หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

กระทงหลงทิศ

ซิบหงี่เงี้ยด ซิบอื้อง เงี้ยดท้อนเหยน
เปวี้ยงกวิงเจี๊ยว สุ้ยเต๊น ล้อกก้องหลู่
ถุงเห่นหอ จิบย้า หว่าหยิดตู๊
เชี่ยงสุ้ยเงวี๋ยง ป้อฝู่ หว่อยไคว่ล้อก

เกวดก๊าสื่อ หลีฝอย ฮ้อยไถ่หนุง
หงินหมินซั้ง หงัดผุ่ง อื๋อมถุงกอก
ก่งหงินว้อย เช่าช่อย ก่งหงินว้อก
ช้อกอื๋อมช้อก เตี้ยวขัด ม่าหยาอ๊อย

เชี่ยงเงี๊ยดเงวี๋ยง เห่นหอ ป๊องป้อผิน
หลอยป๊องฉู่ เสียมหมิน เหียดเก๊าขอย
เซ้นหม่าสื่อ ทุ้นล้อก ปอกกอยก๊อย
เสียมหลอไถ่ ฝัดฉอย ไฉฉาโย้


แปลลอยกระทง

เดือนสิบสอง กลางเดือน จันทร์เต็มดวง
ลอยกระทง หยวกกล้วย ลงลำคลอง
ภาวนาต่อ พระคงคา ไปกอบกองหนึ่ง
ขอแม่พระคงคา ป้องภัย ให้อยู่เย็นเป็นสุข
งานการเมือง ตอนนี้ ยากยุ่งยิ่ง
ประชาชน เกิดปีนเกลียวงัดข้อ แบ่งฝักแบ่งก๊ก
หุงข้าวต่างหม้อ ผัดผัก ต่างกระทะ
ไม่รู้ถูกรู้ผิด เอะอะผรุสวาท ด่าพ่อล้อแม่กันก่อน
ขออัญเชิญพระจันทรา พระคงคา มาช่วยคุ้มภัย
มาช่วยให้ ปวงชนชาวสยาม หยุดทะเลาะเบาะแว้งกัน
มีเรื่องขุ่นเคืองกัน จงวางลง ถกกันได้โดยง่าย
ขอให้ประเทศสยาม เจริญรุ่งเรือง มีชัยชะโย
ขอบใจพี่น้องหลาย ๆ เด้อที่ช่วยสิติงมาให่ เรื่องบางแนวมันก็สิ
”หมออั้นก๊อย”ต่อข้อยเช่นกันหนนี่เอาแนวจั๋งซี่ก่อน หนหน่า
ค่อยเว้ากันใหม่เด้อหุหุ...


รูปภาพของ วี่ฟัด

เอามั่งลอยกระทงนะ

กระทงนั่นมันคงไม่หลงทิศ
ถ้าทำผิดแล้วกลับตัวไม่มัวหมอง
หากทำผิดคิดชั่วมั่วแต่ปรองดอง
กระทงต้องหันผิดทิศทางไป

กระทงน้อยลอยลับในสงสาร
ไปตามกาลแห่งวัฏฏะไม่หลีกหนี
คงเหลือแต่คุณงามและความดี
ไว้เป็นที่กล่าวขานชั่วนานไป

รูปภาพของ วี่ฟัด

ลอยอังคาร

วันทั้งวันวันนี้มีคนถามว่า
ไปตามลอยประทีปนที่ใหน
ไหง่บอกว่าปูนนี้แล้วลอยทำไม
อีกไม่นานก็ไกล้ลอยอังคาร

So good สว.

ปูนนี้ มันต้องนึกถึงมรณานุสติเข้าไว้ครับพี่น้อง แล้วการลอยอังคารจะเป็นเรื่องจิ๊บ จิ๊บ

อย่าให้น้อยหน้าเขา?

           เด๋วนี้ เขาเฉลี่ยอายุชายไทย 72 ปี วี่ฟัดโกแค่ 50 ต้นๆ ยังเหลือตั้ง 20 ปี อยู่สร้างบุญบารมีเถอะ เด๋วเทปธรรมะจะไม่ส่งเสียง โกอย่าคิดว่าโกฟังคนเดียวนะ สิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งอยู่รอบข้าง เขาฟังและอนุอโมทนาด้วย เขาไม่อยากให้โกรีบไปหรอก!

           ต้องคิดว่าเด๋วชิ้นสุ้ยโกเหงาไม่มีใครแซว ส่วนหั่มโก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ทนทายาทอยู่แล้ว ก็มันเค็มอะ!

          เราขออยู่แค่ตามเกณฑ์เฉลี่ย ไม่ได้โลภอะไร อยู่น้อยกว่าเกณฑ์ก็น้อยหน้าเขาซิ จริงม่า!

          ที่สําคัญอีกอย่าง...สังเวชนียสถาน 4 แห่ง ที่อินเดีย โกไปมายัง? เจดีย์ชเวดากอง มีเส้นพระเกศาธาตุพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ ที่เมียนม่า โกไปมายัง? อิ อิ!

รูปภาพของ วี่ฟัด

มรณานุสติ

ใช่เลยห่ำช้อยโกที่จริงชีวิตมนุษย์แสนเปราะบางนัก ถ้าเส้นเลือดหัวใจมีเศษอะไรเข้าไปติดปุ๊ปจบข่าวเลย say goodbye ทันที เหมือนกับที่สตีฟ จอบส์ ( อีกแล้วอาวี่ฟัด )ชีวิตคนเหมือนไฟฟ้า ปิดสวิส on off เมื่อไรก็จบข่าวเหมือนกัน สตีฟ จอบส์กี่คงจะตั้งมรณานุสติไว้เหมือนกัน เพราะกี่ก็เป็นชาวพุทธนะ

การตั้งมรณานุสติเป็นเรื่องที่สำคัญที่ไหง่เจริญสติไว้ตลอดต่อกฎธรรมชาติข้อนี้แบบที่เขาบอกกันว่าเข้านอนคืนนี้เช้าพรุ่งนี้จะตื่นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แต่อย่าให้มรณานุสติมาทำให้เราเศร้าหมอง ต้องเป็นผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบานให้ตลอดเวลา 

เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปรกติธรรมดา ไม่ใช่มีใครบอกแก่หน่อยเดียวเป็นฟืนเป็นไฟ  เจ้ไม่ย๊อม เจ้ไม่ยอม

มีชีวิตดำรงค์อยู่ก็ต้องเบิกบานใจไว้ตลอด พอตื่นเช้าก็ต้องบอกตัวเองว่า วันนี้เบิกบานใจจังเลยไว้ตลอด 

ที่จริงสังเวชนียสถานนี้ไหง่ก็อยากไปนะยังไม่เคยไป แต่ ชเวดโกพญา ( เจดีย์ทองแห่งเมือง ตะโก  ตะโกเป็นชื่อเมืองเก่าของร่างกุ้ง ) ไหง่เคยไปมาแล้ว

