หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

เดือนกันยายนนี้ไปจีนไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว

รูปภาพของ วี่ฟัด

ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้คนจีนมาไทยคนไทยไปจีนไม่ต้องขอวี่ซ่าอันแสนจะยุ่งยากอีกแล้ว


ข่าวล่า มาเร็ว จริง ๆ เลย update ทันก่อนใคร

เป็นเพราะญี่ปุ่นประเดิมการยกเลิกการทำวีซ่าไปญี่ปุ่น และอาโกสมชัยบ่นว่า เดี๋ยวนี้จีนเรื่องมากต้องมีเงินในบัญชี 5 หมื่น คงมีfeedbackไปถึงสถานทูตจีน แนวเดียวกะอาโกที่ไม่เห็นด้วยกับระเบียบจุกจิก และเกิดข้อเปรียบเทียบว่าขนาดญี่ปุ่นประเทศมหาอำนาจคู่กัดกับจีน ที่กำลังจะเป็นกลุ่มอาเซียนบวก 3 ยังยกเลิกการทำวีซ่า เช่นเดียวกับจีนที่ก็อยู่ในกลุ่มอาเซียนบวก 3 เหมือนกัน แล้วเหตุไฉนจึงจะทำให้ยุ่งยากให้เสียความรู้สึกกันเปล่า ๆ เพราะจีนก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมายาวนานกว่าญี่ปุ่นเสียอีก เพราะฉะนั้นจีนจึงกลับมาทบทวนใไหม่ เพราะ 中泰一家亲 จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน 

รูปภาพของ ฉินเทียน

ขอรายละเอียดเพิ่มเติมครับ

เนื่องจาก ตอนนี้เท่าที่มีข้อมูล รู้ว่ายังต้องมีการขอวีซ่า  แต่บุคคลที่ถือใบต่างด้าว สามารถถือหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตของประเทศจีน

------------------------------------------------------------------------------------------------ 

http://www.thaiembassy.org/kunming/th/thai-people/17291-การขอวีซ่าจีน.html

+++ (สำหรับประเทศที่เซ็นสัญญาปลอดวีซ่ากับจีนไม่ต้องทำวีซ่า) +++

ข้อมูลอื่นๆ มีต่อไปนี้ครับ 

http://www.thaiembassy.org/kunming/th/news/432/37442-ประกาศ-กฎหมายคนเข้า-ออกเมืองของจีน-(ฉบับปรับปรุง).html

ข่าวเด่น : ประกาศ กฎหมายคนเข้า-ออกเมืองของจีน (ฉบับปรับปรุง) Entry and Exit Law of People’s Republic of China

 

กฎหมายคนเข้า-ออกเมืองของจีน (ฉบับปรับปรุง)  Entry and Exit Law of People’s Republic of China

 

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ขอแจ้งประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกฎหมายคนเข้า-ออกเมืองของจีน (ฉบับปรับปรุง) Entry and Exit Law of People’s Republic of China ซึ่งได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 โดยกฎหมายดังกล่าวได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดขึ้นสำหรับการขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) ประเภทต่างๆ และข้อกำหนดสำหรับการขอใบอนุญาตทำงานของชาวต่างชาติ การขยายระยะเวลาพำนักในจีน และบทลงโทษเมื่อมีการละเมิดข้อกฎหมาย ดังนี้

1.      การขอวีซ่าและใบอนุญาตการมีถิ่นพำนัก

1.1  กำหนดให้ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว ทำงาน เยี่ยมญาติ ติดต่อธุรกิจ ต้องยื่นขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตจีน หรือสถานกงสุลใหญ่จีน พร้อมยื่นเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วนตามที่ฝ่ายจีนกำหนด (ข้อที่ 15)

1.2  กรณีเร่งด่วนเหตุผลด้านมนุษยธรรม หรือได้รับเชิญจากทางฝ่ายจีนอย่างเร่งด่วน หรือกรุ๊ปทัวร์ สามารถยื่นขอวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึงด่านตรวจลงตรา (port visa authorities) ได้ โดยจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานประกอบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จะสามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน (ข้อที่ 20)

1.3  ชาวต่างชาติที่จะเดินทางออกจีน จะต้องยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หนังสือเดินทาง หรือเอกสารสำหรับใช้ผ่านแดน ให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองตรวจ (ข้อที่ 27)

(ในกรณีหนังสือเดินทางหาย ต้องประสานสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง หรือสถานกงสุลใหญ่ในจีน เพื่อทำหนังสือสำคัญประจำตัว และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อออก exit  visa ให้ก่อน)

1.4  ผู้ที่ประสงค์จะพำนักในจีนระยะยาว อาทิ เพื่อการทำงานหรือเพื่อการอื่น เมื่อเข้ามาในจีนแล้ว ต้องยื่นขอใบอนุญาตการมีถิ่นพำนัก (residence permits) ต่อหน่วยงานบริหารกำกับดูแลคนเข้า-ออก

ภายใต้หน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลท้องถิ่น / รัฐบาลกลางภายใน 30 วัน นับตั้งแต่เดินทางถึง โดยหน่วยงานจีนสามารถพิจารณาอนุญาตให้พำนักอยู่สำหรับการทำงานได้ตั้งแต่ 90 วัน – 5 ปี หรือ พำนักเพื่อการอื่นนอกเหนือจากการทำงานได้ตั้งแต่ 180 วัน – 5 ปี (ข้อที่ 30)

1.5  ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะต่ออายุใบอนุญาตการมีถิ่นพำนักต้องยื่นขอต่อหน่วยงานบริหารกำกับดูแลคนเข้า – ออก ภายใน 30 วัน ก่อนที่ใบอนุญาตเดิมจะหมดอายุ ทั้งนี้ หากคำขอถูกปฏิเสธ จะต้อง

