ทำไม ถึงอยากเป็นหนึ่งในตองอู
ผู้ชนะสิบทิศ - ชรินทร์ นันทนาคร
เดี๋ยวตัดช่องน้ยแต่พอตัวปิดกระทู้ซะเลย ไหง่มันคนว่างงานมากที่คนแต้จิ๋วเขาเรียกว่า " เจี่ยป้าบ่อสื่อ " กินอิ่มแล้วว่างงานไม่มีอะไรทำ
ขอแจมด้วยสักจ้อย ประสาผู้ด้อยปัญญา เคยแค่สอบได้ที่ 1 อยู่บ่อยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า " ไม่เป็นรองใคร! " อย่างน้อยต้องเป็นรองครูบาอาจารย์ที่ให้คะแนน ออกมาเป็นเถ้าแก่ เป็นเบอร์ 1 ของร้านค้า แต่ยิ่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตนต่อลูกค้า ต้องให้ลูกค้าคิดว่าเราเป็นรองเขาเสมอ จึงค้าขายกันได้ยาวนาน
ถ้าถามว่าเคยเย่อหยิ่งจองหองหรือไม่? เรื่องนี้คงต้องแยกแยะ ถ้าเย่อหยิ่งแบบที่ว่าถือตัวถือตนว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นรองใคร อย่างนี้ไม่เคย แต่ถ้าว่าหยิ่งในเกียรติในศักดิ์ศรีอย่างนี้เคย(นานๆครั้ง) เพราะโดยสายเลือดคนจีน(ไม่เฉพาะขักหงิ่น) " งั้งเกี่ยง " หรือคอแข็ง เมื่อถูกสบประมาททั้งนั้น โดยวิสัยขักหงิ่นที่มีการศึกษา มีแต่อ่อนน้อมถ่อมตน เพราะรู้อยู่ว่า เก่งหรือรวยแค่ไหน? ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสังคม
สมัยหนุ่มๆ เคยอ่านเรื่องของซีซาร์ ที่เคยพูดเป็นวาทะคมคายว่า " เป็น 1 ในกระท่อม ดีกว่าเป็นที่ 2 ในวังทอง! " ก็ไม่ได้เห็นตาม เพราะการเป็นที่ 1 ต้องให้ผู้อื่นยอมรับจึงเป็นได้ ไม่ใช่ถือตัวถือตนเก่งกว่าใคร และการยอมรับของผู้อื่นนั้น คนที่ว่าเป็น 1 ในตองอู แท้จริงต้องแบกคนทั้งตองอูให้อยู่ดีมีสุข จึงเป็น 1 ในตองอูได้
สังคมตะวันตก ดูเสมือนสอนให้คนท้าทาย ไม่เชื่อทฤษฎีเก่าๆ ให้ค้นคว้าเพื่อเป็นคนแรกคิดอะไรแปลกใหม่ขึ้นมา แต่เมื่อเจาะลงไปลึกๆ ไม่ว่าไอสไตย์ หรือนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบิลทุกคน ล้วนต้องศึกษาผลงานของนักวิทยาศาสตร์ร่นเก่ามาโชก โชนทั้งนั้น ไม่ได้คิดเอาเองทั้งดุ่นเลย แต่การที่เขายกให้เป็นที่ 1 แท้จริงต้องแบกรับสร้างประโยชน์ให้สังคมได้ ซึ่งว่าที่จริง มันก็ไม่ได้แตกต่างกว่าสังคมตะวันออกในเรื่องผลลัพธ์ แต่ต่างเพียงวิธีการเท่านั้น ยกตัวอย่างเรื่องขําๆ
ในงานศพคนจีน มีฝรั่งมาวางช่อดอกไม้ไว้อาลัยคนตาย ฝรั่งอยากเย้ยความเชื่ออย่างงมงายของคนจีน ฝรั่งจึงถาม " จัดข้าวปลาไว้หน้าโลง แล้วเมื่อไหร่เขาจะลุกขึ้นมากิน? "
คนจีนยิ้มก่อนตอบ.." ก็ตอนที่เขาลุกขึ้นมาดมดอกไม้ของยูไง! !"
...อ า ห งิ่ ว (ไอ้ควาย)...
ที่จริงบร๊อกนี้ไหง่ตั้งชื่อแบบนี้ ประเด็นนี้มันเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารร้านอาหารหว่องหมิ่นชันบนสุด ( ชั้นเดียวกับโรงภาพยนต์ ) ของห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า มีไหง่ กั้วเค่อโก ดอกเตอร์ และอาคมโก หลังจากที่ได้ไปดูคอนเสริตการร้องเพลงประสานเสียงของคณะนักร้องประสานเสียงของมณฑลหูหนาน และคณะนักร้องประสานเสียงกรุงเทพ ซึ่งก็คือสมาคมนักเรียนเก่าตาลู่ ณ. หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2556
ประเด็นในการสนทนาที่ไม่เคยพลาดสักครั้งเดียวในการสนทนาของกลุ่มคนชุมชนคนฮากกาคือประเด็นปั้นชิม ถือว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นสำคัญที่หากการสนทนาไม่ได้หยิบยกประเด็นนี้มาสนทนากันแล้วจะทำให้การสนทนาจืดชืดเลยที่เดียวเชียว จึงได้ยกหลายๆประเด็นดังกล่าวมาพูดและไม่พลาดแม้แต่ประเด็น " หลำ่เถียน " ที่ไหง่อยากเรียกประเด็นนี้ว่าปรัเด็น " โอละพ่อ " ไหง่จึงสรุปในวงสนทนาว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะชาวฮากกาทุกๆสำเนียง " อยากเป็นหนึ่งในตองอู " นั่นเอง แต่กั้วเค่อโก ก็แย้งในวงสนทนาในวันนันว่า " ไม่น่าใช่ "
ด้วยอารมณ์คันๆตามสไตย์ไหง่ที่วันใหนไม่ได้แซวใคร ไม่ได้แหย่ใครมันหงุดหงิดยังไงชอบกล และไหง่มันชอบซาดิสด้วย มีใครด่าแล้วชื่นใจกินอิ่มนอนหลับ จนมีคนหลงมาด่าโอ้ยชื่นใจเหมือนอมฮอลส์เลยตัวเอง
อื้มฝ่าถือเป็นอําเภอใหญ่ที่สุดของหม่อยจู กว่างหมิ่นโกสืบสายมาจากคนที่นี่ ความคิดจิตใจจึงใหญ่เหมือนพื้นที่ ไม่เสียแรงที่เรียกโกว่าอาจารย์แต่แรก เพราะโกเป็นเกินกว่านั้นเสียอีก เพราะจีนก็ได้อังกฤษก็เป็นไทยก็เก่ง ซึ่งความสามารถแบบนี้มีไม่มาก ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ยกยอกันเองแน่นอน
สิ่งที่กระทํา ความสามารถที่แสดงออกมันบอกชัด มีแต่คนภายนอกที่ไม่รู้จริง คิดว่าคนในเวปนี้ยกยอชมกันเอง ความจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้น และคนในเวปนี้ไม่มีการยกยอ มีแต่ของแท้ก็ว่าตามเนื้อผ้านะพี่ รู้ไว้ด้วย
ไหง่ขอขอบคุณที่กว่างหมิ่นโกไม่รังเกียจคนเซ่อๆซ่าๆอย่างไหง่ ถ้ามีอะไรผิดพลั้งไปก็ขออโหสิด้วยละกัน และคํานี้ไหง่ขอกับทุกคน
เราคงเคยได้ยินเค้าว่าไว้ว่า "คนจีน แต่ละคนเป็นมังกร" ในขณะที่คนญี่ปุ่น จะเป็นมังกรได้ต้องรวมตัวกันเท่านั้น!
จึงสามารถพูดได้เต็มปากว่าคนจีนแต่ละคนมีความหยิ่งผยองในตัวโดยธรรมชาติ
สมาคมต่างๆ
ด้วยความปราถนาดีจาก www.hakkapeople.com
สำนวนพูดแต้จิ๋ว " เจี่ยป้าบ่อสื่อ "
เดี๋ยวตัดช่องน้ยแต่พอตัวปิดกระทู้ซะเลย ไหง่มันคนว่างงานมากที่คนแต้จิ๋วเขาเรียกว่า " เจี่ยป้าบ่อสื่อ " กินอิ่มแล้วว่างงานไม่มีอะไรทำ
บุเรงนองลั่นกลองรบ
ขอสักดอก!
ขอแจมด้วยสักจ้อย ประสาผู้ด้อยปัญญา เคยแค่สอบได้ที่ 1 อยู่บ่อยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า " ไม่เป็นรองใคร! " อย่างน้อยต้องเป็นรองครูบาอาจารย์ที่ให้คะแนน ออกมาเป็นเถ้าแก่ เป็นเบอร์ 1 ของร้านค้า แต่ยิ่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตนต่อลูกค้า ต้องให้ลูกค้าคิดว่าเราเป็นรองเขาเสมอ จึงค้าขายกันได้ยาวนาน
ถ้าถามว่าเคยเย่อหยิ่งจองหองหรือไม่? เรื่องนี้คงต้องแยกแยะ ถ้าเย่อหยิ่งแบบที่ว่าถือตัวถือตนว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นรองใคร อย่างนี้ไม่เคย แต่ถ้าว่าหยิ่งในเกียรติในศักดิ์ศรีอย่างนี้เคย(นานๆครั้ง) เพราะโดยสายเลือดคนจีน(ไม่เฉพาะขักหงิ่น) " งั้งเกี่ยง " หรือคอแข็ง เมื่อถูกสบประมาททั้งนั้น โดยวิสัยขักหงิ่นที่มีการศึกษา มีแต่อ่อนน้อมถ่อมตน เพราะรู้อยู่ว่า เก่งหรือรวยแค่ไหน? ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสังคม
สมัยหนุ่มๆ เคยอ่านเรื่องของซีซาร์ ที่เคยพูดเป็นวาทะคมคายว่า " เป็น 1 ในกระท่อม ดีกว่าเป็นที่ 2 ในวังทอง! " ก็ไม่ได้เห็นตาม เพราะการเป็นที่ 1 ต้องให้ผู้อื่นยอมรับจึงเป็นได้ ไม่ใช่ถือตัวถือตนเก่งกว่าใคร และการยอมรับของผู้อื่นนั้น คนที่ว่าเป็น 1 ในตองอู แท้จริงต้องแบกคนทั้งตองอูให้อยู่ดีมีสุข จึงเป็น 1 ในตองอูได้
สังคมตะวันตก ดูเสมือนสอนให้คนท้าทาย ไม่เชื่อทฤษฎีเก่าๆ ให้ค้นคว้าเพื่อเป็นคนแรกคิดอะไรแปลกใหม่ขึ้นมา แต่เมื่อเจาะลงไปลึกๆ ไม่ว่าไอสไตย์ หรือนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบิลทุกคน ล้วนต้องศึกษาผลงานของนักวิทยาศาสตร์ร่นเก่ามาโชก โชนทั้งนั้น ไม่ได้คิดเอาเองทั้งดุ่นเลย แต่การที่เขายกให้เป็นที่ 1 แท้จริงต้องแบกรับสร้างประโยชน์ให้สังคมได้ ซึ่งว่าที่จริง มันก็ไม่ได้แตกต่างกว่าสังคมตะวันออกในเรื่องผลลัพธ์ แต่ต่างเพียงวิธีการเท่านั้น ยกตัวอย่างเรื่องขําๆ
ในงานศพคนจีน มีฝรั่งมาวางช่อดอกไม้ไว้อาลัยคนตาย ฝรั่งอยากเย้ยความเชื่ออย่างงมงายของคนจีน ฝรั่งจึงถาม " จัดข้าวปลาไว้หน้าโลง แล้วเมื่อไหร่เขาจะลุกขึ้นมากิน? "
คนจีนยิ้มก่อนตอบ.." ก็ตอนที่เขาลุกขึ้นมาดมดอกไม้ของยูไง! !"
...อ า ห งิ่ ว (ไอ้ควาย)...
ทำไมคนฮากกาถึงมีความต้องการเป็นหนึ่งในตองอู
ที่จริงบร๊อกนี้ไหง่ตั้งชื่อแบบนี้ ประเด็นนี้มันเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารร้านอาหารหว่องหมิ่นชันบนสุด ( ชั้นเดียวกับโรงภาพยนต์ ) ของห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า มีไหง่ กั้วเค่อโก ดอกเตอร์ และอาคมโก หลังจากที่ได้ไปดูคอนเสริตการร้องเพลงประสานเสียงของคณะนักร้องประสานเสียงของมณฑลหูหนาน และคณะนักร้องประสานเสียงกรุงเทพ ซึ่งก็คือสมาคมนักเรียนเก่าตาลู่ ณ. หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2556
ประเด็นในการสนทนาที่ไม่เคยพลาดสักครั้งเดียวในการสนทนาของกลุ่มคนชุมชนคนฮากกาคือประเด็นปั้นชิม ถือว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นสำคัญที่หากการสนทนาไม่ได้หยิบยกประเด็นนี้มาสนทนากันแล้วจะทำให้การสนทนาจืดชืดเลยที่เดียวเชียว จึงได้ยกหลายๆประเด็นดังกล่าวมาพูดและไม่พลาดแม้แต่ประเด็น " หลำ่เถียน " ที่ไหง่อยากเรียกประเด็นนี้ว่าปรัเด็น " โอละพ่อ " ไหง่จึงสรุปในวงสนทนาว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะชาวฮากกาทุกๆสำเนียง " อยากเป็นหนึ่งในตองอู " นั่นเอง แต่กั้วเค่อโก ก็แย้งในวงสนทนาในวันนันว่า " ไม่น่าใช่ "
ด้วยอารมณ์คันๆตามสไตย์ไหง่ที่วันใหนไม่ได้แซวใคร ไม่ได้แหย่ใครมันหงุดหงิดยังไงชอบกล และไหง่มันชอบซาดิสด้วย มีใครด่าแล้วชื่นใจกินอิ่มนอนหลับ จนมีคนหลงมาด่าโอ้ยชื่นใจเหมือนอมฮอลส์เลยตัวเอง
สวัสดีครับอาหงิ่วโก
คนใหญ่ตามพื้นที่?
อื้มฝ่าถือเป็นอําเภอใหญ่ที่สุดของหม่อยจู กว่างหมิ่นโกสืบสายมาจากคนที่นี่ ความคิดจิตใจจึงใหญ่เหมือนพื้นที่ ไม่เสียแรงที่เรียกโกว่าอาจารย์แต่แรก เพราะโกเป็นเกินกว่านั้นเสียอีก เพราะจีนก็ได้อังกฤษก็เป็นไทยก็เก่ง ซึ่งความสามารถแบบนี้มีไม่มาก ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ยกยอกันเองแน่นอน
สิ่งที่กระทํา ความสามารถที่แสดงออกมันบอกชัด มีแต่คนภายนอกที่ไม่รู้จริง คิดว่าคนในเวปนี้ยกยอชมกันเอง ความจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้น และคนในเวปนี้ไม่มีการยกยอ มีแต่ของแท้ก็ว่าตามเนื้อผ้านะพี่ รู้ไว้ด้วย
ไหง่ขอขอบคุณที่กว่างหมิ่นโกไม่รังเกียจคนเซ่อๆซ่าๆอย่างไหง่ ถ้ามีอะไรผิดพลั้งไปก็ขออโหสิด้วยละกัน และคํานี้ไหง่ขอกับทุกคน
คนจีนทุกคนเป็นมังกร 个个都是龍
เราคงเคยได้ยินเค้าว่าไว้ว่า "คนจีน แต่ละคนเป็นมังกร" ในขณะที่คนญี่ปุ่น จะเป็นมังกรได้ต้องรวมตัวกันเท่านั้น!
จึงสามารถพูดได้เต็มปากว่าคนจีนแต่ละคนมีความหยิ่งผยองในตัวโดยธรรมชาติ