สังขารเป็นของไม่เที่ยง เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์

จะ50 ต้นๆ หรือ 64 มันไม่อะไรแน่นอนว่าคนแก่ต้องตายก่อนเสมอไป ค่าเฉลี่ยอายุเป็นเรื่องการเก็บสถิติ เราอาจจะไม่อยู่ในค่าเฉลี่ยนี้ก็ได้ เมื่อหมดอายุขัยก็ต้องตายจากไป หรือเมื่อกรรมตามทันก็ต้องไปชดใช้กรรม ดังนั้นถ้าเราเตรียมตัวให้พร้อมถึงการตายก่อนที่จะตายจริง หรือมรณานุสติ นั้น ก็เป็นการฝึกการฆ่ากิเลสให้ตายก่อนที่เราจะตายจริง เพราะฉะนั้นการพิจารณาเรื่องมรณานุสติ นั้นจึงเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่่เป็นเรื่องที่ทำให้ต้องกังวลแต่อย่างใดครับ ส่วนห่ำช้อยกอนชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเค็ม เพราะหมักด้วยเกลือป่น แล้วเอาไปตากแห้ง อาหารพื้นบ้านที่แสดงอัตลักษณ์วิถีของคนจีนแคะ ที่ไหง่ยืมมาใช้เป็นฉายาในวงการฮากกาพีเพิล เหมือนที่ท่านแก้วชาย ใช้นามปากกาว่า อาหงิ่วโก(อ้ายควาย) แกวก แกวก จบข่าว

การสืบชะตา(ต่ออายุ)ที่ได้ผลและไม่ได้ผล!

           ไหง่ขอว่าด้วยเรื่องการต่ออายุ เป็นวิทยาทาน เหมือนความรู้อื่นๆที่ได้โพสท์ลงในชุมชนแห่งนี้ ขอเอาเรื่องที่ต่ออายุแล้วไม่ได้ผลก่อน ยกตัวอย่าง เช่น ท่านปรมาจารย์ฮกหลงขงเบ้ง ท่านเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้า รู้กระทั่งว่าชะตาตัวเองใกล้ขาดดวงใกล้ดับ แต่ยังห่วงภารกิจกู้แผ่นที่ยังไม่สําเร็จ จําต้องทําพิธีต่ออายุสืบชะตา โดยท่าน อ.ฮกหลงขงเบ้งกล่าวว่า...

            การทําพิธีบูชาดาวสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ ห้ามมิให้ใครเข้าจุ้นจ้าน หรือเมียงมองในกระโจมพิธี

             พิธีนี้ใช้ทหารแต่งตัวหลากสีตามเคล็ดวิชา แต่หัวใจสําคัญอยู่ที่โคมดวงชีวิต ที่ใช้เสี่ยงทาย หากส่องสว่างรุ่งโรจน์ได้ถึง 7 ราตรี ถือว่าการต่ออายุได้ผล หากไม่ถึงตามกําหนด ก็เป็นอย่างที่ขงเบ้งกล่าวไว้ต่อเกียงอุยว่า " ชีวิตเราเห็นจะตายในเร็ววันนี้! " แล้วขงเบ้งแต่งชุดขาวปล่อยผมยาว นั่งสวดสาธยายมนต์ บูชาขอพรต่อเทพเจ้า ตามวิชาที่รําเรียนมา

               ย่างเข้าวันที่ 7 อันเป็นวันสุดท้าย ขณะสวดบริกรรมมนตราศักดิ์สิทธิ์ ขงเบ้งอาเจียรเป็นเลือดอยู่หลายครั้ง แต่โคมเสี่ยงทายดวงชีวิตยังส่องสว่างเป็นปกติ

               แต่อุยเอี๋ยนขุนพลยอดฝีมือ ระงับอารมณ์โกรธที่ถูกทหารสุมาอี้ร้องด่าท้าทายมา 7 วันไม่ได้ จึงผลีผลามฝ่าทหารยามเข้ากระโจมขงเบ้ง เพื่อขออนุญาตนําทหารออกรบ จึงสะดุดเข้ากับโคมดวงชีวิต ล้มแตกดับไปทันที

               ขงเบ้งซึ่งนั่งถือกระบี่สวดภาวนา ทิ้งกระบี่ลงพื้นทันที พร้อมกล่าวอย่างปลงตกว่า...

               " ความตายนี้เป็นบุราณกรรม ถึงมาตรว่าจะแก้ไขประการใดก็ไม่พ้น " เป็นจังหวะเดียวกับเกียงอุยศิษย์เอกเข้ามาพบ จึงชักกระบี่จะฟันอุยเอี๋ยน ที่เอาแต่อารมณ์เข้ามาทําลายพิธีสืบชะตาขงเบ้ง แต่ขงเบ้งได้ห้ามไว้ พร้อมให้สติศิษย์เอกว่า...

              " ซึ่งท่านจะฆ่าอุยเอียนเสียนั้นไม่ควร อันเหตุครั้งนี้เพราะกรรมของเราจะถึงที่ตาย " เพราะกรรมหนักที่ขงเบ้งเผาทหารเกราะหวายของลุดตัดกุด พันธมิตรของเบ้งเฮกเสีย 3 หมื่นแบบสดๆ แม้ตัวขงเบ้งเห็นแล้ว ถึงกับปรารภด้วยนําตาคลอเบ้าว่า " อายุเราจะสั้นเป็นมั่นคง " และเป็นจริงอย่าว่า เพราะแรงกรรมส่งให้อุยเอี๋ยน ผลีผลามเข้ามาเตะโคมดวงชีวิตดับ การต่ออายุสืบชะตาที่เกือบได้ผลจึงล้มเหลว ซึ่งถือเป็น " อุปฆาตกรรม " เป็นกรรมที่ตัดรอนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้นั่นเอง

                ส่วนสังคมไทยนิยมการต่ออายุด้วยวิธี " บังสกุลเป็น-บังสกุลตาย " ถ้าผู้กระทํามีอุปถัมภกกรรมดี ก็ต่ออายุได้ เช่น หลวงพ่อจรัล แห้งวัดอัมภวัน สิงห์บุรี ท่านต่ออายุโดยการทอดกฐินทุกปี ท่านว่า " อายุที่ได้ของอาตมา มีแต่ต้องทําบุญใหญ่ขึ้นมากขึ้นทุกปี ไม่ใช่ได้มาเปล่าๆ " นี่คือใช้หลัก " อุปปีฬกรรม " มาบีบคั้นอายุรกรรมที่สั้นให้ยืนยาวออกไปได้ ตามด้วย " อุปถัมภกกรม " ช่วยอุปถัมภ์คําชูตามสมควรแห่งกรรมของตน

               ส่วนไหง่ ความจริงเป็นคนอายุสั้น เพราะลายมือเส้นชีวิตขาดและสั้นมาก น่าจะตายตั้งแต่11-12 ขวบแล้ว จากการช่วยชีวิตเด็กที่ไปเล่นนําด้วยกัน พอว่ายเข้าไปช่วย เด็กที่ตะกายนําก็รัดคอแน่น ไหง่ว่ายไม่ออก พลอยจมสําลักนําไปด้วย จึงรู้รสชาติการสําลักนําหายใจไม่ออก มันทรมานแค่ไหน? ดีว่ารีบเดินตะกุยดินก้นคลอง จนรอดพ้นมาได้ อีกทั้งใจไหง่ให้อภัยคนเสมอ ไม่คิดอาฆาตพยาบาท กระทั้งคนที่ทําให้ไหง่เจ็บเกือบตาย ช่วงเจ็บสาหัสพูดไม่ออก แต่ใจกลับให้อภัย ไม่ได้คิดแค้น อย่างมากก็วางเฉย