เดินทางออกจากจีนภายในวันที่ใบอนุญาตการมีถิ่นพำนักหมดอายุ และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจีนจะต้องไม่กระทำกิจกรรมใดๆ ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การขอมีถิ่นพำนักในจีน (ข้อที่ 32 และ 37)

1.6  ห้ามมิให้นายจ้างจีน จ้างชาวต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือใบอนุญาตมีถิ่นพำนักสำหรับการทำงาน (ข้อที่ 41)

1.7  หน่วยงานด้านการศึกษาของจีนจะเป็นผู้กำหนดระเบียบสำหรับขอบข่ายของงานและระยะเวลาในการทำงานสำหรับนักศึกษาต่างชาติ (ข้อที่ 42)

1.8  การกระทำของชาวต่างชาติ ดังต่อไปนี้ ถือว่าผิดกฎหมาย (ข้อที่ 43)

1)      ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือใบอนุญาตมีถิ่นพำนักสำหรับการทำงาน

2)      ทำงานเกินขอบข่ายที่ระบุไว้ในใบอนุญาตทำงาน

3)      นักศึกษาต่างชาติที่ทำงานเกินขอบเขตงานและจำนวนเวลา ตามที่ระบุไว้ในระเบียบสำหรับการทำงานของนักศึกษาต่างชาติ

2.      บทลงโทษทางกฎหมาย

2.1  บุคคลที่ฝ่าฝืนกฎหมายและกระทำการดังต่อไปนี้ จะถูกปรับตั้งแต่ 1,000 – 5,000 หยวน และกรณีขั้นรุนแรง อาจถูกจำคุกตั้งแต่ 5 – 10 วัน และอาจถูกปรับตั้งแต่ 2,000 – 10,000หยวน

1)      เข้า - ออกจีนโดยใช้เอกสารที่ปลอมแปลง หรือผิดกฎหมาย

2)      เข้า - ออกจีน โดยใช้เอกสารสำหรับเข้า / ออก ของบุคคลอื่น

3)      หลบหนีการตรวจค้นของด่านตรวจคนเข้าเมือง

4)      เข้า - ออกจีน โดยผิดกฎหมาย

2.2   ผู้ที่ได้รับวีซ่าหรือใบอนุญาตมีถิ่นพำนักโดยผิดกฎหมาย จะถูกปรับตั้งแต่ 2,000 – 5,000 หยวน และในกรณีขั้นรุนแรง อาจถูกจำคุกตั้งแต่ 10 – 15 วัน และอาจถูกปรับ 5,000 – 20,000 หยวน และสำหรับหน่วยงาน / นิติบุคคลที่กระทำการดังกล่าว จะถูกปรับตั้งแต่ 10,000 – 50,000 หยวน (ข้อที่ 73)

2.3   ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจีนอย่างผิดกฎหมายจะได้รับการตักเตือน และอาจถูกปรับวันละ 500 หยวน หรือสูงสุดไม่เกิน 10,000 หยวน และอาจถูกกักบริเวณ 5 – 15 วัน (ข้อที่ 78)

2.4   ชาวต่างชาติที่ถูกเนรเทศออกจากจีน เนื่องจากละเมิดกฎหมายกระทรวงความมั่นคงภายในของจีน จะไม่สามารถเดินทางเข้าจีนได้อีกเป็นเวลา 10 ปีนับตั้งแต่ถูกเนรเทศ (ข้อที่ 81)

ในการนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงขอประชาสัมพันธ์คนไทยทุกท่านที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศจีน ให้ปฏิบัติตามกฎหมายเข้า – ออกเมืองของจีน(ฉบับปรับปรุง) โดยขอวีซ่าเพื่อการเดินทาง

เข้าประเทศจีนให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ สามารถค้นหาข้อมูลกฎหมายเข้า – ออกเมืองของจีน ฉบับเต็ม (ฉบับภาษาจีนและภาษาอังกฤษ)

ได้จาก http://cs.mfa.gov.cn/zlfg/flfg/gnfg/crjxg/t1054650.htm

 

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง

2 สิงหาคม 2556

 

 

เป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวดุจญาติมิตร

ยืมคำตอนหนึ่งของสโลแกนของ ตำรวจท่องเที่ยว Tourist Police ว่า ต้อนรับนักท่องเที่ยวดุจญาติมิตร 涯เพิ่งกลับจากพานักท่องเที่ยวจากเซินเจิ้น 5 สาว 2 ใน 3 เป็นฮากกาหงิ่น บังเอิญไปช่วยเพื่อนคนหนึ่งเขาพา 5 สาวมาเที่ยวแต่เธอภาษาจีนกลางไม่แข็งแรง และก็ไม่ชำนาญเส้นทางทัวร์กรุงเทพฯ เขาวาน涯จองเรือเจ้าพระยาปริ๊นเซสสำหรับdinner ก็เลยอาสาเป็นไกด์ให้ พอ涯แนะนำตัว และบอกว่าเป็นลูกจีนแคะ ฮากกาหงิ่น เท่านั้นแหละ 1 ใน 2 สาวสวนมาเป็นฮากฟ้าล้วน ๆ เลย 涯เลยสวนไปบ้างว่า หงี่เฮ้ฮากกกาหงิ่นโหม่? แล้วสาวก็บอกเพื่อน涯ว่า คนบ้านเดียวกัน ก็มองตากันก็เข้าใจอยู่ อิอิ ทีแรก涯กะว่า มาจองตั๋วเรือให้แล้วพาขึ้นเรือหาโต๊ะที่นั่งได้แล้วก็จะกลับ เพราะเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา 2 ชั่วโมง กว่าจะกลับขึ้นฝั่งก็จะดึก  แต่เลือดฮากหงิ่นมันแรง นาน ๆ จะเจอ Tourist ที่เป็นฮากกาหงิ่น เลยอยู่ต่อ แถมพาไปเดินซื้อทุเรียนที่เยาวราช เพราะสาวเจ้าrequest มา เนี่ย涯เพิ่งกลับถึงบ้านเมื่อ ชั่วโมงที่แล้วเอง ราตรีสวัสดิ์ 祝美好的夜晚

รูปภาพของ ฉินเทียน

นี่ละครับ สำหรับน้ำใจ ในสายเลือด

นี่เป็นอีกตัวอย่าง  ที่แสดงให้เห็นว่า  สายเลือดมันข้นกว่าน้ำ  

อันว่าปรัชญาน้ำ  ล้ำลึกแล้ว  แต่ปรัชญาเลือด  ยิ่งลึกล้ำกว่า 

涯  คำนี้ มีความหมาย มากกว่า กายเป็นบ่าว ใจเป็นประธาน

            http://hakkapeople.com/node/2487

รูปภาพของ นายวีรพนธ์

เดี๋ยวก็รู้

จะไปจีน 9-16 กันยายน 2556 พี่ชายและพี่สาวกำลังไปขอวีซ่าที่กงสุลจีนสงขลา บอกมาว่าไม่ต้องใช้บัญชีธนาคารแต่ใช้สำเนาบัตรประชาชน จองแอร์เอเชีย ไป - กลับดอนเมือง เซินเจิ้น ขาไป 4,850บาท ขากลับ 3,530 บาท  

รูปภาพของ นายวีรพนธ์

แห้วแหงๆ

วันนี้โทรไปหาพี่สาวว่าไปขอวีซ่าแล้วยัง

พี่สาวบอกว่ายัง เพียงมีข่าวว่าจีนจะยกเลิกวีซ่า แต่ไทยก็ต้องยกเลิกด้วย

จะไปทำวันที่ 2 กันยายน 2556 จะได้รู้ว่า เขายกเลิกวีซ่าแล้วยัง

แต่ดูตามข่าวของไทย กันยานี้ แห้วแหงๆ

รมว.ท่องเที่ยวฯ ค้านเปิดฟรี "วีซ่าจีน" บัวแก้วถก ททท.-เอกชน หาข้อสรุป

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22:30:15 น

นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลไทยประกาศยกเว้นจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าประเทศไทย (ฟรีวีซ่า) ให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน เนื่องจากประชากรจีนมีความหลากหลายทางชนชั้น เชื้อชาติ และรายได้ อาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนทุกระดับหลั่งไหลเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย มากเกินกว่าแหล่งท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานจะรองรับได้

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาเปิดมัลติเพิล วีซ่า ระยะ 1-2 ปี แทนการเปิดฟรีวีซ่า ซึ่งมองว่าวิธีดังกล่าวจะช่วยคัดกรองนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพเดินทางมาประเทศไทย รวมถึงกระตุ้นความถี่ให้คนจีนเลือกเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพราะการขอวีซ่า 1 ครั้ง สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยไม่จำกัดจำนวนในระยะเวลาที่กำหนด

“ปีนี้คนจีนมาท่องเที่ยวประเทศไทยเกือบ 4 ล้านคน ถ้ารัฐไม่คุมกำเนิดตลาดจีนให้อยู่ในปริมาณที่พอดี อาจส่งผลเสียต่อตลาดอื่นๆ ได้ และกระทรวงการท่องเที่ยวฯมีนโยบายเน้นตลาดจีนที่มีคุณภาพ กำลังซื้อสูงมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ทะลักเข้ามาแต่ใช้จ่ายต่อคนน้อย”นายสมศักย์ กล่าว

นายสรรเสริญ เงารังษี รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 ส.ค. ททท.และเอกชนท่องเที่ยว เตรียมเข้าหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลตลาดจีน ผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้น กรณียกเว้นฟรีวีซ่า ซึ่งเรื่องนี้ต้องหารืออย่างละเอียดรอบคอบก่อนหาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้ง เนื่องจากการเปิดฟรีวีซ่าในครั้งนี้จะเป็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ

ด้านนายสุทธิพงษ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ภาพรวมคนไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มคึกคัก หากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศอยู่ในภาวะปกติ โดยตลอดปีนี้คาดว่าคนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเติบโต 10-15% จำนวน 5 ล้านคน เทียบกับปีที่ผ่านมา 4.5 ล้านคน ซึ่งเส้นทางที่ได้รับความนิยมได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ตามลำดับ


ทั้งนี้ ในปีนี้การเดินทางระยะไกล อย่าง เส้นทางยุโรป มีแนวโน้มฟื้นตัวในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศจะซบเซา เนื่องจากคนไทยยังมีกำลังซื้อ แต่ไม่มีบรรยากาศทางการท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้น เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มนิ่ง ทำให้ตัดสินใจวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น


สำหรับบรรยากาศการจัดงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 15-18 ส.ค. นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พบว่า ภายในงานนี้บริษัททัวร์ต่างก็โหนกระแสยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น นำแพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่นมาโปรโมท เช่น ปกติทำทัวร์จีนเป็นหลัก ก็ทำแพ็กเกจเที่ยวจีนพ่วงญี่ปุ่น หรือไต้หวันพ่วงญี่ปุ่น ขณะที่ผู้มาเดินในงานต่างก็มุ่งไปหาบูธองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น และหาแพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่นมากตามคาด

 

ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1376569919&grpid=&catid=05&subcatid=0503

