต่อเนื่องแต่หาช่างฝีมือที่คงรูปแบบเดิมยาก อีกทั้งสีที่วาดมีราคาแพงลายไก่เปลี่ยนมาใช้สีชมพูหางน้ำเงินแซมใบไม้เขียวเข้ม พ.ศ. 2516 ขณะที่ชามไก่ขนาด 6 นิ้ว มีราคาเพียงใบละ 40 สตางค์ เพราะเป็นชามในยุคหลังที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก กลายเป็นสินค้าราคาถูก จึงเริ่มมีการสะสมและกว้านซื้อชามไก่ในรุ่นแรกๆจนทำให้ชามไก่รุ่นนั้นหายไปจากตลาด ถึงทุกวันนี้จึงเป็นสินค้าสูงค่าเพราะหา (ของแท้) ยาก
ชามตราไก่ ในภาษาฮากกาเรียกว่าอย่างไรครับ
อ้างอิงจาก http://www.lampang108.com/wb/read.php?tid-4400-page-e.html
แกกุงหว่อน
ภาพชามตราไก่ ลำปาง
ชามตราไก่ เก่ามากๆ
ชามตราไก่โบราณ (จีนแท้)
ความเป็นมาของชามตราไก่ในลำปาง
ชามไก่กำเนิดในเมืองจีนเมื่อกว่าร้อยปี ฝีมือชาวจีนแคะ ตำบลกอปี อำเภอไท้ปู มณฑลกวางตุ้ง แต่เดิมชามตราไก่ไม่ปรากฏ การเขียนลายเป็นเพียงชามขาวธรรมดา เมื่อผลิตเสร็จได้จัดส่งมาเขียนลายเผาสีบนเคลือบ ที่ตำบลปังเคย แต้จิ๋ว หลังจากนั้นจึงกลายเป็นชามตราไก่ สำเร็จรูปและส่งออกจำหน่าย ในตลาดทั่วไปต่อมาราว ปี พ.ศ. 2480 ชาวจีนที่ทำชามตราไก่ ในประเทศจีนได้ย้ายถิ่นมาจากเมืองจีนมาตั้งบ้านเรือนที่ กรุงเทพมหานครและ ลำปาง (ในการย้ายถิ่นมาครั้งนี้ได้นำช่าง ญาติพี่น้อง ชาวจีนที่มีความสามารถทางการปั้นเครื่องปั้นดินเผามาด้วย) พร้อมกันนี้ได้ก่อสร้างโรงงานและเตาเผาชามตราไก่ขึ้น ที่แถววงเวียนใหญ่ จังหวัดธนบุรี และที่ถนนเพชรบุรี กรุงเทพมหานคร
ในราวปี พ.ศ. 2500 ชาวจีนที่ทำโรงงาน และเตาเผาชามตราไก่ ได้ย้ายขึ้นมาตั้งโรงงานและเตาเผาใน จังหวัดลำปางทั้งนี้เนื่องจากที่จังหวัดลำปางมีดินขาวเหมาะที่จะนำมาทำการผลิตชามตราไก่มากที่สุดหลังจาก พบดินขาวที่อำเภอแจ้ห่ม ในปีเดียวกันชามไก่ใน จ.ลำปางเริ่มผลิตขึ้นโดยชาวไท้ปู 4 คน คือ นายซิมหยู นายเซี่ยะหยุย แซ่อื้อ นายซิวกิม แซ่กว็อก และนายซือเมน แซ่เทน ร่วมก่อตั้ง " โรงงานร่วมสามัคคี " ที่บ้านป่าขาม อำเภอเมือง ก่อนแยกตัวเปิดกิจการตนเองในอีก 3 ปีถัดมา
ระหว่างปี 2502-2505 ชาวจีนตั้งโรงงานผลิตถ้วยชามที่ลำปางมากขึ้น รวมถึงผลิตชามไก่ที่เริ่มด้วยขว้างดินขาวลำปาง หมักเปียกลงบนพิมพ์ซึ่งหมุนบนล้อจักรยาน แล้วใช้แผ่นไม้ตัดเป็นรูปโค้งขนาดเหมาะมือ (จิ๊กเกอร์มือ) แต่งดินให้ได้รูปทรงถ้วย ต่อขา เคลือบขี้เถ้าแกลบ การเผาใช้เตามังกรโบราณแบบกอปี ฟืนไม้ ส่วนการวาดลายไก่ก็ฝึกคนท้องถิ่นตวัดพู่กันจีนวาดเป็นส่วนๆ ต่อเติมจนเต็มรูปแบบในแต่ละใบ แต่ละคนจับพู่กัน 2-3 ด้าม ในเวลาเดียวกันแล้วแต่ความยุ่งยากของกรรมวิธี ทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมาไม่ทันความต้องการ ชามไก่เริ่มเปลี่ยนรูปแบบเมื่อโรงงานใช้เครื่องปั้นหรือเครื่องจิ๊กเกอร์ชามจึงมีรูปกลม ไม่เป็นเหลี่ยม มีขาในตัว ที่สุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อโรงงานเสถียรภาพที่อ้อมน้อย สมุทรสาคร สร้างเตาอุโมงค์เผาด้วยน้ำมันเตา
ในปี 2505 เผาถ้วยชามแบบเผาครั้งเดียวได้ ชามช่วงนี้ ตัวไก่สีเขียว หางน้ำเงิน ดอกไม้ชมพู ลดความละเอียดลงแต่ทำตลาดได้ดี เนื่องจากราคาถูกและไม่ถลอกง่าย จวบจนปี 2506 โรงงานถ้วยชามเริ่มหันไปผลิตถ้วยชามแบบญี่ปุ่นซึ่งเข้ามาแทนที่ ลำปางเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่ผลิตชามไก่อย่างต่อเนื่อง แต่หาช่างฝีมือที่คงรูปแบบเดิมยาก อีกทั้งสีที่วาดมีราคาแพง ลายไก่เปลี่ยนมาใช้สีชมพู หางน้ำเงิน แซมใบไม้เขียวเข้ม พ.ศ. 2516 ขณะที่ชามไก่ขนาด 6 นิ้ว มีราคาเพียงใบละ 40 สตางค์ เพราะเป็นชามในยุคหลังที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก กลายเป็นสินค้าราคาถูก จึงเริ่มมีการสะสมและกว้านซื้อชามไก่ในรุ่นแรกๆ จนทำให้ชามไก่รุ่นนั้นหายไปจากตลาด ถึงทุกวันนี้จึงเป็นสินค้าสูงค่าเพราะหา (ของแท้) ยาก
ลักษณะของชามตราไก่ "ชามไก่" หรือเรียกทั่วไปว่า "ชามตราไก่" ภาษาแต้จิ๋วเรียก "โกยอั้ว" เป็นชามที่เหมาะสมกับการใช้ตะเกียบพุ้ย ชามไก่มี 4 ขนาด คือ ขนาดปากกว้าง 5 นิ้ว (เสี่ยวเต้า) 6 นิ้ว (ตั่วเต้า) 7 นิ้ว (ยี่ไห้) และ 8 นิ้ว (เต๋งไห้) โดยชามขนาด 5-6 นิ้ว สำหรับใช้ในบ้านและร้านข้าวต้มชั้นผู้ดี ส่วนขนาด 7-8 นิ้ว สำหรับจับกังที่ทำงานหนักเพราะกินจุ ลักษณะของชามไก่จะเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมเกือบกลม ปากบาน ข้างชามด้านนอกมีรอยบุบเล็กน้อยรับกับเหลี่ยม ขามีเชิง วาดลวดลายด้วยมือ เป็นรูปไก่ขนคอและลำตัวสีแดง หางและขาสีดำ เดินอยู่บนหญ้าสีเขียว มีดอกโบตั๋นสีชมพูออกม่วง ใบสีเขียวตัดเส้นด้วยสีดำอยู่ด้านซ้าย มีต้นกล้วย 3 ใบ สีเขียวตัดเส้นด้วยสีดำอยู่ด้านขวา บางใบมีค้างคาวห้อยหัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับไก่ มีดอกไม้ ใบไม้เล็กๆ แต้มก้นชามด้านใน ใช้สีบนเคลือบขี้เถ้าเผาที่อุณหภูมิ 750 - 850 องศาเซลเซียส เพราะต้องการให้สีสดลักษณะของเคลือบบนชามจะมีลักษณะสีเขียวอ่อนๆ แบบจีนต่อมาเมื่อประเทศจีน มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วชามตราไก่ส่งมาขายเมืองไทยไม่ได้ไทยจึง ต้องผลิตชามตราไก่เองต่อมาในระยะหลังๆ การผลิตและการขายชามตราไก่ มีการแข่งขันกันมากขึ้นในท้องตลาด การผลิตจึงได้เปลี่ยนไป จากการเผาเคลือบและเผาสีซึ่งมีกระบวน การ 2 ขั้นตอน ให้เหลือการผลิตขั้นตอนเดียวคือเผาครั้งเดียวไม่ต้องเผาสีจึงได้พยายามเปลี่ยนรูปแบบของการผลิตขึ้น เพื่อลดต้นทุนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันนี้จึงได้เปลี่ยนสีรูปไก่ไปเป็นสีใต้เคลือบแทนสีบนเคลือบ ซึ่งตัวไก่เป็นสีเขียว หางสีน้ำเงิน ดอกไม้สีชมพูอ่อน เคลือบชามตราไก่เป็นสีขาวออกสีครีมคุณภาพด้อยลงราคาถูก ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีและวิทยาการการผลิตถ้วยชามก้าวหน้าขึ้น จึงมีการเปลี่ยนแปลงโดยการนิยมใช้เครื่องถ้วย แบบญี่ปุ่นมากขึ้น ความนิยมในชามตราไก่จึงค่อยๆ หมดไป
ชามตราไก่รุ่นแรก ๆ ผลิตภัณฑ์จากประเทศจีน ลักษณะของไก่ ตัว หงอนสีแดง หางสีดำ ต้นกล้วยสีเขียวอ่อน ต้นหญ้าสีเขียว ดอกโบตั๋นสีชมพูม่วง
ชามตราไก่รุ่นปัจจุบัน ลักษณะของไก่สีม่วงหรือชมพูม่วงหรือสีจ่าง ๆ กัน หางสีน้ำเงิน เขียว ต้นกล้วยเขียวคล้ำ ดอกไม้ชมพูม่วงเขียนลวดลายตามใจ ไม่ค่อยมีแบบแผน
การเปลี่ยนแปลงของชามไก่
วิธีผลิตแบบโบราณ
เริ่มจากการผสมดินโดยย่ำด้วยเท้า และนวดด้วยมือ จากนั้นนำดินมาปั้นตบเป็นดินแผ่น แล้วจึงอัดดินลงแม่พิมพ์ปูนพลาสเตอร์ หมุนขึ้นรูปชามเป็นวงกลมด้วยมือ ปาดด้วยไก๊ (ไม้ปาดตัดเป็นรูปโค้ง) แล้วนำมาต่อขาทิ้งชามที่ขึ้นรูปแล้วเสร็จ ไว้บนกระดานให้แห้งโดยธรรมชาติ นำมาชุบเคลือบที่ทำจากขี้เถ้าแกลบปูนหอย และดินขาว จากนั้นบรรจุลงจ้อนำไปเรียงในเตามังกร เผาด้วยฟืนในความร้อนประมาณ 1300 oC ระยะเวลา 18-24 ชั่วโมงเมื่อเผาสุกดีแล้ว จึงนำชามมาเขียนสีบนเคลือบด้วยพู่กันเป็นลายไก่ ดอกไม้และต้นกล้วย แล้วเผาในเตาอบรูปกลมภายในเป็นถังดินขนาดใหญ่ ด้วยความร้อนประมาณ 700 – 750 oC ด้วยฟืนประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง รอจนเย็นจึงบรรจุใส่เข่งส่งจำหน่าย
การเปลี่ยนแปลง
ชามไก่เริ่มมีการเปลี่ยนรูปแบบ เมื่อโรงงานต่างๆ หันมาลดต้นทุนในการผลิต เพื่อให้สามารถขายได้
ในราคาต่ำลง โดยเริ่มใช้เครื่องปั้น หรือ เครื่องจิ๊กเกอร์เข้ามาช่วยในการผลิต ชามไก่จึงมีลักษณะกลมไม่เป็นเหลี่ยมและต่อมา ได้มีการทำแม่พิมพ์ให้มีขา ชามในตัว เพื่อจะได้ไม่ต้องต่อขาชามภายหลัง ขาชามไก่รุ่นหลังจึงไม่เป็นเชิงจะตรงลงมาในแนวดิ่ง
ชามไก่เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อโรงงานเสถียรภาพที่อ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ สร้างเตาอุโมงค์เผาด้วยน้ำมันเตาในปี พ.ศ. 2505 และสามารถเผาถ้วยชามแบบเผาครั้งเดียวได้ ซึ่งรวมถึงการเผาถ้วยชามที่วาดสีใต้เคลือบในครั้งเดียวกันโดย ไม่ต้องอบสีในภายหลัง ลักษณะของชามไก่ที่ผลิตขึ้นในช่วงนี้ลายไก่วาดด้วยสีเขียว หางน้ำเงิน ดอกไม้สีชมพู ลายวาดลดความละเอียดลง ราคาขายก็ถูกลง สามารถทำตลาดได้ดีเนื่องจากราคาถูกและลวดลายไม่ถลอกได้ง่าย จากนั้นราคาชามไก่ก็ถูกลงเรื่อย ๆตั้งแต่ปี 2506 โรงงานถ้วยชามเริ่มหันมาผลิตถ้วยชามรูปแบบอื่น ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะถ้วยชามแบบญี่ปุ่นซึ่งเข้ามาแทนที่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยขึ้น จังหวัดลำปางเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่ยังผลิตชามไก่มาอย่างต่อเนื่อง แต่หาช่างฝีมือที่คงรูปแบบเดิมยาก อีกทั้งสีที่วาดมีราคาแพง ส่วนใหญ่จึงใช้สีวาดใต้เคลือบ เผาครั้งเดียวที่อุณหภูมิประมาณ 1260 oC การวาดลายไก่มีการเปลี่ยนมาใช้สีชมพู หางสีน้ำเงิน แซมใบไม้สีเขียวเข้ม และราคาขายชามไก่ขนาด 6 นิ้ว ในปี พ.ศ. 2516 มีราคาเพียงใบละ 40 สตางค์ เท่านั้น ทั้งยังมีการผลิตน้อยลงเรื่อย ๆ และการผลิตด้วยสีบนเคลือบแบบดั้งเดิมเริ่มหายไปจากตลาด
ชามไก่ในยุคปัจจุบัน
เมื่อชามไก่ในยุคหลัง ๆ ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก และกลายเป็นสินค้าราคาถูก จึงเริ่มมีการสะสม และกว้านซื้อชามไก่ในรุ่นแรก ๆ ซึ่งมีสีสันสวยงาม จนทำให้ชามไก่รุ่นแรก ๆ หายไปจากตลาด จนเริ่มมีบางโรงงานหันกลับมาผลิตชามไก่ให้คล้ายกับรุ่นแรก ๆ โดยขายในราคาที่สูงขึ้น
สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง เห็นความสำคัญของชามไก่ ซึ่งเป็นเครื่องปั้นดินเผาในยุคแรกของจังหวัดลำปาง และยังคงมีผลิตอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย เห็นสมควรที่จะรักษาไว้ จึงได้สร้างประติมากรรมรูปชามไก่ขนาดกว้าง 3.5 เมตร ไว้ที่แยกทางเข้าจังหวัดลำปาง ริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เมื่อราวปี พ.ศ. 2542 ให้ผู้ผ่านไปมาได้รับรู้และเห็นความสำคัญของชามไก่ ที่มีต่อจังหวัดลำปาง และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปหันกลับมาใช้ชามไก่มากยิ่งขึ้น
ในช่วง ปี พ.ศ. 2544 มีโรงงานในจังหวัดลำปาง หันกลับมาผลิตชามไก่กันมากขึ้น ทั้งแบบวาดใต้เคลือบและวาดบนเคลือบแบบเก่า ตามความต้องการของตลาด ทั้งเผาด้วยเตามังกรโดยใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงและเผาด้วยเตาแก๊ส ชามไก่ที่ผลิตขึ้น มีมากกว่า 10 ขนาด ตั้งแต่ 1 นิ้วไปจนถึง 8 นิ้ว และพัฒนารูปแบบไปหลากหลาย ตั้งแต่จาน ชาม ถ้วยน้ำ ช้อน และของที่ระลึกต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในจังหวัด และบางส่วนยังสามารถส่งออก ไปขายต่างประเทศได้อีกด้วย
ชามไก่ ถือเป็นต้นกำเนิดของเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดลำปาง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันจังหวัดลำปางมีการผลิตเซรามิกหลากหลายประเภท ตั้งแต่เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ของประดับของชำร่วย กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ลูกถ้วยไฟฟ้าตลอดจนลูกกรงเซรามิก และแม้ว่าปัจจุบันชามไก่จะไม่ใช่สินค้าที่มีมูลค่าหลัก ของเซรามิกจังหวัดลำปาง แต่ชามไก่มีความหมายเป็นสัญลักษณ์ ของเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดลำปาง และจะอยู่ในความทรงจำของกลุ่มผู้ผลิตเซรามิกจังหวัดลำปา ง และของคนไทยตลอดไป
ที่มา : ศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิก จ.ลำปาง
และ สมาคมเครื่องปั้นดินเผา จ.ลำปาง
แกกุงหว้าน...หยิดย่อง
แฮ่ อากุงอาม่าวอไหงซังต้อว่า คื่อแถ่แกกุงหว้าน หรอยปุนไหง หยิดย่องวอ
ไหงแตวสาก้อง ลำปางก้องหลี่คี. ว่า แกกุงหว้าน ไหงกี่แต๊ด..
ขอบคุณคุณอาคม สาวตากลม+ชามไก่
เหนือยเหนื่อย
ขออนุญาตครับ...
ตั๊บไห่ล แปลว่า เหนือยเหนื่อย (เหนื่อยมาก)