               จากที่ไหง่เคยเขียนไว้ว่า ช่วงหนุมไม่หันหลังเข้าวัด ก็หมายความว่า ไหง่เข้าวัดมาตั้งแต่ยังหนุ่มอายุ 28-29 คือเข้านั่งวิปัสสนากรรมฐานที่วัดปากนําภาษีเจริญ ยาวนานถึงอายุ 40 ปลาย จนได้รู้ด้วยการปฏิบัติว่า " ไตรลักษณ์ 3 " มีภายนอก-ภายในเช่นเดียวกับ อายตนะ 6 แต่ขอพูดแค่ไตรลักษณ์ 1.อนิจจัง(ความไม่เที่ยงของขันธ์ 5) 2.ทุกขัง(มันเป็นทุกข์) 3.อนัตตา(ความไม่มีตัวตน) นี่คือส่วนภายนอกที่เห็นได้ด้วยตาเนื้อ อย่างเช่นพ่อแม่ ท่านเคยแข็งแรง แต่เมื่อแก่เนื้อหนังที่เคยเต่งตึงก็เหี่ยวย่น เมื่อเจ็บป่วยเรายังเห็น แต่เมื่อตายแล้วเอาฌาปนกิจหรือฝัง ก็ไม่เห็นตัวตนท่านอีก มีแค่รูปถ่ายที่อยู่ไปอีกชั่วระยะหนึ่ง ส่วนไตรลักษณ์ภายใน คือ 1.เกิด 2.เห็น(ด้วยจิตขั้นอัปนาสมาธิ) 3.ดับ มันรวดเร็วถี่ยิบขนาดเป็นเส้นแสงเฉียบคม หรือสว่างโอภาสอย่างกับดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์วันเพ็ญก็ได้ แต่ถามว่าทําไมไม่เอาถึงอรหัตผล เพราะเรายังเป็นปุถุชน ไม่ใช่พระนักบวช ไหง่ยังห่างไกลสิ่งนั้นมาก แค่มีบุญได้เห็น ได้ปิติได้ความสุขในช่วงวินาทีก็บุญโขแล้ว

            ส่วนที่ว่าหันหน้าเข้าสถานธรรม เพราะอนุตตรธรรมของอริยจีนนี้ เหมือนหม้อต้มจับจ่าย ถือว่าทุกคําสอนของทุกศาสนา ล้วนทรงคุณค่า ต้องบําเพ็ญตนเหมือนพระโพธิสัตว์ คือให้ความรักความเมตตาแก่คนทั่วไป ทําประโยชน์ช่วยอะไรใครได้ ก็ช่วยไปตามความสามารถ ไม่แบ่งเขา-แบ่งเรา ที่สําคัญที่ไหง่ยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้ คือ เหยา,ซุ่น, หยําหว่องตี้, ธรรมมิกราชเหล่านี้ล้วนเป็นบรรพชนแห่งลุ่มแม่นําเหลืองของจีนนั่นเอง และหลักที่ไหง่ถือปฏิบัติ คือ...

              " ปฏิบัติไปตามธรรมชาติ " อีกข้อที่เลียนแบบคําขวัญของจอมพลยับเกี้ยมยิน คือ " ต้า จื้อ ยั่ว หวี้ เจ่อ เมี่ยว ถึงฉลาดลํามากปัญญา ทําทีว่าขลาดเขลาเบาปัญญา "

               ขอแค่นี้ก่อน อีกหลายวันกว่าจะมีเวลามาโพสอีก ต้องไปทํางานหาเงินกันบ้างละ...

                                               อาหงิ่ว(อ้ายควาย) 

              

                

              

ใกล้เกลือกินด่าง

ไปต้องไปให้ไกลหรอก ของดีดีอยู่บ้านเรา หากันเจอหรือเปล่าเท่านั้น ในแถบภาคอิสาน มีวัดป่าสายธรรมยุตที่เคร่งครัดในสายวิปัสสนาอยู่ไม่น้อยเลย เพื่อนไหง่ไปบวชอยู่ 14 พรรษาแล้ว ตอนนี้ท่านไปธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือ นาน ๆจะลงมากรุงเทพมาหาหมอที่ โรงพยาบาลสงฆ์สักครั้ง ก็จะแวะมาหาไหง่เพื่อแสดงธรรม และสนทนาธรรม ปีสองปีท่านจะแวะมาสักครั้ง ถ้าอยากปฏิบัติธรรมจริง ๆ เมืองไทยนี่แหละแน่นอน แต่ถ้าคิดว่าเพียงแค่ไปทัวร์จาริกแสวงบุญแบบที่บริษัททัวร์เขาจัดกันมากมาย ก็ตามสะดวกเลยครับท่าน อ้อ เกือบลืมไป ที่วัดอริยวงศาราม(วัดหนองน้ำขาว) แถวบ้านโป่ง บ้านท่านสว. ก็ดีนะครับ

รูปภาพของ วี่ฟัด

ใกล้เกลือกินน้ำด่าง

เดี๋ยวนี้บอกว่า " ไกล้เกลือกินด่าง " นี่ล้าสมัยไปแล้วโก ถ้าจะให้แบบฟินฟิน ต้องบอกว่า " ไกล้เกลือกินน้ำด่าง " แล้วโก

ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธองค์ทรงค้นพบความจริงตามธรรมชาติ เท่านั่นไม่พอพระองค์ทรงบอกแนวทางปฏิบัติว่าจะรับมือกับความจริงเหล่านั้นอย่างไรด้วย

เช่นกฎแห่ง " อนิจจัง " ความไม่เที่ยงแท้แน่นอน หรือที่เขาชอบพูดกันว่า  "เกิดขึ้น  ตั้งอยู่ ดับไป " นี่คือทรงบอกความจริง  และทรงบอกแนวทางปฏิบัติที่จะรับมือกับความจริงนึ้ไว้ด้วยกล่าวคิอ " ถ้าไม่ประมาทก็ไม่เสื่อม  " กลับจะเจริญเพิ่มขึ้นก็ได้ถ้าไม่ประมาทโดยดำรงค์อยู่ในศีลในธรรมจรรยาที่ดี  แต่ตามความเป็สจริงมันไม่เป็นอย่างนั่น พอมีอำนาจวาสนาก็คิดว่ากูจะทำอะไรก็ได้ไม่อยู่ในศึลธรรมอันดีคิดว่าจะอยู่ในอำนาจวาสนาไปชั่วกัลปาวสานต์ พอมีเหตุขัดข้อง ( ไม่บอกก็รู้ ) ก็มาโวยวายหาว่าถูกกลั่นแกล้งขอนิรโทษ เรื่องแบบนี้มันปรากฏในประวันิศาสตร์โลกมานับครั้งไม่ถ้วน แต่มันก็ยังประมาทกันอยู่ นี่แหละหนาที่เขายอกว่า " ความประมาทคือหนทางแห่งความตาย  " สาธุ

ประเภทรู้แต่ทฤษฏี แต่ไม่ยอมปฏิบัติ

พุทธศาสนิกชนแบบอ่านหนังสือ แต่ไม่ลองปฏิบัติธรรม ประเภทนี้มีเยอะ อ่านจนแตกฉานเลย แต่ไม่ลองปฏิบัติกรรมฐาน ก็ไม่เคยลองฝึกจิตสักที จะไปได้อะไรละครับ ให้อ่านพระไตรปิฎกจนจบสัก 10 รอบ ก็โดนกิเลสในตัวมันลากจูงเป็นวัวควาย ไม่รู้เท่าทันกิเลสก็เดินเข้าสู่หนทางวิบัติฉิบหายสถานเดียว  วงศาคณาญาติก็อาจจะพลอยได้รับเคราะห์ไปด้วยนะครับพี่น้อง (สมเด็จพระบรมศาสดาทรงบรรลุธรรมก็ด้วยการปฏิบัติ กว่าจะบรรลุมรรคผลใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ก็ผจญอุปสรรคมารผจญมากมาย ก็ชนะมารได้ด้วยการปฏิบัติทั้งสิ้น)

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

ปฏิบัติสิโก

ท่านพุทธทาสท่านเป็นคนเปิดธรรมิกสังคมนิยมมาตั้งแต่ปี  2474 ก่อนปีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 1 ปี  ท่านบอกมาตั้งนานแล้วว่าการทำให้สังคมผาสุขร่มเย็นอันเป็นสุดยอดของการเป็นไปในสังคม ต้อง ธรรม ความจริง ความถูกต้องเป็นใหญ่   ถ้าประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนเห็นแก่ตัวแล้วฉิบหายหมด

แล้วท่านยังบอกอีกว่า " ธรรมคือหน้าที่  การทำหน้าที่ก็คือการปฏิบัติธรรม " ดังนั่าถ้าโกไปทำหน้าที่เต่าโหยวผู้นำทัวร์ ใครถามว่าห่ำช้อยโกฮี้ไน้  อาโกพูดได้เต็มปากเลยว่า  " อ๋อ กำลังจะไปปฏิบัติธรรม "    หรือคนงานเทศบาลกำลังกวาดขยะอยู่เขาก็กำลังปฏิบัติธรรมอยู่ นะ ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่า การทำงานการทำหน้าที่ของตนนั้นก็คือการปฏิบัติธรรมแล้วโก  อาโกอย่าใจแคบเอาแค่การไปหลบลี้หนีสังคมไปนั่งหลับตาอยู่ในป่าคือการปฏิบัติธรรมเพียงอย่างเดียวเลย  ว่าแต่ว่าวันนี้อาโกไปปฏิบัติธรรมกลับมาแล้วใช่ม้า

ถ้าไปแบบนั้นได้ก็ดีนะสิ

สมัยพุทธกาล พระศาสดาก็อยู่ในป่าปฏิบัติธรรม จึงสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า เพราะเหตุปัจจัยที่เหมาะสมในการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมก็ทำได้หลายแบบ แล้วแต่จริตของผู้ปฏิบัติด้วย บางคนไม่ชอบนั่ง เขาก็เดินจงกรม วิธีแบบท่านสว. ก็เป็นทฤษฎีแบบท่านพุทธทาส ซึ่งพุทธศาสนิกชน สามารถเลือกปฏิบัติได้ตามความเหมาะสม เพราะสุดท้ายคือเป้าหมายเดียวกันครับ ใคร่ชอบวิธีใดก็เลือกให้ถูกกับจริตตัวเองก็แล้วกัน  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็style ใคร style มัน การจะปฏิบัติธรรมต้องไม่พูดเรื่องใจแคบครับท่านสว. จะทำให้จิตใจขุ่นมัว ทำใจให้สบาย ๆ  อย่าไปสงสัยใครว่าหลบลี้หนีสังคม หนีออกนอกประเทศ เดี๋ยวจิตใจจะว้าวุ่นไปเสียเปล่า ๆ เป็นอุปสรรคต่อการปฏิธรรมนะจะบอกให้ (แหมไม่รู้ว่าอาหงิ่วโกบ้านใกล้วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมัยยังหละอ่อนไหง่เคยบวชอยู่วัดอัปสรสวรรค์ ติดกับวัดปากน้ำ เคยออกมาเดินบิณฑบาตในละแวกนั้น แต่ยังไม่รู้จักท่านอาวุโส) แล้วจะมีคนแซวไหมว่า วันนี้เว็บฮากกามีเรื่องอื่นเต็มไปหมด อีกหรือเปล่าน๊า 

รูปภาพของ วี่ฟัด

ดีแน่โก

ที่จริงศาสนาต่างๆล้วนเกิดขึ้นเพื่อให้ศาสนิกปฏิบัติต่อกันในสังคมเพื่อจุดมุ่งหมายหลักคือความสงบสุขร่มเย็นของสังคมมิใช่หรือ ดังนั่นคำว่าปฏิบัติจึงน่าจะหมายถึงการนำคุณธรรมทางศาสนามาปฏิบัติต่อกันในสังคมง่ายๆแค่นี้เองโก

การปฏิบัติธรรมจึงเป็นเซ็ทขนาดใหญ่ที่รวมทั้งการนำธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติในสังคมชีวิตประจำวันและนี่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักมิใช่หรือ ส่วนการการปฏิบัติธรรมในความหมายว่าคือการนั่งหลับตานั่นคือซับเซ็ต อันเป็นเซ็ตย่อยๆในความหมายแห่งการปฏิบัติธรรม

ในสังคมครอบครัวมีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมายเช่นบางคนมีปัญหาครอบครัวแต่ไม่นำหลักธรรมมาใช้ประพฤติปฏิบัติภายในครอบครัวแต่กลับหลบลี้หนีไม่ทำหน้าที่ของตนละทิ้งลูกทิ้งเต้าไปปฏิบัติธรรม แบบนี้เขาก็เรียกว่าเกาไม่ถูกที่คัน แบบนี้พระพุทธองค์คงไม่ส่งเสริมแน่

เข้าใจกันคนละมุม

การนำธรรมะมาใช้ชีวิตประจำวันแบบชาวบ้าน ๆ ก็ดีไปอีกแบบ คือ มีธรรมะกำกับสติอยู่ตลอดเวลาในชีวิตประจำวันก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมไปในตัว การมีสติรู้อยู่ตลอดในกิจวัตรประจำวันก็คือการปฏิบัติธรรมซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี และเป็นพื้นฐานต่อไปในการเจริญสติในขั้นต่อไป ซึ่งเมื่อมีสติแล้ว ก็มีปัญญา รู้ว่าอะไรเหมาะอะไรควร คนที่ไม่สติ ก็ยังโง่ต่อไป ที่จะไม่รู้จักบริหารเวลาของตัวเอง แล้วทุ่มเวลาทั้งหมดหลบหนีครอบครัวไม่ทำหน้าที่ของผู้นำครอบครัวไปนั่งหลับตา แบบนั้น พวกนั้น คือคนประเภท ปัญญายังไม่เกิด คนพวกนั้น ยังโง่อยู่มาก ที่บอกว่าโง่ เพราะศึกษาข้ามช๊อตไปมาก
คือยังไม่ทันสร้างพื้นฐานในการกล่อมเกลาจิตใจตัวเอง อยู่ๆ จะหลบลี้หนีหายไปนั่งหลับตาแบบนั้น ก็มีแต่พวกโง่งมงาย แต่ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมกันจริง ๆ เขาก็ดำรงชีวิตตนเองตามปกติโดยมีธรรมะเป็นแสงเทียนส่องทาง เมื่อศึกษาธรรมะมาบ้างแล้วอย่างน้อย มันก็เริ่มรู้จักละอาย และเกรงกลัวต่อบาป และละอายใจในความประพฤติที่ไม่ถูกต้องที่จะไปทำการสิ่งใดที่มันขัดแย้งต่อกิจวัตรประจำวัน ดังนั้นผู้ที่ปฏิบัติธรรมในความหมายที่ผมกล่าวมานี้ ก็ได้ดำรงชีวิตแบบที่ท่าน สว.บอกนั่นแหละ เพียงแต่ว่าถ้าใครผ่านstepแรกมาแล้วก็สามารถมีพัฒนาการของการปฏิบัติธรรมในขั้นสูงต่อไป ผมมองว่านี่คือพัฒนการของการปฏิบัติธรรมที่เริ่มจากสิ่งง่าย ๆ ในชีวิตรอบ ๆตัวเรา แล้วค่อย ๆ พัฒนาความก้าวหน้าของการปฏิบัติธรรมเป็น step by step ครับผม ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด ๆ เลย ตอนท่านสว. เรียนจบมศ. 5 ท่านก็ไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ได้นิติศาสตร์บัณฑิต ถามว่าท่านจะศึกษาต่อหรือไม่ ก็เป็นเรื่องส่วนตัว อยากก้าวหน้าต่อก็เรียนต่อไปเรื่อยๆ ไปเอาปริญญาทางบัญชีอีกใบก็ไม่เห็นมีใครว่า เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของพัฒนาการความเจริญก้าวหน้าของแต่ละคน  คุณจะจบมศ.5 ก็ไม่เห็นเป็นไร ใครทำใครได้ แต่ต้องทำทีละขั้นทีละตอน ถ้าก้าวข้ามขั้นมากไป ตกมาก็มีแต่เจ็บครับพี่น้อง

กระทงหลงทิศ (คอมเม้นท์)

เนื่องจากภาษาจีนแคะนั้นก็แตกย่อยออกเป็นหลายสำเนียง แต่ละคนก็ถนัดในสำเนียงของตนเอง และการใช้อักษรไทยในการผสมเสียงก็ยิ่งทำให้อ่านเข้าใจยาก ถ้าไม่ใช่กลุ่มสำเนียงเดียวกันก็ยิ่งไปกันใหญ่ อาจจะอ่านเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เพราะมวลสมาชิกฮากกาพีเพิลทั้งหลายต่างก็ล้วนเป็นจีนแคะที่เกิดเมืองไทยทั้งสิ้น บางคนพูดได้เยอะ บางคนพูดได้น้อย บางคนพูดจีนแคะไม่ได้เลยก็มี เพราะฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายจะสื่อสารด้วยภาษาจีนแคะด้วยอักษรไทย ผมอยากเสนอแนะให้ช่วย พิมพ์เป็นภาษาจีนต่อจากเรื่องราวที่ท่านนำเสนอ ผมเชื่อว่า เด็กจีนแคะรุ่นใหม่เรียนภาษาจีนและเข้าใจภาษาจีนมากกว่าภาษาจีนแคะด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจะได้ เอาภาษาจีนนี้ไปเทียบเคียงกับคำในภาษาจีนแคะ เพื่อเป็นการศึกษาภาษาจีนแคะไปในตัว ดีกว่าพิมพ์เป็นแบบภาษาไทยสำเนียงจีนแคะแล้วอ่านเข้าใจกันไม่กี่คน ก็จะเป็นการจุดประกายขยายวงออกไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เขาไม่มีพื้นความรู้ภาษาจีนแคะให้เกิดความสนใจที่จะเรียนรู้ในภาษาของบรรพชนต่อไปครับผม (ถ้าไม่เชื่อลองให้คนที่อ่านทั้ง 312 คน แปลความหมายออกมาสิ รับรองว่า ออกมาไม่เหมือนกัน หรือบางคนอาจส่งกระดาษเปล่าก็ได้นะครับ ขนาดตูข้าอ่านพูดพอได้ ยังฉงนงงงวยในหลายประโยค อ่านจบแล้วต้องกินพาราเซทตามอลเลย อิอิ)

 

รูปภาพของ วี่ฟัด

ทำดี ทำชั่ว โกว่าอะไรทำยาก อะไรทำง่ายกว่ากัน

ร้อยทั้งร้อยจะต้องบอกว่า ทำดีซิทำยาก ทำชั่วทำง่าย

แต่ถ้าจะแบ่งแยกระหว่างความคิดและการกระทำหละ

แน่นอนคิดชั่วมันง่ายกว่าเยอะเพราะความคิดมันเป็นไปตามกิเลส ตัณหา อุปาทาน ตามกมลสันดานธาตุแท้ของมนุษย์

แต่ถ้าเป็นการกระทำ ทำชั่วทำยากกว่าทำดีเยอะนะ อย่างไรหละโก อ๋อ ใครจะทำชั่วนี่มันไม่ง่ายนะเช่นจะไปหลอกลวงโกงใคร มันต้องวางแผน  ต้องฝึกให้พูดจาหวานๆ ( ปากหมาๆแบบไหง่คงจะไปหลอกลวงใครไม่ได้ ) ต้องฝึกเอาอกเอาใจ แต่การทำดีนี่ไม่น้องทำอะไรเลยแค่อยู่เฉยๆนั่งนิ่งๆทำจิตใจให้บริสุทธิ์แค่นี้ก็คือทำดีแล้ว

แต่ถ้าเอาคำถามนี้ไปถามชาวบ้านร้านตลาดทั่วไปร้อยทั้งร้อยเขาจะบอกว่า ทำดีทำยากต้องมีเงินเอาเงินไปแจกเขามีเงินเอาไปทำบุญกุศลนี่คือทำความดี  อาเมนเลยโก คนไทยมันเป็นอย่างนี้การเมืองไทยมันก็เลยเป็นอย่างนี้แหละโก  

ตอบไม่ถูกจ้า ท่านสว.

มันแล้วแต่สันดานคน คนที่เกิดมาเป็นโจรมันก็บอกว่าทำดียาก มันจึงต้องเป็นโจร เพราะการทำความดี โจรบอกว่าทำยาก ทำไม่ได้สักที สุดท้ายก็ต้องเป็นโจร เพราะทำความดีไม่ได้สักที  ส่วนคนที่เกิดมาเพื่อทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง เขาก็บอกว่าทำชั่วมันยาก เพราะจิตใจเขามีหิริโอตตัปปะ มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป คอยกำกับสติอยู่ตลอด เลยทำให้การที่จะหลงไปทำความชั่ว นั้นเป็นไปได้ยาก ด้วยประการฉะนี้ แล

รูปภาพของ วี่ฟัด

ท่านเต่าโหยว

ความคิดของโกมันก็เหมือนความคิดของคนทั่วๆไปนั่นแหละไม่เห็นแปลกอะไรแต่มาเจอกับไหง่ที่มีความคิดที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านคุยกับไหง่อาโกก็จะได้รับความคิดประหลาดๆไปอีกแบบไงโก แต่หรือว่าของโกแปลกไหง่ก็ไม่รู้เหมือนกัน

แปลลอยกระทง(ในบล๊อกแล้ว)

   ขอบใจพี่น้องหลาย ๆ เด้อ
รูปภาพของ วี่ฟัด

ไหง่แปลให้เสร็จแล้ว

ไหง่รู้อยู่แล้วมันต้องออกมาแนวๆนี้เลยเสริมบนกลอนออกมาแนวเดียวกันเป๊ะ หมอเวิ่นถี่ หมอเวิ่นถี่

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

จากภาษาปั้นซันฮักถึงอักษรจีน

เพื่อความสมบูรณ์ครบเซ็ท ขอเพิ่มอักษรจีนลงไป อักษรใดผิดพลาด คุณแจวชิ้นสุ้ยช่วยแนะนำด้วย จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง
 
หมายเหตุ:อักษรเขียวเป็นอักษรที่รอการแก้ไข ผู้ใดรู้กรุณาช่วยเสริมให้ถูกต้องด้วย เพื่อความสมบูรณ์
 
ซิบหงี่เงี้ยด ซิบอื้อง เงี้ยดท้อนเหยน          十二月 十五 月團圓
เปวี้ยงกวิงเจี๊ยว สุ้ยเต๊น ล้อกก้องหลู่          放弓蕉 水燈 落江路 
ถุงเห่นหอ จิบย้า หว่าหยิดตู๊                      同恒河 整夜 講一度       
เชี่ยงสุ้ยเงวี๋ยง ป้อฝู่ หว่อยไคว่ล้อก           請水娘 保護 會快樂
 
เกวดก๊าสื่อ หลีฝอย ฮ้อยไถ่หนุง               國家事 離懷 在大亂
หงินหมินซั้ง หงัดผุ่ง อื๋อมถุงกอก             人民生 節縫 唔同角
ก่งหงินว้อย เช่าช่อย ก่งหงินว้อก             各人鍋 炒菜 各人鼎   
ช้อกอื๋อมช้อก เตี้ยวขัด ม่าหยาอ๊อย          著唔著 屌刻 罵爺哀
 
เชี่ยงเงี๊ยดเงวี๋ยง เห่นหอ ป๊องป้อผิน          請月娘 恒河 幫保平
หลอยป๊องฉู่ เสียมหมิน เหียดเก๊าขอย       來幫助 暹民 歇勾
เซ้นหม่าสื่อ ทุ้นล้อก ปอกกอยก๊อย            生麼事 呑落 剝易易
เสียมหลอไถ่ ฝัดฉอย ไฉฉาโย้                 暹羅大 發財 才差若

อักษรจีนบางคำ

恒 河 整夜 講一度ถุงเห่นหอ จิบย้า หว่าหยิดตู๊

國家事 離懷在大亂 เกวดก๊าสื่อ หลีฝอย ฮ้อยไถ่หนุง

人民生節缝 唔同角 หงินหมินซั้ง หงัดผุ่ง อื๋อมถุงกอก

來幫助 暹民歇勾หลอยป๊องฉู่ เสียมหมิน เหียดเก๊าขอย

各人炒菜各人 ก่งหงินว้อย เช่าช่อย ก่งหงินว้อก

麼事 呑落 剝易易 เซ้นหม่าสื่อ ทุ้นล้อก ปอกกอยก๊อย

ไหงหามาอธิบายให้ได้บางคำ(อักษรแดง) ต๊อเซี่ยคุณวี่ฟัด และกว๊านหมิ่นก๊อมาก

ที่หาคำมาช่วยให้ครบเซ็ทบทกลอน กำเซี่ยครับ

มีอีกหลายคำ(อักษรเขียว)ไหงหาไม่ได้เช่น

จิบย้า ที่เป็นกริยายกของขึ้นถวาย

หลีฝอย ที่แปลว่า ณ.ขณะนี้

เก๊าขอย ที่แปลว่าระหองระแหงกัน

และอีกจุด คือเงี้ยดเงวี๋ยง เป็น เงี้ยดเลวี่ยง 娘,亮 สองคำนี้

ถ้าคำที่หามาไม่ถูกต้อง ก๊อช่วยแก้ไขอีกทีเพื่อความถูกต้องสมบูรณ์ครับ

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

กลอนลอยกระทงประกอบอักษรจีน

 
十二月十五月團圓       ลอยกระทงวันเพ็ญเดือนสิบสอง
放弓蕉水燈落江路       ชลก็นองกระทงน้อยลอยตามน้ำ
同恒河整夜講一度       อ้อนวอนแม่คงคาพาถ้อยคำ      
請水娘保護會快樂       โปรดช่วยนำประชาไทยไปหรรษา  

國家事離懷在大亂       การเมืองไทยถึงทีกลียุค
人民生節縫唔同角       ผู้คนถูกปั่นหัวมั่วฝักใฝ่
各人鍋炒菜各人鼎       ต่างแตกแยกวิถีทุกที่ไป
著唔著屌刻罵爺哀       ถูกผิดไม่คำนึงถึงด่าทอ

請月娘恒河幫保平       วอนขอแม่จันทรามาปกป้อง
來幫助暹民歇勾開       อย่าให้ไทยต้องมาฆ่าฟันกัน
生麼事呑落剝易易       เรื่องใหญ่น้อยเจรจาพาให้ทัน
暹羅大發財才差若       ความสุขสันต์บังเกิดเทอดไชโย
รูปภาพของ แกว้น

ลอยกระทงว่าขอพรหมดทุกข์โศก

      ขออนุญาตนะครับ อ่านครั้งแรกพอจะเข้าใจความหมายเท่านั้น แต่เมื่อเห็นอักษรจีนของกว๊านหมิ่นโกแล้วทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น สนุกดีเหมือนกันครับ
   
      วรรคเดิมที่ว่า 同恒河整夜講一度 
   
      น่าจะเป็น  同恒河即夜哇一度  ตามนี้หรือเปล่า??
   
      สำเนียงไท้ปูอ่านว่า ถุ่งเห่นห่อวจิ้ดย้าว้ายิดทู้ 
      หมายความว่า “เวลาใกล้ค่ำว่าขอพรต่อพระแม่คงคาสักหน่อยหนึ่ง”
      เพราะว่าตามความหมายคงไม่เมคเซ้นท์ที่ใครจะภาวนาเพียงหน่อยเดียว แต่ใช้เวลาได้ตลอดทั้งคืน 整夜 
   
      คำว่า “ 即夜 ” สำเนียงไท้ปูมีผู้พูดออกเสียงมากพอๆกันว่า จิ้ดย้า หรือ จิ้บย้า แต่ตามพจนานุกรมอ่านว่า จิ้ดย้า เหมือนกับสำเนียงหม่อยแย้น
      หมายความว่าใกล้ค่ำ หรือหัวค่ำ และกลุ่มคำนี้ประกอบด้วยคำว่า จิ้ดย้า แซนย้า ซามกองปั๊นย้า
     
      และคำว่า “ ว่า ” ในภาษาไทยคงจะมาจากคำว่า “ ว้า” 哇 คำนี้กระมังหรือเปล่า? กว๊านหมิ่นโก

กระทงลงถัง


เป็นอย่างนี้นะครับ

恒河礿哇一 ถุงเห่นหอ จิบย้า หว่าหยิดตู๊

เซ่นสรวงขอพรต่อพระแม่คงคาไปหนึ่งกองใหญ่

ตู๊หรือตุ๊ย กอง

礿จิบ ย้า เซ่นสรวงขอพร

กระทงหลงทิศไปซะเกือบอาทิตย์
เพราะโดนเทศบาล

จับมาดองเค็ม กลายเป็น
หำสุ้ยเต๊น วันนี้ลงถังได้ซักที

รูปภาพของ แกว้น

ถุ่งเห่นห่อวจิ้ดย้าว้ายิดทู้ 同恒河即夜哇一度

คำและประโยคของซิ้นสุ้ยโกยังคงไม่เมคเซ้นท์อยู่ดีครับ เค้าโครงประโยคของกว๊านหมิ่นโกสมเหตุสมผลตามคำอ่านของบทกลอนมากกว่า

1.  礿 คำนี้ไม่มีสำเนียงถิ่นใดอ่านว่า จิ้ด หรือ จิ้บ เลย และ 丫 คำนี้ เสียงอ่านว่า ยา เป็นสำเนียงตามภาษาจีนกลาง ฮากกาอ่านว่า อา

2. โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทกลอนไม่ได้พูดถึงการบวงสรวง

3. คำกิริยาคือ ว้า ชัดเจนอยู่แล้วตามคำอ่าน

4. 堆 คำนี้ไม่มีสำเนียงถิ่นใดอ่านว่า ตู๊ สำเนียงทุกถิ่นถ้าไม่อ่านว่า ตุย ก็จะอ่านว่า ตอย ถ้าจะมีต่างกันก็เพียงเสียงวรรณยุกต์เท่านั้น 

5. บทกลอนนี้ผู้เขียนกำลังพูดกับสิ่งศักสิทธิ์ ถึงแม้จะขอพรมากเพียงใดก็คงจะไม่บอกว่าขอเป็นกอง และปกติวลี "้ ว้ายิดตุย " 哇一堆 หรือ " ว้ายิดไท้ตุย " 哇一太堆 จะถูกใช้เป็นคำกระทบกระเทียบมากกว่า

จึงเห็นสมควรใช้เป็น 同恒河即夜哇一度 ถุ่งเห่นห่อวจิ้ดย้าว้ายิดทู้ ตามนี้ครับ 

จิบย้า กาล้อ

กำเซี่ยคุณแกว้นมากที่ช่วยค้นคว้ามาให้ลงในรายละเอียด
ทีนี้ไหงว่าจะไม่ชี้แจง สมาชิกก็จะไม่เข้าใจ ขอไหงชี้แจงสักหน่อยแล้วกันครับ

เอาว่าจิบย้า คำนี้ขักหงินคงจะเคยไป้ล่อหยา แล้วมีช่วงตอนที่มีการเอาสองมือยกสิ่งของ
อาจจะเป็นขนม ผลไม้ หรือกระดาษไหว้ ขึ้นทำกิริยาประเคนหรือบวงสรวงขึ้น ลง ๆ นั้นแหละ
ภาษาบ้านไหงบอกว่า จิบย้า

แถมอีกคำว่ากาล้อ น่าจะแปลว่าปัดรังควาน คือถ้าใครเคยไปไหว้เจ้า
ช่วงต้นปี ปลายปีคงจะเคยเห็นผู้ปีเกิดปีชง จะนำเอากระดาษเขียนใส่วันเดือนปีเกิด
แล้วยืนขึ้นเอากระดาษนั้นปัดด้วยมือข้างเดียวจากหัวลงมาด้านล่าง
สิบสองครั้งเท่าจำนวนเดือนในหนึ่งปีแล้วเอากระดาษนั้นให้ทางศาลเจ้าทำพิธีสวดให้
ไหงไปไหว้ที่ศาลเจ้าวัดเล่งเน่ยยี่เห็นทุกปี ส่วนกาล้อจะเขียนอย่างไร
คุณแกว้นช่วยค้นให้ทีครับ

ตู๊ หรือตุ๊ย หรือต๊อย คำอ่านตู๊จะอ่านหรือไม่
ไหงไม่รู้ แต่คำพูดบ้านไหง ไหงพูดบ่อย หยิดตู๊จื้อ กองนิดเดียวหรือบางทีก็เรียกหยิดติ๊บจื้อ
ของหน่อยเดียว หยิดตุ๊ยแหน ดินกองหนึ่ง หยิดต๊อยเหนี่ยว ปัสสาวะกองหนึ่ง

ยามบ้านเมืองยุ่งเหยิงวุ่นวายเช่นนี้ แม่นแล้ว
น่าขอพรอย่างกระทบกระเทียบไหม?หงีก็บอกอยู่เองแล้ว นี่นา เพราะไหงเขียนบทกลอนเอง
ขอพรจากพระแม่คงคาเอง

หนังสือจีนนี่ก็แปลกคำมากคำเขียนยากขนาดไหน มีอักษรเขียนได้
คำที่ใช้กับปากแท้ ๆ อย่างคำว่าหว่า หรือว่าหรือว้านี่กลับไม่มีคำเฉพาะของตัวเอง
ต้องใช้ 哇 แปลว่าอ้วก
สำรอก อาเจียน เสียงเด็กร้องไห้ ทีกับคำว่าหมอ แปลว่าไม่มีนั้น กลับมี และก็มีใช้ซะตั้งสามสี่คำไถ่ก๊าลองค้นดูเถอะ

ก่อนจบขอแซวคุณแกว้นสักหน่อย
คำที่ว่าชักแม่น้ำทั้งห้าเป็นประมาณนี้หรือเปล่าครับฮะฮะฮะ

รูปภาพของ แกว้น

ยิดทู้กับยิดตุย 一度一堆

      ตามตัวอย่างที่ยกมาของซื้นสุ้ยโก " ไหงพูดบ่อย หยิดตู๊จื้อ กองนิดเดียวหรือบางทีก็เรียกหยิดติ๊บจื้อ ของหน่อยเดียว หยิดตุ๊ยแหน ดินกองหนึ่ง หยิดต๊อยเหนี่ยว ปัสสาวะกองหนึ่ง"

      一度 และ 一滴  นิดเดียว หน่อยเดียว (ไม่ได้แปลว่ากอง)

      一堆  หนึ่งกอง

ภาษาถิ่น

ก็คือขอให้เข้าใจตามที่คุณแกว้นลอกคำของไหงแล้วใส่สีแบ่งให้
คุณแกว้นกี๋เขียนเรื่องอักษร แต่ไหงเขียนเรื่องภาษาพูดซึ่งก็ดิ้นไปตามถิ่น เป็นที่มาของคำว่า”ภาษาถิ่น”นั่นแหละ ซึ่งบทกลอนของไหง ล้วนเขียนจากภาษาถิ่นภาษาพูดแทบทั้งสิ้น ถ้าไปอิงภาษาหนังสืออย่างคุณแกว้น กลอนบทหนึ่งสิบวันไหงว่าไม่น่าจะสำเร็จ สำหรับตัวไหง 

กลอนบทนี้กว้านหมิ่นก๊อช่วยกรุณาลงคำเป็นอักษรให้ แล้วบอกให้ไหงช่วยเช็คอักษรว่าตรงกับภาษาพูดไหม? ซึ่งไหงก็เช็คไปเท่าที่รู้เท่าที่ได้ แต่คุณแกว้นมาแปลงมาเปลี่ยนภาษาพูดของไหงซึ่งไหงก็ต้องชี้แจงไปว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแกว้นเข้าใจ เช่นนี้ครับไถ่ก๊า 

กำเซี่ยคุณแกว้นมากครับ

รูปภาพของ วี่ฟัด

สำเนียงถิ่น

                        ที่จริงต้องใช้คำว่า " สำเนียงถิ่น " หรือตี้ฟางเหยียนหรือในภาคภาษาอังกฤษเขาใช้ว่า Linguistics ถึงจะถูกต้องไม่ใช่ใช้คำว่าภาษา ( language )

                     ถ้าเป็นภาษาต้องเป็น major หรือภาษาแกนหลักเช่นภาษาจีน ภาษาอังกฤษ เป็นต้น แต่ถ้าเป็น minor ของภาษาควรจะเรียกว่า สำเนียงหรือ linguistics

                   ทุกภาษามีสำเนียงย่อยๆเยอะอยู่ทุกชาติทุกภาษา คนในกลุ่มสำเนียงภาษาฮากกาอย่ามัวน้อยอกน้อยใจ ( หรือเปล่าก็ไม่รู้ ) อยู่เลยว่าทำไมเรามีสำเนียงภาษาเยอะ ขอโทษภาษาอังกฤษมันก็มีสำเนียงภาษาเยอะนะแต่เราไม่รู้เราก็มาตีโพยตีพายกันในเรื่องไม่เป็นเรื่องในเรื่องLinguisticหรือสำเนียงภาษานี้  พวกฝรั่งมันไม่เห็นมีใครเดือดร้อนเรื่องสำเนียงภาษากันเลยจุงเบย

รูปภาพของ แกว้น

สำเนียงถิ่นฟางเหยีน “ 方言 ”

      " สำเนียงถิ่น " ภาษาอังกฤษหมายถึง Dialect และภาษาจีนหมายถึง " ฟางเหยีน " 方言  

      方 ฟางตัวนี้หมายถึงรูปแบบของภาษา " ฟางซื่อ " 方式 ไม่ได้หมายถึงถิ่น " ตี้ฟาง " 地方 นะครับ

      ภาษา หมายถึง  Language 语言

      ภาษาศาสตร์ หมายถึง  Linguistics 语言学  นะครับ

 

      อันนี้เกี่ยวกับความหมาย แต่ไม่เกี่ยวกับสำเนียงเรื่องปลีกย่อยนะครับ  

      ตามตัวอย่างที่ยกมาของซื้นสุ้ยโก " ไหงพูดบ่อย หยิดตู๊จื้อ กองนิดเดียวหรือบางทีก็เรียกหยิดติ๊บจื้อ ของหน่อยเดียว หยิดตุ๊ยแหน ดินกองหนึ่ง หยิดต๊อยเหนี่ยว ปัสสาวะกองหนึ่ง"

 一度 และ 一滴  นิดเดียว หน่อยเดียว (ไม่ได้แปลว่ากอง)

      一堆  หนึ่งกอง 

 

รูปภาพของ จองกว๊านหมิ่น

腔調-語言-方言

 
1. accent - สำเนียง  -  腔調
2. language - ภาษา  -  語言      
3. linguistics - ภาษาศาสตร์  -  語言學
4. dialect - ภาษาท้องถิ่น ภาษาพื้นเมือง  -  方言

ขอไลค์หน่อย

คืนนี้ดูละครจบแล้วสบายใจ
ขึ้นมาดูเว๊ปแล้วรู้สึกปลื้มใจมากที่คุณแกว้นชมเชยไหงมาอีกแล้ว... . 
  
ตามตัวอย่างที่ยกมาของซื้นสุ้ยโก " ไหงพูดบ่อย หยิดตู๊จื้อ กองนิดเดียวหรือบางทีก็เรียกหยิดติ๊บจื้อ ของหน่อยเดียว หยิดตุ๊ยแหน ดินกองหนึ่ง หยิดต๊อยเหนี่ยว ปัสสาวะกองหนึ่ง"

 一度 และ 一滴  นิดเดียว หน่อยเดียว

 
一堆  หนึ่งกอง 

 

 

รูปภาพของ ฉินเทียน

ภาษาจีน ถิ่นบรรพชน คนขยัน มั่นศึกษา หาวิชาคุณธรรม นำพาร่ำรวย

หลังจากการประชุมฮากกามิตรสัมพันธ์ฯ หาดใหญ่ ในสมาคมฮากกา ฯ จะมีการส่งเสริมเริ่มเรียน และสอนภาษาจีนถิ่นขักฝ่าและภาษาจีนกลางด้วย นอกจาก ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ฉะนั้นฝึกกันไว้นะครับ 

รูปภาพของ วี่ฟัด

น้ำนองตลิ่งขจัดสิ่งโสโครก

เดือนสิบสองน้ำก็นองเต็มตลิ่ง

มาล้างสิ่งโสโครกตามดิถี

มาขจัดสิ่งชั่วร้ายเพื่อสิ่งดี

ให้มันมีอันปราศพินาศไป 

จะเก่งกล้ามาจากใหนไม่เคยหวั่น

จะบากบั่นมาจากใหนไม่เคยขาม

จะหน้าด้านแบบใหนไม่เคยนิยาม 

แต่จงหยามคนชั่วช้าหน้าด้านทน

รูปภาพของ วี่ฟัด

ภาษาจีนมั้งดิ

เห็นโลโกของไหง่ที่ชื่อว่า " ไช่เหวยฟา " หรือเปล่า อันนี้ไหง่ได้มาจากหยางซั่ว เมืองกุ้ยหลินครับ 

ใครที่เคยไปกุ้ยหลินจะต้องเคยไปหยางซั้วเพราะเป็นที่ล่องเรือในแม่น้ำหลี่เจียง ( แม่น้ำหลี่เจียงเป็นแม่น้ำสายเดียวกับแม่น้ำจูเจียงในกวางเจาที่ใหลออกทะเลที่จูไห่ ) ตามรอยหลิวซานเจี๊ย ซึ่งไหง่เคยบอกว่าเฉยๆไม่น่าประทับใจเลย  ที่หยางซั้วจะมีถนนคนเดินชื่อว่าซีฟางลู่ ( ชาวบ้านเรียกว่าถนนฝรั่ง )  

ถนนคนเดินก็มีของขายสารพัดแต่ส่วนมากจะเป็นคนหูหนาน เจอคนฮากกาหูหนานบ้าง  พอดีไปเจอคนหูหนาน เขารับเขียนคำกลอนมงคลด้วยพู่กันจีน ไหง่เห็นเลยไปให้กี่เขียนแต่ไหง่ให้กี่เขีรยนชื่อตอนแรกกี่จะเขียนแบบตัวย่อแต่ไหง่บอกว่าไม่เอาจะเอาตัวเต็ม ปรากฏว่ามันเขียนไม่ได้ ไหง่ต้องเขียนให้กี่ดู พวกต้าลู่นี่มันมีปัญหากับอักษรจีนตัวเต็มจริงๆ

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal