ขอบคุณมากนะครับ
ครับ ผมยังอ่อน ทั้ง ประสบการณ์ คุณวุฒิ วัยวุฒิ โปรดช่วยชี้แนะ ด้วยครับ
ผมขอขอบคุณมาก ครับ คุณพี่วี่ฟัด ครับ
จากที่กล่าวมา นั้น ถูกต้องแล้วครับ เพราะเป้นการตอบที่ อาจจะ ไม่ได้เรียงประเดน กับ คำถาม ครับ
** แต่โดยส่วนตัว แล้ว ไหง คิดว่า การที่ตอบ คำถาม ไม่ว่าจะสั้น หรือ ยาว ล้วนแต่จะมีคำตอบออกมาทั้งสิ้นครับ
จากที่กล่าวมาก็ถูกแล้ว ครับ คนรุ่นใหม่ ส่วนมาก ก็จะทำอะไรที่กระชับ ขึ้น ซึ่งแตกต่างจาก สมัยก่อน เด็กรุ่นใหม่ อย่าง พวกผม ก็ควรที่จะศึกษา ประสบการณ์ ทางการคิด การพูด ของคนรุ่นก่อน
และ นำมาผสาน กับ ความคิดของคนรุ่นใหม่ ไห้ไปในทิศทางเดียวกัน ครับ
ขอบคุณมากครับ เซี่ยเซี่ยหนี่
ตอนที่หงีเข้ามาใหม่ ๆ ไหงเข้าใจว่า หงีเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน และออกจะแนวอาร์ต ๆ หน่อย คือมีหัวใจศิลปิน น่ะนะ แต่ตอนนี้เห็นรูปร่างของหงี ได้ชัดเจนขึ้นมาแล้ว แต่ยังคงคิดว่า หงีน่าจะมีรสนิยมหรือความสามารถไปในทางศิลปะ หรือปล่าว?
ไหงเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ตอนที่ไหงอายุเท่าหงี แล้วจบการศึกษา ไหงได้ทำงานทันทีกับองค์กรใหญ่เบิ้มระดับประเทศ ทำให้ไหงมีรายได้สูงมาก(ในขณะนั้น) และไหงก็จบใหม่อายุเพียง 22-23 ตอนนั้น อยู่ในสังคมที่มีรายได้สูง และรสนิยมจึงสูง ตามไปกับเขาด้วย ที่สำคัญ ไม่มีตัวอย่างหรือคำสอนที่เน้นในเรื่องความประหยัดมัธยัตถ์ เหมือนกับในสมัยนี้ ที่ในหลวงท่านทรงสอนให้ ประหยัด พอเพียง และ สื่อหนังสือพิมพ์ ก็มีคอลัมน์ แนะนำการเก็บเงินเก็บรายได้ และ แบ่งเอาไปลงทุนอะไรต่อมิอะไร รวมทั้ง บอกด้วยว่า ควรจะเก็บเงินอย่างไร ออมอย่างไร และลงทุนอย่างไร ที่จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า และ เสี่ยงน้อยที่สุด กูรูด้านการเงินบอกต่อไปว่า คนรุ่นหนุ่มเริ่มทำงาน ที่ อายุ ยี่สิบกว่า ๆ นี้แหละ หากทำงานดี รายได้ดี เก็บเงินดี ห้าปี สิบปี กลายเป็นเศรษฐีเงินแสนเงินล้านอย่างไม่รู้ตัว
ถ้ายี่สิบกว่าปีก่อน ไหงทำอย่างที่ไหงเขียนให้หงีอ่านตามย่อหน้าข้างต้น ป่านนี้ไหงเป็นคนที่มีความสำเร็จและมีเงินเก็บมากมายก่ายกองไปแล้ว
สรุปไปเลยก็แล้วกันว่า จากประสบการณ์ในช่วงวัยฉกรรจ์ ของไหง ทำให้ตอนนี้ ซึ่งไหงอยู่ในวัยกลางคน ไหงจึงชอบแนะนำสั่งสอนสิ่งดี ๆ ให้กับ คนรุ่นหงี ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จัก ไหงแนะนำสั่งสอนไปหมด ทุกคนที่เข้ามาเจอไหง ไหงคิดว่า การแนะนำ ของไหง เป็นการต่อยอดจากคำสอนของในหลวง คำสอนของท่านอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุต่าง ๆ เช่น ท่านพยอม กัลยาโน ท่านวุฒิชัย วชิรเมธี และ ท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ซึ่งไหงถือว่า การให้ที่ไหงมีต่อยุวชนรุ่นหงีนั้น ถ้าไหงแนะนำไป 10 คน มี ผู้นำไปปฏิบัติสัก 2 คน แล้ว อีก 5 ปี 10 ปี ข้างหน้า คน 2 คนนี้ กลายเป็นผู้ใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จ มีทุน มีเงินเก็บ มีครอบครัว ที่ลูกเกิดมา พ่อและแม่ ต่างมีสินทรัพย์ไว้รองรับ พวกเขา อย่างไม่มีปัญหา ทั้งด้านการส่งเสียเล่าเรียน ทั้งด้านการใช้สอยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับลูกตัวน้อย ๆ ของพวกเขา นี้แหละ กุศลบุญ ที่ไหงจะได้รับ กลับคืนมา คือมีคนดี ของประเทศชาติบ้านเมือง มีคนที่มีคุณภาพ มี พ่อ-แม่ ที่มีคุณภาพ เป็นผลตอบแทนในด้านนามธรรม ซึ่งคนเหล่านั้น ที่ไหงแนะนำไป อาจจะไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในประเทศไทย ไหงก็ไม่รู้ แต่ผู้ที่รู้คือ สวรรค์ หรือ ยมบาล ได้เพิ่มคะแนนบุญให้กับไหงอีกแต้มหนึ่ง โดยที่ไหง ไม่รู้ตัว คงจะไปรู้เอาตอนที่วิญญานลอยออกจากร่างกายหยาบ ๆ นี้ไปถึงยมฑูตนั่นแหละถึงจะรู้ว่า มีคะแนนความดีความชั่วอยู่อย่างละกี่คะแนน(ฮา)
การเขียนโต้ตอบ ในสื่อสาธารณะ อย่างเว็ปชุมชนเรา ก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้มีปัญหาแต่เฉพาะไทยเราเท่านั้นนะ ที่จีนก็มี ไหงรู้ ทางฟากฝรั่งยุโรปและอเมริกา ก็มี แถมหนักกว่าของเราอีก สิ่งที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอย่างใหญ่หลวง ก็คือ "ภาษา" หรือ "คำศัพท์" มันจะลื่นไหลกลับกลายไปเป็นคำใหม่ ๆ ที่ ราชบัณฑิตยสภาจะต้อง มาบันทึก ศัพท์ใหม่ ๆ อยู่แทบทุกปี (ไม่ฮา) ดังนั้น ถ้าคนในวัยหงี เขียนสื่อสารกันในระหว่างวัย หงีก็เขียนของหงีไปตามสไตล์ แต่ไหงขอแนะนำหงีนิดเดียวเองว่า ถ้าเขียนในที่นี้ ซึ่งแต่ละท่าน มีวัยเดียวกันกับป่าป๊าหม่าม๊า ของหงีแทบทุกท่าน (ยกเว้นสมาชิกในวัยเดียวกันกับหงีซึ่งมีหลายคนเหมือนกัน) หงีควรจะเขียนใส่รายละเอียดให้มาก ๆ บางทีมีความสงสัย อาจจะประมวลออกมาเป็นชุดเลย เพื่อที่ ผู้ใหญ่ จะได้ตอบคำถามที่หงีอยากรู้ ยาวเป็นชุดไปเลย(ฮา)
อย่างไรก็ตาม ไหงชื่นชมหงี ที่เป็นเด็กใฝ่หาความรู้ โดยเฉพาะ รากเหง้าของพวกเราเอง ไหงว่า ถ้าหงีได้รู้ถึงความเป็น "ฮากกา" หงีจะมีความภูมิใจ มาก มาก มาก เหมือนกับไหงตอนที่วัยเดียวกันกับหงี รู้ว่า เราเป็น จีนแคะ พอโตมาอีกหน่อย เริ่มรู้ว่า จีนแคะ เป็นภาษาที่คนแต้จิ๋วเรียกเรา แต่ภาษาของเรา เรียก ตัวเราด้วยกันเอง ว่า "ฮากกา" ต่อมา ไหงเริ่มเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน ทั้ง จีนโดยรวม และ จีนฮากกา โดยไหงมีโอกาสไปเรียนที่เหมยโจว 3 สัปดาห์ และ ที่กว่างโจว อีก 1 สัปดาห์ รวมเป็นหนึ่งเดือน และหลังจากนั้น ไหงก็ศึกษาที่มาของชาวจีนฮากกาของเรา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ไหงก็ยังได้รับข้อมูลของความเป็นฮากกามาอย่างต่อเนื่อง ทุก ๆ วัน ทั้งที่มีผู้ใหญ่ ใจดี กรุณาส่งข้อมูลให้ ทั้งที่ได้อ่านจากเพื่อน ๆ ในชุมชนของเรา ทั้งที่ได้เปิดดูเว็ปไซด์ของชาวฮากกา ในประเทศจีน แล้วหงีจะเกิดความภูมิใจปลาบปลื้มใจเหมือนกับไหง ที่ชีวิตนี้ ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เกิดมาเป็นชาวไทยเชื้อสายฮากกา เพราะ จีนฮากกา ไม่มีจีนไหนเหมือน และ จีนฮากกา ไม่เหมือนจีนอื่น ๆ เรามีเอกลักษณ์ เราเป็นเชื้อชาติฮั่นที่บริสุทธิ์ เราเป็นชาวฮากกา ที่มีศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่จีนอื่น ๆ ที่มีวัฒนธรรมประเพณี ตามท้องถิ่นที่ตนเองอาศัยอยู่
ขอให้หงี ตามรอยเข้าไปอ่าน เนื้อหา ต่าง ๆ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ทรงความรู้หลาย ๆ ท่านได้เขียนไว้ เกี่ยวกับความเป็นฮากกา แล้วหงีจะมีความภาคภูมิใจ
เดี๋ยวถ้าไหง ก๊อปปี้แผ่น วีซีดี ฮากกา เสร็จ ไหงจะจัดให้หงี 1 ชุด ส่งที่อยู่มาตามช่องทาง คอนแทรกซ์ บนเว็ปบล๊อคของไหง ระบบมันจะส่งเมลล์ให้ไหงเอง โดยอัตโนมัติ
หว่อยินดีกับหลัวจินไฉมากเลยที่หนี่เริ่มเขียนอะไร ยาว ยาว แล้ว หวอเสี่ยง นี่อาจเป็น กระทู้ที่หนี่เขียนมายาวที่สุดก็ว่าได้เขีบนอะไรก็ได้มาเล่าสู่กันฟัง บ้าง เหมือนป้าเบิร์ด เคยบอกว่า " ฝนตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้ " อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง
http://www.youtube.com/watch?v=F6RdG6pOBd8
ทำไม ( เว่ยเสินเมอ ) เดี๋ยวนี้ทำไมการเขียนข้อความจึงเขียนกันสั้นๆ ชนิดถามคำ - ตอบคำ ไปเรื่อยๆ เหมือนกันคุยโต้ตอบกันทาง MSN หรือทาง facebook มากว่า ไหงจึงใคร่อยากเสนอให้มีการทำหน้าต่างใหม่ให้เป็นการคุยโต้ตอบกันในระหว่างผู้ที่กำลังออนไลน์อยู่ จะได้ไม่มีการโพสแบบถามคำ - ตอบคำแบบนี้
ไหงจึงใคร่อยากเสนอให้ผู้ถามรวบรวมคำถามของตนหลายๆคำถาม แล้วค่อบเขียนถามภายใน ช่วงการเขียนเดียวกัน ไม่อย่างนั้น จะเสียเวลาของคนติดตามมาก ในการถามคำ - ตอบคำ และยังเสียเนื้อที่ของหน้าเว็ปไปมาก บางทีอยากรู้อะไรใหม่แทนที่จะไปตั้งคำถามในหน้าที่มีอยู่แล้ว แต่กลับไปตั้งเป็นประเด็นใหม่อีกหน้าหนึ่ง แบบถามคำ ตอบคำอีกนั่นแหละ
ไหงจึงใครอยากให้ สมาชิกเขียนอะไรยาวๆบ้างเพื่อเป็นการฝึกการเขียน เพื่อเป็นการฝึกฝนทักษะทางภาษาให้ครบสูตรที่เขาเรียกกันว่า สุ ( ฟัง ) จิ ( คิด ) ปุ ( ถาม ) ลิ ( เขียน ) ไม่ใช่แบบถามคำ -ตอบคำไปเรื่อยๆแบบนี้ ซึ่งมันเหมือนการสนทนากันมากกว่า
ท่านวีฟัดว่าก็มีเหตุผล การเขียนบล๊อกเป็นเรื่องราว จะนอกจากจะช่วยฝึกให้เป็นนักเขียนที่ดีได้แล้ว ยังช่วยฝึกทักษะหลายอย่างพร้อมๆกันไปด้วย เช่น การค้นหาข้อมูลมาเสริมบทความ เทคนิกการเรียงประโยค และการจัดลำดับขั้นตอนทางความคิดที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
แต่บางครั้งที่มีความจำเป็นต้อง สนทนากันด้วยคำสั้นๆ หรือทักทายถามตอบกัน ที่จะช่วยให้พวกเราสนิทสนมกันมากขึ้น ก็ยังมีอีกช่องทางคือ คลิกไปที่ กระดานสนทนา แล้ว ตั้งกระทู้คุยกันได้ ก็จะช่วยให้ เรื่องพูดคุย ไม่ปะบนอยู่กับ บล๊อกที่เป็นสาระเรื่องราว ที่ควรจะมีความคิดเห็นที่ตรงกับสาระหลักของบล๊อกนั้นๆ
สมาคมต่างๆ
ด้วยความปราถนาดีจาก www.hakkapeople.com
ไง เห่ กอ จุ๊ง ฮอก เซ้น
ขอบคุณครับ
ตอนวัยรุ่นหงีหล่อไม่เบา
ขอบคุณครับ ยับสินฝ่า โก
สงสัยง่วงนอน
ครับ คนนนทบุรี ครับ
คุณ หลัว จิน ไฉ
จบจากที่เดียวกันหรือครับ
สั้นอีกแล้ว
ครับ ขอบคุณครับครับ คุณพี่ วี่ฟัด ที่ได้ช่วยชี้แนะครับ
ครับ ผมยังอ่อน ทั้ง ประสบการณ์ คุณวุฒิ วัยวุฒิ โปรดช่วยชี้แนะ ด้วยครับ
ผมขอขอบคุณมาก ครับ คุณพี่วี่ฟัด ครับ
จากที่กล่าวมา นั้น ถูกต้องแล้วครับ เพราะเป้นการตอบที่ อาจจะ ไม่ได้เรียงประเดน กับ คำถาม ครับ
** แต่โดยส่วนตัว แล้ว ไหง คิดว่า การที่ตอบ คำถาม ไม่ว่าจะสั้น หรือ ยาว ล้วนแต่จะมีคำตอบออกมาทั้งสิ้นครับ
จากที่กล่าวมาก็ถูกแล้ว ครับ คนรุ่นใหม่ ส่วนมาก ก็จะทำอะไรที่กระชับ ขึ้น ซึ่งแตกต่างจาก สมัยก่อน เด็กรุ่นใหม่ อย่าง พวกผม ก็ควรที่จะศึกษา ประสบการณ์ ทางการคิด การพูด ของคนรุ่นก่อน
และ นำมาผสาน กับ ความคิดของคนรุ่นใหม่ ไห้ไปในทิศทางเดียวกัน ครับ
ขอบคุณมากครับ เซี่ยเซี่ยหนี่
ถึงคุณกิ๋มฉ่อยขอแจมกับวี่ฟัดโกด้วยคน
ตอนที่หงีเข้ามาใหม่ ๆ ไหงเข้าใจว่า หงีเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน และออกจะแนวอาร์ต ๆ หน่อย คือมีหัวใจศิลปิน น่ะนะ แต่ตอนนี้เห็นรูปร่างของหงี ได้ชัดเจนขึ้นมาแล้ว แต่ยังคงคิดว่า หงีน่าจะมีรสนิยมหรือความสามารถไปในทางศิลปะ หรือปล่าว?
ไหงเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ตอนที่ไหงอายุเท่าหงี แล้วจบการศึกษา ไหงได้ทำงานทันทีกับองค์กรใหญ่เบิ้มระดับประเทศ ทำให้ไหงมีรายได้สูงมาก(ในขณะนั้น) และไหงก็จบใหม่อายุเพียง 22-23 ตอนนั้น อยู่ในสังคมที่มีรายได้สูง และรสนิยมจึงสูง ตามไปกับเขาด้วย ที่สำคัญ ไม่มีตัวอย่างหรือคำสอนที่เน้นในเรื่องความประหยัดมัธยัตถ์ เหมือนกับในสมัยนี้ ที่ในหลวงท่านทรงสอนให้ ประหยัด พอเพียง และ สื่อหนังสือพิมพ์ ก็มีคอลัมน์ แนะนำการเก็บเงินเก็บรายได้ และ แบ่งเอาไปลงทุนอะไรต่อมิอะไร รวมทั้ง บอกด้วยว่า ควรจะเก็บเงินอย่างไร ออมอย่างไร และลงทุนอย่างไร ที่จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า และ เสี่ยงน้อยที่สุด กูรูด้านการเงินบอกต่อไปว่า คนรุ่นหนุ่มเริ่มทำงาน ที่ อายุ ยี่สิบกว่า ๆ นี้แหละ หากทำงานดี รายได้ดี เก็บเงินดี ห้าปี สิบปี กลายเป็นเศรษฐีเงินแสนเงินล้านอย่างไม่รู้ตัว
ถ้ายี่สิบกว่าปีก่อน ไหงทำอย่างที่ไหงเขียนให้หงีอ่านตามย่อหน้าข้างต้น ป่านนี้ไหงเป็นคนที่มีความสำเร็จและมีเงินเก็บมากมายก่ายกองไปแล้ว
สรุปไปเลยก็แล้วกันว่า จากประสบการณ์ในช่วงวัยฉกรรจ์ ของไหง ทำให้ตอนนี้ ซึ่งไหงอยู่ในวัยกลางคน ไหงจึงชอบแนะนำสั่งสอนสิ่งดี ๆ ให้กับ คนรุ่นหงี ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จัก ไหงแนะนำสั่งสอนไปหมด ทุกคนที่เข้ามาเจอไหง ไหงคิดว่า การแนะนำ ของไหง เป็นการต่อยอดจากคำสอนของในหลวง คำสอนของท่านอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุต่าง ๆ เช่น ท่านพยอม กัลยาโน ท่านวุฒิชัย วชิรเมธี และ ท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ซึ่งไหงถือว่า การให้ที่ไหงมีต่อยุวชนรุ่นหงีนั้น ถ้าไหงแนะนำไป 10 คน มี ผู้นำไปปฏิบัติสัก 2 คน แล้ว อีก 5 ปี 10 ปี ข้างหน้า คน 2 คนนี้ กลายเป็นผู้ใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จ มีทุน มีเงินเก็บ มีครอบครัว ที่ลูกเกิดมา พ่อและแม่ ต่างมีสินทรัพย์ไว้รองรับ พวกเขา อย่างไม่มีปัญหา ทั้งด้านการส่งเสียเล่าเรียน ทั้งด้านการใช้สอยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับลูกตัวน้อย ๆ ของพวกเขา นี้แหละ กุศลบุญ ที่ไหงจะได้รับ กลับคืนมา คือมีคนดี ของประเทศชาติบ้านเมือง มีคนที่มีคุณภาพ มี พ่อ-แม่ ที่มีคุณภาพ เป็นผลตอบแทนในด้านนามธรรม ซึ่งคนเหล่านั้น ที่ไหงแนะนำไป อาจจะไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในประเทศไทย ไหงก็ไม่รู้ แต่ผู้ที่รู้คือ สวรรค์ หรือ ยมบาล ได้เพิ่มคะแนนบุญให้กับไหงอีกแต้มหนึ่ง โดยที่ไหง ไม่รู้ตัว คงจะไปรู้เอาตอนที่วิญญานลอยออกจากร่างกายหยาบ ๆ นี้ไปถึงยมฑูตนั่นแหละถึงจะรู้ว่า มีคะแนนความดีความชั่วอยู่อย่างละกี่คะแนน(ฮา)
การเขียนโต้ตอบ ในสื่อสาธารณะ อย่างเว็ปชุมชนเรา ก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้มีปัญหาแต่เฉพาะไทยเราเท่านั้นนะ ที่จีนก็มี ไหงรู้ ทางฟากฝรั่งยุโรปและอเมริกา ก็มี แถมหนักกว่าของเราอีก สิ่งที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอย่างใหญ่หลวง ก็คือ "ภาษา" หรือ "คำศัพท์" มันจะลื่นไหลกลับกลายไปเป็นคำใหม่ ๆ ที่ ราชบัณฑิตยสภาจะต้อง มาบันทึก ศัพท์ใหม่ ๆ อยู่แทบทุกปี (ไม่ฮา) ดังนั้น ถ้าคนในวัยหงี เขียนสื่อสารกันในระหว่างวัย หงีก็เขียนของหงีไปตามสไตล์ แต่ไหงขอแนะนำหงีนิดเดียวเองว่า ถ้าเขียนในที่นี้ ซึ่งแต่ละท่าน มีวัยเดียวกันกับป่าป๊าหม่าม๊า ของหงีแทบทุกท่าน (ยกเว้นสมาชิกในวัยเดียวกันกับหงีซึ่งมีหลายคนเหมือนกัน) หงีควรจะเขียนใส่รายละเอียดให้มาก ๆ บางทีมีความสงสัย อาจจะประมวลออกมาเป็นชุดเลย เพื่อที่ ผู้ใหญ่ จะได้ตอบคำถามที่หงีอยากรู้ ยาวเป็นชุดไปเลย(ฮา)
อย่างไรก็ตาม ไหงชื่นชมหงี ที่เป็นเด็กใฝ่หาความรู้ โดยเฉพาะ รากเหง้าของพวกเราเอง ไหงว่า ถ้าหงีได้รู้ถึงความเป็น "ฮากกา" หงีจะมีความภูมิใจ มาก มาก มาก เหมือนกับไหงตอนที่วัยเดียวกันกับหงี รู้ว่า เราเป็น จีนแคะ พอโตมาอีกหน่อย เริ่มรู้ว่า จีนแคะ เป็นภาษาที่คนแต้จิ๋วเรียกเรา แต่ภาษาของเรา เรียก ตัวเราด้วยกันเอง ว่า "ฮากกา" ต่อมา ไหงเริ่มเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน ทั้ง จีนโดยรวม และ จีนฮากกา โดยไหงมีโอกาสไปเรียนที่เหมยโจว 3 สัปดาห์ และ ที่กว่างโจว อีก 1 สัปดาห์ รวมเป็นหนึ่งเดือน และหลังจากนั้น ไหงก็ศึกษาที่มาของชาวจีนฮากกาของเรา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ไหงก็ยังได้รับข้อมูลของความเป็นฮากกามาอย่างต่อเนื่อง ทุก ๆ วัน ทั้งที่มีผู้ใหญ่ ใจดี กรุณาส่งข้อมูลให้ ทั้งที่ได้อ่านจากเพื่อน ๆ ในชุมชนของเรา ทั้งที่ได้เปิดดูเว็ปไซด์ของชาวฮากกา ในประเทศจีน แล้วหงีจะเกิดความภูมิใจปลาบปลื้มใจเหมือนกับไหง ที่ชีวิตนี้ ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เกิดมาเป็นชาวไทยเชื้อสายฮากกา เพราะ จีนฮากกา ไม่มีจีนไหนเหมือน และ จีนฮากกา ไม่เหมือนจีนอื่น ๆ เรามีเอกลักษณ์ เราเป็นเชื้อชาติฮั่นที่บริสุทธิ์ เราเป็นชาวฮากกา ที่มีศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่จีนอื่น ๆ ที่มีวัฒนธรรมประเพณี ตามท้องถิ่นที่ตนเองอาศัยอยู่
ขอให้หงี ตามรอยเข้าไปอ่าน เนื้อหา ต่าง ๆ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ทรงความรู้หลาย ๆ ท่านได้เขียนไว้ เกี่ยวกับความเป็นฮากกา แล้วหงีจะมีความภาคภูมิใจ
เดี๋ยวถ้าไหง ก๊อปปี้แผ่น วีซีดี ฮากกา เสร็จ ไหงจะจัดให้หงี 1 ชุด ส่งที่อยู่มาตามช่องทาง คอนแทรกซ์ บนเว็ปบล๊อคของไหง ระบบมันจะส่งเมลล์ให้ไหงเอง โดยอัตโนมัติ
ยินดีครับ " หลัวจินไฉ " อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง
หว่อยินดีกับหลัวจินไฉมากเลยที่หนี่เริ่มเขียนอะไร ยาว ยาว แล้ว หวอเสี่ยง นี่อาจเป็น กระทู้ที่หนี่เขียนมายาวที่สุดก็ว่าได้เขีบนอะไรก็ได้มาเล่าสู่กันฟัง บ้าง เหมือนป้าเบิร์ด เคยบอกว่า " ฝนตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้ " อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง
อัลบั้ม: Smile Club
ดู เนื้อเพลง ทุกเพลงของ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
นึกถึงคำๆนั้นทุกวันที่ห่างกันไป เหมือนมันเป็นโยงใยที่ส่งถึงกัน
ไม่ว่าเราจะโชคดี หรือบางทีที่ร้องไห้ ต่างคนสนใจจะฟัง
เพราะว่าในชีวิตเรื่องจริงมันต่างจากฝัน ฝันไม่เคยมีวันที่เจ็บช้ำใจ
มีผู้คนอยู่รอบกาย เหมือนไม่มีไม่เห็นใคร แต่ใจๆฉันยังมีเธอ
คืนที่ไร้แสงไฟ วันที่ใจมัวหม่น ขอเพียงใครสักคนห่วงใยกัน
วันที่เสียน้ำตา วันที่ฟ้าเปลี่ยนผัน เธอก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน
ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
ยังนอนดึกอยู่ใช่ไหม เธอผอมไปหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง
คืนที่ไร้แสงไฟ วันที่ใจมัวหม่น ขอเพียงใครสักคนห่วงใยกัน
วันที่เสียน้ำตา วันที่ฟ้าเปลี่ยนผัน เธอก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน
(เพราะ)ฝนที่ตก(อยู่)ทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง
(เพราะ)ฝนที่ตก(อยู่)ทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง
เธอยังขาดอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า
อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง เธอยังมีฉันอยู่ทั้งคน
http://www.youtube.com/watch?v=F6RdG6pOBd8
วัดน้อยในครับ
การโพสแบบถามคำตอบคำ
ทำไม ( เว่ยเสินเมอ ) เดี๋ยวนี้ทำไมการเขียนข้อความจึงเขียนกันสั้นๆ ชนิดถามคำ - ตอบคำ ไปเรื่อยๆ เหมือนกันคุยโต้ตอบกันทาง MSN หรือทาง facebook มากว่า ไหงจึงใคร่อยากเสนอให้มีการทำหน้าต่างใหม่ให้เป็นการคุยโต้ตอบกันในระหว่างผู้ที่กำลังออนไลน์อยู่ จะได้ไม่มีการโพสแบบถามคำ - ตอบคำแบบนี้
ไหงจึงใคร่อยากเสนอให้ผู้ถามรวบรวมคำถามของตนหลายๆคำถาม แล้วค่อบเขียนถามภายใน ช่วงการเขียนเดียวกัน ไม่อย่างนั้น จะเสียเวลาของคนติดตามมาก ในการถามคำ - ตอบคำ และยังเสียเนื้อที่ของหน้าเว็ปไปมาก บางทีอยากรู้อะไรใหม่แทนที่จะไปตั้งคำถามในหน้าที่มีอยู่แล้ว แต่กลับไปตั้งเป็นประเด็นใหม่อีกหน้าหนึ่ง แบบถามคำ ตอบคำอีกนั่นแหละ
ไหงจึงใครอยากให้ สมาชิกเขียนอะไรยาวๆบ้างเพื่อเป็นการฝึกการเขียน เพื่อเป็นการฝึกฝนทักษะทางภาษาให้ครบสูตรที่เขาเรียกกันว่า สุ ( ฟัง ) จิ ( คิด ) ปุ ( ถาม ) ลิ ( เขียน ) ไม่ใช่แบบถามคำ -ตอบคำไปเรื่อยๆแบบนี้ ซึ่งมันเหมือนการสนทนากันมากกว่า
สนทนาถามตอบ
ท่านวีฟัดว่าก็มีเหตุผล การเขียนบล๊อกเป็นเรื่องราว จะนอกจากจะช่วยฝึกให้เป็นนักเขียนที่ดีได้แล้ว ยังช่วยฝึกทักษะหลายอย่างพร้อมๆกันไปด้วย เช่น การค้นหาข้อมูลมาเสริมบทความ เทคนิกการเรียงประโยค และการจัดลำดับขั้นตอนทางความคิดที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
แต่บางครั้งที่มีความจำเป็นต้อง สนทนากันด้วยคำสั้นๆ หรือทักทายถามตอบกัน ที่จะช่วยให้พวกเราสนิทสนมกันมากขึ้น ก็ยังมีอีกช่องทางคือ คลิกไปที่ กระดานสนทนา แล้ว ตั้งกระทู้คุยกันได้ ก็จะช่วยให้ เรื่องพูดคุย ไม่ปะบนอยู่กับ บล๊อกที่เป็นสาระเรื่องราว ที่ควรจะมีความคิดเห็นที่ตรงกับสาระหลักของบล๊อกนั้นๆ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับเว็ปมาสเตอร์พิจารณาเลยครับ