ขอขอบคุณ

ส่วนเรื่องเดิมในการยกเลิกวีซ่า นั้น ข่าวบอกว่า

รัฐบาลไทย-จีนจ่อยกเลิกวีซ่าหนุนท่องเที่ยว

"ไทย-จีน"เตรียมถกยกเลิกวีซ่า นายกฯหนุนเต็มที่่ สั่ง"สุรนันทน์"เกาะติดแผนส่งเสริมความสัมพันธ์ หวังนักท่องเที่่ยวจีนเข้าไทยเพิ่มปีละ 5 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นายไพศาล พืชมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน พร้อมด้วย นายโภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน รวมทั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย - จีน เช่น พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ พล.อ.อุทัย ชินวัตร อุปนายก นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อุปนายกสมาคม ได้เข้าหารือกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงความร่วมมือกับจีนด้านต่างๆที่ทางสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีนกำลังดำเนินงานต่อไป

ทั้งนี้ นายไพศาล พืชมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย -จีน เปิดเผยหลังการหารือว่า นายโภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบว่า เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาได้เดินทางไปยังประเทศจีนและได้มีการหารือกับรองประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ ถึงแนวทางการยกเลิกการขอวีซ่าเข้าประเทศของทั้ง 2 ประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยและจีนเตรียมการหารือในการกำหนดรายละเอียดต่างๆในทางการทูตต่อไป

"นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยและยินดีให้การสนับสนุน สั่งเดินหน้าการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศไทย-จีน อย่างเต็มที่ โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นว่าน่าจะมีข่าวดีเรื่องการยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนจีนที่มณฑลกวางสี ระหว่างวันที่ 2-3 ก.ย.นี้"

สำหรับผลดีที่จะเกิดขึ้นหลังยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากจีนมาไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อกิจการด้านการท่องเที่ยวของประเทศ มีเม็ดเงินสะพัดสร้างรายได้เข้าประเทศอีกจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนมาประเทศไทยหลังจากยกเว้นวีซ่าปีละไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคนแน่นอน จากเดิมปีละ 2 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้เป็น 3-4 ล้านคน หลังจากที่ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ลอสอินไทยแลนด์ที่ฉายไปแล้วทำให้คนจีนมาเที่ยวไทยมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเรื่องนโยบายบ้านพี่เมืองน้องระหว่างไทยกับจีน ที่จะสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในระดับจังหวัดของไทยกับเมืองที่สำคัญของจีนทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษาและวัฒนธรรม ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะมีนโยบายนี้อยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ผลในทางปฏิบัติมากนักเพราะขาดการสนับสนุนด้านงบประมาณ เช่นการจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนกันก็ไม่มีงบประมาณสนับสนุน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายโภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และกระทรวงมหาดไทย ไปร่วมประชุมหารือกัน เพื่อจัดระบบของนโยบายบ้านพี่เมืองน้องให้เป็นเอกภาพ และขับเคลื่อนให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว

ขณะเดียวกันคณะยังได้หารือกับนายกรัฐมนตรีถึงการตั้งหน่วยบรรเทาสาธารณภัยระหว่างกองทัพไทยและกองทัพจีน เพื่อให้การช่วยเหลือระหว่างกันในช่วงที่ประเทศใดประเทศหนึ่งเกิดปัญหาสาธารณภัยขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานของกองทัพทั้ง 2 ประเทศ หากมีความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้การแก้ปัญหาสาธารณภัยที่เกิดขึ้นทำได้รวดเร็ว บรรเทาความเสียหายให้ลดลงได้ เช่น เรื่องน้ำมันรั่วที่อ่าวไทย ถ้ามีความร่วมมือกับจีนซึ่งมีความชำนาญเรื่องการขจัดคราบน้ำมันรั่ว จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเรียบร้อยรวดเร็วขึ้น

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20130805/521517/รัฐบาลไทย-จีนจ่อยกเลิกวีซ่าหนุนท่องเที่ยว.html

ขอขอบคุณ

รูปภาพของ วี่ฟัด

ใช่ยังไม่แน่นอน

เรื่องไม่ต้องขอวีซ่าไปจีน ไปๆมาๆจะกลายเป็นเรื่องโอละพ่อเสียมากกว่า เพราะแม้แต่สำนักข่าว cri กระบอกเสียงจีนยังบอกว่าเดือนกันยายนนี้คงเป็นไปไม่ได้

ยังครับ

เมื่อเดือนที่แล้วไหงฟังวิทยุ cri ภาคภาษาไทย ทางช่อง AM 1080 เวลา 18.30 น. ถึง 19.30 น. ในข่าวก็บอกว่ายังไม่มีข้อตกลงกับทางการไทยในเรื่อง กายกเลิกดวงตราหนังสือเดินทางเข้าประเทศจีน

รูปภาพของ ฉินเทียน

บุคคลในข่าว ครับ รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

http://th.wikipedia.org/wiki/สมศักย์_ภูรีศรีศักดิ์

 

ยกเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่น จุดกระแสเจแปนฟีเวอร์

พิมพ์

altยกเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่น
จุดกระแสเจแปนฟีเวอร์

+++++++++++++++++++++++++++
           นาทีนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนดูเหมือนจะหนาตาไปด้วยโปรแกรมหรือแพ็คเกจทัวร์ชวนเที่ยวญี่ปุ่น ราคาพิเศษ กระฉ่อนโซเชียลมีเดีย ที่ถูกกดไลท์และแชร์กันอย่างคึกคัก ยังไม่นับรวมโฆษณาแพ็คเกจทัวร์ ตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่ต่างหยิบกิมมิก ฉลองกรณีที่รัฐบาลญี่ปุ่นไฟเขียวยกเลิกวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทย ที่เริ่มบังคับใช้ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม2556 เป็นต้นไป มาเป็นไฮไลต์กระตุกต่อมเที่ยวต่างประเทศกันในช่วงนี้ 

มาตราการผ่อนผันวีซ่านี้ ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเท่านั้น  อีกนัยสำคัญยังเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นเองด้วย เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่านับจากญี่ปุ่นและจีน มีปัญหาขัดแย้งเรื่องเกาะเตียวหยูหรือเซนกากุ ก็ทำให้นักท่องเที่ยวจีนชลอการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น และเบนเข็มไปยังประเทศอื่นๆแทน ซึ่งการท่องเที่ยวไทยก็ได้อนิสงค์จากตรงนี้ไปมากโข         

แม้จะมีการยกเว้นวีซ่าเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนไทยทุกคนจะเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่มีเงื่อนไข  เพราะเขาจะให้สิทธิเฉพาะคนไทยที่มีแพลนจะพำนักในญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน ไม่ว่าจะมาท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ หรือ ธุรกิจ และต้องไม่มีประวัติการถูกส่งตัวกลับจากประเทศญี่ปุ่น หรือถูกปฏิเสธไม่ได้เข้าประเทศ  แต่หากเกิน 15 วันก็ยังคงต้องยื่นขอวีซ่าอยู่         

ส่วนคนที่เข้าข่ายพำนักไม่เกิน 15 วัน ถึงแม้จะไม่ต้องขอวีซ่า แต่ก็มีรายการตรวจสอบเอกสารในขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองซะถี่ยิบ เพื่อเป็นการยืนยันว่ามีคุณสมบัติในการเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคุณต้องมีตั๋วเครื่องบินขาออกจากประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่ยืนยันว่าคุณสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่พำนักในญี่ปุ่น เช่น เงินสด บัตรเครดิต ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ระหว่างที่พำนักในญี่ปุ่น เช่น คนรู้จัก โรงแรม กำหนดการเดินทางระหว่างที่พำนักในญี่ปุ่น ประกอบกับหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ของญี่ปุ่น           

ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาก็ต้องสแกนกันเข้มนิดนึง แต่สำหรับคนที่มีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งปีๆหนึ่งอย่างในปีที่ผ่านมา มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นราว 3 แสนคน ขณะที่มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางมาเที่ยวไทยสูงถึง 1.3 ล้านคน ซึ่งการยกเว้นวีซ่าที่เกิดขึ้น ทางสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น ก็คาดการณ์ว่าน่าจะหนุนให้คนไทยตัดสินใจเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 20-30% หรือคาดว่าจะทำให้ในปีนี้มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวแดนปลาดิบราว 4-4.5 แสนคน จากในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้(มกราคม-เมษายน2556)ที่มีคนไทยไปเที่ยวแล้วกว่า 1.5 แสนคน
การยกเว้นวีซ่านี้ สิ่งที่จับต้องได้ทันทีคือต้นทุนในการเดินทางที่ลดลงไปราวพันกว่าบาท จากเงินที่เราไม่ต้องควักจ่ายค่าวีซ่า ซึ่งหากว่ากันตามจริงก็คงไม่ได้มากมาย หากเทียบกับราคาทัวร์เที่ยวญี่ปุ่นที่ขายกันตามท้องตลาดที่หากรวมทุกอย่างจะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 3.6-3.9 หมื่นบาทสำหรับแพ็คเกจ 3 คืน 4 วัน หรือเฉลี่ย 4.2-4.5 หมื่นบาทสำหรับแพ็คเกจ 4 คืน 5 วัน          

แต่อิมแพ็คที่จะเกิดขึ้นหลังการยกเว้นวีซ่าต่างหาก ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการเดินทางเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อไม่ต้องวุ่นวายเรื่องวีซ่า การเดินทางก็จะสะดวกจะไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ทันที นั่นหมายถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเที่ยวด้วยตัวเองหรือเอฟไอที ก็จะเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น รวมถึงกรุ๊ปอินเซ็นทีฟ (การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล) และเมื่อมีความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้น สายการบินต่างๆก็ย่อมเพิ่มความถี่ และเปิดให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำเพิ่มขึ้น ตามกลไลการตลาดที่จะเกิดขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ในอีกไม่นานนี้ ราคาแพ็คเกจญี่ปุ่นก็จะถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ราว 3.1-3.2 หมื่นบาท ใกล้เคียงกับทัวร์เที่ยวเกาหลีหรือจีน        

altโดยในขณะนี้เราก็เริ่มเห็นสัญญาณนี้กันบ้างแล้ว สำหรับแพ็คเกจเที่ยวญี่ปุ่นฉลองยกเว้นวีซ่า กับแพ็คเกจเที่ยวแดนปลาดิบช่วงซัมเมอร์ ที่โฟกัสไปยังกลุ่มเอฟไอทีเพิ่มขึ้น (แพ็คเกจตั๋วเครื่องบินไป-กลับ+โรงแรม) ทั้งจากเว็บไซต์ของเอเย่นต์ออนไลน์ชั้นนำ ที่ขยับตัวก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็น www.expedia.co.th  กับแคมเปญพิเศษ แพคเกจ 4 วัน 3 คืน เที่ยวบิน+โรงแรม เริ่มที่ 2.03 หมื่นบาทต่อท่าน
หรือแม้แต่การเสนอขายแพ็คเกจทัวร์ของบริษัทH.I.S. ทัวร์ (ประเทศไทย) หนึ่งในสาขาของบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างH.I.S. Travel ที่ก็ได้คลอดแพ็คเกจเที่ยวญี่ปุ่นเจาะกลุ่มเอฟไอที ราคาเริ่มต้นที่ 1.89 หมื่นบาท (5วัน 3 คืน รวมตั๋วเครื่องบิน+โรงแรม ไม่รวมภาษีสนามบิน) ฉลองการเตรียมเปิดตัวสายการบินเอเชีย แอตแลนติก แอร์ไลน์ส(AAA) สายการบินที่ทำการบินแบบเช่าเหมาลำ ซึ่งH.I.S.ได้ร่วมทุนกับนักลงทุนไทยอย่างใบหยก กรุ๊ป จัดตั้งขึ้น เพื่อรองรับดีมานต์ของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และขณะเดียวกันก็ยังเป็นการเพิ่มช่องทางเที่ยวญี่ปุ่นของคนไทยในราคาถูกกว่าการใช้สายการบินปกติ อีกต่างหาก

alt

 

 

alt

 

 

 

 

 

 

 


            

altขณะที่การล่อใจด้วยแพ็คเกจทัวร์เที่ยวญี่ปุ่น ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮ้อต ที่ถูกนำมาใช้ในการทำตลาดกันมากมาย แม้แต่ในรายการคลื่นวิทยุอย่างCool 93 ก็ยังมีกิจกรรมเปิดประสบการณ์โอชะ ณ ฮอกไกโด กับ อิ๊งค์ Eat around the world  
          

 

 

 

 

 

 ขณะเดียวกันบริษัททัวร์เอ้าท์บาวด์ของไทยเอง ก็พาเรดผุดรายการทัวร์ออกขายกันคึกคัก โดยหยิบจุดเด่นในแต่ละฤดูมานำเสนอ ที่จะเห็นขายกันเกร่อคงหนีไม่พ้น ทัวร์เที่ยวฮอกไกโดช่วงโลว์ซีซั่นนี้ เพื่อสัมผัสทะเลหมอกยามเช้า ทุ่งดอกไม้หลากสี และสวนลาเวนเดอร์ หรือจะเป็นการเยือนโอซาก้าในช่วงใบไม้สีแดงในช่วงปลายปี  เป็นต้น          

alt

 

 

 

 

 

 

 

 

งานนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสีสันของทัวร์เที่ยวนอกในปีนี้ จากกระแสเกาหลีฟีเวอร์ ดูอาจจะต้องหลีกทางให้กับเจแปนฟีเวอร์แน่นอน    

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=189672:2013-07-03-11-11-37&catid=234:thanawan-winaisathien&Itemid=408

รูปภาพของ วี่ฟัด

ณ. บรรหารบุรี

       อยากจะเติมเด็กในคาถาให้สมบูรณ์ครบถ้วนกระบวนความยิ่งขึ้น

        ซึ่งตามข่าวเขาบอกว่าไม่อยากให้นักท่องเที่ยวจีนมามากเกินไป เพราะนักท่องเทีทยวจีนล้วนแต่โหลยโท่ย ไม่มีคุณภาพ การศึกษาน้อย ท่านรมต.ท่องเที่ยวและกีฬาคนดังกล่าว  จึงคัดค้านเรื่องการไม่ต้องขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีนเต็มที่

          ไหง่ได้อ่านข่าวมาจึงขอมา " เล่าข่าว " เหมือนรายการข่าวทางฟรีทีวีที่เขาชอบนิยม " เล่าข่าว " มาเล่าข่าวให้ไท้กาฟังบ้าง 

รูปภาพของ suthin_sun

สอบถาม เรื่อง ทัวร์ไปเยี่ยมญาติ ที่ เฟิ่งสุ่ย (ทองคัง)

ผมเคยได้รับ โบวชัวร์  ทัวร์ไปเยี่ยมญาติ ที่เมือง เฟิ่งสุ่ย(ทองคัง) ผู้จัดน่าจะอยู่ที่ ปากช่อง ไม่รู้ว่า ยังมีจัดอยู่อีกไหม ตอนนี้สนใจอยากจะไป มีพี่ๆน้องๆ2-3 คน ไม่รู้ใครพอมีข้อมูลในการติดต่อไหมครับ

 

รูปภาพของ อาฉี

ยังไม่ได้วางโปรแกรมครับ

ถ้าหมายถึงคนจัดอยู่ปากช่องนั้นไหงจัดเองครับ จุดประสงค์ครั้งนั้นคงไม่ใช่ทัวร์เยี่ยมญาติโดยตรง แต่เพื่อเยือนถิ่นบรรพชนของชาวฮากกาตามเมืองต่างๆ ที่มีความเหมือนและความต่างทั้งภาษาและวัฒนธรรม เพื่อเห็นภาพความเป็นอยู่โดยรวมของชาวฮากกา เว้นแต่บางจุดที่เป็นทางผ่านพอนัดพบญาติสำหรับบางท่านได้เท่านั้น

ชมรายละเอียดได้ที่ ทัวร์สำรวจมาตุภูมิ 17-22 ตค. 53

ถ้าต้องการเยี่ยมญาติ โดยเฉพาะ คาดว่าไปเองเฉพาะกลุ่มน่าจะตรงวัตถุประสงค์กว่าไปกับคณะใหญ่ ซึ่งจะประหยัดกว่ามากๆเพราะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลายจุด ค่าที่พักแบบนักท่องเที่ยว และมีเวลาให้กับญาติได้เต็มที่กว่าไปเป็นคณะที่มีหลากหลายกลุ่ม  และยังมีญาติทางโน้นที่ยังสามารถติดต่อกันได้ ซื้อตั๋วเครื่องบินไปลงที่เจียหยาง แล้วต่อรถไปทองคังให้ญาติมารับได้ไม่ยาก หากติดขัดประการใดสอบถามกันได้นะครับ

รูปภาพของ ฉินเทียน

หยุดข่าวลือ วีซ่า ญี่ปุ่น ความวุ่นวาย ใครสร้างข่าว

หยุดข่าวลือ "วีซ่าญี่ปุ่น" แล้วมาฟังชัด ๆ จากปากท่านทูต

วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13:35:21 น.

เสาวลักษณ์ สวัสดิ์กว้าน / เรื่อง

สมชัย ชัยยินดีภูมิ /ภาพ

จากกรณีที่ มีข่าวลือ ทั้งจากสำนักข่าวบางสำนัก และจากโซเซียลมีเดีย ว่า ประเทศญี่ปุ่นจะยกเลิกมาตรการ ยกเว้นวีซ่าให้กับคนไทยที่เดินทางไปพำนักที่ประเทศญีปุ่น ไม่เกิน 15 วัน ที่ดำเนินมามาตั้งแต่เดือนกค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีคนไทยหนีเข้าประเทศญี่ปุ่นแล้ว กว่า 6,000 คน

“มติชนทีวี” จึงได้ติดต่อไปยังสถานทูต ญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย เพื่อขอความกระจ่างในเรื่องดังกล่าว
นายมิสึงุ ไซโตะ อัครราชทูตฯ รองหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตฯ ได้ตอบคำถามมาดังนี้


เรื่องข่าวลือต่างๆ นั้น เป็นเพียงข่าวลือ เพราะตัวเลขที่คนไทยโดดวีซ่า ตั้งแต่ มกราคม 2556 จนถึงปัจจุบัน คือ 3,558 คน และย้ำว่า ทางการญี่ปุ่นยังไม่มีนโยบาย ยกเลิก มาตรการยกเว้นวีซ่า ดังกล่าวแต่อย่างใด


ทั้งนี้ได้เปรียบเทียบให้ฟังอีกว่า ตัวเลขคนโดดวีซ่า หรือพำนักอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย มีแนวโน้มลดลงทุกปี นั่นคือ ตั้งแต่
ปี 2007 จำนวน 8,460 คน
ปี 2008 จำนวน 7,314 คน
ปี 2009 จำนวน 6,023 คน
ปี 2010 จำนวน 4,836 คน
ปี 2011 จำนวน 4,264 คน
ปี 2012 จำนวน 3,714 คน

ยิ่งไปกว่านั้น ญี่ปุ่นเคยเผชิญหน้ากับปัญหานี้ อย่างหนัก เมื่อปี 1993 หรือ 2536 นั่นคือมีคนไทยพำนักอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย หรือโดดวีซ่าจำนวน 55,383 คน

ดังนั้น จำนวน 3,558 คน (ตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบัน) จึงเป็นจำนวนที่ทางการญี่ปุ่น ยังไม่มีการทบทวนนโยบายใดๆ

แต่ไม่ได้หมายความว่า ญีปุ่นไม่ซีเรียส เพราะท่านทูต เองก็บอกว่า อยากให้คนไทยปฏิบัติตามกติกา คือ ยกเว้นวีซ่า ในกรณีพำนักไม่เกิน 15 วัน หากต้องการพำนักเกินกว่านี้ ก็ควรขอวีซ่าให้ถูกต้องตามความประสงค์ของการเดินทาง หรือแม้แต่ว่า เมื่อเดินทางเข้าไปแล้ว มีเหตุจำเป็น ต้องอยู่เกิน 15 วันก็ให้ติดต่อ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยหาข้อมูลได้จากเวบไซต์อย่างเป็นทางการของญี่ปุ่น

เพราะการพำนักเกินกว่าที่ได้รับยกเว้นนี้ เป็นการผิดกฎหมายคนเข้าเมือง ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะต้องโทษ จำคุก 3 ปี ปรับ (ราว 1 ล้านบาท) ไปจนถึง การห้ามประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ 5 ปี 10 ปี หรือตลอดชีวิต แล้วแต่ลักษณะความผิด และขนาดของความผิด เช่นมีการก่ออาชญากรรมด้วยหรือไม่


ทั้งนี้ข้อมูลในปี 2013 (ต้นปี จนถึงปัจจุบัน) นอกจากประเทศไทยแล้ว ทางการญี่ปุ่น ยกเว้น วีซ่า ให้กับประเทศในกลุ่มเอเชียอีกได้แก่ เกาหลี ไต้หวัน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ส่วนจีน และฟิลิปปินส์ ไม่ได้รับยกเว้น

ข้อมูลล่าสุดของปีนี้เช่นกัน ชาติที่หลบหนีเข้าประเทศญี่ปุ่นสูงสุด ได้แก่


ที่ 1       เกาหลี    จำนวน 15,607 คน
รองไป   จีน         จำนวน   7,730 คน
ที่ 3       ฟิลิปปินส์            5,722 คน
ที่ 4       ไต้หวัน               4,047 คน
ที่ 5       ไทย                   3,558 คน
ที่ 6       มาเลเซีย             2,192 คน
ที่ 7       สิงคโปร์              1,304 คน

นอกจากนี้ ท่านทูตยังบอกอีกว่า เชื่อมั่นคนไทย เพราะดูจากแนวโน้มแล้ว การหลบเข้าเมือง ตัวเลขก็ลดลงตลอด เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศไทยดีขึ้นมาก พูดง่ายๆ คือคนไทยรวยแล้ว


ที่ผ่านมา เคยมีกรณียกเว้นวีซ่าให้มาเลเซีย แล้วมีจำนวนคนหลบหนีค่อนข้างมาก ก็ยกเลิกมาตรการไป จนมาปัจจุบันนี้สถานการณ์ดีขึ้นก็มายกเว้นให้ใหม่
คือ ทางญี่ปุ่นอาจจะต้องทบทวนแน่ๆ หากมีตัวเลขหลบหนีเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ แต่ตอนนี้ ยังเชื่อมั่นในคนไทย

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1382506748&grpid=03&catid=19&subcatid=1904

รูปภาพของ วี่ฟัด

สงสัยเฮียฉินอยากไปญี่ปุ่น

ไหง่เฉยๆญี่ปุ่น ตอนนี้เพียงติดตามข่าวว่าเมื่อไรจีนจะยกเลิกวีซ่า สงสัยฉินเทียนอยากไปญี่ปุ่นจึงค่อนข้างออกร้อนตัว ปีนี้ไหง่ยังไม่ได้ไปเมืองจีนเลยซึ่งผิดวิสัย ไหง่จึงจองทัวร์ไปเที่ยวจางเจียเจี้ยแล้วในระหว่างวันที่ 28 พ.ย. - 4 ธ.ค. แต่ตอนนี้ไปจีนยังต้องทำวีซ่าอยู่

รูปภาพของ ฉินเทียน

คำว่า " โก๊ " ในภาษาขักฝ่า หาได้จากในเวป http://hakkapeople.com/

โปรดใช้ คำให้ถูกต้องกับสำเนียงของ สมาคมฮากกา ฯ จะดีมาก จะทำให้ภาษา ไม่สุญหายไป โปรดเถิดครับ

ส่วนญี่ปุ่น นั้น ท่าน ดร.ซุน จง ซาน และ ท่าน เติ้ง เซ่ ผิน ก็ได้เดินทางไปหลายครั้ง เพื่อเยี่ยมชุมชนจีน ที่นั่น สายเลือดสายสัมพันธ์ ไม่อาจขวางกั้นด้วยพรมแดน ครับ

โปรดอย่า พยายามสร้างความแตกแยก ในสมาคมฮากกา ฯ จะดีมากครับ เวปนี้ มีผู้หลักผู้ใหญ่ สมาคม ต่างๆ  และประชาชนทั่วไป เข้ามารับทราบข้อมูล ครับ

ผมเคยถูกหลอกเข้าจีนไม่มีวีซ่า เมื่อราว5ปี ถูกตำรวจจีนปรับ

ราว5ปีถูกคนเวียดนามหลอกให้เข้าจีนทางชายแดนเลาไกของเวียดนาม  เพื่อจะไปเมืองคุนหมิงของจีน  ไก๊เวียดนามรายหนึ่งหลอกขายตั๋วรถเมล์จะไปคุนหมิงโขกราคาสูงกว่าความเป็นจริง  พอผมกับลูกชายจะเข้าด่านออกจีน  แต่ด่านเวียดนามบอกว่า ไปไม่ได้ไม่มีวีซ่า มีเพียงพาสปอร์ต  ทำไงดีซื้อตั๋วรถเมล์แล้วจึงออกมาปรึกษาเมล์เครื่องรายหนึ่ง ตาคนนี้ก็หลอกอีก  พาผมไปในตรอกแห่งหนึ่ง เข้าใจผิดว่าเขาจะทำวีซ่าให้ ส่งพาสปอร์ตและเงินให้เขา3000บาท เขาก็ทำทีส่งพาสปอร์ตเปล่ามาให้ไม่มีการประทับตราใดๆทั้งสิ้น  แล้วพามาส่งท่าน้ำ บอกให้เรานั่งเรือข้ามน้ำไป ก็สามารถข้ามไปถึงเมืองจีน และนั่งรถเมล์ไปถึงคุนหมิงได้จริง  แต่ระหว่างทาง จะมีตำรวจมาตรวจพาสปอร์ตขึ้นมารถเมล์เลย แต่ตำรวจนายนี้ก็ปล่อยเราเข้าเมืองจีนไปเที่ยว  ผมก็เพิ่งรู้ว่าหากถึงคุนหมิงแล้ว เราจะนั่งรถเมล์หรือรถไฟไปที่ใดก็ได้ในจีน จะไปปักกิ่งก็ได้ นับว่าสะดวก   พอผมเที่ยวคุนหมิงดูรกรากคนไทยในยูนนานแล้ว จะกลับออกทางด่านเข้าสู่ประเทศลาว เมืองบ่อแก้วบ่อหาน ตำรวจจีนก็พาเราไปสอบสวนวิ่งไปเมื่องล่า และนั่งรถเลาะเขาไปถึง เมืองจิ่งหง หรือเชียงรุ้ง กลับไปกลับมาเมืองล่า ให้พักโรงแรมกักตัวไม่ให้ไปไหนไกล (เขาออกค่าโรงแรมให้) สุดท้ายบอกว่า เข้าเมืองไม่มีวีซ่าผิดกฏหมายต้องฝาข่วน คือเสียค่าปรับ โดนปรับไปอีก15000บาท แถมต้องซื้อตั๋วเครื่องบินกลับไทยเลย ห้ามออกลาว ก่อนกลับเขาเลี้ยงโต๊ะจีนอาหารเลิศหรูอย่างดี  เลี้ยงพวกตำรวจด้วย2โต๊ะเห็นจะได้ เรานึกในใจนี่เงินใคร ก็คงเงินเราที่โดนปรับไปกระมัง

หากจีนจะยกเลิกวีซ่าก็คงดีไม่น้อย 

 

รูปภาพของ อาฉี

ประสบการณ์ทรงคุณค่า

ประสบการณ์ที่ตื่นเต้นลุ่นระทึกได้ตลอดเส้นทาง

จะมีผู้กำกับไหนนำไปสร้างหนังไหมเนีย

รูปภาพของ ฉินเทียน

簽證 / 签证

วีซ่า / 簽證 / 签证 / VISA / Qiānzhèng

中国 / 中國 http://www.chinaembassy.or.th/

台湾 / 台灣 http://www.boca.gov.tw/

http://www.taiwanembassy.org/TH/ct.asp?xItem=84520&ctNode=1813&mp=232

香港 http://www.gov.hk/

澳門 http://www.fsm.gov.mo/

หมายเหตุ อาฉีโก๊ ควรมีการจัดคณะไปเยี่ยมญาติที่ประเทศจีน ทุกปีครับ สำหรับใครที่อยากไปจะได้มีโอกาสในความภาคภูมิใจในสายเลือดมิตรภาพที่ดีมีคุณธรรม

รูปภาพของ อาฉี

จัดไม่ยาก

การจัดไม่ยาก แต่การจะได้จำนวนที่พร้อมเพียงไม่ใช่เรื่องง่าย

 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal